ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การมีวัตถุแปลกปลอมในหูของคุณอาจสร้างความรำคาญ และบางครั้งให้ประสบการณ์ที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ผู้มีแนวโน้มชอบใส่สิ่งต่างๆ ในหู ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเข้าไปติดอยู่ในนั้น โชคดีที่กรณีส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินทางการแพทย์ สามารถนำเอาวัตถุต่างๆ ออกจากหูได้อย่างง่ายดายที่บ้านหรือที่สถานพยาบาล และตามปกติจะไม่ส่งผลกระทบอย่างถาวรต่อสุขภาพหรือการได้ยิน อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่อาจมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ในหู สมควรไปพบแพทย์เพื่อให้เอาสิ่งนั้นออกไป [1]

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การดำเนินการในขั้นต้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เราไม่อาจรู้ได้เสมอไปว่าทำไมและอย่างไร ถึงได้มีบางสิ่งเข้ามาติดอยู่ในหูของเรา แต่วิธีบำบัดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุแปลกปลอมคืออะไร หากทำได้ จงแยกแยะว่าวัตถุดังกล่าวคืออะไร ก่อนจะตัดสินใจใดๆ เรื่องการดูแล
    • ส่วนใหญ่ของวัตถุแปลกปลอมที่เข้าไปติดอยู่ในหู เข้าไปด้วยความจงใจ ตามปกติมักเป็นฝีมือของเด็กเล็กๆ กับเด็กวัยหัดเดิน สิ่งเหล่านี้รวมทั้งวัตถุประเภทอาหาร กิ๊บติดผม ลูกปัด ของเล่นเล็กๆ ดินสอ และไม้พันสำลี หากคุณรู้ว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่ก่อนจะเกิดอาการเจ็บหู คุณอาจระบุได้ถึงสิ่งที่ติดอยู่ในหูของลูกคุณ [2]
    • ขี้หูสามารถสะสมอยู่ในช่องหูและแข็งตัว การสะสมของขี้หูอาจพัฒนามาจากการใช้ไม้สำลีมากเกินไป หรือใช้ในทางที่ผิดได้ด้วย [3] อาการของการสะสมของขี้หู รวมทั้งการรู้สึกว่าหูตันหรือมีแรงกดที่หูข้างหนึ่ง ในบางครั้ง การสะสมของขี้หูแบบนี้อาจทำให้วิงเวียนศีรษะ และทำให้ความสามารถในการได้ยินลดลง [4]
    • แมลงตัวหนึ่งอาจเป็นวัตถุแปลกปลอมในหูซึ่งน่าตกใจและน่ารำคาญใจเป็นพิเศษ แต่ก็ง่ายที่สุดที่จะตรวจพบ เสียงหึ่งๆ และการเคลื่อนไหวของแมลงสามารถได้ยินและรู้สึกได้ในหู [5]
  2. ตัดสินใจว่าคุณสมควรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ในทันทีหรือไม่. แม้จะน่ารำคาญ แต่ส่วนใหญ่แล้ววัตถุแปลกปลอมในหูไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินทางการแพทย์ หากคุณไม่สามารถเอาออกมาได้ด้วยตัวเอง ก็ทำได้หากจะไปพบแพทย์ในวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีนั้น คุณอาจจำเป็นต้องไปแผนกฉุกเฉินในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเพิ่มมากขึ้น
    • หากวัตถุที่อยู่ในหูเป็นสิ่งแหลมคม จงขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ในทันทีเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างรวดเร็ว [6]
    • เด็กเล็กๆ มักใส่ถ่านกระดุมลงในหู ถ่านที่ว่านี้เป็นถ่านรูปกลมขนาดเล็กซึ่งมักอยู่ในนาฬิกาหรือของใช้ในครัวเรือนขนาดเล็ก หากมีถ่านกระดุมอยู่ในหู จงรีบขอรับความช่วยเหลือทางการแพทย์ ในทันที สารเคมีที่อยู่ข้างในอาจรั่วไหลและสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับช่องหูได้ [7]
    • ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน หากมีชิ้นส่วนอาหารหรือพืชเข้าไปติดอยู่ในหู เพราะสิ่งของเหล่านี้จะบวมพองเมื่อถูกความชื้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างความเสียหายให้กับหู
    • หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น บวม มีไข้ มีของเหลวถูกขับออกมา เลือดออก สูญเสียการได้ยิน วิงเวียน หรือเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จงไปพบแพทย์ในทันที [8] [9]
  3. มีบ่อยครั้งที่เรารู้สึกระคายเคืองจากวัตถุแปลกปลอมในหูเป็นอย่างมากเสียจนเรารีบร้อนทำบางอย่าง โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา หลายๆ ทางเลือกของการบำบัดด้วยตัวคุณเองซึ่งมีขายตามร้านขายยา มักเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ หากมีวัตถุแปลกปลอมในหูของคุณ.
    • อย่าใช้ไม้พันสำลีเพื่อนำเอาวัตถุแปลกปลอมออกจากหู ไม้พันสำลีมักเป็นสิ่งที่เราคว้ามาใช้รับมือกับปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับหู แต่ใช้ไม่ได้ผลดีเวลาที่เราพยายามจะนำเอาวัตถุแปลกปลอมสักชิ้นหนึ่งออกมา อันที่จริง ยิ่งอาจดันให้วัตถุชิ้นนั้นเข้าไปในช่องหูลึกมากขึ้นด้วย [10]
    • อย่าพยายามชะล้างหูด้วยตัวคุณเอง.ร้านขายยาและสถานที่ขายยาหลายแห่งขายชุดอุปกรณ์ล้างหู ในรูปแบบของถ้วยดูดหรือกระบอกฉีด อุปกรณ์ที่คุณทำด้วยตัวเองได้เหล่านี้ เป็นประโยชน์สำหรับใช้ดูแลหูตามปกติ หากมีบางสิ่งอยู่ในหู คุณไม่สมควรพยายามชะล้างหูโดยไม่มีความช่วยเหลือจากแพทย์
    • อย่าใช้ยาหยอดหูจนกว่าคุณจะรู้ว่า สิ่งที่กำลังทำให้หูของคุณรู้สึกไม่สบายคืออะไร วัตถุแปลกปลอมในหูอาจทำให้เกิดอาการที่คล้ายกับอาการป่วยอื่นๆ เกี่ยวกับหู ยาหยอดหูอาจทำให้ปัญหาเลวร้ายลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวัตถุแปลกปลอมได้ทำให้แก้วหูทะลุ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทดลองใช้วิธีต่างๆ ที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีแรกที่คุณใช้น่าจะเป็นการตะแคงหัวลง และใช้แรงโน้มถ่วงช่วยทำให้วัตถุหลุดออก จงตะแคงศีรษะของคุณลงด้านข้างเพื่อให้หูข้างที่อุดตันหันลงหาพื้น ในบางครั้งการทำเพียงแค่นี้ เพียงพอที่จะทำให้วัตถุแปลกปลอมร่วงหลุด
    • เพื่อจะเปลี่ยนรูปร่างของช่องหู ให้ดึงใบหู ส่วนนอกสุดของหู (ไม่ใช่ติ่งหู แต่เป็นวงกลมซึ่งเริ่มที่ด้านบนสุดของหูลงมาจนถึงติ่งหู)การทำให้ใบหูกะดุกกะดิกไปมาอาจทำให้วัตถุแปลกปลอมหลุดออก หลังจากนั้น แรงดึงดูดของโลกจะทำส่วนที่เหลือ [11]
    • ห้าม ฟาดหรือตีด้านข้างของศีรษะ คุณสามารถสั่นศีรษะได้เบาๆ แต่การฟาดที่ศีรษะอาจยิ่งสร้างความเสียหายเพิ่มมากขึ้นได้ [12]
  2. คุณสมควรใช้วิธีนี้ เพียง ในกรณีที่บางส่วนของวัตถุแปลกปลอมยื่นออกมาจากรูหู และคุณสามารถดึงมันออกมาได้อย่างง่ายดายโดยใช้ปากคีบ ห้ามใช้ปากคีบสอดเข้าไปในช่องหู [13] ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะลองใช้วิธีนี้กับสิ่งใดก็ตามที่ติดอยู่ในหูของเด็ก จงไปพบกับกุมารแพทย์หรือแพทย์ของคุณแทน [14]
    • ทำความสะอาดปากคีบล่วงหน้าโดยใช้น้ำอุ่นกับสบู่ฆ่าเชื้อ ในบางครั้ง วัตถุแปลกปลอมสามารถทำให้แก้วหูทะลุ หรือมีเลือดออก และฉีกขาดที่ข้างในช่องหู ซึ่งจะทำให้หูของคุณมีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะติดเชื้อ
    • ใช้ปากคีบจับวัตถุแปลกปลอมและดึง ทำอย่างอ่อนโยนและช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุนั้นแตกก่อนจะคีบออกจากหู [15]
    • อย่าใช้วิธีนี้เพื่อคีบเอาวัตถุแปลกปลอมออก หากมันอยู่ลึกเสียจนคุณไม่อาจมองเห็นส่วนปลายของปากคีบขณะที่พยายามจะคีบมันออก ขณะเดียวกัน อย่าพยายามใช้วิธีนี้หากบุคคลเป้าหมายอยู่ไม่นิ่ง ในกรณีเช่นนั้น จะดีกว่าที่คุณจะไปพบแพทย์ [16]
  3. หากมีแมลงสักตัวหนึ่งในหูของคุณ มันอาจทำให้คุณไม่สบายใจอย่างมากเพราะบินไปรอบๆ และส่งเสียงหึ่งๆ ยังเสี่ยงด้วยที่คุณจะถูกต่อย การทำให้แมลงตายอาจทำให้เอาแมลงออกจากหูได้ง่ายมากขึ้น
    • ห้ามลองนำแมลงออกจากหูโดยใช้นิ้วของคุณเพราะมันอาจจะต่อยได้
    • เอียงศีรษะของคุณไปด้านข้างเพื่อให้หูข้างที่ได้รับผลกระทบชี้ขึ้นไปบนเพดานหรือท้องฟ้า สำหรับผู้ใหญ่ ให้ดึงติ่งหูไปทางด้านหลังและขึ้นข้างบน ส่วนสำหรับเด็ก ให้ดึงติ่งหูไปทางด้านหลังและลงด้านล่าง [17]
    • น้ำมันแร่ น้ำมันมะกอก หรือเบบี้ ออยล์ ใช้ได้ดีที่สุด.ถ้าหากคุณมีน้ำมันแร่ จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างอื่น [18] ทำให้แน่ใจว่าน้ำมันอุ่น แต่อย่าต้มให้เดือดหรืออุ่นด้วยไมโครเวฟก่อนใช้หากไม่อยากให้หูของคุณถูกน้ำมันลวก ใช้เพียงหยดเล็กสักหยดหนึ่งก็พอ ใช้ปริมาณเท่ากับที่คุณใช้ยาหยอดหู [19]
    • ตามหลักการนั้น แมลงจะจมน้ำหรือหายใจไม่ออกตายในน้ำมัน และลอยขึ้นมาที่ผิวหน้าของหู [20]
    • คุณสมควรใช้เพียงน้ำมัน หากกำลังพยายามจะนำเอาแมลงออกจากหู หากมีอาการปวด เลือดออก หรือมีของเหลวใดๆ ออกจากหู มีความเป็นไปได้ว่าแก้วหูทะลุ ซี่งในกรณีเหล่านี้ จะเป็นอันตรายหากใช้น้ำมัน จงอย่าใช้น้ำมันหากคุณมีอาการใดอาการหนึ่งดังที่ระบุ [21]
    • ไปพบแพทย์หลังจากใช้วิธีนี้แล้ว เพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกส่วนของแมลงได้ถูกนำออกจากหูของคุณหมดแล้ว [22]
  4. จงบอกพวกเด็กๆ ให้เก็บวัตถุชิ้นเล็กๆ ให้อยู่ไกลจากหู ปาก และทวารอื่นๆ จงกำกับดูแลเด็กๆ อายุต่ำกว่าห้าขวบ เวลาที่เด็กๆ อยู่รอบๆ วัตถุขนาดเล็ก จงระมัดระวังเป็นพิเศษกับพวกแผ่นดิสก์และถ่านกระดุม จงเก็บพวกมันไว้ในที่ปลอดภัย พ้นมือพวกเด็กๆ [23]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ขอรับการดูแลทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากไม่มีวิธีใดเลยในวิธีแก้ปัญหาที่บ้านซึ่งได้แนะนำไปซึ่งใช้งานได้จริง มีความสำคัญที่คุณจะไปพบแพทย์ และขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพ แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้น คุณจะต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น หากผู้ป่วยเป็นเด็ก จงทำให้แน่ใจว่าได้ถามไถ่ถามรายละเอียดทั้งหมดของอาการก่อนไปพบแพทย์ เด็กอาจจะเต็มใจที่จะแบ่งปันรายละเอียดกับคุณ มากกว่ากับแพทย์
    • ที่สำคัญที่สุดคือ คุณสมควรแจ้งข้อมูลกับแพทย์ว่าสิ่งใดติดอยู่ในหู และอยู่มานานเท่าไรแล้ว จะช่วยให้แพทย์พอจะตระหนักได้บ้างว่าอาการน่าวิตกมากน้อยเพียงใด
    • คุณจะต้องการบอกกับแพทย์ด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ในขั้นต้น ได้เกิดอะไรขึ้นบ้างในเวลาต่อมา ได้เกิดผลข้างเคียงใดๆ หรือไม่? คุณได้พยายามจะนำเอาวัตถุดังกล่าวออกหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น คุณทำอย่างไร และได้ผลเป็นอย่างไร?
  2. แพทย์อาจแนะนำให้ล้างช่องหูด้วยน้ำหรือน้ำเกลือ เพื่อนำเอาวัตถุแปลกปลอมออกไป นี่คือกระบวนการที่ค่อนข้างจะรวดเร็วและทำได้ง่าย
    • ตามปกติ จะใช้หลอดดูดยาบรรจุน้ำอุ่นสะอาด ฉีดพ่นเป็นฝอยเข้าไปในช่องหู [24]
    • หากประสบความสำเร็จ วัตถุแปลกปลอมใดๆ จะถูกน้ำขับออกมาในระหว่างกระบวนการล้างหู [25]
    • คุณไม่สมควรพยายามล้างช่องหูที่บ้าน จงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพทางการแพทย์. [26]
  3. จงอนุญาตให้แพทย์นำวัตถุออกโดยใช้ปากคีบที่ใช้ในทางการแพทย์. แม้จะทำไม่สำเร็จในการใช้ปากคีบที่บ้าน แต่แพทย์ของคุณน่าจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์พิเศษที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ที่จะนำเอาวัตถุแปลกปลอมออกจากหูคุณ
    • กล้องส่องตรวจหู (Otoscope) เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ส่องสว่างและสำรวจช่องหู โดยใช้ร่วมกันกับปากคีบทางการแพทย์ แพทย์สามารถจะตรวจสอบปากคีบที่อยู่ข้างในหูได้ง่ายมากขึ้น และหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดบาดเจ็บในโครงสร้างสำคัญๆ หรือโครงสร้างที่อ่อนไหว [27]
    • ใช้ปากคีบชนิดพิเศษ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้กับหู หรือใช้คีมเพื่อค่อยๆ นำเอาวัตถุออกจากหูของคุณ [28]
    • หากวัตถุเป็นโลหะ แพทย์ยังสามารถใช้อุปกรณ์ที่มีความยาว ซึ่งถูกทำให้เป็นแม่เหล็ก สิ่งนี้จะช่วยให้การดึงออกมา ทำได้ง่ายมากขึ้น [29]
  4. จงดูว่าแพทย์ต้องการจะใช้เครื่องดูดเพื่อนำเอาวัตถุออกไปหรือไม่. แพทย์ของคุณจะถือสายหรือท่อสอดขนาดเล็กเข้าไปใกล้วัตถุแปลกปลอม หลังจากนั้น จึงใช้การดูดออกเพื่อค่อยๆ นำเอาวัตถุออกจากหูของคุณอย่างอ่อนโยน [30]
    • ตามปกติ จะใช้เครื่องดูดเพื่อย้ายวัตถุแข็งๆ อย่างกระดุมหรือลูกปัด มากกว่าวัตถุที่เป็นสารอินทรีย์ เช่น อาหาร หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่น แมลง
  5. มักใช้กันเป็นปกติในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุน้อย และเด็กวัยหัดเดิน เด็กๆ มักจะดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้อยู่อย่างสงบ และยังคงทำเช่นนั้นในระหว่างเทคนิคต่างๆข้างต้น แพทย์มักแนะนำให้ใช้ยากล่อมประสาท เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กขยับตัวซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ และอาการบาดเจ็บต่อโครงสร้างหูชั้นใน
    • หากแพทย์แจ้งว่ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้ยากล่อมประสาท จงหลีกเลี่ยงการกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม 8 ชั่วโมงก่อนไปพบแพทย์ [31]
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำใดๆ ที่แพทย์ให้ไว้ก่อนที่คุณจะออกจากสถานพยาบาล แพทย์อาจต้องการให้คุณเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเด็กในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อน จงฟังอย่างระมัดระวัง และถามคำถามใดๆ ที่คุณอาจมี [32]
  6. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในกรณีที่เกิดแก้วหูทะลุ. บางครั้งบางคราว แก้วหูอาจทะลุเพราะวัตถุแปลกปลอม หากแก้วหูของคุณทะลุ แพทย์น่าจะแนะนำให้เข้ารับการรักษา
    • อาการป่วยที่เกิดจากแก้วหูทะลุ รวมทั้งมีอาการเจ็บ อึดอัด รู้สึกตีบตันที่ในหู วิงเวียน และมีของเหลว หรือเลือดไหลออกมาจากหู [33]
    • โดยทั่วไป อาการแก้วหูทะลุรักษาได้ด้วยตัวเองภายในสองเดือน แต่แพทย์ของคุณอาจจะแนะนำให้กินยาปฏิชีวนะสักชุดหนึ่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แพทย์ยังอาจแนะนำคุณให้ดูแลหูให้สะอาดและแห้งในระหว่างที่แผลกำลังหาย [34]
  7. หลังจากคุณได้พบกับแพทย์ แพทย์อาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือก้ามทำให้หูของคุณโดนน้ำ 7-10 วัน การทำเข่นนี้จะช่วยลดโอกาสที่คุณจะติดเชื้อ อุดหูข้างที่ติดเชื้อของคุณด้วยปิโตรเลียม เจลลี่ กับสำลีเวลาคุณอาบน้ำฝักบัว หรืออาบน้ำ
    • ตามปกติ แพทย์จะนัดให้คุณไปพบ เพี่อติดตามผลภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อทำให้แน่ใจว่าหูของคุณกำลังฟื้นตัวอย่างเหมาะสม ไม่มีของเหลวไหลออกมา ไม่มีเลือดไหล หรืออาการเจ็บปวด [35]
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าพยายามใช้นิ้วของคุณแคะสิ่งแปลกปลอมออกจากหู เพราะผลลัพธ์ที่มักเกิดจากการทำเช่นนี้ คือยิ่งดันวัสดุชิ้นนั้นให้ลงลึกเข้าไปในหูมากยิ่งขึ้น
  • เพราะเด็กเล็กมักไม่สามารถสื่อปัญหาให้ผู้ใหญ่ทราบ คุณจึงสมควรรู้ว่าเด็กๆ อาจแสดงอาการอย่างไรบ้างหากมีบางสิ่งอยู่ในหู อาการของโรคที่ต้องเฝ้ามองหา ได้แก่ การร้องไห้แบบควบคุมไม่ได้ การที่รอบๆ หูเป็นสีแดงและบวม การดึงติ่งหู
  • ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ในทันที หากเกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับการมีวัตถุแปลกปลอมในหู
โฆษณา
  1. http://www.drugs.com/health-guide/foreign-objects-in-the-ear.html
  2. http://www.emedicinehealth.com/foreign_body_ear/page6_em.htm#ear_foreign_body_treatment
  3. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000052.htm
  4. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000052.htm
  5. http://www.uofmmedicalcenter.org/healthlibrary/Article/89831
  6. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid/basics/art-20056709
  7. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000052.htm
  8. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid/basics/art-20056709
  9. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/ 000052.htm
  10. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid/basics/art-20056709
  11. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid/basics/art-20056709
  12. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid/basics/art-20056709
  13. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000052.htm
  14. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000052.htm
  15. http://www.medicinenet.com/objects_or_insects_in_ear/page3.htm#how_is_an_object_in_the_ear_treated
  16. http://www.medicinenet.com/objects_or_insects_in_ear/page3.htm#how_is_an_object_in_the_ear_treated
  17. https://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000052.htm
  18. http://www.medicinenet.com/objects_or_insects_in_ear/page3.htm#how_is_an_object_in_the_ear_treated
  19. http://www.medicinenet.com/objects_or_insects_in_ear/page3.htm#how_is_an_object_in_the_ear_treated
  20. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid/basics/art-20056709
  21. http://patient.info/doctor/foreign-bodies-in-the-ear
  22. http://patient.info/doctor/foreign-bodies-in-the-ear
  23. http://patient.info/doctor/foreign-bodies-in-the-ear
  24. http://www.emedicinehealth.com/perforated_eardrum/page3_em.htm#perforated_eardrum_symptoms
  25. http://www.emedicinehealth.com/perforated_eardrum/page5_em.htm#perforated_eardrum_treatment
  26. http://www.emedicinehealth.com/foreign_body_ear/page8_em.htm#follow-up

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 58,944 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา