ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ย้อนกลับไปในอดีต ความคิดที่จะเอามือไปวางบนแผ่นเสียงถือได้ราวกับการล่วงละเมิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ดีเจในยุคเริ่มต้นอย่าง Kool Herc, Grandmaster Flash, และ Grand Wizard Theodore ได้เริ่มทดลองเทคนิคต่างๆ ที่ตอนนี้เราต้องนึกขอบคุณและทำให้นักปาร์ตี้ทั้งหลายได้ขยับลีลาอย่างน่าดูชม ทักษะของดีเจมีตั้งแต่เบรกบีต สแครชแผ่น ทำลูป ทำพันช์เฟซซิ่ง และคุณสามารถหัดเรียนเพื่อเข้าสู่วงการดีเจได้ เรียนรู้อุปกรณ์ว่ามีอะไรบ้างแล้วทักษะพื้นฐานที่ต้องฝึกให้คล่อง รวมทั้งการเริ่มสะสมแฟนคลับและก้าวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

รวบรวมอุปกรณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเป็นดีเจนั้นคุณต้องมีอะไรมากกว่าแค่เล่นเพลง เรียนรู้ที่จะสร้างเซ็ตเพลงที่เล่น มิกซ์สด แล้วทำให้ฝูงชนเริ่มขยับลวดลายทั้งหมดจากชุดเครื่องเล่น หลังจากนั้นคุณอาจลงทุนซื้อลำโพงขนาดใหญ่ขึ้น มอนิเตอร์ เครื่องควบคุม MIDI อินเตอร์เฟส ไมโครโฟน และพลักอินอื่นๆ ขึ้นอยู่กับความทะเยอทะยานของคุณแล้ว แต่สำหรับอุปกรณ์พื้นฐานของดีเจนั้นจะต้องมีดังต่อไปนี้:
    • เทิร์นเทเบิลสองตัวหรือเครื่องเล่นซีดีสองเครื่อง (หรือมากกว่านั้น แต่ไม่จำเป็น)
    • มิกเซอร์ 2 แชนแนล
    • เฮดโฟน
    • ลำโพง
    • ซอฟท์แวร์สำหรับมิกซ์เพลง (ไม่จำเป็น)
  2. ดีเจแนวดั้งเดิมจะเลือกอุปกรณ์โดยยึดเทิร์นเทเบิลแบบไดเร็คไดรฟ์เพื่อเล่นแผ่นเสียง แต่เดี๋ยวนี้ก็ใช้แนวเล่นจากซีดีกันมากขึ้น ทั้งสองแบบต่างมีข้อดีข้อเสีย แต่มีผลต่อการเล่นสดและกลายเป็นดีเจ
    • การเซ็ตอุปกรณ์แบบอนาล็อกจะทำให้คุณสามารถเปิดแผ่นในแบบดั้งเดิม เรียนรู้ทักษะที่พวกนั้นเคยเริ่มต้นทำไว้ เช่นการสแครชเข็มบนตัวแผ่นเสียง แต่มันก็ทำให้คุณต้องสะสมแผ่นเสียงจำนวนมหาศาลน่าดู ซึ่งคงใช้เงินไม่น้อยเลยล่ะ
    • การเซ็ตอุปกรณ์แบบดิจิตอลจะเน้นที่ความสะดวกสบายในการพาไปไหนมาไหน และวิธีเรียนรู้ก็เร็วกว่าด้วย เช่น การเรียนแมทช์จังหวะให้ตรงกันและการต่อเพลงก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วยซอฟท์แวร์และเครื่องนับบีตต่อนาที (BPM)
  3. Serato Scratch หรือ Traktor เป็นโปรแกรมที่สามารถอ่านเพลงได้ทุกฟอร์แมทและเลือกเพลงได้ผ่านทางอินเตอร์เฟส Pioneer และ Numark ก็มีอุปกรณ์เครื่องเล่นหลากหลายที่ควรค่าแก่การเข้าไปดู [1]
    • โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงคลังเพลง MP3 ที่เก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ และส่วนใหญ่พวกมันจะสามารถให้เราทำการลูปเพลงสดๆ หรือสแครช ทำดีเลย์ (เสียงยืด) และรีเวิร์บ (เสียงก้อง) ควบคุมตามเวลาจริง และเล่นวิดีโอหรือคาราโอเกะได้ด้วย
    • Ableton เป็นโปรแกรมที่ให้คุณเชื่อมต่อแผงควบคุมมิกเซอร์ผ่านทางสาย USB แล้วเล่นเพลงเหมือนดีเจยุคแรกได้ มันเหมาะสำหรับมือใหม่และคนที่เน้นประหยัด
  4. อย่าลงทุนกับอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือตั้งแต่แรก เงินส่วนใหญ่ควรเน้นไปที่เทิร์นเทเบิลกับมิกเซอร์เป็นหลัก ตอนนี้ให้ลืมอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ก่อน และใช้เงินอย่างชาญฉลาด ซื้อเทิร์นกับมิกเซอร์ใหม่
    • หากคุณจริงจังกับการจะเป็นดีเจ โอกาสคือคุณน่าจะพอรู้จักดีเจในละแวกที่คุณอยู่บ้าง ขอคำแนะนำจากพวกนั้นในเรื่องชุดอุปกรณ์ที่พวกนั้นใช้! ถ้าพวกเขาลุ่มหลงในเรื่องนี้ไม่แพ้คุณ รับรองว่าเขาจะยินดีสละเวลามาอธิบายให้คุณฟังแน่ๆ
  5. ดีเจส่วนใหญ่จะบันทึกเพลงตัวอย่าง ทำเพลย์ลิสต์และเพลงของตัวเองที่บ้าน ให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่คุณจะพาไปเปิดในคลับนั้นสามารถต่อร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้ในบ้านด้วย เช่น หากคุณเป็นดีเจแนวฮิปฮอป คุณอาจต้องการลงทุนในมิกเซอร์แบบสแครช/แบทเทิลที่บ้านเพื่อเลียนแบบบรรยากาศเวลาแข่งแร็ปของจริง
    • นี่จะยิ่งมีประโยชน์หากคุณวางแผนจะทำเพลงเอง เราจะพูดถึงตรงนี้เพียงเล็กน้อยก็จริง แต่รู้ว่ามันอาจเป็นหนทางพาคุณไปสู่ความโด่งดังได้ในอนาคต
  6. หากคุณวางแผนจะเล่นเพลงในสถานที่ซึ่งมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับดีเจอยู่แล้ว คุณอาจต้องการแค่คอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมมิกซ์เพลง แต่ถ้าต้องไปเปิดแผ่นในงานทั่วไป คุณอาจจำเป็นต้องเอาอุปกรณ์ไปเอง จำกัดขอบเขตสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่ต้องการอะไรสำหรับงานแบบนี้
    • โปรแกรมมิกซ์เพลงบางโปรแกรมอาจหัดตามได้ยาก คุณสามารถหาบทเรียนและแบบฝึกหัดตามอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็เข้าคอร์สโรงเรียนดีเจที่จะสอนคุณในอุปกรณ์ใหม่ๆ แต่ก็ต้องรู้ว่าคุณเป็นคนต้องทำมันเองในที่สุด
  7. คุณรู้ไหมว่ายังต้องการอะไรอีก เพลงไงล่ะ และคุณต้องไม่ใช้เพลง mp3 บิตเรทต่ำที่ดาวน์โหลดมาตามเน็ตเช่นกัน การจะเป็นดีเจมืออาชีพ อย่างน้อยก็ต้องจ่ายเงินกับค่าเพลงบ้างละนะ ตอนนี้เริ่มเล่นในเพลงที่คุณมีก่อน แต่ต้องเตรียมใจว่ามันจะเป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ในอนาคตแน่ คุณต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเพลง สอบถามเพื่อนๆ และดูชาร์ทอันดับเพลง แชนแนลของค่ายเพลงตามยูทูปและเว็บไซต์สำหรับดีเจอย่าง Beatport นี่คือรายชื่อแนวเพลงที่คุณอาจลองหาฟังดู:
    • เฮาส์
    • ทรานซ์
    • เทคโน
    • อิเล็กโทร
    • กลิทช์
    • ดาร์คอัลเทอร์เนทีฟ
    • โปรเกรสซีฟ
    • เบรกบีต
    • ฮาร์ดสไตล์
    • ฮาร์ดคอร์
    • ดาวน์เทมโป
    • จังเกิล
    • ดรัมแอนด์เบส
    • ดับสเต็ป
    • ฮิปฮอป
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

ทำเพลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บีตต่อนาที (BPM) ของเพลงจะบอกว่าคุณสามารถมิกซ์มันกับเพลงอื่นได้เนียนและง่ายขนาดไหน คุณสามารถคำนวณ BPM ได้โดยการนับจังหวะด้วยตัวเองโดยใช้นาฬิกาจับเวลา แต่มันใช่เรื่องเรอะ มิกเซอร์บางยี่ห้อจะมีเครื่องนับ BPM ติดอยู่บนแผง ในขณะที่โปรแกรมดีเจส่วนใหญ่ก็คำนวณ BPM ของเพลงนั้นให้คุณ ถึงแม้จะไม่แม่นยำ 100% ก็ตาม ทางที่ดีคุณจึงควรมีเซนส์เรื่อง BPM ด้วยตัวเองอยู่พอประมาณ
    • คุณสามารถใช้โปรแกรมเร่งจังหวะมาใช้ให้บีตตรงกัน ถึงแม้ทางที่ดีควรหาเพลงสองเพลงที่มี BPM ไม่แตกต่างกันนักจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม ใช้มันในเพลงท่อนที่ยังไม่มีเสียงร้องนะ เพราะการเร่งเพลงให้เร็วขึ้นหรือยืดเพลงให้ช้าลงจะเปลี่ยนคีย์เสียงร้องและทำให้ทุกอย่างมันยุ่งไปเสียหมด
  2. เพลงเต้นรำส่วนใหญ่จะมีช่วงอินโทรที่มีเพลงบรรเลงไปโดยยังไม่มีเสียงร้องและมีท่อนเหมือนกันนี้ในตอนท้ายเพลง การมิกซ์เพลงมักจะเป็นการผสมอินโทรของเพลงใหม่เข้าไปในเอาโทรของเพลงที่เล่นอยู่ การรู้ว่าเอาโทรเริ่มตรงไหนและอินโทรเริ่มตรงไหนจึงเป็นส่วนสำคัญในการมิกซ์เพลงสด
    • เตรียมเพลงที่สอง เตรียมเพลงที่สองให้พร้อมทันทีที่เริ่มเล่นเพลงแรก ใช้มือหนึ่งจับปุ่มพิทช์บนเทิร์นเทเบิลหรือเครื่องเล่นซีดีเพื่อปรับความเร็ว (ถ้าหาก BPM ไม่ตรงกัน) แล้ววางมืออีกข้างไว้บนครอสเฟดเดอร์ ซึ่งจะเบาเสียงเพลงแรกลงแล้วเพิ่มความดังของเพลงที่สอง
  3. เรียนรู้การสแครชแผ่น . คุณสามารถใช้ฐานวางแผ่นหาตำแหน่งของเพลงที่คุณจะใช้มิกซ์เชื่อมหรือจะใช้เป็นแผ่นเสียงจำลองทำการสแครชแผ่น วิธีการสแครชมีทั้งแบบเบบี้สแครช (สแครชไปหน้าแล้วถอยหลังกลับไปกลับมา) หรือสคริบเบิลสแครช (เหมือนเบบี้สแครชแต่เร็วกว่า) และแดรกแอนด์สแครช (ทำเบบี้สแครชช้าๆ จนเหมือนแผ่นจะหยุดหมุนแล้วปล่อยกลับมาสแครช) ซึ่งใช้ในระดับพิทช์ที่แตกต่างกัน [2] ทำให้คล่องในทุกรูปแบบก่อนออกงานจริง!
    • เพลงบางเพลงหรือบางช่วงของเพลงบางเพลงเหมาะแก่การนำมาสแครช ในขณะที่บางเพลงก็อาจใช้ไม่ได้ การรู้ว่าเมื่อไหร่ถึงควรจะสแครชนั้นก็เหมือนจังหวะไทม์มิ่งเวลาเล่นตลก คือคุณจะรู้เองว่านี่คือช่วงที่ถูกและนี่คือช่วงที่ผิด
  4. ตอนจะเริ่ม ทำให้การมิกซ์ง่ายขึ้นโดยยึดอยู่กับเพลงสองเพลงที่มีBPM ต่างกันไม่เกิน 3 ของกันและกัน คุณยังควรใช้เพลงที่อยู่ในคีย์เดียวกัน ดปรแกรมจะสามารถบอกส่วนนี้ได้ทั้งหมด พอต่อเพลงได้แล้ว ค่อยเริ่มทดลองการทำลูปแล้วค่อยไปเล่นปุ่มต่างๆ ในการเพิ่มเอฟเฟกต์
    • อีกทั้งควรทดลองหลายๆ วิธีบนมิกเซอร์ สำหรับเอฟเฟกต์ส่วนใหญ่แล้วมันจะมีวิธีมากกว่าหนึ่งวิธีที่จะทำได้ คุณต้องหาเอาเองว่าถนัดแบบไหน (ส่วนมากวิธีหนึ่งคือทำด้วยตัวเองและอีกวิธีจะพึ่งเครื่องมาช่วย)
  5. เปลี่ยนจากเพลงหนึ่งไปอีกเพลงให้เนียนกลมกลืน. ส่วนสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเปิดแผ่นคือการเปลี่ยนเพลง จังหวะต้องเข้ากันจนดูเหมือนมันเป็นจังหวะต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนยังคงเต้นต่อไปไม่สะดุด เมื่อใช้เครื่องมือดีเจมาตรฐานนั้น คุณก็ต้องฟังเพลงที่สองในหูฟัง เลื่อนปุ่มปรับพิทช์จนเพลงทั้งสองเล่นด้วยความเร็วเท่ากัน จากนั้นกำหนดช่วงเพลงให้ต่อกับเพลงที่เปิดอยู่ การฝึกต่อเพลงให้กลมกลืนเป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นของดีเจ
    • คุณยังต้องปรับระดับความดังของเสียง เพลงที่คุณกำลังเล่นอยู่นั้นเล่นเต็มกำลังเสียง คุณจึงต้องค่อยๆ เร่งเพลงที่สองขึ้นช้าๆ ฟังให้ละเอียดแล้วค่อยเพิ่มความดังขึ้น [3]
    • อย่ามิกซ์เสียงร้องทับเสียงร้อง มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงการทำเสียงรบกวน ซึ่งหมายถึงคุณจำเป็นต้องคุ้นเคยกับท่อนอินโทรกับเอาโทรของเพลงต่างๆ เป็นอย่างดี
    • ในแบบดิจิตอลแล้ว คุณอาจใช้โปรแกรมแมทช์จังหวะหรือบีตให้มันทำให้โดยอัตโนมัติ ถ้าหากเพลงทั้งคู่มี BPM ต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ยังควรฝึกทำเองแบบอนาล็อก เพราะนี่คือทักษะพื้นฐาน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

เรียนรู้ให้ช่ำชอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่เริ่มต้นจากการเป็นงานอดิเรกราคาแพงสามารถเปลี่ยนเป็นอาชีพในระยะยาวได้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่คุณจะทำได้ การเป็นดีเจต้องอุทิศเวลากว่าจะสามารถเสกสรรค์มนต์มหัศจรรย์เข้าไปในเพลงของคนอื่นได้ คุณอาจสามารถเริ่มทำได้ภายในหนึ่งชั่วโมง แต่คุณไม่มีทางทำได้ดีจริงๆ ในระยะเวลาเนิ่นนาน
    • นี่ไม่ใช่งานอดิเรกแบบมาทำฆ่าเวลาบ่ายวันพุธ หากคุณอยากฝึกทักษะให้เชี่ยวชาญ คุณก็ต้องฝึกฝน การนับจังหวะลง 4 อาจเป็นงานหนึ่งของการดีเจ แต่การรู้ใจคนฟังและรู้ว่าเพลงแบบไหนช่างสามารถนำมาต่อกับเพลงอีกแบบได้อย่างไม่น่าเชื่อนั้นเป็นความสามารถที่ต้องฝึกฝนกัน
  2. ตัดสินใจว่าคุณอยากเป็นดีเจแบบขวัญใจมหาชนหรือแบบขวัญใจคอเพลง. ไปเล่นบางที่อาจให้คุณเป็นได้ทั้งสองแบบ บาร์ทั่วไปอาจเรียกร้องให้คุณเล่นเพลงของแคธี่ เพอร์รี่ ทั้งที่ใจจริงคุณอยากจะลืมเพลง Last Friday Night เสียให้ได้ การเป็นดีเจนักเพลงตัวยงนั้นจะเพิ่มเครดิตให้ตัวคุณกับเพื่อนดีเจด้วยกัน แต่อาจทำให้งานเปิดแผ่นของคุณมีน้อย
    • ดีเจขวัญใจมหาชนหมายถึงเล่นเพลงที่โดนใจโดนรสนิยมการฟังของคนหมู่มาก สไตล์แบบนี้เหมาะกับงานอย่างงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงภายใน
    • ดีเจนักเพลงจะยึดอยู่กับดนตรีเฉพาะแนว โดยไม่สนว่าคนฟังจะเรียกร้องอยากฟังอะไร โดยทั่วไปดีเจพวกนี้จะเล่นเพลงตามคลับที่เน้นเพลงเฉพาะแนว หรือมิเช่นนั้นเขาก็สร้างชื่อขึ้นมาจนเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงแนวนั้นๆ
  3. หาดีเจสักคนที่สไตล์เป็นที่ชื่นชอบของคุณแล้วติดตามลอบสังเกตเขาเท่าที่จะทำได้ ให้ความสนใจว่าเพลงของเขามีโครงสร้างอย่างไรและจัดการกับคนฟังอย่างไร หลังจากสังเกตเขา ลองเข้าไปตีสนิทหลังจบโชว์เพื่อถามเคล็ดลับ ดีเจส่วนใหญ่จะยินดีให้คำแนะนำหากรู้ว่าคุณเอาจริง
    • หาแรงบันดาลใจจากดีเจที่โด่งดัง บางทีการมองดูมืออาชีพอย่าง Headhunterz, Tiesto, Avicii, Knife Party, Sebastian Ingrosso, Deadmau5, และSkrillex ก็ช่วยคุณได้
  4. คุณยังเป็นนักเพลงได้แม้จะเล่นเพลงสารพัดแนว แต่คุณเป็นนักเพลงแบบมีตรรกะไงล่ะ ดีเจส่วนใหญ่จะช่ำชองแค่แนวใดแนวหนึ่ง การที่คุณเชี่ยวชาญหลายแนวก็สามารถเลื่อนคุณขึ้นมาชั้นแนวหน้าได้เหมือนกัน
    • นี่ยังเพิ่มโอกาสเปิดกว้างขึ้นในงานอนาคต แทนที่จะมีคลับแค่แห่งสองแห่งสนใจคุณ คุณจะสามารถรับงานคลับอื่นๆ ได้อีก รวมถึงงานแต่งงานเลี้ยงบางโอกาสด้วย
    • ในแต่ละแนวที่คุณเล่น คุณสมควรต้องรู้จักเพลงแนวนั้นที่ขึ้นหิ้ง รู้จักเพลงดีที่คนไม่รู้จัก (อย่างเพลงหน้าบีที่ควรจะเป็นเพลงเอกด้วยซ้ำ) และเพลงแนวนี้ที่ร่วมสมัย การผสมเพลงแต่ละส่วนตรงนี้เข้าด้วยกันจะทำให้คนชื่นชอบ [4]
  5. เพื่อที่จะก้าวทันโลกที่แสนหมุนเร็ว คุณจำต้องติดตามและรู้ว่าเทรนด์กำลังโน้มไปในทางไหน คุณต้องนำหน้าหัวแถวของโลกวันนี้และเอียงเข้าหาโลกวันพรุ่งนี้
    • คุณควรจดบันทึกเป็นประจำ หาว่าเพลงที่เพิ่งได้ยินคือเพลงอะไร จดไอเดียที่ผุดขึ้นมาในระหว่างนั่งเล่น มีโทรศัพท์กับปากกาติดมือเพราะแรงบันดาลใจเกิดขึ้นได้ไม่รู้ตัว และเผื่อว่าเพื่อนคุณจะได้แลกเปลี่ยนเพลงที่เขากำลังหัดอยู่ด้วย
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

สร้างการติดตาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก็เหมือนนักบินที่ต้องสะสมชั่วโมงบินถึงจะได้ความยอมรับนับถือ คุณเองก็ต้องหาทางสร้างเวลาที่ได้ออกเล่นเพลง วิธีที่ดีที่สุดคือการได้งานผ่านทางบริษัทที่มั่นคง ไม่ช่แค่งานแบบหนเดียวจบ
    • หาบริษัทที่รับงานดีเจสำหรับงานเลี้ยงงานแต่งต่างๆ คุณจะได้ไม่ต้องเป็นฟรีแลนซ์ แต่มีงานรองรับ
    • ลงทะเบียนอาสาเปิดเพลงให้สถานีวิทยุชุมชนหรือตามมหาวิทยาลัย
    • ร้านบางร้านต้องการดีเจเปิดเพลงช่วงพักเปลี่ยนวง เสนอตัวขอให้เป็นคุณ! [4]
  2. การพอมีไอเดียว่าใครคือคนฟัง ก่อน คือกุญแจสู่ความสำเร็จของการเป็นดีเจ เช่น ถ้าต้องเล่นเพลงในงานแต่งงาน เตรียมเพลงช้าๆ หวานซึ้งหรือพยายามหาทางรู้รสนิยมการฟังเพลงของเจ้าสาวก่อนล่วงหน้า ถ้าเล่นในคลับ ให้ทำความคุ้นเคยว่าเจ้าของคลับชอบแบบไหน แขกขาประจำของร้านคือใคร แขกขาประจำนี่แหละที่ทำให้ร้านอยู่ได้และมาจ่ายเงินจ้างคุณ เรียนรู้ที่จะเอาใจพวกเขาหน่อย
    • ระวังเรื่องเพลงตามคำขอ หากคุณเล่นเพลงในคลับที่เน้นลูกค้าชอบแนวฮิปฮอป แล้วบังเอิญมีนักท่องเที่ยวหรือคนที่ไม่คุ้นในเพลงนี้มาขอให้เล่นเพลงที่ไม่ไปตามแนว คิดให้ดีก่อนจะเล่น จำไว้ว่าเป้าหมายคุณคือการรักษาฐานคนฟังหลักให้รู้สึกสนุกอยากกลับมาอีกต่างหาก
    • ถ้าเป็นไปได้ แวะไปดูสถานที่ล่วงหน้า ให้ได้ฟีลว่าขาประจำเป็นใครจะช่วยให้คุณไม่กดดันมาก
  3. คุณควรทำแผ่นพับแนะนำตัวเอง แจกนามบัตร ส่งอีเมลต่อเนื่อง และขยายเครือข่ายสังคมให้กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่งานแบบระบุเวลาทำงาน แต่เป็นงานที่ต้องทำทุกเมื่อถ้าจำเป็น
    • จัดตารางเวลาให้แน่นขนัด พอคุณเริ่มมีแฟนประจำ ให้หาโอกาสเล่นเพลงบ่อยเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ชื่อเป็นที่ติดหู เรียกว่าตอนแรกๆ นี้งานไหนก็รับหมด เพื่อปลุกกระตุ้นความสนใจ และเร้าความคิดสร้างสรรค์ในตัวเอง
  4. หากคุณไม่มีเวลาหรือเงินจะสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง เริ่มสร้างบนทวิตเตอร์หรือเฟสบุ๊คก็ได้ โปรโมทงานคุณ และหาเวลาติดต่อกับแฟนเพลง ตอบกลับข้อความของพวกเขาเป็นการส่วนตัว ยิ่งคุณดูเป็นบุคคลที่เขาสัมผัสตัวตนได้จริงก็จะยิ่งดี
    • ทำเพลย์ลิสต์. สร้างเพลย์ลิสต์หรือรายชื่อเพลงที่เล่นบน iTunes หรือ Spotify แล้วแชร์กับแฟนเพลงของคุณ มันจะช่วยให้พวกเขาได้ทดลองฟังรสนิยมของคุณ ให้คุณได้แนะนำผู้คนถึงเพลงใหม่ๆ ที่คุณอยากนำมาเปิดในโชว์ นี่ไม่ใช่การทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องถ่อมาฟังคุณ แต่เป็นเหมือนไปกระตุ้นความอยากของพวกเขามากกว่า
  5. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณอยากก้าวหน้าในอาชีพนี้แค่ไหน คุณอาจเริ่มในที่เล็กๆ ยอมเล่นตามงานเลี้ยงแลกค่าตัวไม่เท่าไหร่ หรือขอเปิดเพลงในคลับของคืนวันทำงานที่ลูกค้าน้อย ถามเพื่อที่จัดงานเลี้ยงว่าขอคุณเป็นดีเจได้ไหม ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อคุณยังด้อยประสบการณ์ งานเล็กงานน้อยก็ต้องรับ ค่าจ้างก็นิดเดียวจนอย่าเพิ่งออกจากงานประจำเลย แต่คุณยอมทำฟรีๆ ก็ได้ ถ้าหาก จำเป็น ต้องทำ ถูกไหม
    • ตอนที่คุณยังใหม่ในวงการ อาจมีคนจ้างคุณแต่ในเงื่อนไขว่าคุณต้องพาคนมาด้วยกี่คนก็ว่าไป นี่มันไม่ใช่เรื่อง คุณไม่ใช่โปรโมเตอร์และก็ไม่จำเป็นต้องลากเพื่อนมา กระนั้น...บางทีก็อาจต้องฝืนใจรับ แต่ต้องรู้ว่าคุณจะทำงานให้เขาก็เฉพาะงานนี้ อนาคตก็เลี่ยงไปซะ
  6. ขั้นตอนต่อไปจากการเป็นดีเจคือโปรดิวซ์ผลงานเพลงของคุณเอง คุณยังคงเปิดเพลงของคนอื่น แต่คุณสามารถทำแมชอัพ (เอาเนื้อเพลงหนึ่งไปใส่ดนตรีอีกเพลงหนึ่ง) รีมิกซ์เพลง ตัดต่อเพลงใหม่ แล้วทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม DJ Earworm โด่งดังเป็นพลุในยูทูปก็จากการทำเช่นนี้ [5] ถ้าทำผลงานเพลงของตัวเองก็มีสิทธิได้เงินเพิ่มขึ้น
    • และพอมันเกิดขึ้นแล้ว ก็อาจได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง ถึงคุณจะไม่โด่งดังเป็นแถวหน้า ก็อาจได้ร่วมงานกับศิลปินอื่นหรือทำงานเบื้องหลังได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

ทำให้มันกลายเป็นอาชีพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในฐานะดีเจ คุณต้องรับผิดชอบด้านการสร้างความบันเทิงให้ผู้คนกลุ่มใหญ่ด้วยตัวคุณเอง เพลงที่คุณเล่นเป็นส่วนสำคัญ แต่คุณก็จำเป็นต้องให้ความสนใจกับวิธีการแสดงของตัวเองบนเวที อย่าแค่ยืนก้มหน้าก้มตาเปิดแผ่น มันช่างน่าเบื่อ พยายามกลายเป็นคนที่เรียกร้องความสนใจของคนอื่นในแบบที่ดี เรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดพูดแล้วเล่นเพลงด้วย
  2. ใช้เพลงควบคุมบรรยากาศ กระตุ้นให้มันเดินหน้า แบ่งเพลงสไตล์แตกต่างกันออกไปในแต่ละส่วน เล่นเพลงที่ช้ากว่าเบากว่าตอนเริ่มงาน ค่อยๆ เร้าจังหวะ แล้วเล่นเพลงจังหวะเร่งเร้าในตอนท้าย เหนืออื่นใดให้สังเกตผู้ฟัง แล้วดูว่าพวกเขาตอบสนองกับเพลงแบบไหน
    • อย่าเล่นแต่เพลงจังหวะเร็วๆ ในงานแต่ง มันจะพรากบรรยากาศโรแมนติกไปหมด
    • อย่าเล่นแต่เพลงช้าๆ ในงานที่เน้นวัยรุ่น พวกเขาจะเบื่อเอาง่ายๆ
  3. โผล่ไปในงานตรงเวลาและเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว เล่นโชว์ทุกครั้งอย่างเต็มฝีมือ สนุกไปกับผู้ฟัง แต่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบผู้ฟังอย่างเคารพและมีความเป็นมืออาชีพ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าในกลุ่มผู้ฟังมีใครดูคุณอยู่บ้าง
    • พูดก็พูด ในโลกของดีเจนี้ ส่วนมากก็มีพวกงี่เง่าเยอะไปหมด คุณอย่าไปทำตัวแบบนั้น ทำตัวเป็นน้ำดีเพราะหากไม่เป็นมืออาชีพ มีคนต่อแถวอยากเป็นดีเจไม่รู้เท่าไหร่ที่อยากก้าวขึ้นมาแทนที่คุณ
  4. การทำงานในคลับหรือสถานที่เที่ยวกลางคืนไม่ได้มีแต่ภาพสวยงาม จำไว้ว่าเวลา 95% ที่ผู้ฟังของคุณจะดื่มมาในระดับใดระดับหนึ่ง บางคนอาจเมาเหล้า เมายา หรือเมามันมาทั้งคู่ [6] พวกนี้จะสร้างความลำบากให้คุณอยู่เป็นครั้งคราว พยายามอย่าไปใส่ใจ ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาไปซะ
    • นอกเหนือจากคนฟังที่หยาบคายหรือไม่พอใจแล้ว คุณยังต้องรับมือกับเจ้าของร้านสุดเขี้ยวและปัญหาทางเครื่องไม้เครื่องมืออีก ใช้ความสามารถในการรับมือผู้คนมาจัดการเรื่องแบบนี้เพื่อทำให้คุณแกร่งขึ้น
  5. ลองนึกภาพไปงาน (ซึ่งคุณน่าจะเคยพบมาบ้างแล้ว) แล้วเห็นดีเจมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการกดปุ่มโน่นนี่ราวกับกำลังฝนทั่งให้กลายเป็นเข็ม มันคงแย่น่าดู การเห็นดีเจที่ไม่ได้ชอบกระทั่งเพลงที่เปิดอยู่มันแย่ยิ่งกว่าการต้องทนฟังวงวณิพกขี้เมาเสียอีก ฉะนั้นจงแสดงอย่างชัดเจนว่าตัวคุณเองก็สนุกจริงๆ แล้วผู้ฟังจะพลอยสนุกตามไปด้วย
    • คุณได้รับอนุญาตให้บ้าเลยเถิดได้นิดหน่อยนะ ยิ่งคุณรู้สึกแค่ไหน คนก็ยิ่งรับรู้ได้ ยิ่งคนรับรู้ คนก็จะยิ่งต้องการเรียกร้องคุณกลับมาอีก
  6. หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการรับงานห่วยๆ และต้องปรับแต่งอุปกรณ์ที่ยังต่ำกว่ามาตรฐาน ถึงเวลาเลื่อนไปอีกขั้น เมื่อเริ่มหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ได้เวลายกระดับอุปกรณ์เสียที มาตรฐานของวงการนี้คือเทิร์นเทเบิล Technics 1200 แต่คุณยังสามารถเลื่อนขึ้นไปกว่านั้นได้อีก อาจต้องทุ่มเงินหน่อย แต่ได้ผลตอบแทนกลับมาในระยะยาวแน่
    • เริ่มกำหนดค่าตัว คุณคิดว่าค่าตัวคุณคือเท่าไหร่ คุณคงไม่อยากทำตัวเป็นซูเปอร์สตาร์ดีเจ แต่ก็ไม่อยากขายฝีมือในราคาติดดิน พิจารณาเรื่องการหอบหิ้วอุปกรณ์ในการรับงานไกลๆ ด้วย และดูสภาพความเป็นจริงของงานแต่ละงาน (บางงานเห็นชัดกว่า) สุดท้ายก็อย่าลืม มันทำให้คุณเลี้ยงตัวเองได้หรือเปล่า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พัฒนาซาวด์ของตัวคุณเอง สร้างการมิกซ์เพลงที่โดดเด่นและเป็นปรมาจารย์ในแนวเพลงเฉพาะทาง ลองเล่นอุปกรณ์ใหม่ๆ แล้วนำมันมาประยุกต์ใส่ในการมิกซ์เพลงของคุณ
  • สนุกกับตัวเองโดยการเปิดเพลงแรกที่ทำให้คุณคึกคัก
  • ให้เพื่อนไปอยู่กลางฝูงชนเพื่อช่วยคุณปรับระดับความดัง คุณต้องการให้เพลงดังพอที่คนจะได้ยินจังหวะ แต่ไม่ดังเกินขนาดคุยกับคนข้างๆ ไม่รู้เรื่อง
  • ฟังเพลงที่ถูกรีมิกซ์มา แล้วฝึกตาม
  • พยายามจัดชื่อเพลงให้เรียงต่อกันเป็นประโยคบอกเล่า เช่น: "Lady in Red" ขับรถ "Little Red Corvette" ไปที่ "Funkytown"
  • พยายามเพิ่มเอฟเฟกต์ในระหว่างมิกซ์เพลง มันอาจช่วยได้เพราะเอฟเฟกต์จะช่วยให้การต่อเพลงกลมกลืนกันง่ายขึ้น
  • พัฒนาสมดุลระหว่างการพูดและการเปิดเพลง ฝูงชนจะต้องการให้คุณพูดกับเขาบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป
โฆษณา

คำเตือน

  • วางอุปกรณ์ดีเจของคุณให้อยู่สูงๆ นักเที่ยวทั้งหลายจะได้ไม่ทำเหล้าหกใส่
  • อย่าไปดูถูกดีเจคนอื่น วงการนี้มันแคบ หากคุณมีชื่อในทางลบ จะเสียใจในภายหลัง
  • อย่าทำตัวรับงานฟรีหรืองานค่าจ้างต่ำจนติดเป็นนิสัย คุณคงไม่อยากถูกมองเป็น "ดีเจราคาถูก" ลูกค้าควรจ้างคุณเพราะฝีมือ ไม่ใช่เพราะคุณราคาไม่แพง
  • สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกโชว์ที่เหมาะสมในตอนแรก มันจะนำพาไปสู่การที่ผู้ฟังก็สนุกขึ้น และดีเจก็มีความสุขขึ้น!
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • คอลเลคชั่นเพลงหรือบัญชีเพลงดิจิตอล
  • เทิร์นเทเบิล เครื่องเล่นซีดี และเครื่องควบคุมดีเจ
  • มิกเซอร์ (สำหรับการเปิดแผ่นที่ท้าทายขึ้น)
  • หูฟัง
  • ลำโพงที่มีภาคขยายเสียงในตัว
  • โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ไม่จำเป็น)
  • แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,929 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา