ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การสแครชแผ่นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาวุธพื้นฐานของศิลปะการทำเพลงด้วยแผ่นเสียงเลย ในขณะที่ดีเจแค่วางเข็มเล่นเพลง ศิลปินแผ่นเสียง (turntablists) จะสร้างสรรค์งานศิลปะ เรียนรู้การหาเครื่องไม้เครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเสียงจากแผ่นจะเปิดโอกาสให้คุณได้ค้นพบโลกกว้างแห่งการสร้างท่วงทำนอง เรียนรู้เทคนิคและรสนิยมของศิลปะงานเพลงแนวนี้เพื่อช่วยให้คุณกลายเป็นศิลปินแผ่นเสียงชั้นยอด!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

หาอุปกรณ์ที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สำหรับดีเจทั่วไป นั่นหมายถึงคุณจำเป็นต้องมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบมอเตอร์ขับตรงสักสองเครื่อง มิกเซอร์หนึ่งตัว และแผ่นเสียงสำหรับการฝึกแซมพลิงและสแครช อย่างไรก็ดี เดี๋ยวนี้การใช้คอนโทรลเลอร์แบบดิจิตอลและเครื่องซีดีเจ (ซีดีแบบเล่นคล้ายแผ่นเสียง) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลายรุ่นมีลูกเล่นที่ช่วยให้สามารถใช้มันเล่นสแครช สร้างลูปจังหวะเพลง เล่นเพลงกลับหลัง หรือปรับความเร็ว/ช้า และอื่นๆ อีกมากที่ทำให้มันเหมาะกับศิลปินแผ่นเสียง
    • ถ้าคุณไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียง การเลือกซื้อเครื่องเล่นอาจฟังดูน่ากลัว อย่าว่าแต่ถ้าคิดจะเป็นศิลปินแผ่นเสียง คุณต้องใช้ตั้งสองเครื่อง คุณจะ “สแครช” แผ่นจากเครื่องเล่นเครื่องเดียวก็ได้ แต่มันไม่ออกมาเป็นเพลงนะสิ ถ้าอยากจะสแครชก็ต้องซื้อรุ่นที่เป็นแบบมอเตอร์ขับตรงก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องทุ่มทุนมากก็ได้
  2. หามิกเซอร์ที่มีให้ปรับโค้งบนตัวเฟดเพลงข้ามเครื่อง (cross fader). การปรับโค้งได้จะทำให้คุณควบคุมเสียงสลับไปมาระหว่างเครื่องเล่นแผ่นทั้งคู่ได้ง่ายขึ้น มิกเซอร์สำหรับการสแครชที่ดีไม่จำเป็นต้องมีตัวเฟดเพลงอยู่ตรงกลางก่อนที่จะสลับข้ามเสียงไปแชนแนลใหม่ คุณไม่จำเป็นต้องมีมิกเซอร์แบบนี้หรอก แต่มันจะทำให้มิกซ์เพลงได้ง่ายขึ้นเยอะเมื่อคุณเริ่มใช้เทคนิคขั้นสูงขึ้น
  3. แผ่นรองแบบป้องกันไฟฟ้าสถิตย์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับดีเจสแครชแผ่น คุณนั้นต้องการจะวางนิ้วลงบนแผ่นได้และหยุดแผ่นไม่ให้หมุนโดยที่ไม่ทำให้ถาดหมุนหยุดหมุนไปด้วย
    • หากคุณมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงชนิดราคาย่อมเยาว์หน่อย คุณอาจจำเป็นต้องตัดพลาสติก แว็กซ์หรือกระดาษไขมาใช้แทน ถุงพลาสติกจากซูเปอร์มาร์เก็ตก็ใช้ได้เหมือนกัน
    • คุณสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ "magic carpet" ซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทาน ถ้าคุณต้องการจะใช้แผ่นรองของคุณเองหรือมีปัญหากับการหยุด อาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ "butter rugs" แล้วใช้มันเป็นแผ่นรองถาวรไปเลย พวกมันเป็นแผ่นรองจานเสียงที่ลื่นเนียนที่สุดในท้องตลาด คุณอาจยังคงต้องการจะลดแรงเสียดทานมากขึ้นแต่นั่นขึ้นอยู่กับรสนิยมและอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่
  4. ศิลปินแผ่นเสียงต้องการแผ่นเสียงหลากหลายแนวในการสร้างสรรค์ดนตรีขึ้นมา ศิลปินแผ่นเสียงถือเป็นปรมาจารย์ด้านการผสมผสานเพลง โดยจะใช้จังหวะจากแผ่นเสียงแผ่นหนึ่งแล้วแซมเพิลเพลงท่อนหนึ่งจากแผ่นเสียงอีกแผ่นมาสร้างเป็นเสียงใหม่ มันเป็นการทำเพลงแบบตัดปะทางเสียงที่ซับซ้อนซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อใช้เวลาฝึกฝนและมีแผ่นให้เลือกเล่นเยอะ
    • แผ่นเสียงสำหรับการสแครชส่วนใหญ่จะมีแซมเพิล จังหวะเบรคบีทและซาวด์เอฟเฟกต์มาให้เป็นชุด อย่าซื้อแผ่นอะไรก็ได้ตามอินเตอร์เน็ต ทางที่ดีคุณควรจะได้ฟังแผ่นก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าแผ่นนั้นมีอะไรที่คุณจะนำมาใช้ในการฝึกฝนหรือการเล่นของคุณได้
    • สำหรับดีเจแล้ว แผ่นเสียงแบบไม่สะดุดร่องถูกออกแบบมาเพื่อเล่นวนแซมเพิลในแบบที่ถ้าเกิดเข็มมันข้ามร่อง (ซึ่งต้องเป็นอยู่แล้ว) คุณยังสามารถเล่นเสียงตามที่ตั้งใจจะเล่นได้ ถ้าคุณไม่มีแผ่นเสียงปกติ ก็ลองทำให้ร่องเพลงเกาะเข็มดีขึ้นโดยการหาแซมเพิลท่อนที่ชอบแล้วพยายามดันแผ่นไปมาเพื่อให้เข็มเกาะร่อง
    • คุณสามารถใช้แผ่นเสียงแบบอะแคปเปลล่าที่มีแต่เสียงร้องและไม่มีเสียงดนตรีแล้วพยายามหาแซมเพิลที่จะใช้ แต่ดีเจส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยการหาแผ่นเสียงสำหรับการสแครชโดยเฉพาะไม่กี่แผ่นมาใช้ฝึกและดวลเพลงกัน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ฝึกเทคนิคให้ช่ำชอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาแซมเพิลหรือเสียงในแผ่นเสียงเพื่อฝึกการสแครช. ตั้งใจฟังแผ่นเสียงหาท่อนเพลงสั้นๆ ที่คุณสามารถนำมาสร้างเป็นเพลงทั้งเพลง ท่อนเบรคบีทหรือช่วงจังหวะที่เครื่องดนตรีทุกอย่างเฟดเสียงลงจนเหลือแต่เสียงกลองนั้น จะถูกแยกออกมาใช้เป็นบีทในเพลงแนวฮิปฮ็อป ส่วนท่อนบรรเลงก็นำมาใช้เป็นไลน์ทำนองเพลงควบคู่กันไป
    • ตั้งใจฟังแผ่นเสียงอย่างละเอียดและหยุดแผ่นเมื่อคุณได้ยินอะไรที่อาจนำไปใช้ทำอะไรได้ ย้อนกลับไปและพยายามหาช่วงตอนที่ซาวด์ท่อนนั้นเริ่มต้นขึ้นพอดี
  2. ในสมัยก่อน ดีเจจะใช้สติกเกอร์กลมชิ้นเล็กๆ แบบเดียวกับที่ครูใช้ในติดในสมุดรายงาน นำมาติดลงบนแผ่นข้างร่องเสียงที่จะใช้แซมเพิล จะได้เป็นตำหนิทางสายตาให้เห็นว่าแซมเพิลเริ่มตรงไหน และมันยังทำให้หัวเข็มสะดุดกลับมาที่ร่องเพื่อวนตัวแซมเพิลใหม่อีกด้วย
    • ดีเจบางคนไม่ชอบนำสติกเกอร์มาติดไว้ที่แผ่น ถึงมันจะเป็นวิธีคลาสสิกก็ตาม คุณสามารถลองหาวิธีทำตำหนิตามแบบที่คุณชอบ ถ้าอยากจะบันทึกบีทท่อนนั้นมาใช้มิกซ์บนแผ่น [1]
  3. หลังจากซาวด์ท่อนนั้นเล่นจบ ให้ค่อยๆ ถอยแผ่นกลับหลังด้วยความเร็วในระดับที่ใกล้เคียงกับความเร็วเดิมตอนที่มันเล่นไปข้างหน้า มันจะฟังดูเหมือนคุณไปกดปุ่มเล่นกลับหลังบนเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซาวด์ของการ “สแครช” แบบคลาสสิกจะมาจากการเลือกบีทเปล่าๆ ที่เหมาะสม อย่างเสียงทรัมเป็ตหรือเสียงซาวด์เอฟเฟกต์ยาวๆ และขยับแผ่นไปมาบนซาวด์ท่อนนั้น ทำให้เกิดเสียง “สแครช” ที่โดดเด่น
  4. เสียงสแครชแผ่นอย่างเดียวก็ดูเหมือนภาพยนตร์ที่มีแต่ฉากระเบิดทั้งเรื่อง ในตอนแรกก็ดูเจ๋งดีใช่ไหม แน่นอน แต่สักพักก็น่าเบื่อ พนันได้เลย จะสแครชให้เหมาะสมคุณก็ต้องเล่นแซมเพิลและการบังคับแผ่นควบคู่ไปกับบีท หาบีทที่เหมาะที่จะนำมาสร้างเพลง มองหาท่อนเบรคบีทในเพลงที่คุณชอบ โดยเฉพาะแซมเพิลจากเพลงโซลและอาร์แอนด์บีเก่าๆมาทำเป็นเบรคบีทที่ดีใช้สร้างเพลงของคุณเอง
  5. ดันแผ่นเสียงไปข้างหน้าบนแซมเพิลแทนที่จะปล่อยให้ซาวด์นั้นเล่นในความเร็วปกติหรือทำให้มันช้าลง. คุณจะได้ซาวด์เสียงสูง ทำแบบเดียวกันสำหรับการเล่นรีเวิร์ส ดันมันกลับในความเร็วเดิม แล้วมาทำกับดนตรี บางครั้งก็เรียกการทำเช่นนี้ว่าสแครชเด็กๆ
    • เริ่มด้วยบีทช้าๆ ก่อนแล้วค่อยเร่งความเร็วไปตามความคุ้นเคย เมื่อคุณสามารถทำในความเร็วระดับใช้ได้แล้ว ให้ลองใช้จังหวะที่หลากหลายโดยการใส่ที่เหลือเข้าไปในบีทที่คุณใช้อยู่
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

สแครชให้เก่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฟังงานเพลงของบรรดานักสร้างสรรค์บีทอย่างละเอียด. ค้นคว้าเรื่องการสร้างบีทและค้นหาวิธีที่ดีเจหรือโปรดิวเซอร์คนโปรดของคุณสร้างบีท เติมซาวด์กับเนื้อเสียงจากแหล่งต่างๆ ถ้าเป้าหมายสูงสุดของคุณคือการไปดวลเพลงหรือจะแค่ทำเพลงอนาล็อกเท่ๆ คุณล้วนจำต้องเรียนรู้จากศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
    • RZA ริเริ่มการใช้เพลงแบบโล-ไฟ (ไม่เน้นเสียงดี ใช้อุปกรณ์บ้านๆ) แซมเพิลเพลงโซลอมตะกับเพลงจากหนังซามูไร รวมเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ กลายเป็นเบรคบีทที่ชวนจดจำสำหรับอัลบั้มยุคแรกๆ ของคณะวูแทงและงานเดี่ยวของสมาชิกในวงแต่ละคน ลองหาฟังเพลง "Ice Cream" ของ Raekwon ซึ่งใช้แซมเพิลเสียงกีตาร์แบบอีซี่ลิสนิ่งมาเพิ่มความเร็วคู่กับบีทเพียงแค่นั้น
    • Madlib ใช้แผ่นเสียงแจ๊สกับของสะสมจากยุค 80 มาผสมผสานระหว่างความเก่ากับความใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ส่งผลทำให้ตนเองกลายเป็นโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ที่มีคนตามหาตัวมาทำงานกันมากที่สุดรายหนึ่ง ลองตามหา Madvillainy โปรเจคต์งานเพลงที่เขาทำร่วมกับ MF Doom และแผ่นที่ทำกับ Freddie Gibbs สำหรับเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เทคนิคของศิลปินแผ่นเสียง
  2. เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะนำบีทของแซมเพิลหนึ่งมาต่อให้เข้ากันกับบีทจากอีกเพลงหนึ่ง ไม่งั้นเพลงของคุณจะฟังมั่วซั่ว และให้พูดตามตรงก็คือแย่นั่นเอง ใช้เครื่องเมโทรโนมนับจังหวะระหว่างที่คุณกำลังวุ่นวายกับการหาจังหวะบีทต่อนาทีของแซมเพิลอื่นที่อยากนำมาใช้ต่อเพลงกัน คุณสร้างดนตรีขึ้นโดยการเชื่อมบีทให้เข้ากันนั่นเอง
    • ดีเจหลายคนจะเขียนตัวเลขบีทต่อนาทีไว้ตรงที่หน้าปกแผ่นเสียงเลย ทำให้ง่ายต่อการสร้างบีทและเพลงอย่างรวดเร็วขึ้น
  3. วางซาวด์ที่แตกต่างลงไปอีกชั้นเพื่อสร้างบทเพลง. ทดลองและเล่นซาวด์หลากหลายแนวเพื่อทำให้ดนตรีที่ออกมานั้นฟังดูดี สำหรับดีเจบางคนแล้ว เป้าหมายสูงสุดคือการนำแซมเพิลสั้นๆ มาจากแหล่งที่ไม่มีใครคาดคิดที่สุด: ลาตินแจ๊ส แผ่นบันทึกเสียงพูด หรือดนตรีเลานจ์แบบอีซี่ลิสนิ่ง เปลี่ยนมันให้กลายเป็นเพลงเต้นรำเท่ๆ เลย
    • กฎสำคัญของศิลปินแผ่นเสียง: นึกอะไรไม่ออกให้เอามารวมกับจังหวะกลองของคณะ The Meters เกือบจะทุกอย่างฟังดูเจ๋งขึ้นทันที
  4. อย่าติดอยู่ในกรอบกับการเล่นเพลงในจังหวะความเร็วเท่าเดิมเพื่อให้บีทเข้ากัน RZA แซมเพิลเสียงกีตาร์ที่แสนเฉิ่มของ Earl Klugh เร่งความเร็วและปรับเสียงเพื่อสร้างแซมเพิลที่โดดเด่นคลอตลอดเพลง "Ice Cream" ข้อจำกัดเดียวในการสร้างเพลงของคุณก็คือจินตนาการของคุณเอง
  5. ไม่มีใครอยากฟังดีเจที่สแครชแผ่นไปตลอดทั้งเซ็ตหรอก ให้คิดว่ามันเป็นเสมือนเครื่องปรุงรสให้เสียงเพลง ไม่ใช่วิธีการหลักของการทำเพลง ดูอย่างในเพลงร็อคก็มีท่อนกีตาร์โซโล่แค่ท่อนสองท่อนเอง ในดีเจบีทก็ควรจะมีช่วงสแครชสองสามหนก็พอเหมือนกัน
  6. ศิลปินแผ่นเสียงก็คือนักเพอร์คัสชั่น ซึ่งหมายถึงคุณจำเป็นต้องเข้าใจในจังหวะเป็นอย่างดี คุณจะต้องฝึกการสแครชให้เข้ากับดนตรีและพัฒนาจนเป็นการสร้างดนตรีโดยใช้แค่แผ่นเสียง เวลาที่คุณสแครชแผ่นให้กลายเป็นบีท ก็คือคุณกำลังสแครชจังหวะนั่นเอง ถ้าคุณมีความเข้าใจในจังหวะอย่างถ่องแท้ คุณจะสามารถพัฒนาฝีมือเพื่อสรรค์สร้างจังหวะเหล่านี้ออกมาได้อย่างถูกต้อง
    • เพลงฮิป-ฮ็อปและเพลงเต้นรำส่วนใหญ่จะมีจังหวะ 4/4 นั่นหมายถึงในแต่ละห้องเพลงจะมี 4 จังหวะหรือบีทในห้องนั้น แต่ละบีทสามารถแบ่งย่อยออกมาได้หลายวิธี ให้นับจังหวะออกมาดังๆ ในระหว่างที่คุณฟังเพลง แต่ละบีทจะถูกวางอยู่ในระหว่าง [วงเล็บ]:
    • [1] [2] [3] [4]
    • [1 และ] [2 และ] [3 และ] [4 และ]
    • [1 e และ a] [2 e และ a] [3 e และ a] [4 e และ a]
    • [1 ทริป เล็ต] [2 ทริป เล็ต] [3 ทริป เล็ต] [4 ทริป เล็ต]
    • [1 ทริป เล็ต และ ทริป เล็ต] [2 ทริป เล็ต และ ทริป เล็ต] [3 ทริป เล็ต และ ทริป เล็ต] [ 4 ทริป เล็ต และ ทริป เล็ต]
  7. เรียนรู้ที่จะนับแบบนี้ในบีทของเพลงที่คุณชอบ
    • วิธีที่ดีในการทำความคุ้นเคยกับบีทก็คือให้เล่นกลองสแนร์ คุณสามารถไปที่เว็บไซต์ของวิค เฟิร์ธด้านล่างนี้เพื่อทำความเข้าใจว่าบีทจะถูกแบ่งย่อยอย่างไร และจังหวะที่ถูกซอยย่อยนี้มีเสียงพักตรงไหน [2] พอคุณสามารถร้องจังหวะเหล่านี้หรืออย่างน้อยก็บางจังหวะได้ดังๆ แล้ว คุณก็สามารถเริ่มใช้มันเป็นรากฐานหลักสำหรับพัฒนาฝีมือการสแครชแผ่นได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ยืม/ซื้อคู่มือพื้นฐาน DJ 101 และ DJ 102 ของ DJ Shortee
  • ป้องกันหูของคุณด้วยจะได้ไม่หูหนวกเอาในภายหลัง
  • ไปที่เว็บไซต์ DMC เพื่อดูผู้ชนะในการประกวดประจำปีที่ผ่านๆ มาสำหรับการค้นหาดีเจที่เก่งที่สุดในโลก
  • ยืม/ซื้อคู่มือ Do It Yourself Scratching Volumes 1 และ 2 ของ Qbert
  • ค้นหาการแสดงของดีเจในอินเตอร์เน็ต
โฆษณา

คำเตือน

  • ป้องกันหูของคุณด้วย! สวมหูฟังหรือใส่ที่อุดหูหากคุณต้องเล่นเพลงเสียงดังๆ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,035 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา