ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณพบลูกกระรอกกำพร้าตัวหนึ่งใช่ไหม? ในขณะที่วิธีดีที่สุดคือส่งมันคืนให้กับแม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่คุณจะดูแลลูกกระรอกและเลี้ยงจนโต การเลี้ยงดูสัตว์ที่ไม่เชื่องอาจจะยุ่งยากซับซ้อน และโดยทั่วไปจะทำได้ยากกว่า กับอันตรายมากกว่าการเลี้ยงดูสัตว์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงโดยกำเนิด แต่ก็สามารถทำได้ หากกระรอกน้อยได้รับอาหารที่ถูกต้อง รวมทั้งที่พักพิง และการดูแลเอาใจใส่อย่างพากเพียรจากคุณ มันจะเติบใหญ่อยู่ในบ้านของคุณได้ จนพร้อมที่จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ช่วยชีวิตลูกกระรอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แน่นอนว่าคุณสามารถเลี้ยงดูลูกกระรอกได้ แต่ก็ไม่มีใครเลี้ยงได้ดีไปกว่าแม่ของมันเอง ดังนั้น หากพบลูกกระรอก สิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนสิ่งอื่นใดเสมอคือ พยายามให้แม่กับลูกได้กลับมาเจอกัน แม่กระรอกจะมองหาลูกๆ และจะทวงลูกๆ ของมันคืนหากว่าลูกๆ ยังตัวอุ่นอยู่ [1]
    • แม่กระรอกจะไม่รับลูกที่ตัวเย็นกลับคืนไป เพราะคิดว่าลูกป่วยหรือไม่ก็ตายแล้ว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับคุณที่จะติดตามดูสถานการณ์ หากลูกกระรอกบาดเจ็บ ตัวเย็น หรือเป็นเวลากลางคืน และแม่กระรอกไม่กลับมารับลูกภายในหนึ่งถึงสองชั่วโมง ลูกกระรอกอาจเป็นลูกกำพร้าและต้องการให้คุณช่วย
    • กลิ่นมนุษย์บนตัวลูกกระรอก จะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับแม่กระรอกที่จะเอาลูกๆ กลับคืนไป ดังนั้น คุณจึงจับต้องลูกกระรอกได้โดยไม่ต้องวิตกเรื่องนี้
    • หากมีลูกกระรอกมากกว่าหนึ่งตัว และตัวหนึ่งเกิดตายลง แม่กระรอกจะไม่รับคืนลูกอีกตัวหนึ่ง (หรืออีกหลายตัว) ที่ยังรอดอยู่ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับคุณที่จะนำพวกลูกกระรอกมาฟื้นฟู และรอดูว่าแม่กระรอกจะกลับมาทวงลูกๆ คืนไหม หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปบ้างแล้ว และกลิ่นลูกกระรอกตัวที่ตายได้จางลงแล้ว
  2. สวมถุงมือหนังหนาๆ (เพียงเพื่อความปลอดภัย) ใช้โอกาสนี้สังเกตลูกกระรอก และตรวจหาอาการบาดเจ็บ ตัวแมลงเบียน เลือดออก รอยบวม หรือบาดแผล หากพวกมันมีเลือดออก หรือคุณเห็นว่ากระดูกหัก หรือบาดเจ็บสาหัส คุณจำเป็นต้องไปหาสัตว์แพทย์ผู้สามารถตรวจรักษาลูกกระรอกได้โดยเร็วที่สุดที่จะทำได้
  3. ลูกกระรอกไม่อาจทำความร้อนได้เอง คุณจึงต้องทำสิ่งนั้นแทนพวกมัน จงหาหรือขอยืมแผ่นความร้อน ผ้าห่มไฟฟ้า ขวดใส่น้ำร้อน หรือแม้แต่ถุงอุ่นมือ (hand warmer) แผ่นความร้อนชนิดของเหลวซึ่งใช้ระบบหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่ (recirculates water) ควบคุมความร้อนได้ดีที่สุด จงทำให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ให้ความร้อนที่คุณเลือกมีอุณหภูมิต่ำจนถึงปานกลาง
    • ลูกกระรอกสมควรอยู่ในที่ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 99 °ฟาเรนไฮต์ (37 °เซลเซียส) หากคุณมีเทอร์โมมิเตอร์พร้อมใช้ หรือสามารถขอยืมมาได้ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกกระรอก
    • แผ่นความร้อนบางชนิดจะหยุดทำงานหลังจากผ่านไปสี่ห้าชั่วโมง ดังนั้น จงตรวจดูบ่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันยังเปิดทำงานอยู่ คุณอาจใช้ผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งคลุมด้านบนสุดของที่อยู่ของลูกกระรอกได้ด้วย เพื่อเก็บกักความร้อนไว้ภายใน แต่หากเป็นวันในหน้าร้อน พวกมันอาจไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมที่ด้านบน
  4. หากล่องใบเล็กๆ สักใบหนึ่ง.เมื่อคุณได้สิ่งที่จำเป็นจะใช้ให้ความอบอุ่นแก่ลูกกระรอกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล่อง ตะกร้าขนาดเล็ก ทัปเปอร์แวร์ใบใหญ่ประมาณหนึ่งฟุต (โดยไม่ใช้ฝาปิด) หรือภาชนะบรรจุอย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน จงวางอุปกรณ์ทำความร้อนไว้ที่ด้านหนึ่ง เมื่อใช้วิธีนี้ หากลูกกระรอกรู้สึกว่าร้อนเกินไป ก็เพียงแค่คลานออกห่างจากแผ่นความร้อน
    • สร้างรังภายในกล่อง โดยใช้วัสดุทำรังจากแถวที่คุณพบลูกกระรอก สร้างรังรูปโดนัทแล้ววางลูกกระรอกไว้ข้างใน จงทำให้แน่ใจว่าแหล่งความร้อนซุกแนบอยู่กับรัง แต่ไม่ได้สัมผัสกับตัวลูกกระรอกโดยตรง
    • หากจำเป็นคุณสามารถใช้ผ้านุ่ม ๆ จากบ้านของคุณได้ แต่ห้ามใช้ผ้าเช็ดตัวเพราะนิ้วเท้าของลูกกระรอกอาจเกี่ยวติดกับผ้า ทำให้ข้อเท้าหัก และสูญเสียขาได้ ฯลฯ
  5. จงวางรังไว้นอกบ้าน หากแถวนั้นปลอดจากสุนัข แมว แรคคูน และสัตว์นักล่าอื่นๆ คุณอาจวางรังไว้บนพื้นดิน หากไม่แน่ใจ ให้วางบนต้นไม้ หรือบนเสาเพื่อดูแลให้ปลอดภัย
    • หากลูกกระรอกตัวอุ่น มันจะร้องเรียกแม่ตามสัญชาติญาณ หากแม่อยู่แถวๆ นั้น จะเป็นโอกาสอันดียิ่งที่แม่จะได้มารับลูกน้อยกลับคืนไป แม่กระรอกคาบลูกแบบเดียวกันกับแม่แมว จึงไม่ต้องวิตกที่รังอยู่บนต้นไม้
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

รับอุปการะลูกกระรอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลังจากผ่านไปหนึ่งถึงสองชั่วโมง ก็ถึงเวลายอมแพ้ มีหลายเหตุผลที่แม่กระรอกไม่มารับลูกคืน ตัวอย่างเช่น แม่กระรอกอาจบาดเจ็บหรือตายแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด เมื่อมาถึงจุดนี้ ลูกกระรอกกับรังที่คุณทำขึ้นก็จำเป็นต้องกลับเข้ามาอยู่ร่วมกับครอบครัวคุณ
    • หากคุณมีหมาหรือแมว จงทำให้แน่ใจว่าลูกกระรอกมีห้องที่ปลอดภัยของมันเอง
    • ทำให้แน่ใจว่าคุณยังคอยดูแลให้รังอบอุ่นอยู่เสมอ
  2. โทรศัพท์หาสัตว์แพทย์แถวบ้านของคุณ หรือสถานพักพิงสัตว์เลี้ยง สมาคมมนุษยธรรม หน่วยงานอนุรักษ์ปลาและสัตว์ที่ล่าเพื่อเป็นกีฬา หน่วยงานอนุรักษ์ปลาและสัตว์ป่า กับกลุ่มพิทักษ์สัตว์ป่าต่างๆ เพื่อหาการอ้างอิงถึงนักฟื้นฟูสัตว์ป่าแถวบ้านคุณสักคนหนึ่ง ผู้ที่จะรับกระรอกไปดูแล หากอยู่ในอเมริกา คุณยังสามารถค้นหาออนไลน์โดยพิมพ์ว่า "การฟื้นฟูกระรอก" พร้อมชื่อรัฐและชื่อเมืองที่คุณอยู่ได้ด้วย
    • ไปที่เว็ปไซต์ http://www.thesquirrelboard.com เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องดูแลลูกกระรอก จนกว่าคุณจะพบกับนักฟื้นฟูสักคนหนึ่ง เว็ปไซต์นี้เป็นเวทีที่คุณสามารถเข้าร่วม และสอบถามคำถามต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณเลี้ยงดูลูกกระรอกจนกว่าจะหานักฟื้นฟูได้
    • หากไม่อาจหานักฟื้นฟูได้ เว็ปไซต์เกี่ยวกับกระรอกแห่งนี้จะช่วยคุณเลี้ยงลูกกระรอก เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
  3. จงตระหนักว่าในบางประเทศ และในบางรัฐของสหรัฐฯ มีกฎหมายเข้มงวดเรื่องการเลี้ยงดูลูกกระรอก. ในอังกฤษนั้น เป็นความผิดคดีอาญาซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 2 ปี สำหรับผู้ที่เลี้ยง กักขัง หรือปล่อยกระรอกสีเทากลับคืนสู่สภาพแวดล้อม บางรัฐในสหรัฐฯ เช่น รัฐวอชิงตัน มีกฎหมายที่ระบุว่าเป็นการกระทำโดยผิดกฎหมาย หากครอบครองหรือฟื้นฟูสัตว์ป่า อย่างเช่น กระรอก ซึ่งเป็นลูกกำพร้า บาดเจ็บ หรือป่วย นอกเสียจากว่าคุณกำลังจะส่งสัตว์ตัวดังกล่าวไปให้ศูนย์ฟื้นฟูสัตว์ป่าเพื่อดูแล [2] จงทำตัวให้คุ้นเคยกับกฎหมายในแถบที่คุณอาศัยอยู่ และตระหนักว่าคุณอาจจะถูกดำเนินคดีได้ หากที่นั่นถือว่าการเลี้ยงสัตว์ป่าลูกกำพร้าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
  4. จงตระหนักว่าลูกกระรอกอาจจะมีตัวเบียน เช่น หมัด เห็บ ไร และหนอนแมลงวัน จงกำจัดหมัดกับหนอนแมลงวันออกจากลูกกระรอกด้วยมือ ใช้หวีเสนียด และ/หรือแหนบ ร้านขายของสัตว์เลี้ยงเพตโคขายสเปรย์ฆ่าหมัดกับเห็บที่ผลิตมาโดยเฉพาะสำหรับสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนูแฮมสเตอร์ ด้วย
    • หากเป็นลูกกระรอกตัวจิ๋วที่ตัวยังเป็นสีชมพู อย่าฉีดพ่นสิ่งใดใส่ตัวมัน จงฉีดสเปรย์บนผ้ารอบตัวลูกกระรอก และอย่าพ่นสเปรย์ใส่แผล เพราะจะทำให้ระคายเคือง
  5. คุณจะสามารถมองเห็นได้ว่าพวกมันขาดน้ำมากเพียงใด โดยหยิกผิวของพวกมันเบาๆ หากผิวยังคง"ตั้งค้าง" อยู่เกินหนึ่งวินาทีหรือนานกว่า แสดงว่าขาดน้ำ ลูกกระรอกวัยทารกที่ขาดน้ำ ต้องการน้ำอย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้ เพราะคุณไม่รู้ว่ามันได้กินอาหาร หรือดื่มน้ำครั้งล่าสุดมานานแค่ไหนแล้ว
    • ตาโหล รอบดวงตายับย่น หรือดูผอมแห้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกเช่นกันว่ากระรอกขาดน้ำ
  6. ลูกกระรอกเกือบทั้งหมดที่ตกจากรังจะต้องการน้ำ และสารที่ดียิ่งกว่าน้ำ จงไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตหรือร้านขายยา เพื่อซื้อ พีเดียไลท์ ในแผนกขายสินค้าสำหรับเด็ก ห้างร้านเหล่านี้ยังอาจมีของเหลวเพื่อแก้ไขอาการขาดน้ำในทารกยี่ห้อของตนเองด้วย (มียี่ห้อเกอร์เบอร์ด้วยเช่นกัน) กระรอกชอบรสผลไม้ แต่รสธรรมดาก็ใช้ได้หากมีขายเพียงแค่นั้น หรือหากคุณหา พีเดียไลท์ ไม่พบ ก็สามารถใช้ เกเตอร์เรด แทนได้เช่นกัน
    • หากคุณไม่ได้อยู่ใกล้กับร้านหรือร้านขายยาใดๆ เลย ต่อไปนี้คือสูตรสามัญประจำบ้าน:
    • เกลือหนึ่งช้อนชา
    • น้ำตาลสามช้อนชา
    • น้ำอุ่นหนึ่งควอร์ต (450 กรัม)
    • ผสมให้เข้ากันดี
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ป้อนอาหารกระรอกน้อยของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นหลอดฉีดยาประเภทที่ไม่มีเข็มฉีดยา คุณสามารถใช้ที่หยอดตา หรือหลอดป้อนยาเด็กทารกแทนได้ หากอยู่ในสหรัฐฯ คุณอาจใช้หลอดป้อนยาเด็ก หรือหลอดป้อนอาหารจากร้านเพตโค หรือ เพตส์มาร์ต (ตามปกติจะวางขายข้างนมลูกสุนัขยี่ห้อเอสบิแลค)
  2. คุณไม่จำเป็นต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์เพื่อวัดอุณหภูมิที่แม่นยำ แต่ลูกกระรอกสมควรตัวอุ่นเวลาที่คุณสัมผัส นี่คือขั้นตอนสำคัญก่อนที่คุณจะป้อนของเหลวใดๆ แก่ลูกกระรอก เพราะมันจะไม่สามารถย่อยอาหารที่คุณป้อนให้หากว่าตัวของมันไม่อุ่น
  3. ป้อนอาหารลูกกระรอกที่ยังตัวสีชมพูและไร้ขนด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง. หากลูกกระรอกไม่มีขนและตัวสีชมพู มันอาจจะยังเล็กมาก ตัวยาวประมาณ 2-3 นิ้ว (5.1-7.6 ซม) ลูกกระรอกจึงสำลักได้ง่าย เพราะยังตัวเล็กขนาดนี้ และอาจทำให้ของเหลวเข้าไปในปอดจนเป็นปอดบวม ซึ่งลูกกระรอกอาจตายได้
    • ทำให้แน่ใจว่าของเหลวนั้นอุ่น แต่ไม่ร้อนเกินไป คุณอาจเก็บส่วนที่เหลือไว้ในตู้เย็น
    • สำหรับลูกกระรอกเล็กขนาดนี้ หยอดหยดเล็กเพียงหยดเดียวบนริมฝีปากในแต่ละครั้ง แล้วปล่อยให้พวกมันดูดเข้าไปเอง หากพวกมันไม่ยอมดูดของเหลว ให้หยดใส่ในปากหนึ่งหยด เพื่อให้ลองลิ้มรสก่อน บางตัวจะเพียงแค่อ้าปากกว้างและเริ่มดูดกิน
    • หากกระรอกลืมตาแล้ว คุณอาจปล่อยให้มันอมหลอดป้อนยาไว้ในปาก แล้วค่อยๆ หยดสี่ห้าหยด
    • หากอาหารจำนวนมากย้อยลงมาจากปากหรือจมูก แสดงว่าคุณป้อนเร็วเกินไป จงจับลูกกระรอกห้อยหัวลงทันทีนาน 10 วินาที หลังจากนั้น ซับของเหลวออกจากจมูกและรูจมูก จากนั้นรอหนึ่งนาทีก่อนจะป้อนต่อ
  4. สำหรับลูกกระรอกสีชมพูตัวจิ๋วที่ยังไม่ลืมตา ป้อนของเหลว 1 ซีซีทุกๆ สองชั่วโมง ส่วนลูกกระรอกที่มีขนขึ้นเต็มแล้วแต่ยังไม่ลืมตา ป้อน 1-2 ซีซี ประมาณเกือบทุกๆ สองชั่วโมง และ 2-4 ซีซี ทุก ๆ สามชั่วโมง สำหรับพวกที่ลืมตาแล้ว จนกว่านักฟื้นฟูสักคนหนึ่งจะติดต่อกลับมาพร้อมกับมีคำแนะนำให้กับคุณ
    • 1ซีซี คือประมาณ 20-25 หยดจากที่หยอดตา; 5 ซีซี คือ 1 ช้อนชา
    • สำหรับสองชั่วโมงแรก ให้ป้อนลูกกระรอกในปริมาณ ½ ซีซี ทุกๆ 15 นาที [3]
    • หากลูกกระรอกอมไว้ในปาก หรือไม่ตอบสนองต่อการป้อน ให้รีบพาไปยังศูนย์ฟื้นฟูในทันที และร้องขอยาสารละลายแลคเตทริงเกอร์ในทันที หากทำอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลูกกระรอกกลับมารับการป้อนอาหารอีกครั้งหนึ่งได้ [4]
    • ป้อนอาหารทุกๆ สองชั่วโมงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จนกว่าลูกกระรอกจะอายุได้สองสัปดาห์ หลังจากนั้น ป้อนอาหารทุกสามชั่วโมงจนกว่าพวกมันจะลืมตา หลังจากนั้น ให้ป้อนอาหารลูกกระรอกทุกๆ สี่ชั่วโมงจนกว่าจะหย่านม ซึ่งพวกมันจะมีอายุระหว่างเจ็ดถึงสิบสัปดาห์ [5]
  5. จำเป็นต้องกระตุ้นให้ฉี่และอึ ตั้งแต่ตอนที่พวกมันยังไม่ลืมตา ดังนั้น ก่อนและหลังการป้อนอาหารเหลว คุณจำเป็นต้องใช้ก้อนสำลีชื้นๆ อุ่นๆ หรือไม้พันสำลียี่ห้อ คิว-ทิป เช็ดแถวอวัยวะเพศและทวารหนักอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งลูกกระรอกฉี่และอึ ไม่อย่างนั้น พวกมันจะท้องอืดและอาจจะตายได้
    • แม่กระรอกทำเช่นนี้กับลูกๆ ที่อยู่ตามธรรมชาติ หากลูกกระรอกขาดน้ำเป็นอย่างมาก และไม่ได้กินมาพักหนึ่งแล้ว พวกมันจะไม่ฉี่ระหว่างการป้อนอาหารสี่ห้าครั้ง และจะไม่อึนานหนึ่งวัน
  6. หากลูกกระรอกตอบรับการป้อนอาหารได้ดีและไม่ได้ขาดน้ำ จงป้อนทุกชั่วโมงนานสี่ถึงหกชั่วโมง ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้นมผงทดแทนสำหรับลูกสุนัข ซึ่งคุณสามารถหาซื้อได้จากร้านขายสัตว์เลี้ยง โดยใช้สูตรดังนี้เท่านั้น: [6]
    • ใช้นมผงทดแทนสำหรับลูกสุนัขจำนวน 1 ส่วน
    • ใช้น้ำกลั่นจำนวน 2 ส่วน
    • ใช้วิปปิ้งครีม 1/4 ส่วน (ไม่ใช่วิปด์ ครีม) หรือโยเกิร์ตรสธรรมดา
  7. ใช้ไมโครเวฟก็ได้ และทำแบบเดียวกันกับอาหารเหลว คือค่อยๆ เริ่มให้ลูกกระรอกรู้จักอาหารอ่อน อย่างเช่น พีเดียไลท์ อย่างไรก็ตาม คุณจะเคลื่อนไหวตามขั้นตอนต่างๆ อย่างค่อนข้างรวดเร็ว [7]
    • สำหรับการป้อนอาหารสองครั้งแรก ใช้ พีเดียไลท์ 75 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 25 เปอร์เซ็นต์เป็นอาหารผสมจากนมทดแทนสำหรับลูกสุนัข
    • สำหรับการป้อนอาหารสามถึงสี่ครั้งถัดมา ให้ผสมพีเดียไลท์ กับอาหารผสมในอัตราส่วน 50-50
    • สำหรับการป้อนอาหารสามถึงสี่ครั้งถัดไป ให้ใช้อาหารผสม 75 เปอร์เซ็นต์ และพีเดียไลท์ 25 เปอร์เซ็นต์
    • หลังจากนี้ สมควรใช้อาหารผสมทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์
  8. เมื่อเจ้าตัวน้อยของคุณพร้อมสำหรับอาหารแข็ง (เมื่อมันลืมตาแล้ว) คุณอาจใช้อาหารลิงแบบเม็ดสำหรับสัตว์ตระกูลไพรเมต (Primate Dry Monkey Biscuits) ซึ่งมีชนิดและปริมาณของสารอาหารต่างๆ ที่เหมาะสม [8]
    • หากลูกกระรอกของคุณสมาธิสั้น กัด และก้าวร้าว ปัญหาน่าจะเกิดจากการขาดแคลเซียมและแมกนีเซียมมากที่สุด จงปรึกษากับนักฟื้นฟูของคุณเรื่องข้อมูลและวิธีรับมือ
  9. กระรอกน้อยของคุณก็เหมือนกับลูกมนุษย์ กล่าวคือชอบอาหารบางอย่างและไม่ชอบอาหารบางอย่าง จงหาอาหารชนิดที่มันชอบ และคอยหมุนเวียนชนิดของอาหารอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกมันจำเป็นต้องได้อาหารที่หลากหลาย
    • ลูกกระรอกจะเหมือนกับลูกมนุษย์ โดยมันจะบอกให้คุณรู้ว่าเมื่อไรที่ไม่ต้องการนมทดแทนแล้ว ด้วยการผลักออกห่างตัว
    • หากลูกกระรอกของคุณฉี่ใส่อาหาร แสดงว่ามันไม่ชอบอาหารชนิดนั้น และหากลูกกระรอกใช้ใบหน้าถูพื้น ก็หมายความว่าไม่ชอบอาหารเช่นเดียวกัน
    • จงให้อาหารชนิดเดียวจำนวนเล็กน้อยในแต่ละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกกระรอกไม่ได้ท้องเดิน
    • ทดลองให้มันเทศ บรอกโคลี ผักใบเขียวต่างๆ แตงกวา ลูกกระเดื่อ หรืออินทผาลัม ผลกีวีฟรุ๊ต ผลโอ๊ก และถั่วพีแคน [9]
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ย่างเข้าสู่วัยรุ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กระรอกต้องการพื้นทีวิ่งมากทีเดียว จงทำให้แน่ใจว่ากรงมีขนาดอย่างน้อยกว้าง 1 เมตร หนา 1 เมตร และยาว 3 เมตร โดยมีหลายๆ ชั้น มีรังนอนหนึ่งที่ กับพื้นที่สำหรับหลบซ่อนและปีนป่าย
    • ใส่ชามน้ำทำด้วยเซรามิกไว้ในกรง หากทำด้วยพลาสติกจะถูกกระรอกแทะ ทำลาย และอาจจะกินเข้าไป
    • จัดหาของเล่นให้กับกระรอก ของเล่นที่ดี ได้แก่ ลูกสน แท่งไม้สะอาดๆ หรือกระดูกสุนัขชิ้นหนาและสะอาด ส่วนของเล่นที่ไม่ดี คืออะไรก็ตามที่ลูกกระรอกสามารถกัดทึ้งจนขาด ติดคอ และฟัดไส้ที่ยัดไว้ข้างในกระจัดกระจายไปทั่ว (เช่น ของเล่นยัดไส้ถั่ว) [10]
    • ใส่สิ่งต่างๆ สำหรับให้กระรอกใช้ลับฟันรวมไว้ด้วย เพราะฟันกระรอกไม่มีวันหยุดเติบโต.
  2. พวกมันจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นลูกกระรอกโทน ซึ่งน่าจะรวมถึงเวลาเล่นสนุกนอกกรงอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงทุกวัน หากคุณไม่มีห้องที่ปลอดภัยสำหรับเรื่องนี้ ก็อาจใช้กรงกลางแจ้งขนาดใหญ่กว่าเดิมให้ลูกกระรอกได้ใช้เวลาเล่นข้างในกรง (ในที่สุด คุณจะจำเป็นต้องใช้สักกรงหนึ่งอยู่ดี) หรือย้ายพวกมันไปใส่ในอีกกรงหนึ่งที่ส่วนอื่นของบ้านคุณ
    • เป็นความคิดที่ดีที่จะปล่อยให้ลูกกระรอกคุ้นเคยกับความสูง และรางม่านจะช่วยได้มากในเรื่องนี้ คุณไม่ต้องการให้ลูกกระรอกของคุณคลานบนพื้นเวลาออกนอกกรง พวกกระรอกที่ถูกเลี้ยงมาด้วยมือคนมีแนวโน้มที่จะทำเช่นนั้น และจบลงด้วยการตกเป็นเหยื่ออย่างง่ายดายของพวกงู แมว ฯลฯ
    • พวกนักฟื้นฟูจะจับคู่กระรอกวัยทารกตัวหนึ่งกับเพื่อนก่อนที่ทั้งคู่จะลืมตา เพื่อที่ทั้งคู่จะได้ผูกพันกัน นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ให้นำลูกกระรอกไปยังศูนย์ฟื้นฟู: กระรอกสองตัวจะช่วยกันและกันให้รอดชีวิตในธรรมชาติด้วยหลากหลายวิธี [11]
    • ลูกกระรอกที่ถูกขังอยู่ในกรงเล็กๆ นานเกินไปจะเดินกลับไปกลับมา และมีโอกาสเสี่ยงที่จะหัวใจวายและตาย ดังนั้น เวลาเล่นจึงมีความสำคัญ
  3. เมื่อลูกกระรอกอายุสี่ถึงห้าเดือน จะจำเป็นต้องย้ายออกไปอยู่ในกรงนอกบ้าน ซึ่งสมควรมีขนาดใหญ่มากสุดที่จะทำได้ อย่างน้อยก็สมควรจะสูงหกฟุต จงออกแบบกรงให้เหมือนกับกรงในบ้าน และทำให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากสัตว์นักล่า
    • ทำให้แน่ใจว่าลูกกระรอกมีกล่องสำหรับใช้เป็นรังนอน กับพวกไม้สำหรับใช้เล่นด้วย และปล่อยให้กระรอกน้อยได้คลานกับปีนป่ายบนพื้นผิวหลายๆ แบบ กรงบางส่วนต้องมีหลังคากันฝนได้ และกรงสมควรมีพื้นที่แข็งแรง ไม่อย่างนั้น กระรอกของคุณอาจก่อเหตุแหกกรงหนีอย่างอาจหาญ [12]
    • กระรอกของคุณสมควรใช้เวลาในกรงนอกบ้านอย่างน้อยสามสัปดาห์ ก่อนการปล่อยตัว
  4. เพราะมันไม่มีแม่หรือพี่น้อง คุณจึงต้องทำให้แน่ใจว่า บริเวณที่คุณปล่อยตัวมัน ปลอดจากหมา แมว และเพื่อนบ้านผู้ไม่เป็นมิตรหรือสัตว์ล่าเหยื่ออื่นๆ บริเวณที่ปล่อยสมควรอุดมด้วยน้ำ อาหาร ผลไม้และต้นไม้ตระกูลถั่วเปลือกแข็ง
    • จงจัดเตรียมอาหารให้เพียงพอสำหรับอย่างน้อยสามสัปดาห์ หลังจากปล่อยกระรอกกลับสู่ธรรมชาติ หากคุณปล่อยมันในสนามหญ้าของคุณ ให้ตั้งเครื่องป้อนอาหาร และคอยดูให้เครื่องเก็บสำรองอาหารสดไว้เสมอ คุณรู้ดีอยู่แล้วว่ากระรอกของคุณชอบกินอะไร [13]
    • การปล่อยกระรอกน้อยของคุณกลับสู่สภาพแวดล้อมที่ซึ่งคุณได้พบมัน เป็นความคิดที่ดีเยี่ยม หากสถานที่นั้นปลอดภัย และมีแหล่งอาหารต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับมัน
    • มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะไม่ปล่อยลูกกระรอกเร็วเกินไป น่าเศร้ามากที่ลูกกระรอกวัยสี่เดือนยังไม่พร้อมจะรอดชีวิตได้ด้วยตัวเอง และจะตกเป็นเหยื่ออย่างง่ายดายของสัตว์นักล่า
    • คุณต้องคอยติดตามดูลูกกระรอกในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อให้แน่ใจว่ามันสามารถหาอาหารกับน้ำได้ และเชื่อมั่นในสภาพแวดล้อมใหม่

เคล็ดลับ

  • เป็นเพราะนมผงทดแทน ทำให้ฉี่ลูกกระรอกมีกลิ่นแรงซึ่งไม่น่าพึงใจ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มันอดนมแล้ว กลิ่นแบบนั้นจะหายไป
  • ลูกกระรอกต้องการเพื่อน จงพยายามหาสถานฟื้นฟูสภาพสัตว์ปาสักแห่งหนึ่ง เพื่อจะได้พากระรอกไปที่นั่น มันจะได้หาเพื่อนได้ พวกมันเรียนรู้จากกันและกัน ประทับใจในกันและกัน และต้องการรวมกลุ่มเพื่อการเจริญเติบโต
  • ก่อนจะป้อนถั่วแห้งๆ ให้กับกระรอกเพื่อนใหม่ของคุณ จงทำให้แน่ใจว่าได้ล้างเกลือใดๆ ที่มีออกไปแล้ว และจะง่ายกว่ามากหากคุณจะสนับสนุนให้ลูกกระรอกกินถั่วเปลือกแข็ง


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 120,296 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม