ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
จริงๆ แล้วคุณเช็คได้ง่ายๆ ว่าพอร์ทเปิดอยู่หรือเปล่า เหลือแค่เลือกวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมตามระบบปฏิบัติการที่ใช้ แล้วแต่ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ Mac หรือ PC รวมถึงประเภทของพอร์ทที่จะเช็ค บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการโดยละเอียดเอง รวมถึงวิธีการเช็คว่าแอพผ่าน firewall ได้หรือเปล่าด้วย
ขั้นตอน
-
เปิดใช้ Telnet ใน Windows. คุณใช้ Telnet เช็คได้ว่าพอร์ทของ local router หรือ access point เปิดอยู่หรือเปล่า ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการเปิดใช้งาน Telnet
- พิมพ์ windows features ในแถบค้นหา ถ้าไม่เจอแถบค้นหา ให้คลิกวงกลมหรือแว่นขยาย ทางขวาของเมนู Start
- คลิก Turn Windows features on or off
- ติ๊กช่องข้าง Telnet Client แล้วคลิก OK
- คลิก Close หลังติดตั้งแอพแล้ว
-
เปิด command prompt. โดย
- พิมพ์ cmd ในแถบค้นหาของ Windows
- คลิก Command prompt ในผลการค้นหา
-
พิมพ์ ipconfig ในหน้าต่าง แล้วกด ↵ Enter . จะเห็นข้อมูลสัญญาณเต็มไปหมด
-
จด IP address ของเราเตอร์ไว้. address ที่ขึ้นข้าง "Default Gateway" ในผลการค้นหา ipconfig คือ local address ของเราเตอร์
-
พิมพ์ telnet ในหน้าต่าง แล้วกด ↵ Enter . เพื่อเปิดหน้าต่าง Microsoft Telnet
-
พิมพ์ open (router's IP address) (port number) . เช่น ถ้าจะเช็คว่าพอร์ท 25 ของเราเตอร์เปิดอยู่หรือเปล่า และ IP address ของเราเตอร์คือ 10.0.0.1 ให้พิมพ์ open 10.0.0.1 25
-
กด ↵ Enter . Telnet จะพยายามเชื่อมต่อกับพอร์ทนั้น
- ถ้ามีข้อความขึ้นว่า "Please press Enter" หรือ "Press any key to continue" แสดงว่าพอร์ทเปิดอยู่
- ถ้ามีข้อความขึ้นว่า "Could not open connection" แสดงว่าพอร์ทไม่ได้เปิดอยู่
โฆษณา
-
เปิดหน้าต่าง Terminal. เริ่มจากเปิด Spotlight โดยคลิกไอคอนแว่นขยาย มุมขวาบนของหน้าจอ พิมพ์ terminal แล้วคลิก Terminal ในผลการค้นหา
- ให้ใช้วิธีนี้เช็คว่าพอร์ทของ local router หรือ access point เปิดอยู่หรือเปล่า
-
พิมพ์ netstat -nr | grep default ในหน้าต่าง แล้วกด ⏎ Return . IP address ของเราเตอร์จะโผล่มาข้าง "default" ทางด้านบนของผลการค้นหา
-
พิมพ์ nc -vz (your router's IP address) (port) . เช่น ถ้าจะเช็คว่าพอร์ท 25 ของเราเตอร์เปิดอยู่หรือเปล่า และ IP address ของเราเตอร์คือ 10.0.0.1 ให้พิมพ์ nc -vz 10.0.0.1 25 [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กด ⏎ Return . ต่อไปนี้คือวิธีการอ่านผล [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าพอร์ทเปิดอยู่ จะมีข้อความว่าเชื่อมต่อสำเร็จ
- ถ้าพอร์ทปิดอยู่ จะมีข้อความว่าปฏิเสธการเชื่อมต่อ หรือหมดเวลาเชื่อมต่อ
โฆษณา
-
เปิดแถบค้นหาของ Windows แล้วพิมพ์ firewall . ถ้าแถบค้นหาไม่ได้เปิดอยู่แล้ว ให้คลิกวงกลมหรือแว่นขยาย ทางขวาของเมนู Start เพื่อเปิดขึ้นมา
- ให้ใช้วิธีนี้ ถ้าจะเช็คว่า Windows มีการตั้งค่าอนุญาตให้แอพที่ติดตั้งไว้ สื่อสารผ่าน firewall ได้หรือเปล่า
- ปกติ firewall ของ Windows จะเปิดใช้ไว้แต่แรก ถ้าติดตั้งโปรแกรม firewall เพิ่มเติมเอง ให้ใช้โปรแกรมนั้นเช็คว่าแอพผ่านได้หรือเปล่า
-
คลิก Windows Defender Firewall . เพื่อเปิด Firewall and Network Protection settings
-
คลิก Allow an app through firewall . ที่เป็นหนึ่งในลิงค์ข้อความ ทางด้านล่างของหน้าต่าง แล้วจะมีรายชื่อแอพที่ผ่าน firewall ได้โผล่มา
- ถ้าแอพนั้นผ่าน firewall ได้เฉพาะตอนเชื่อมต่อเครือข่ายที่ทำเครื่องหมายเป็น "private" หรือส่วนตัวไว้ (เช่น เน็ตบ้าน) จะมีติ๊กถูกในคอลัมน์ "Private" ข้างแอพ
- ถ้าแอพนั้นผ่าน firewall ได้ตอนเชื่อมต่อเน็ตสาธารณะ จะมีติ๊กถูกในคอลัมน์ "Public"
-
อนุญาตให้แอพหรือพอร์ทนอกรายการ ผ่าน firewall ได้. ถ้าไม่เจอแอพในรายการ "Allowed apps and features" ให้คลิกปุ่ม Change Settings ที่มุมขวาบน แล้วทำขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิก Allow another app ทางด้านล่าง
- คลิก Browse เลือกแอพ แล้วคลิก Open
- คลิก Network Types แถวมุมซ้ายล่าง เลือก privacy preference แล้วคลิก OK
- คลิก Add เพื่อเพิ่มแอพ แล้วคลิก OK
โฆษณา
-
เข้าเว็บ http://www.canyouseeme.org ในเบราว์เซอร์. ใช้เช็คได้ว่า พอร์ทของคอมหรือเครือข่าย เข้าถึงได้หรือเปล่าตอนต่อเน็ต โดยเว็บจะสแกนหา IP address แล้วแสดงในช่อง "Your IP" โดยอัตโนมัติ
- มีหลายเว็บที่ใช้เช็คพอร์ทที่เปิดไว้ได้ ลองค้นว่า "open port check tool" ใน search engine ที่ถนัดดู ถ้าอยากลองใช้เว็บอื่น
-
ระบุพอร์ท. พิมพ์พอร์ทที่จะเช็ค (เช่น 22 ของ SSH) ในช่อง "Port to Check"
-
คลิก Check Port . ถ้ามีพอร์ทนั้นและเปิดอยู่ จะมีข้อความยืนยันโผล่มา ถ้าไม่เจอพอร์ทนั้น จะขึ้นข้อความว่า "Error: I could not see your service on (IP address ของคุณ) on port (หมายเลขพอร์ท)."โฆษณา
-
คลิกเมนู แล้วเลือก System Preferences . firewall ของ Mac จะไม่ได้เปิดใช้งานไว้แต่แรก [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
คลิก Security & Privacy . ที่เป็นไอคอนบ้าน ในแถวบนสุด
-
คลิก tab Firewall . แถวๆ ตรงกลางด้านบนของหน้าต่าง
- ถ้ามีข้อความขึ้นว่า "Firewall:On" ทางด้านบนของ tab ก็แปลว่าเปิดใช้ firewall อยู่
- ถ้าไม่ได้เปิดใช้ firewall ไว้ แต่อยากจะเปิด ให้คลิกไอคอนแม่กุญแจ ด้านซ้ายล่างของหน้าต่าง ใส่รหัสผ่านแอดมิน แล้วคลิก Turn On Firewall
-
คลิก Firewall Options . เพื่อเปิด settings รวมถึงรายชื่อแอพและ services ที่อนุญาต/ไม่อนุญาตให้ผ่าน firewall ได้
- ถ้าแอพหรือ service นั้นมีจุดสีเขียว พร้อมข้อความ "Allow incoming connections" แปลว่าเปิดพอร์ทอยู่
- ถ้ามีจุดสีแดง พร้อมข้อความ "Block incoming connections" แสดงว่าปิดพอร์ทไว้
- คุณเปิด/ปิดพอร์ทได้ โดยคลิกไอคอนลูกศรคู่ ข้างสถานะปัจจุบันของแอพ แล้วเลือกตัวเลือกที่ต้องการ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา