แผลในกระเพาะอาหารนั้นเป็นอาการเจ็บปวดที่รุนแรงและควรได้รับการดูแลทันที แบคทีเรียที่มีชื่อว่า H. pylori นั้นเชื่อว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารมากที่สุด ไม่ใช่อาหารรสจัด ความเครียด หรือกรด [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล แพทย์ของคุณจะจ่ายยาปฏิชีวนะเป็นชุดเพื่อรักษาแผลของคุณ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบรรเทาอาการและช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นโดยการทานอาหารที่เหมาะสมและเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต
ขั้นตอน
-
ทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ. อนุมูลอิสระในกระเพาะอาหารนั้นจะย่อยเมือกเคลือบกระเพาะทำให้แผลในกระเพาะของคุณมีอาการแย่ลง [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง สารต้านอนุมูลอิสระนั้นรู้จักกันว่าเป็นตัวดักจับอนุมูลอิสระ (free radical scavengers) มันจะทำลายอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณ ด้วยเหตุนี้ คุณควรทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้แก่ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- กาแฟ (โดยเฉพาะเอสเปรสโซ)
- ไวน์แดง
- น้ำทับทิม
- น้ำองุ่น
- ชาเขียว
- บักวีต
- บาร์เลย์
- ถั่วฝักและถั่วเมล็ดแบน
- ถั่วเปลือกแข็ง (วอลนัท พีนัท เฮเซลนัท อัลมอนด์ และอื่นๆ)
- ช็อคโกแลต
- เบอร์รี่ (บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ เป็นต้น)
- เครื่องเทศบางอย่าง (เช่น กานพลู ออลสไปซ์ อบเชย)
- สมุนไพรบางอย่าง (เช่น สะระแหน่ ออริกาโน ไทม์ เสจ โรสแมรี่)
- ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ (ซอสมะเขือเทศ มะเขือเทศตากแห้ง)
-
เลือกอาหารที่มีฟลาโวนอยด์สูง. ฟลาโวนอยด์นั้นพบในพืชหลายชนิดและเป็นสารประกอบออแกนิกของรงควัตถุทางชีวภาพ ฟลาโวนอยด์นั้นจะจัดการกับอนุมูลอิสระ ซึ่งหมายความว่ามันจะปกป้องสารเคลือบกระเพาะอาหารเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อาหารที่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์นั้นได้แก่
- บลูเบอร์รี่
- สตรอว์เบอร์รี่
- พีช
- แอปเปิ้ล
- ส้ม
- มะเขือเทศ
- ขึ้นฉ่ายฝรั่ง
- ถั่วดำ
- ชาดำ ชาเขียว ชาอู่หลง
- เบียร์
-
ดื่มน้ำคั้นจากหัวกะหล่ำปลี. แม้ว่ามันจะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยพบกันทั่วไป น้ำคั้นจากหัวกะหล่ำปลีนั้นได้ผลอย่างยิ่งในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร กะหล่ำปลีนั้นอุดมด้วยแบคทีเรียที่จะผลิตกรดแลคติก แบคทีเรียเหล่านี้นั้นสำคัญต่อการต่อสู้และทำลายแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผล [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Lee SY, Shin YW, Hahm KB. Phytoceuticals: mighty but ignored weapons against Helicobacter pylori infection. J Dig Dis. 2008 Aug;9(3):129-39. Review
- คุณควรดื่มน้ำหัวกะหล่ำปลี 50 มิลลิลิตร 2 ครั้งต่อวันเมื่อท้องว่าง
- น้ำหัวกะหล่ำนั้นสามารถทำเองที่บ้านได้โดยใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้หรือจะซื้อมาจากตลาดหรือร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ
-
บริโภคผลิตภัณฑ์จากแครนเบอร์รี่. [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Burger O, Ofek I, Tabak M, Weiss EI, Sharon N, Neeman I. A high molecular mass constituent of cranberry juice inhibits helicobacter pylori adhesion to human gastric mucus. FEMS Immunol Med Microbiol. 2000 Dec;29(4):295-301 [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เป็นที่รู้กันว่าแครนเบอร์รี่นั้นสามารถจัดการกับ H. pylori ได้ งานวิจัยแสดงผลว่าน้ำแครนเบอร์รี่นั้นใช้ได้ดีในการป้องกันแบคทีเรียที่ไม่ดีไม่ให้ไปที่สารเคลือบกระเพาะอาหาร
- คุณสามารถดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ ทานแครนเบอร์รี่สด หรือทานอาหารเสริมจากแครนเบอร์รี่ (มีขายที่ร้านขายยาหรือร้านขายวิตามิน)
-
ทานมันเทศเนื้อขาว. งานวิจัยแสดงผลว่าสารที่ช่วยในการสมานแผลนั้นพบในมันเทศเนื้อขาว [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล การทานมันเทศเนื้อขาวจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะ คุณสามารถหามันเทศเนื้อขาวได้ที่ซูเปอร์มาเก็ตและนำมันมาทำอาหารได้หลายวิธี เช่น นำมานึ่งหรืออบ
-
ทานน้ำผึ้งให้เยอะขึ้น. งานวิจัยและในสมัยโบราณนั้นอธิบายว่าน้ำผึ้งนั้นเป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติที่ได้ผลยอดเยี่ยม ด้วยเหตุผลนี้ มันสามารถจัดการกับกับแบคทีเรีย H. pylori ที่ทำให้เกิดแผล [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล ลองทานน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนต่อวันเพื่อให้แผลหาย
-
ลองทานอาหารเสริมรากชะเอมเทศ. [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง รากชะเอมเทศนั้นมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย H. pylori ดังนั้น มันจึงช่วยทำให้แผลหาย สารสกัดจากชะเอมเทศนั้นมีขายในท้องตลาด ร้านขายยา และร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ
- พูดคุยกับแพทย์ก่อนที่จะเริ่มทานอาหารเสริมจากรากชะเอมเทศและพูดคุยเกี่ยวกับการใช้ยาอื่นๆ อาหารเสริมชะเอมเทศนั้นถ้าทานร่วมกัยยาขับปัสสาวะ ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือยาอื่นๆ ที่ลดระดับโพแทสเซียมของร่างกายมันก็จะลดระดับของโพแทสเซียมจนถึงระดับที่เป็นอันตราย [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ให้ใช้อาหารเสริมชะเอมเทศตามที่แพทย์ได้แนะนำ
-
ทานกล้วยให้เยอะขึ้น. งานวิจัยชี้ว่าการทานกล้วยจะช่วยรักษาอาการของแผลในกระเพาะอาหารโดยจะช่วยปกป้องสารเคลือบกระเพาะ [15] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล แม้ว่านี่จะไม่ได้ช่วยสมานแผลที่เป็นอยู่แล้ว แต่การทานกล้วยจะช่วยรักษาอาการที่เกิดจากแผล
- กล้วยกล้ายดิบตากแห้งนั้นสามารถช่วยได้ แต่กล้วยกล้ายสุกนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้ดีขึ้น [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
-
เปลี่ยนจากเนยเป็นน้ำมัน. หากปกติแล้วคุณใส่เนยลงไปในกระทะเพื่อใช้ทอดไข่หรือผัดผัก คุณควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะกอกแทน น้ำมันเหล่านี้มีไขมันที่มีประโยชน์ที่ย่อยได้ง่ายกว่าไขมันหนักๆ ที่พบในผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์อย่างเนย [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fox M, Barr C, Nolan S, Lomer M, Anggiansah A, Wong T. The effects of dietary fat and calorie density on esophageal acid exposure and reflux symptoms. Clin Gastroenterol Hepatol. 2007;5(4):439-44 [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณสามารถใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันข้าวแบรน น้ำมันงา และน้ำมันดอกคำฝอย ในการทำอาหาร
-
ทานอาหารแบบแบลนด์ไดเอท (bland diet). การทานอาหารแบบแบลนด์ไดเอทนั้นจะเน้นไปที่อาหารที่ย่อยง่ายและมีไฟเบอร์ต่ำ นี่จะอ่อนต่อกระเพาะและจะทำให้แผลระคายได้น้อยกว่า [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณควรพูดคุยกับแพทย์ก่อนว่าการทานอาหารแบบแบลนด์ไดเอทนั้นจะเป็นการรักษาที่ดีต่อแผลในกระเพาะอาหารของคุณหรือไม่และคุณควรทานเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ อาหารที่คุณควรทานเมื่อทานอาหารแบบแบลนด์ไดเอทได้แก่
- ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ (นมและโยเกิร์ต เป็นต้น)
- ผักที่สุกแล้ว ผักในกระป๋อง หรือผักแช่แข็ง ที่ไม่ได้ปรุง
- น้ำผักหรือผลไม้
- แอปเปิ้ลซอส
- ซีเรียลที่ต้องนำไปต้มก่อน
- เนื้อสัตว์ที่นุ่มและไม่ติดมัน เช่น ไก่ต้ม หรือปลาอบ ที่ไม่ปรุงรส
- เนยถั่ว
- เต้าหู้
โฆษณา
-
งดการดื่มแอลกอฮอล์. แม้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไวน์นั้นอาจจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่แอลกอฮอล์นั้นจะทำให้เมือกที่กระเพาะอาหารระคายเคือง เมื่อคุณมีแผลในกระเพาะที่เกิดจากแบคทีเรีย H. pylori แอลกอฮอล์จะทำให้อาการแย่ลง [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Bujanda L. The effects of alcohol consumption upon the gastrointestinal tract. Am J Gastroenterol. 2000;95(12):3374-3382 [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล [22] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
-
อย่าดื่มนมเพื่อบรรเทาอาการ. [23] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล การดื่มนมจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บจากแผลได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะมันจะเคลือบกระเพาะไว้ ดังนั้น การดื่มนมจะยิ่งกระตุ้นให้กระเพาะผลิตกรดมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้อาการแย่ลงในระยะยาว
-
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด. อาหารรสจัดจะทำให้แผลเจ็บกว่าเดิมถ้าคุณมีแผลอยู่แล้วแต่มันจะไม่ทำให้มีแผลใหม่ [24] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล [25] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดทุกชนิด (พริกไทย ซอสเผ็ด เป็นต้น) ถ้าคุณเป็นแผลอยู่แล้วหรือมีแนวโน้มที่จะเป็น
-
อย่าทานอาหารที่มีไขมันสูง. [26] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อาหารทอดน้ำมัน อาหารฟาสต์ฟู้ด และอาหารอื่นๆ ที่มีไขมันสูงนั้นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ไขมันเหล่านี้นั้นย่อยยากและจะทำให้แผลระคายเคือง
-
หลีกเลี่ยงการทานกระเทียม. [27] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Cancer Institute ไปที่แหล่งข้อมูล [28] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Amagase H. Clarifying the real bioactive constituents of garlic. Journal of Nutrition 2006; 136(3 Suppl):716S–725S ผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นควรหลีกเลี่ยงการทานกระเทียมเพราะมันจะทำให้แผลที่เป็นอยู่แล้วระคายเคืองและอาจจะทำให้เกิดแผลใหม่ด้วยโฆษณา
-
งดผลิตภัณฑ์ยาสูบ. [29] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล [30] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล การสูบบุหรี่อย่างเป็นประจำนั้นพิสูจน์แล้วว่ามันจะทำให้กระบวนการที่แผลจะหายนั้นช้าลงหรือทำให้ไม่หาย หากคุณติดการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบ ให้พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการรักษาที่จะช่วยให้คุณเลิกสูบบุหรี่เพื่อที่แผลในกระเพาะอาหารจะได้หาย
-
หยุดใช้ยาในกลุ่ม NSAID. [31] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAID) นั้นได้แก่แอสไพริน นาพร็อกเซน และไอบูโพรเฟน ยาเหล่านี้ที่เป็นยาแก้ปวด ยาลดไข้ และยาลดการอักเสบ ซึ่งอาจจะทำให้บางคนนั้นเป็นแผลในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้เป็นเวลานานๆ หรือใช้ในปริมาณมาก หากคุณใช้ยาในกลุ่ม NSAID สำหรับรักษาอาการที่มีอยู่ ให้พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับยาอื่นๆ ที่คุณควรใช้แทน (เช่น อะเซตามิโนเฟน)
-
หลีกเลี่ยงความเครียด. [32] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล เชื่อกันว่าความเครียดนั้นจะทำให้แผลและอาการแย่ลง แม้ว่าจะมีการพิสูจน์แล้วว่าความเครียดไม่ได้ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารส่วนใหญ่ หากคุณกำลังเป็นแผล ให้หลีกเลี่ยงหรือลดปัจจัยที่จะทำให้เครียดซึ่งมันก็จะทำให้คุณหายเร็วขึ้น การทำสมาธิและการบริหารการหายใจนั้นเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายเพื่อบรรเทาความเครียดและรักษาแผลในกระเพาะ [33] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูลโฆษณา
เคล็ดลับ
- แพทย์ของคุณอาจจะจ่ายชุดยาปฏิชีวนะนอกเหนือจากการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติเพื่อจัดการกับแบคทีเรีย H. pylori ที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารส่วนใหญ่ [34] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล แพทย์อาจจะจ่ายยาอื่นๆ ที่จะลดการระคายเคืองของแผลในกระเพาะอาหาร
- การใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษามักจะมีระยะเวลา 2 อาทิตย์
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.cdc.gov/ulcer/consumer.htm
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15270379
- ↑ http://www.bjmbr.org/administrator/components/com_jresearch/files/publications/4375.pdf
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2841576/
- ↑ http://pubag.nal.usda.gov/pubag/downloadPDF.xhtml?id=9138&content=PDF
- ↑ http://www.ars.usda.gov/SP2UserFiles/Place/80400525/Articles/AICR06_flav.pdf
- ↑ Lee SY, Shin YW, Hahm KB. Phytoceuticals: mighty but ignored weapons against Helicobacter pylori infection. J Dig Dis. 2008 Aug;9(3):129-39. Review
- ↑ Burger O, Ofek I, Tabak M, Weiss EI, Sharon N, Neeman I. A high molecular mass constituent of cranberry juice inhibits helicobacter pylori adhesion to human gastric mucus. FEMS Immunol Med Microbiol. 2000 Dec;29(4):295-301
- ↑ http://www.doh.wa.gov/portals/1/documents/pubs/940-nondoh-fruitsvegetableslesson-cranberries-3.doc
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4293869/
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21479349
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3818629/
- ↑ https://nccih.nih.gov/health/licoriceroot
- ↑ https://nccih.nih.gov/health/licoriceroot
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11507732
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1987262/
- ↑ Fox M, Barr C, Nolan S, Lomer M, Anggiansah A, Wong T. The effects of dietary fat and calorie density on esophageal acid exposure and reflux symptoms. Clin Gastroenterol Hepatol. 2007;5(4):439-44
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2841576/
- ↑ https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000068.htm
- ↑ Bujanda L. The effects of alcohol consumption upon the gastrointestinal tract. Am J Gastroenterol. 2000;95(12):3374-3382
- ↑ https://my.clevelandclinic.org/health/diseases_conditions/hic_Peptic_Ulcer_Disease
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Peptic-ulcer/Pages/Treatment.aspx
- ↑ https://my.clevelandclinic.org/health/diseases_conditions/hic_Peptic_Ulcer_Disease
- ↑ https://my.clevelandclinic.org/health/diseases_conditions/hic_Peptic_Ulcer_Disease
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Peptic-ulcer/Pages/Treatment.aspx
- ↑ https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/patientinstructions/000380.htm
- ↑ http://www.cancer.gov/about-cancer/causes-prevention/risk/diet/garlic-fact-sheet
- ↑ Amagase H. Clarifying the real bioactive constituents of garlic. Journal of Nutrition 2006; 136(3 Suppl):716S–725S
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/peptic-ulcer/basics/treatment/con-20028643
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Peptic-ulcer/Pages/Treatment.aspx
- ↑ https://my.clevelandclinic.org/health/diseases_conditions/hic_Peptic_Ulcer_Disease
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Peptic-ulcer/Pages/Treatment.aspx
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Mouth-ulcer/Pages/Treatment.aspx
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/peptic-ulcer/basics/treatment/con-20028643
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,464 ครั้ง
โฆษณา