ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ทุกคนคงยอมรับว่านกฮัมมิ่งเบิร์ดคือสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์มาก เพราะมันเป็นนกตัวเล็กที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ราวเสือชีตาห์ตัวน้อยที่กำลังเต้นรำอยู่ในอากาศ ถ้าเราอยากให้เจ้านกแสนสวยนี้บินมาแวะเวียนที่สวนหลังบ้านของเราบ้าง ลองทำอาหารอย่างน้ำหวานมาแขวนไว้นอกบ้านดูสิ ถ้าอยากรู้ว่ามีวิธีการอย่างไร ก็ลองอ่านแล้วทำตามขั้นตอนที่อยู่ด้านล่างนี้ได้เลย
ขั้นตอน
-
ทำน้ำหวานเพื่อดึงดูดให้เจ้านกฮัมมิ่งเบิร์ดมาที่สวนหลังบ้านของเรา. ความหวานที่ผสมผสานอยู่ในน้ำหวานนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากมันให้พลังงานสูง ทำให้นกสามารถนำไปใช้ในการเดินทางอพยพย้ายถิ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้ ดังนั้นน้ำหวานจึงดึงดูดนกฮัมมิ่งเบิร์ดได้เป็นอย่างดี
- ไม่ควรซื้ออาหารเสริมมาใส่ในน้ำหวาน เพราะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ อีกทั้งยังไม่จำเป็นสำหรับนกด้วย เนื่องจากนกฮัมมิ่งเบิร์ดได้รับสารอาหารเพียงพอแล้วจากน้ำหวานในดอกไม้และแมลงต่างๆ ที่กินเข้าไป น้ำหวานที่เราทำให้นกก็เหมือนกับกาแฟที่ช่วยให้เรากระปรี้กระเปร่าเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย จึงไม่จำเป็นต้องใส่สารอาหารใดๆ ลงไปอีก [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ผสมน้ำตาลทราย 1 ส่วนต่อน้ำอุ่น 4 ส่วน. ใช้ช้อนคนจนกระทั่งน้ำตาลละลายจนหมด น้ำตาลทรายหรือซูโครสเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งซึ่งง่ายต่อการย่อย ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับนกฮัมมิ่งเบิร์ดได้เป็นอย่างดี เติมพลังให้ปีกน้อยๆ กระพือได้อย่างเต็มที่
- จะต้มน้ำก่อนแล้วค่อยใส่น้ำตาลแล้วคนก็ได้
-
ต้มน้ำที่ผสมน้ำตาลประมาณ 1 ถึง 2 นาที. การต้มน้ำจะช่วยให้แบคทีเรียเจริญเติบโตช้าลง อีกทั้งยังช่วยกำจัดสารคลอรีนที่อยู่ในน้ำประปาด้วย (ซึ่งเป็นอันตรายต่อเจ้านกตัวน้อย) [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ตาม ถ้าเราทำน้ำหวานในปริมาณน้อยและต้องการใช้ทันที ก็ไม่จำเป็นต้องต้มก็ได้
- หากไม่ได้ต้มน้ำหวาน เราต้องเปลี่ยนน้ำหวานทุกๆ 1 หรือ 2 วัน เพราะแบคทีเรียอาจเจริญเติบโตในน้ำจนทำอันตรายให้กับนกฮัมมิ่งเบิร์ดได้
-
ไม่ควรใส่สีผสมอาหารลงไป. แม้นกฮัมมิ่งเบิร์ดจะชอบสีแดง แต่ก็ไม่ควรย้อมสีแดงลงในอาหาร เพราะอาจส่งผลร้ายแรงต่อนกได้ น้ำหวานที่เป็นอาหารตามธรรมชาติของนกฮัมมิ่งเบิร์ดนั้นใสและไม่มีกลิ่น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องผสมสีใดๆ ลงไป [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เก็บรักษาน้ำหวานที่ทำไว้ในตู้เย็นจนกว่าจะพร้อมนำมาให้นกกิน. ถ้าทำไว้ในปริมาณมาก เราสามารถเก็บส่วนที่เหลือไว้ในตู้เย็นก่อนได้ แล้วค่อยนำออกมาเติมในภายหลัง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำใหม่เมื่ออาหารหมด
- ทิ้งไว้จนส่วนผสมเย็นก่อนนำไปใส่ภาชนะแช่ในตู้เย็น
-
เลือกภาชนะใส่อาหารที่เหมาะสม. ทางที่ดีควรเลือกภาชนะที่มีสีแดง เพราะเป็นสีที่ดึงดูดนกฮัมมิ่งเบิร์ด และถ้าเป็นไปได้ควรแขวนไว้ในที่ร่ม เนื่องจากน้ำหวานจะสดใหม่ยาวนานกว่าเมื่อไม่โดนแสงแดด ถ้ามีสวนก็แขวนไว้ในสวนได้เลย ถ้าไม่มีก็แขวนไว้ริมหน้าต่าง (แต่ต้องเป็นจุดที่แมวไม่สามารถปีนขึ้นมาได้) เพื่อที่จะได้นั่งชมนกน้อยไปด้วย [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ผู้เลี้ยงนกฮัมมิ่งเบิร์ดส่วนหนึ่งแนะนำว่า ถ้าต้องการแขวนที่ให้อาหารไว้ริมหน้าต่าง ควรมีการป้องกันไม่ให้นกบินชนกระจกจนได้รับบาดเจ็บด้วย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
พึงระลึกไว้เสมอว่า อาหารของเราอาจเป็นอันตรายต่อนกได้ ถ้าปล่อยให้มันขึ้นราหรือบูดเน่า. ยีสต์กินน้ำตาลเป็นอาหาร และทำให้น้ำหวานของเราเน่าเสีย เมื่อนกฮัมมิ่งเบิร์ดกินเข้าไปก็อาจส่งผลต่อร่างกายของมันได้ ซึ่งน้ำหวานอุ่นๆ ก็เป็นแหล่งอาหารที่ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นเราจึงต้องเปลี่ยนน้ำหวานใหม่ทุกครั้งที่สังเกตเห็นว่ามันเริ่มขุ่น
-
หมั่นเช็คภาชนะใส่อาหารเป็นประจำ เพื่อดูว่ามีราสีดำหรือไม่. ถ้าเป็นไปได้ ควรเช็คภาชนะใส่อาหารทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันนกฮัมมิ่งเบิร์ดจากเชื้อโรคต่างๆ และถ้าเจอเชื้อราในภาชนะ ให้นำภาชนะนั้นไปแช่ในน้ำ 1 แกลลอนที่ผสมกับสารฟอกขาว ¼ ถ้วย เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นขัดเชื้อราออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนใส่น้ำหวานอีกครั้ง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทำความสะอาดภาชนะก่อนเติมน้ำหวาน. นำภาชนะไปล้างด้วยน้ำร้อน โดยไม่ต้องใช้สบู่หรือน้ำยาล้างจาน เนื่องจากรสชาติและสารตกค้างจากน้ำยาล้างจานจะทำให้นกฮัมมิ่งเบิร์ดไม่อยากกินและบินจากไป
-
เปลี่ยนน้ำหวานในภาชนะเป็นประจำ. เพราะเราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเน่าเสียเมื่อไหร่ เนื่องจากความเร็วของการเน่าเสียขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในช่วงเวลานั้น เราจึงต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำหวานอยู่เสมอ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หากมีอุณหภูมิ 21 ถึง 26 องศาเซลเซียส ( 70 ถึง 80 องศาฟาเรนไฮต์) ควรเปลี่ยนน้ำหวานทุกๆ 5 หรือ 6 วัน
- หากมีอุณหภูมิ 27 ถึง 30 องศาเซลเซียส ( 81 ถึง 90 องศาฟาเรนไฮต์) ควรเปลี่ยนน้ำหวานทุกๆ 2 ถึง 4 วัน
- หากมีอุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียส (91 องศาฟาเรนไฮต์) ควรเปลี่ยนน้ำหวานทุกวัน
โฆษณา
-
กำหนดสัดส่วนของน้ำตาล. ลดปริมาณของน้ำตาลในน้ำหวานลง หลังผ่านไปประมาณสองสัปดาห์ เพื่อให้นกใช้เวลากับการกินมากกว่าเดิม โดยผสมน้ำตาล 1 ส่วนกับน้ำ 5 ส่วน หรือน้ำตาล 1 ส่วนกับน้ำ 4 ส่วนก็ได้ เพื่อให้เจือจางลง เมื่อน้ำหวานเจือจาง นกฮัมมิ่งเบิร์ดก็จะกลับมากินบ่อยขึ้น [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไม่ควรผสมน้ำมากกว่า 5 ส่วนต่อน้ำตาล 1 ส่วน เพราะมันจะเจือจางเกินไป จนทำให้นกฮัมมิ่งเบิร์ดไม่กลับมากินอีก เนื่องจากมันต้องใช้พลังงานในการบินไปกลับมากกว่าพลังงานที่ได้จากการกินน้ำหวานเข้าไป
- เราต้องทำน้ำหวานที่เข้มข้นเพียงพอที่จะดึงดูดนกฮัมมิ่งเบิร์ดมากินได้อย่างสม่ำเสมอ และไม่เข้มข้นมากเกินไปจนทำให้มันกลับมากินแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น หรือบินมากินแล้วจากไปอย่างรวดเร็วจนเราไม่ได้เพลิดเพลินไปกับมัน เพราะการใส่น้ำตาลในอัตราส่วนที่สูงจะทำให้พลังงานที่นกฮัมมิ่งเบิร์ดได้รับมีปริมาณมาก ดังนั้นเมื่อกินจนเต็มอิ่มแล้ว มันจึงจากไปนานกว่าจะกลับมากินอีกครั้ง (เนื่องจากได้รับพลังงานเหลือเฟือ ทำให้ไม่จำเป็นต้องกลับมากินบ่อยๆ)
-
ปลูกดอกไม้ที่นกฮัมมิ่งเบิร์ดชอบ. ถ้าเราทำน้ำหวานออกมาหลายรูปแบบแล้ว แต่ก็ยังไม่มีนกฮัมมิ่งเบิร์ดสักตัวเข้ามากิน ลองปลูกดอกไม้ที่นกชอบดูเพื่อดึงดูดให้มันสนใจ
- และนี่คือดอกไม้ที่นกฮัมมิ่งเบิร์ดชอบ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง : บีบาล์ม, ฟล็อกซ์, ลูพิน, ฮอลลีฮอค, เรดฮ็อตโปเกอร์, โคลัมไบน์, คอรอลเบลล์, ฟ็อกซ์โกลฟ, คาร์ดินัล, ลานทานา, ซัลเวีย, บัตเตอร์ฟลายบุช, โรสออฟชารอน, ทรัมเปตไวน์, ทรัมเปตฮันนีย์ซักเกิล, ครอสไวน์, คาโรไลนาเจสซามาย, อินเดียนพิงค์ (สปิกีเลีย)
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้านกฮัมมิ่งเบิร์ดบินจากไปก่อนที่จะกินน้ำหวานหมด ต่อไปก็ให้เติมแค่ส่วนหนึ่งพอ เพื่อจะได้ไม่ต้องทิ้งน้ำหวานที่เหลือ
- ไม่ควรผสมน้ำหวานด้วยน้ำผึ้ง น้ำตาลไอซิ่ง (powdered sugar) น้ำตาลทรายแดง สารให้ความหวานเทียม หรืออะไรก็ตามที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล เนื่องจากองค์ประกอบทางเคมีของสารที่ให้ความหวานอื่นๆ ไม่เหมือนกับน้ำหวานและไม่เป็นสารอาหารทางธรรมชาติของนกฮัมมิ่งเบิร์ด นอกจากนี้สารให้ความหวานบางชนิดอาจทำให้นกฮัมมิ่งเบิร์ดป่วยหรือตายได้ด้วย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.hummingbirds.net/feeders.html
- ↑ http://www.hgtvgardens.com/garden-basics/bird-brew-whip-up-some-hummingbird-food
- ↑ http://howtoenjoyhummingbirds.com/hummingbird%20nectar%20recipe2.htm
- ↑ http://www.wildbirdshop.com/Birding/humfeed.html
- ↑ http://www.hummingbirds.net/feeders.html
- ↑ http://www.hummingbirds.net/feeders.html
- ↑ http://www.wildbirdshop.com/Birding/humfeed.html
- ↑ http://www.wbu.com/education/hummingbirds.html
- ↑ http://www.bhg.com/gardening/design/nature-lovers/hummingbird-favorite-plants/#page=16
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,992 ครั้ง
โฆษณา
