ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณมีความรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ไปกับความสัมพันธ์ที่เหมือนเป็นยาขม ถึงเวลาแล้วที่คุณจะทบทวนความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ และพยายามที่จะรักษามันไว้ โดยที่คุณทั้งคู่จำเป็นต้องร่วมมือกันหาต้นตอของปัญหาที่คุณกำลังประสบอยู่ให้เจอ และคิดหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านั้นให้ได้ นอกจากนี้คุณทั้งคู่จำเป็นที่จะต้องกลับมารักกัน และเชื่อมโยงสิ่งที่คุณรู้สึกในอดีตให้ได้อีกครั้ง

ดูหัวข้อ เมื่อไหร่ที่คุณควรลองทำ? เพื่อเรียนรู้ให้มากขึ้นว่าเมื่อไหร่ที่การรักษาความสัมพันธ์อาจเป็นการกระทำที่ดี และถูกต้อง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

หาต้นตอของปัญหา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่ล่อแหลม คุณอาจสามารถหาสาเหตุได้ว่าเมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน แม้ว่ามันอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณคิดทบทวนว่าเมื่อไหร่ที่ปัญหาเริ่มต้นขึ้น เพื่อที่คุณจะสามารถคิดหาวิธีที่จะเข้าไปอธิบายกับคนรักของคุณได้
    • คุณอาจสามารถฟันธงเหตุผลสำคัญเพียงหนึ่งเดียวได้โดยง่าย เช่น คุณ หรือคนรักของคุณไม่ซื่อสัตย์ และนั่นเป็นสาเหตุที่เปลี่ยนแปลงสถานะของความสัมพันธ์
    • บ่อยครั้งที่คุณอาจไม่สามารถหาเหตุผลสำคัญเพียงหนึ่งเดียวได้ แต่มันอาจประกอบไปด้วยหลากหลายเหตุผลที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์ดูไม่ค่อยราบรื่น และทำให้หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างสามารถเริ่มต้นสะสมเพิ่มพูนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น บางทีเขาใช้เวลากับเพื่อนๆ ของเขามากเกินไป หรือคุณอาจไม่เคยแบ่งเวลาให้กันและกันเลย หรืออีกนัย บางทีคุณทั้งคู่อาจมีความเครียดจากที่ทำงาน
    • บางทีคุณกำลังเริ่มเข้ากันไม่ได้ หากคุณอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานๆ มันมีความเป็นไปได้ ที่คุณจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งเมื่อความสัมพันธ์ดำเนินไป
    • หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มตรงไหน ให้พิจารณาทำแบบทดสอบความสัมพันธ์ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณประเมินได้ว่าความสัมพันธ์ของคุณมีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน [1]
  2. ตัดสินใจว่าคุณควรจะลองรักษาความสัมพันธ์ไว้ หรือไม่อย่างไร. บางครั้ง ความสัมพันธ์ไม่สามารถถูกรักษาไว้ได้ โดยเฉพาะหากใครคนใดคนหนึ่งไม่เต็มใจที่จะรักษามันไว้ ในกรณีนี้หากมีแค่คุณที่ต้องการจะรักษาความสัมพันธ์ไว้ มันจะไม่เกิดผลใดๆ และหากความสัมพันธ์ของคุณก่อให้เกิดอันตรายไม่ว่าจะทางร่างกาย หรือจิตใจ คุณอาจไม่ควรพยายามที่จะเก็บรักษามันเอาไว้
  3. เลือกช่วงเวลาที่ดีในการพูดคุยกับคนรักของคุณ. คุณควรเลือกช่วงเวลา เมื่อคุณมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด และมันควรเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัว เพื่อที่จะไม่มีสิ่งใดมารบกวนสมาธิของคุณ [2] นอกจากนี้ จงพยายามเลือกช่วงเวลา เมื่อคุณทั้งคู่ปราศจากอารมณ์ขุ่นเคือง คุณควรพยายามมีการพูดคุยที่สงบ และมีเหตุผล ปล่อยวางอารมณ์ขุ่นเคืองทิ้งไป [3]
  4. หากการแต่งงาน หรือความสัมพันธ์จำเป็นต้องมีการเยียวยา มันค่อนข้างจะเป็นไปได้ว่า คนรักของคุณรู้อยู่แก่ใจว่ามีปัญหาเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว คุณจำเป็นต้องเริ่มต้นอธิบาย และมันจะเป็นการดีที่สุดเมื่อคุณอยู่ในอารมณ์ที่สงบ และมีสติ เพื่อที่คุณจะสามารถอธิบายถึงปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา มากกว่าที่จะตะโกนใส่กัน [4]
    • มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่เพียงแค่พูด แต่จงฟัง และรับรู้สิ่งที่คนรักของคุณจะพูดว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของคุณ [5] นอกจากนี้ คุณสามารถแสดงว่า คุณกำลังตั้งใจฟัง โดยการสรุปสิ่งที่คนรักของคุณได้พูด เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณเข้าใจสิ่งที่เขา หรือเธอได้พูด คุณสามารถถามคำถาม ที่แสดงให้เห็นว่าคุณได้ยินสิ่งที่คนคนนั้นได้พูด และคุณต้องการที่จะรับรู้มากขึ้น
    • เมื่อคุณกำลังพูดถึงปัญหา ให้โฟกัสไปที่การใช้คำพูดที่เน้นเฉพาะตัว “คุณ” แทนที่จะเป็นคำพูดถึงตัว “เขา” หรือ “เธอ” ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถพูดว่า “ฉันอยากที่จะพูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเรา” มากกว่าที่จะพูดว่า “คุณกำลังทำให้ความสัมพันธ์ของเรายุ่งเหยิง” [6]
  5. ในขณะที่กำลังพูดคุยในเรื่องความสัมพันธ์ของคุณ ให้ช่วยกันคิดรายการร่วมกัน คิดทบทวนว่าสิ่งที่คุณทั้งคู่คิดว่าเป็นปัญหาในความสัมพันธ์ของคุณมีอะไรบ้าง และอธิบายว่ามันเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร มันอาจเป็นเรื่องยากในการอธิบายกันอย่างเปิดอก แต่มันเป็นสิ่งสำคัญในการรับรู้มุมมองของกันและกันว่าจุดไหนที่ความสัมพันธ์เกิดข้อผิดพลาด นอกจากนี้ คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากเว็บไซต์ทางการศึกษาในการแยกแยะว่า ความสัมพันธ์ของคุณมีความแข็งแรงในส่วนไหน และส่วนไหนที่ไม่ใช่ [7]
    • ยกตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ที่แข็งแรง เกิดขึ้นเมื่อคุณทั้งคู่เป็นตัวของคุณเอง ไม่ขึ้นกับผู้ใด และคุณให้ความเคารพในตัวตน และขอบเขตของกันและกัน คุณรู้สึกสนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำ และคุณคอยกระตุ้น และให้กำลังใจกันและกัน [8]
    • ความสัมพันธ์ที่ไม่แข็งแรง ในอีกด้าน คือ ใครคนใดคนหนึ่ง หรือคุณทั้งคู่ไม่มีความสุขกับสิ่งที่อีกคนหนึ่งเป็น และคุณถูกกดดันให้เปลี่ยนเป็นอีกคน คุณอาจรู้สึกถูกควบคุม หรือถูกจัดการ หรือคุณอาจเป็นคนที่จัดการซะเอง [9]
  6. แทนที่จะกล่าวโทษกันไปมา ให้พิจารณาว่าการประพฤติปฏิบัติของแต่ละคนนำไปสู่ปัญหาได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจลืมที่จะโทรศัพท์กลับบ้าน เมื่อคุณต้องกลับดึกอยู่เสมอ และคนรักของคุณรู้สึกไม่พอใจ เมื่อคุณกลับบ้านช้า จากนั้น คุณก็ลงโทษเขา หรือเธอในครั้งต่อไป โดยการไม่โทรศัพท์กลับบ้าน ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นวงจร เมื่อคุณพูดถึงเรื่องนี้ ให้โฟกัสไปที่วิธีในการแก้ไขปัญหา เช่น “ฉันจะพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นในเรื่องการโทรศัพท์กลับบ้าน หากคุณสามารถให้อภัยฉันได้ในบางครั้งที่ฉันลืม หรือบางทีคุณสามารถส่งข้อความตอนใกล้จะหมดวัน เพื่อที่ฉันจะได้ตระหนักว่ามันเป็นเวลากี่โมงแล้ว” [10]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

คิดหาวิธีจัดการกับปัญหา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณอยู่ในจุดที่ คุณกำลังพยายามรักษาความสัมพันธ์ของคุณ มันเป็นความคิดที่ดีในการขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพ ผู้ให้คำปรึกษาสามารถช่วยคุณตีความว่าอะไรคือปัญหาที่คุณมี โดยเฉพาะหากคุณไม่สามารถทนอยู่ในห้องเดียวกันได้อีกต่อไป
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Sarah Schewitz, PsyD

    นักจิตวิทยาด้านความรักและความสัมพันธ์
    ซาราห์ เชวิตซ์เป็นนักจิตวิทยาด้านความรักและความสัมพันธ์ระดับปริญญาเอกที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในการช่วยเหลือคู่รักให้พัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบจำเจของความรักและความสัมพันธ์ เธอเป็นผู้ก่อตั้ง Couples Learn บริการฝึกจิตวิทยาออนไลน์
    Sarah Schewitz, PsyD
    นักจิตวิทยาด้านความรักและความสัมพันธ์

    การบำบัดชีวิตคู่สามารถช่วยให้คุณได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ นักจิตวิทยาด้านความรักและความสัมพันธ์อย่างดร.ซาราห์ สเกวิตซ์กล่าว: "ถ้าคุณต้องการให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปด้วยดีจริงๆ แต่ตัวเองไม่รู้สึกตามไปด้วย คุณควรลองขอความช่วยเหลือและรับรู้ว่าตัวคุณอาจไม่มีทักษะที่จะแก้ปัญหานี้ได้ การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย การบำบัดชีวิตคู่เกิดขึ้นเพื่อการนี้ เพื่อช่วยคุณเรียนรู้ทักษะที่จะช่วยให้คุณมีความสัมพันธ์ในแบบที่ทั้งสองฝ่ายอยากจะเป็น"

  2. การมีความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่เปราะบาง และการมีความซื่อสัตย์ต่อคนรักของคุณนั้นเป็นการแสดงว่าคุณเชื่อใจเขา หรือเธอ พยายามเปิดใจในสิ่งที่คุณกำลังคิด และรู้สึก เมื่อคุณรู้สึกอ่อนแอ ให้คุณเชิญคนรักของคุณมาเปิดอกคุย และขอให้เขา หรือเธอให้ซื่อสัตย์ต่อคุณด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งสำคัญในการใช้คำพูดที่เน้นเฉพาะตัว “คุณ” ในการบอกเล่าว่าคุณรู้สึกอย่างไร แทนที่จะกล่าวโทษอีกฝ่าย [11]
    • ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณกำลังพูดคุยกับคนรักของคุณ คุณไม่ควรพูด “คุณไม่เคยให้ความสำคัญกับฉัน” แต่ให้คุณพูดว่า “บางครั้งฉันรู้สึกว่าฉันถูกละเลยในความสัมพันธ์” วิธีนี้ คุณกำลังบอกว่าคุณรู้สึกอย่างไร มากกว่าการชี้นิ้วออกคำสั่ง [12]
  3. แทนที่แต่ละฝ่ายจะโต้เถียงในด้านของตนเอง คุณควรร่วมมือกันในความสัมพันธ์ของคุณ ปฏิบัติต่อกันและกันเฉกเช่นเพื่อนร่วมทีม มากกว่าที่จะเป็นศัตรูกัน อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา นั่นหมายความว่า ลำดับแรกคุณควรยอมรับว่าอะไรเป็นปัญหา [13]
    • ทันทีที่คุณเห็นด้วยว่าอะไรที่เป็นปัญหา คุณยังจำเป็นที่จะต้องพูดคุยต่อว่า อะไรเป็นสิ่งที่คุณทั้งคู่เป็นกังวลภายใต้สิ่งที่ปรากฏ นั่นคือ คุณทั้งคู่อาจมีความคิดในใจว่าการเอาชนะต้องทำอย่างไร แต่ถ้าคุณทั้งคู่ตั้งมั่นที่จะเอาชนะ จะไม่มีใครเป็นผู้ชนะในบั้นปลาย แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้อธิบายว่าทำไมคุณต้องการแนวทางการแก้ไขปัญหาที่คุณคิด [14]
    • คุณควรดูข้อสรุปในปัญหา และแนวทางแก้ไข นั่นคือ หากคุณกำลังไม่เห็นด้วยว่าใครควรเป็นคนทำงานบ้าน อย่างน้อยคุณควรยอมรับว่า บ้านจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่มากกว่านี้ นั่นคือ จุดเริ่มต้น [15]
  4. ขั้นตอนนี้อาจเป็นส่วนที่ยากที่สุด ในการคิดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่คุณทั้งคู่สามารถยอมรับได้ นั่นหมายความว่า ยอมรับว่าอะไรที่คุณคิดว่าเป็นปัญหาหลักในการใช้ชีวิตคู่ และคิดถึงวิธีที่คุณทั้งคู่สามารถทำมันให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ คุณจำเป็นต้องมีการประนีประนอม การกล่าวโทษกันไม่สามารถช่วยอะไรได้ดีไปกว่า คุณทั้งคู่ร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ [16]
    • การประนีประนอมหมายความว่า คุณจำเป็นต้องพูดคุยถึงสิ่งที่คุณทั้งคู่ต้องการจากความสัมพันธ์ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะว่าคุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าตรงไหนที่คุณทั้งคู่จะยึดมั่นในตัวเอง หรือตรงไหนที่คุณควรผ่อนปรนลงเล็กน้อย [17] การประนีประนอม หมายถึงการยอมในส่วนที่คุณรู้สึกว่าคุณสามารถทำได้
    • มันช่วยได้หากการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเช่น บางทีคุณตัดสินใจว่า หนึ่งในปัญหาหลักของคุณคือ คุณไม่ได้ใช้เวลาเพียงพอในการปฏิสัมพันธ์ การแก้ไขปัญหา คือคุณอาจตกลงจะออกเดทด้วยกันอาทิตย์ละครั้ง บวกกับคุณจะพยายามรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง
    • บางทีปัญหาของคุณส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องการเงิน ให้คุณนั่งคุยกัน และตกลงเรื่องงบประมาณที่มี โดยที่ใครคนใดคนหนึ่งต้องประนีประนอมในสิ่งที่คุณทั้งคู่ประเมินค่า ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นคนประหยัด และต้องการที่จะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ในขณะที่คนรักของคุณฟุ่มเฟือยไปกับการท่องเที่ยวพักผ่อน ให้ประนีประนอมโดยการไปเที่ยวพักผ่อนในงบประมาณที่คุณมีปีละครั้ง
    • จัดสรรปันส่วนงานบ้าน เรื่องเล็กๆ เพียงเรื่องเดียวสามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกว่าเขา หรือเธอทำงานบ้านเองทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ให้คุณพูดคุยกันอย่างเปิดอกเกี่ยวกับการแบ่งภาระหน้าที่งานบ้าน และพยายามจัดตารางว่าใครจะทำอะไร และเมื่อไหร่
  5. หากคุณต้องการที่จะไปต่อ คุณจำเป็นที่จะต้องให้อภัยซึ่งกันและกันสำหรับความเจ็บปวดที่คุณได้ก่อไว้ นั่นไม่ได้หมายความว่าให้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด หรือเพียงพูดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องโอเค แต่มันหมายความว่า คุณจำเป็นต้องรับรู้ในความเจ็บปวดที่คุณได้รับ คุณจำเป็นต้องตระหนักว่า อีกฝ่ายทำผิดพลาด และคุณทั้งคู่เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น สุดท้ายคุณจำเป็นต้องยอมรับว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว และจงเดินหน้าต่อไป [18]
    • ความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการของคนที่อยากได้รับการตอบสนอง การตระหนักในเรื่องนี้สามารถช่วยให้คุณเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น [19]
  6. ทันทีที่คุณแยกแยะปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา คุณทั้งคู่จำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างแน่วแน่ แนวทางในการแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องเป็นรูปธรรม และคุณทั้งคู่ต้องยอมรับได้ [20]
  7. ทันทีที่คุณวางแผนวิธีในการไปต่อ อย่าลืมว่า คุณจำเป็นต้องกำหนดขอบเขตด้วย ใช่ คุณให้อภัยซึ่งกันและกันสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คุณสามารถกำหนดขอบเขตเพื่อไม่ให้ความผิดพลาดเดิมๆ เกิดซ้ำอีกครั้ง [22]
    • ยกตัวอย่างเช่น หากใครคนใดคนหนึ่งหักหลังคุณ หลังจากออกไปเที่ยวผับใดผับหนึ่งเป็นการเฉพาะ มันดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ใครคนนั้นไม่ควรกลับไปที่ผับแห่งนั้นอีก คุณสามารถยกเรื่องนี้ขึ้นมาโดยพูดว่า “เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ฉันรู้สึกไม่สบายใจหากคุณออกไปเที่ยวผับ หากคุณยังยืนยันจะออกไป นั่นอาจเป็นการทำลายข้อตกลงสำหรับฉัน”
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เรียนรู้วิธีกลับมารักกันอีกครั้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากๆ จากความสัมพันธ์ของคุณที่กำลังล้มเหลว คุณอาจหลงลืมไปว่าทำไมคุณถึงได้ตกลงปลงใจคบกันในครั้งแรก จงใช้เวลาไตร่ตรองว่าคุณชอบอะไรในตัวเขา หรือเธอตั้งแต่แรกเห็น [23]
    • บางทีเธอสามารถทำให้คุณหัวเราะได้เสมอ หรือเขาต้องโทรศัพท์หาคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัย คิดถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณเคยรักเกี่ยวกับอีกฝ่าย วิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถคิดถึงอดีตที่มีด้วยกัน คือดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่ถ่ายคู่กัน [24]
  2. หากเป้าหมายหลักของคุณ คือปกป้องตัวคุณเองจากความเจ็บปวด และความโกรธในความสัมพันธ์ คุณไม่ได้เปิดใจที่จะเปลี่ยนแปลง แต่คุณเพียงต้องการที่จะควบคุมคนรักของคุณให้บังคับใช้การปกป้องนั้น ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคุณเป็นไปในเชิงลบ และหยุดนิ่ง ในทางตรงกันข้าม หากคุณทั้งคู่เต็มใจที่จะเรียนรู้ และเติบโตไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ของคุณสามารถพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป แต่หากเพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่งเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลง มันอาจไม่เป็นผล [25]
  3. คิดถึงสิ่งที่คุณรักในตัวคนรักของคุณ ในความเป็นจริง ให้คุณใช้เวลาในแต่ละวันในการเขียน 5 สิ่งที่คุณรัก หรือรู้สึกขอบคุณในตัวคนรักของคุณ ลองเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นให้เป็นคำพูด และกระทำโดยการแสดงความรู้สึกขอบคุณต่อคนรักของคุณ [26]
  4. ทุกคนมีประสบการณ์ความรักแตกต่างกันไป แกรี่ แชปแมน แตกความคิดนี้ออกเป็น 5 วิธีที่คนมีประสบการณ์ในความรัก หรือ 5 ภาษารัก หากคุณไม่เคยใช้เวลาในการใคร่ครวญภาษารักของกันและกัน ในตอนนี้เป็นเวลาที่คุณควรจะทำมัน คุณสามารถทำแบบทดสอบออนไลน์เพื่อค้นหาว่าภาษารักของคุณคืออะไร [27]
    • ภาษารักลำดับแรกคือ คำแห่งการยืนยัน ซึ่งหมายความว่า คุณรู้สึกรัก เมื่อคุณได้ยินถ้อยคำ ที่ให้ความสำคัญกับคุณ [28]
    • ภาษารักลำดับที่สองเกี่ยวกับการบริการ หมายความว่า คุณรู้สึกรัก เมื่อใครบางคนให้เวลาของเขา หรือเธอในการช่วยเหลือคุณในการทำงานบ้าน เป็นต้น [29]
    • ภาษารักลำดับที่สาม คือของขวัญ นั่นหมายความว่า คุณรู้สึกรัก เมื่อคุณได้รับของขวัญชิ้นเล็ก (หรือใหญ่) จากคนที่สนิทสนมกับคุณ [30]
    • ภาษารักลำดับที่สี่ คือเวลา ภาษารักนี้หมายความว่า คุณรู้สึกรัก หากใครบางคนใช้เวลากับคุณ [31]
    • ภาษารักลำดับสุดท้าย คือสัมผัส หรืออีกนัยหนึ่ง คุณรู้สึกรัก หากใครบางคนที่รักใคร่คุณนั้น จูบคุณ จับมือคุณ โอบกอดคุณ เป็นต้น [32]
  5. หมายถึงใช้ในการปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยลองใช้ภาษารักของอีกฝ่ายเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณแคร์ เช่น หากภาษารักของคนรักของคุณคือ การบริการ ลองทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบๆ บ้านเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณแคร์ หรือเอารถของเขา หรือเธอออกไปล้างให้ และหากภาษารักของคนรักของคุณคือ เวลา จงแน่ใจว่าได้คิดหาวิธีที่จะใช้เวลากับคนรักของคุณให้มากขึ้นในแต่ละวัน [33]
  6. ให้เหมือนกับตอนที่คุณทั้งคู่เริ่มคบกันครั้งแรก คุณจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาร่วมกันเพียงแค่สองคน คุณอาจคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนรักของคุณ แต่คนอื่นๆ สามารถทำให้คุณประหลาดใจได้แม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม จงใช้เวลาแต่ละวันในการพูดคุยกับคนรักของคุณ และถามเขา หรือเธอเกี่ยวกับชีวิต ความคิด และความรู้สึก [34]
    • วิธีหนึ่งในการเรียนรู้สิ่งใหม่เกี่ยวกับคนรักของคุณ คือลองลงเรียนคลาสทำอาหาร หรือเต้นรำด้วยกัน เป็นต้น คุณจะมีประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยกัน และจุดติดไฟรักเก่าๆ ให้กลับมาได้
  7. ถึงแม้ว่ารสนิยมอาจเปลี่ยนไป คุณควรหาเวลาทำบางอย่างที่คุณเคยรักที่จะทำด้วยกัน หากคุณเคยรักในการทำอาหารจีนด้วยกัน ให้ลองทำดูอีกครั้ง หากครั้งหนึ่งคุณเคยฝึกวิ่งฮาล์ฟ มาราธอน แต่ในตอนนี้คุณรู้สึกไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำได้ ให้คุณลองเผชิญหน้ากับความท้าทาย การที่คุณกล้าที่จะกลับไปทำบางอย่างที่คุณเคยทำมาก่อน คุณจะจุดติดไฟความชอบเก่าๆ ที่คุณเคยรู้สึกให้กลับมา อย่างไรก็ตาม มันไม่จำเป็นต้องเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คุณเคยชอบที่จะทำมันร่วมกันก็ได้ คุณสามารถลองสิ่งใหม่ [35]
  8. หมายความว่า คุณจำเป็นต้องไม่ลืมที่จะเชื่อมต่อกันและกันผ่านการสัมผัส ซึ่งไม่ใช่แค่การมีเซ็กซ์เพียงเท่านั้น เมื่อคุณอยู่ด้วยกัน ให้จับมือกัน โอบ หรือกอด สัมผัสแขนเธอในขณะที่เธอกำลังพูด นวดหัวเข่าของเขา ในขณะที่คุณนั่งข้างเขา การสัมผัสเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความใกล้ชิด และมันสามารถสูญหายไปกับการทำงานอย่างหนักในแต่ละวันเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน [36]
  9. ทันทีที่คุณเริ่มต้นบนเส้นทางนี้ คุณอาจคิดว่าคุณจะสามารถแก้ไขปัญหาของคุณได้โดยการนั่งคุยกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การรักษาความสัมพันธ์หมายถึง การตรวจเช็คซึ่งกันและกันอย่างสม่ำเสมอ และพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และใส่ใจในความรู้สึกของกันและกัน [37]
    • การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะ เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณโมโหคนรักของคุณ และต้องการที่จะตัดขาดกับเขา หรือเธอ แทนที่คุณจะโมโห ให้หยุดสูดหายใจลึกๆ สักครู่ ทันทีที่คุณสงบลง ให้ใช้เวลาในการพูดคุยว่าทำไมคุณจึงรู้สึกไม่พอใจ และคุณทั้งคู่จะสามารถแก้ไขมันได้อย่างไร
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เมื่อไหร่ที่คุณควรลองทำ?

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามรักษาความสัมพันธ์หากคุณยังรักอีกฝ่ายอยู่. มีเหตุผลว่าทำไมคุณถึงคบกันตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งรัก ที่ทำให้คุณทั้งคู่เดินมาได้ไกลขนาดนี้ หากคุณยังรู้สึกถึงความรักนั้น มันคุ้มค่าที่จะลองหาวิธีในการสื่อสาร และปรับจูนเข้าหากันให้ได้อีกครั้ง มีความสัมพันธ์แห่งรักจำนวนไม่น้อยอาจมีหลงทางบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งมันอาจต้องอาศัยความพยายามในการทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันก็คุ้มค่าที่จะพยายาม หากคุณรู้อยู่เต็มหัวใจว่าคุณยังแคร์คนๆ นี้อยู่
  2. พยายามรักษาความสัมพันธ์ไว้ หากอีกฝ่ายยังคงต้องการ. บางทีคุณอาจเป็นคนที่คิดจะละทิ้งความสัมพันธ์ แต่คนรักของคุณต้องการที่จะรักษามันเอาไว้ หากคุณอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน มันอาจเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่จะลองรักษามันเอาไว้ มันอาจเป็นไปได้ที่จะมองเห็นความรักของคนรักที่มีต่อคุณ และยังคงมีศรัทธาแม้ว่าคุณต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในตอนนี้ แต่สิ่งต่างๆ สามารถดีขึ้นได้ ให้คุณลองชั่งน้ำหนักทางเลือก และพิจารณาหากมันคุ้มค่าสำหรับคุณในการลองทำตามความประสงค์ของคนรักของคุณ
  3. ให้อนุญาตตัวเองในการหยุดความพยายามเมื่อคุณพร้อม. ไม่ว่าจะมีสิ่งๆ ดีเคยเกิดขึ้นอย่างไร หรือไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปมากแค่ไหนก็ตาม บางครั้งมันชัดเจนว่าความสัมพันธ์ควรที่จะต้องจบลง หากคุณได้พยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้แล้ว แต่คุณไม่รู้สึกรัก หรือพยายามที่จะจุดไฟรักให้ลุกโชนอีกต่อไป มันเป็นเรื่องโอเคที่จะไม่บังคับตัวเองให้พยายามจะรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้อีกต่อไป อย่าใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็นปีในการรั้งความสัมพันธ์เอาไว้ และโทษตัวเองที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้ มันโอเคที่คุณจะเลือกความสุข มากกว่าเสียสละตัวเอง เมื่อใครคนใดคนหนึ่งหยุดที่จะมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์ มันจะดีกว่าสำหรับคุณทั้งคู่หากมันจะจบลง
  4. อย่าพยายามรักษาความสัมพันธ์ ที่เป็นพิษ หรือเป็นอันตราย. มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่มีพื้นฐานจากความรุนแรง และการทำร้ายร่างกาย โดยเทคนิคการสื่อสารใดๆ หรือความพยายามที่จะจุดติดความโรแมนติกไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้นได้ในระยะยาว คุณอาจรู้สึกว่า คุณอาจได้บางอย่างจากความสัมพันธ์ แต่คุณก็สามารถได้รับอะไรมากกว่า หากคุณเลือกที่จะเป็นอิสระ
    โฆษณา

คำเตือน

  • แน่ใจว่าคนทั้งสองทำกระบวนการนี้อย่างแท้จริง หากมีแค่คนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายทำ เขา หรือเธอจะมีแต่ความผิดหวังเท่านั้น


โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
จบความสัมพันธ์
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
โฆษณา
  1. https://www.psychologytoday.com/blog/fixing-families/201208/relationship-repair-10-tips-thinking-therapist
  2. http://strongermarriage.org/files/uploads/Married/FY04700.pdf
  3. http://strongermarriage.org/files/uploads/Married/FY04700.pdf
  4. http://extension.missouri.edu/publications/DisplayPub.aspx?P=gh6610
  5. https://www.psychologytoday.com/blog/resolution-not-conflict/201110/solve-tough-dilemmas-the-win-win-waltz
  6. https://www.psychologytoday.com/blog/resolution-not-conflict/201110/solve-tough-dilemmas-the-win-win-waltz
  7. http://www.cmhc.utexas.edu/vav/vav_healthyrelationships.html
  8. http://www.cmhc.utexas.edu/vav/vav_healthyrelationships.html
  9. https://www.psychologytoday.com/blog/mindful-anger/201409/how-do-you-forgive-even-when-it-feels-impossible
  10. https://www.psychologytoday.com/blog/mindful-anger/201409/how-do-you-forgive-even-when-it-feels-impossible
  11. http://extension.missouri.edu/publications/DisplayPub.aspx?P=gh6610
  12. http://extension.missouri.edu/publications/DisplayPub.aspx?P=gh6610
  13. https://www.ipfw.edu/affiliates/assistance/selfhelp/relationship-settingboundaries.html
  14. https://www.psychologytoday.com/blog/the-mindful-self-express/201304/four-steps-relationship-repair-the-h-e-l-technique
  15. https://www.psychologytoday.com/blog/the-mindful-self-express/201304/four-steps-relationship-repair-the-h-e-l-technique
  16. http://psychcentral.com/blog/archives/2011/11/14/7-ideas-to-help-save-your-sinking-relationship/
  17. http://greatergood.berkeley.edu/raising_happiness/post/Gratitude_Relationships
  18. http://www.researchgate.net/publication/233241159_Speaking_the_Language_of_Relational_Maintenance_A_Validity_Test_of_Chapman's_(1992)_Five_Love_Languages
  19. https://www.iacac.org/wp-content/uploads/2012/05/D31-I-Hate-Your-Job-The-5-Love-Languages.pdf
  20. https://www.iacac.org/wp-content/uploads/2012/05/D31-I-Hate-Your-Job-The-5-Love-Languages.pdf
  21. https://www.iacac.org/wp-content/uploads/2012/05/D31-I-Hate-Your-Job-The-5-Love-Languages.pdf
  22. https://www.iacac.org/wp-content/uploads/2012/05/D31-I-Hate-Your-Job-The-5-Love-Languages.pdf
  23. https://www.iacac.org/wp-content/uploads/2012/05/D31-I-Hate-Your-Job-The-5-Love-Languages.pdf
  24. http://www.researchgate.net/publication/233241159_Speaking_the_Language_of_Relational_Maintenance_A_Validity_Test_of_Chapman's_%281992%29_Five_Love_Languages
  25. https://www.psychologytoday.com/blog/tech-support/201410/6-steps-repairing-your-relationship
  26. http://psychcentral.com/lib/is-parenting-drowning-your-marriage-6-tips-to-help-reconnect-with-your-partner/
  27. https://www.psychologytoday.com/blog/tech-support/201410/6-steps-repairing-your-relationship
  28. http://psychcentral.com/blog/archives/2009/04/14/9-steps-to-better-communication-today/?all=1

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,285 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา