ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าเห็นเบาะรถยนต์เปิ้อนคราบปัสสาวะ เราก็กลัวว่าจะไม่สามารถขจัดคราบและกลิ่นที่ติดเบาะได้แน่ แต่ความจริงแล้วยังมีวิธีอยู่! ขั้นตอนแรกในการขจัดคราบปัสสาวะที่ป็นคราบใหม่คือใช้ผ้าที่ดูดซับได้ดีหรือกระดาษชำระอเนกประสงค์ซับคราบจนกว่าจะดูดซับความชื้นออกจากคราบได้หมด การดูดซับความชื้นออกให้หมดจะช่วยป้องกันไม่ให้คราบซึมเข้าไปในเบาะลึก หลังจากนั้นเราค่อยเลือกวิธีขจัดคราบปัสสาวะตามที่เราสะดวก ตามวัสดุของเบาะ และตามความเก่าของคราบ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้น้ำยาขจัดคราบปัสสาวะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเปิดประตูหรือกระจกหน้าต่างของรถไว้จะช่วยลดกลิ่นปัสสาวะรวมทั้งกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดไม่ให้รบกวนเรามากจนเกินไปและทำให้กลิ่นภายในรถเบาบางลง การสวมถุงมือยางก่อนลงมือขจัดคราบช่วยเราได้มากทีเดียว ถ้าเราไม่อยากให้กลิ่นปัสสาวะหรือน้ำยาทำความสะอาดติดมือ
  2. นำน้ำ น้ำส้มสายชูกลั่น และน้ำยาล้างจานมาผสมกันเพื่อทำน้ำยาทำความสะอาด. นำน้ำเย็น 2 ถ้วย (470มล.) มาผสมกับน้ำส้มสายชูกลั่น 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) และน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) ค่อยๆ คนส่วนผสมให้เข้ากัน [1]
    • น้ำส้มสายชูเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากเพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคในบริเวณที่มีคราบรวมทั้งสลายกรดที่พบในปัสสาวะ [2]
  3. ซับคราบปัสสาวะเบาๆ อย่าเช็ดหรือถูคราบ นำผ้ามาชุบน้ำยาทำความสะอาดแล้วซับบริเวณที่มีคราบ อย่าชุบน้ำยาทำความสะอาดมากเกินไปจนผ้าเปียกโชก ไม่อย่างนั้นเบาะรถยนต์จะพลอยเปียกไปกันใหญ่ [3] ขณะที่ซับและทำความสะอาดบริเวณที่มีคราบ ให้เริ่มซับจากด้านนอกของคราบไปตรงกลางของคราบเพื่อป้องกันไม่ให้คราบกระจายไปที่บริเวณอื่น [4]
  4. ใช้ผ้าแห้งซับบริเวณที่มีคราบให้แห้งและดูดซับน้ำยาทำความสะอาดที่เหลือออกมา ซับบริเวณที่มีคราบด้วยผ้าที่ชุบน้ำยาทำความสะอาดสลับกับผ้าแห้งจนกระทั่งไม่มีคราบเหลืออยู่อีกแล้ว [5]
    • ถ้าคราบปัสสาวะยังอยู่หลังจากใช้น้ำยาทำความสะอาดขจัดคราบแล้ว ให้หยดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% สักสองสามหยดลงบนคราบ หรือจะหยดแอมโมเนียเพิ่มลงไปสองสามหยดด้วยก็ได้ ใช้ผ้าที่สะอาดชุบน้ำเย็นแล้วซับบริเวณที่มีคราบจนกว่าจะขจัดสารเคมีออกจนหมด [6]
  5. ถึงแม้ตอนนี้เบาะจะแห้งแล้วก็ตาม แต่ก็ควรผึ่งให้แห้งอีกสักนิดเพื่อให้เบาะแห้งสนิททั้งด้านนอกและด้านในก่อนที่จะใช้งานเบาะรถยนต์อีกครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงบนคราบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เบกกิ้งโซดา และน้ำยาล้างจานมาผสมกันเพื่อทำน้ำยาทำความสะอาด. หากเราต้องการวิธีขจัดคราบแบบไม่ต้องสัมผัสคราบ เราก็ต้องผสมน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฉีดไปที่คราบได้โดยตรง น้ำยาทำความสะอาดนี้ประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% 280 กรัม เบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ (41.4 กรัม) และน้ำยาล้างจานหนึ่งหรือสองหยด นำทั้งสามอย่างมาผสมกันในถ้วยเล็กๆ [7]
    • น้ำยานี้มักจะเกิดฟองเล็กน้อย รอจนกว่าฟองจะลดลงแล้วจึงนำไปเทใส่ขวดสเปรย์ [8] น้ำยาที่ฉีดออกมาจากขวดจะได้ไม่ข้นและมีฟองมากเกินไป
  2. การเปิดประตูหรือกระจกหน้าต่างรถไว้จะช่วยลดกลิ่นที่รุนแรงมากให้เบาบางลงและช่วยให้คราบแห้งเร็วขึ้น [9]
  3. ฉีดน้ำยาทำความสะอาดในบริเวณที่มีคราบให้ทั่ว ฉีดน้ำยาให้ทั่วทั้งคราบ ปล่อยน้ำยาทิ้งไว้บนคราบหนึ่งชั่วโมง หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ [10]
  4. ใช้ผ้าที่ชุบน้ำพอหมาดซับบริเวณที่เคยมีคราบ. หลังจากคราบถูกขจัดออกไปแล้ว ก็อาจยังมีน้ำยาล้างจานหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หลงเหลืออยู่ สารเคมีที่ตกค้างอยู่นี้อาจดึงดูดสิ่งสกปรกและเปลี่ยนแปลงสีเบาะรถยนต์ได้ [11] ใช้ผ้าที่ชุบน้ำพอหมาด"ดูดซับ" น้ำยาที่หลงเหลืออยู่ออกและใช้ผ้าขนหนูที่แห้งซับบริเวณนั้นจนกว่าสารของน้ำยาทำความสะอาดที่หลงเหลืออยู่จะหมดไปและจนกว่าบริเวณนั้นจะแห้ง [12]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ทำความสะอาดเบาะหนัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การขจัดคราบออกจากเบาะหนังแตกต่างจากการขจัดคราบออกจากเบาะอื่นๆ ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามถ้าเห็นว่าเป็นคราบใหม่ เรายังสามารถใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ดูดซับความชื้นได้อยู่ ใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ซับคราบ แต่อย่าเช็ดคราบ ถ้าไม่อยากให้คราบกระจายไปที่บริเวณอื่น [13]
  2. หาซิปของเบาะรถยนต์ถ้ามีแล้วรูดเปิดเพื่อเอาไส้เบาะออกมา คราบปัสสาวะอาจซึมเข้าไปถึงไส้เบาะและถ้าเป็นแบบนั้น กลิ่นจะติดตรงบริเวณนั้นมากที่สุด [14] ถ้าเบาะหนังของเราไม่มีซิปให้เรารูดเปิดเอาไส้เบาะออกมาได้ เรายังสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปได้อยู่ แต่เราต้องทำขั้นตอนต่อไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คราบจะได้ไม่ซึมเข้าไปถึงไส้เบาะ [15]
  3. ใช้น้ำยาขจัดคราบฝังแน่นสำหรับเบาะหนังโดยเฉพาะทำความสะอาดเบาะหนัง. นำฟองน้ำหรือแผ่นเช็ดทำความสะอาดเครื่องหนังชุบน้ำยาในปริมาณเล็กน้อยแล้วขัดถูเบาะหนังเป็นวงกลม ขัดถูทั้งเบาะ ไม่ใช่แค่จุดที่มีคราบเท่านั้น [16] ทุกครั้งที่เราเช็ดถูหรือทำความสะอาดเบาะหนัง เราต้องทำความสะอาดทั้งเบาะรวมทั้งขอบเบาะด้วยเพื่อไม่ให้เกิด "คราบน้ำ" เราต้องให้เบาะหนังแห้งสนิททุกส่วน ไม่มีจุดใดจุดหนึ่งที่ยังเปียก
    • "เนเจอร์ มิราเคิล (Nature’s Miracle)" เป็นน้ำยาขจัดคราบปัสสาวะสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยม ใช้ได้กับทุกพื้นผิว น้ำยาขจัดคราบปัสสาวะสัตว์เลี้ยงนี้จะสลายสมบัติทางเคมีของปัสสาวะที่สร้างความเสียหายแก่เบาะหนังอย่างได้ผล
    • ถ้าวัสดุเบาะเป็นหนังกลับ หนังนูบัค หรือหนังที่ไม่ได้เคลือบ ขอแนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดเบาะจากวัสดุเหล่านั้นโดยเฉพาะ เบาะอาจได้รับความเสียหายหรือเปลี่ยนสี หากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสมกับประเภทของวัสดุเบาะ [17]
    • ทดสอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในจุดเล็กๆ ของเบาะหนังก่อนเพื่อจะได้สังเกตเห็นผลก่อนใช้จริง การทดสอบก่อนใช้จะทำให้เรารู้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนั้นเป็นผลเสียต่อเบาะหนังของเราหรือไม่ [18]
  4. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเอนไซม์หรือแบคทีเรียเป็นส่วนประกอบหลักในการทำความสะอาดไส้เบาะและซักไส้เบาะด้วยมือเบาๆ ในอ่างล้างจานหรืออ่างอาบน้ำ [19]
  5. ถ้าเป็นไปได้ นำไส้เบาะไปผึ่งให้แห้งท่ามกลางแสงแดด จะช่วยให้ไส้เบาะแห้งเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้กลิ่นหายไปด้วย [20]
  6. อย่านำปลอกหนังไปตากแดดเพราะแสงแดดจะทำให้สีของปลอกหนังซีดลงหรือทำให้ปลอกหนังแข็งขึ้น นำปลอกหนังไปผึ่งให้แห้งในบริเวณที่ร่มและเย็น [21]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ขจัดคราบเก่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำน้ำ น้ำส้มสายชูกลั่น และน้ำยาล้างจานมาผสมกันเพื่อทำน้ำยาทำความสะอาด. ถึงแม้คราบปัสสาวจะะแห้งไปแล้ว แต่เราก็ยังสามารถขจัดคราบเก่านั้นได้อยู่ ก่อนอื่นเราต้องทำน้ำยาทำความสะอาดขึ้นมาก่อน นำน้ำอุ่น ½ ถ้วย (120 มล.) น้ำส้มสายชูกลั่น ½ ถ้วย (120 มล.) และน้ำยาล้างจาน ¼ ถ้วย (59 มล.) มาผสมกัน คนจนกระทั่งเกิดฟอง
  2. ใช้แปรงสีฟันเก่า เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อแปรงขัดใหม่ อีกทั้งแปรงสีฟันเก่าก็นุ่มพอที่จะนำมาใช้ขัดเบาะรถยนต์ได้โดยไม่สร้างความเสียหาย
    • เราจะใช้การขัดคราบแทนการซับคราบหรือฉีดน้ำยาลงบนคราบ เพราะคราบอาจซึมเข้าไปในเบาะลึก แห้งและติดอยู่ในเบาะแล้ว การใช้แปรงขัดจะทำให้น้ำยาทำความสะอาดสามารถซึมเข้าไปในเบาะได้ลึกขึ้น
  3. ใช้ไม้พายยางหรือวัตถุอื่นใดที่มีลักษณะแข็งและแบนปาดฟองน้ำยาออก การใช้ไม้พายยางปาดฟองน้ำยาออกจะช่วยให้เราเอาฟองที่หลืออยู่ออกได้เร็วและออกได้หมด
  4. ใช้ผ้าที่ชุบน้ำพอหมาดซับบริเวณที่เคยมีคราบ. นำผ้าชุบน้ำพอหมาดและใช้ผ้าผืนนั้นซับบริเวณที่เคยมีคราบเพื่อเอาน้ำยาทำความสะอาดที่หลงเหลืออยู่ออก
  5. ใช้ผ้าแห้งซับบริเวณที่เคยมีคราบจนกว่าบริเวณนั้นและผ้าจะแห้งสนิท ไม่มีความชื้นซึมเข้ามาในผ้าอีกแล้ว
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,151 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา