ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หมายเลขตัวถัง (chassis number) ก็คือ 6 หลักสุดท้ายของ Vehicle Identification Numbers (VIN) ของรถ เพราะงั้นขั้นแรกต้องหา VIN ก่อน ก็จะรู้ chassis number เอง รถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ก็จะมี VIN ติดไว้ต่างตำแหน่งกันไป เพราะงั้นต้องไปตามหาตรงไหนก็แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นของรถที่ใช้ ส่วนเลขเครื่อง (engine number) จะเป็นหมายเลขที่ติดอยู่ที่เครื่องยนต์ของรถ ถ้าหา VIN หรือเลขเครื่องไม่เจอจริงๆ ก็มีอีกหลายตำแหน่งให้ลองไปสำรวจดู

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

หา VIN ของรถ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเปิดดูที่รถไม่เป็นหรือฟังดูวุ่นวาย ให้ลองหา VIN ตามคู่มือหรือเอกสารประกอบรถต่างๆ เช่น [1]
    • กรรมสิทธิ์รถ
    • เล่มทะเบียนรถ
    • คู่มือ
    • เอกสารประกัน
    • ประวัติการซ่อมของอู่
    • ใบแจ้งความ
    • ประวัติรถ
  2. ปกติที่มุมซ้ายล่างของ dashboard หรือแผงหน้าปัดรถ จะมี VIN เขียนไว้ ให้อ่านเลขนี้โดยส่องทางกระจกหน้าฝั่งคนขับ [2]
  3. บางที VIN ก็อยู่ที่กรอบประตูฝั่งคนขับ หรือที่กรอบประตูข้างกระจกรถ ให้เปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วดูตามขอบประตู จะเห็นสติกเกอร์เล็กๆ สีขาว [3]
    • ถ้า VIN อยู่ที่กรอบประตู จะอยู่แถวด้านล่าง ต่ำกว่าระดับกระจกมองหลัง
    • บางทีเลข VIN ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามของกรอบประตูฝั่งคนขับ แถวๆ ตัวล็อคเข็มขัดของคนขับ [4]
  4. ถ้าหาตรงไหนก็ไม่เจอ ก็เปิดกระโปรงรถแล้วดูที่หน้าเครื่องซะเลย เลข VIN มักจะอยู่ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องยนต์ [5]
  5. บางที VIN ก็ติดอยู่ที่หน้ารถ แถวๆ กระปุกใส่น้ำยาฉีดกระจก ให้ยืนหน้ารถ เปิดกระโปรงหน้า แล้วมองหากระปุกใส่น้ำยาฉีดกระจก จากนั้นปิดกระโปรง แล้วสังเกตโครงรถแถวๆ นั้น จะเจอ VIN [6]
  6. ถ้าท้ายรถมียางอะไหล่ แล้วหา VIN ไม่เจอ แสดงว่าอยู่ท้ายรถ ต้องเปิดกระโปรง ยกยางออก จะเจอ VIN ตรงที่ว่างที่ใช้วางยางอะไหล่นั่นแหละ [7]
  7. อีกจุดที่ควรสำรวจคือใต้ซุ้มล้อหลัง ให้เดินไปท้ายรถ ก้มหรือนอนลง แล้วมองเข้าไปในซุ้มล้อทั้ง 2 ข้าง ว่ามี VIN ไหม [8]
    • ต้องใช้ไฟฉายส่องด้วย ถึงจะเห็น VIN
  8. พอเจอ VIN แล้ว อย่าลืมจดแล้วแปะหรือเก็บไว้ในที่ที่จำง่ายใช้สะดวก คราวหน้าต้องใช้ก็ไม่ต้องมานั่งหา อาจจะจดใส่กระดาษไว้ เซฟไว้ในคอม รวมถึงอีเมลหาตัวเองด้วย
  9. อย่างที่บอกว่า chassis number ก็คือเลข VIN 6 หลักสุดท้ายนั่นเอง [9] ให้ดู VIN ที่จดมา แล้ววงเลข 6 หลักสุดท้ายไว้ นั่นแหละเลขตัวถังของรถคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

หา VIN ของมอเตอร์ไซค์ สกู๊ตเตอร์ หรือ ATV

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คอมอเตอร์ไซค์เป็นอีกที่ที่มักมี VIN ติดอยู่ วิธีหา VIN คือจับแฮนด์แล้วบิดคอมอเตอร์ไซค์ไปด้านข้าง จากนั้นมองเข้าไปข้างใน จะเป็นท่อโลหะต่อลงมาจากแฮนด์ เลข VIN จะสลักติดอยู่ที่โลหะเลย [10]
    • เวลาหา VIN ให้เช็คทั้งสองข้างของคอมอเตอร์ไซค์เลย
  2. บางที VIN ก็ติดอยู่ที่เครื่องมอเตอร์ไซค์เลย ถ้าที่คอไม่มี VIN ก็ให้เช็คที่เครื่องแทน VIN มักจะอยู่แถวๆ ด้านล่างของกระบอกลูกสูบ [11]
  3. ถ้าเป็น ATV กับมอเตอร์ไซค์บางแบบ VIN จะอยู่ที่โครงรถ แต่ก็ใช่จะหากันง่ายๆ ต้องสอดส่องนิดหน่อยพร้อมไฟฉาย ถึงจะเจอ VIN ที่ติดอยู่ด้านในโครงมอเตอร์ไซค์
    • ดูที่โครงด้านนอกก่อนก็ได้ VIN อาจจะอยู่ล่าง shifter ทางซ้ายของมอเตอร์ไซค์พอดี ถ้าไม่อยู่ที่โครงด้านนอก ให้ลองส่องด้านในแทน [12]
    • บางยี่ห้อจะปั๊ม VIN ที่บางจุดของโครง เช่น ฮอนด้า จะปั๊ม VIN ไว้ที่ด้านขวาของหัวบังคับ รวมถึงที่โครงรถ ทางซ้าย เหนือเครื่องยนต์ [13] ยังไงลองสอบถามผู้ผลิตดูว่าอยู่ที่จุดอื่นหรือเปล่า
  4. เลข 6 หลักสุดท้ายของ VIN ของมอเตอร์ไซค์นั่นแหละคือเลขตัวถัง ให้วงไว้เลย จะได้ดูง่ายๆ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

หาเลขเครื่อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติเลขเครื่อง (engine number) ของรถจะปั๊มไว้ที่เครื่องยนต์เลย [14] ให้เปิดกระโปรงหรือดูที่ข้างเครื่องยนต์ จะเห็นสติกเกอร์ที่บอกเลขเครื่องชัดเจน
  2. ถ้าหาสติกเกอร์แปะเครื่องไม่เจอ ให้อ่านรายละเอียดในคู่มือ น่าจะเจอแถว 2 - 3 หน้าแรกเลย [15]
    • บางทีก็มีรูปบอกไว้ในคู่มือเลย ว่าเลขเครื่องจะอยู่ตรงไหนของตัวเครื่องยนต์ [16]
  3. เลขเครื่องคือเลข 6 หลักที่ตามหลัง engine code 3 หลัก จะสังเกตว่าเลขเครื่องมี 3 บวก 6 หลักนั่นเอง โดย 3 หลักแรกเป็น engine code ของรถ และ 6 หลักสุดท้ายเป็นเลขเครื่อง [17]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 102,009 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา