ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ไฟล์ Torrent หรือที่คนไทยเรียกกันว่าไฟล์บิท/โหลดบิท เป็นหนึ่งในวิธีแชร์ไฟล์ผ่านเน็ตที่คนนิยมกันมากที่สุด แต่ขั้นตอนอาจจะดูมึนๆ งงๆ นิดหน่อยสำหรับมือใหม่หัดโหลดบิท แต่ถ้าเข้าใจขั้นตอนดีแล้ว บอกเลยว่าเข้าถึงได้แทบทุกไฟล์ในโลกนี้ การใช้โปรแกรม torrent แล้วจริงๆ ไม่ผิดกฎหมาย ถ้าคุณดาวน์โหลด เปิด และแจกจ่ายไฟล์ที่ถูกกฎหมาย ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะงั้นต้องแน่ใจว่าไฟล์ที่จะโหลดบิทนั้นถูกกฎหมาย เจ้าของอนุญาตให้โหลด บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้โปรแกรม BitTorrent ให้คุณเอง
ขั้นตอน
-
เข้าเว็บ BitTorrent. คุณดาวน์โหลดโปรแกรม BitTorrent ได้ฟรีจากในเว็บ official เลย ลิงค์ดาวน์โหลดจะอยู่ตรงกลางหน้าเว็บ ถ้าอยากได้ไฟล์ติดตั้งของระบบปฏิบัติการอื่น ให้คลิกลิงค์ "Other Platforms + Betas" ล่างปุ่ม "Get BitTorrent"
-
ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม. จะมีให้เลือกระหว่างเวอร์ชั่นฟรีกับ BitTorrent Plus ถ้าเป็นคนโหลดบิททั่วไป ก็ไม่ถึงกับต้องใช้เวอร์ชั่น plus เพราะดาวน์โหลดและเปิดไฟล์ torrent ด้วยเวอร์ชั่นฟรีได้ทุกไฟล์ตามสะดวก
- ให้ดาวน์โหลดโปรแกรม BitTorrent จากเว็บ BitTorrent เองเท่านั้น จริงๆ แล้วมีโปรแกรม torrent หรือโปรแกรมโหลดบิทให้เลือกใช้มากมาย แต่ถ้าจะใช้โปรแกรม BitTorrent ก็ควรโหลดจากเว็บของผู้พัฒนาโดยตรง
-
เช็คว่าพ่วงไฟล์ถูกต้องแล้ว. ถ้าอยากให้ BitTorrent เป็นโปรแกรมหลักสำหรับเปิดไฟล์ torrent ก็ต้องกำหนดให้เปิดไฟล์ .torrent (.tor) รวมถึง Magnet URI ขึ้นมาใน BitTorrent ให้ติ๊กช่องที่เกี่ยวข้องให้ครบ ตอนติดตั้งโปรแกรม ถ้าไม่ได้เลือกไว้ จะกลายเป็นใช้เบราว์เซอร์ดาวน์โหลดไฟล์ torrent เล็กๆ เท่านั้น ถ้ากำหนดให้โปรแกรม BitTorrent เปิดไฟล์ .tor ด้วย ถ้าจะดาวน์โหลดไฟล์ .tor ในเบราว์เซอร์ โปรแกรมก็จะเปิดขึ้นมาอัตโนมัติ โปรแกรม BitTorrent จะเปิดไฟล์ หาไฟล์ โปรแกรม วิดีโอและอื่นๆ ที่คุณต้องการ แล้วดาวน์โหลดได้แบบไร้รอยต่อเลย
- BitTorrent จะเสนอเพลงฟรีและ adware ระหว่างติดตั้งโปรแกรมด้วย แนะนำให้ไม่ต้องเลือกฟีเจอร์ดังกล่าวระหว่างติดตั้ง (เว้นแต่ต้องการ)
-
อนุญาตใช้งาน BitTorrent ผ่าน firewall. ตอนเปิด BitTorrent ครั้งแรก จะมีให้เลือกว่าจะอนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงให้โปรแกรมไหม ก่อนจะดาวน์โหลดไฟล์ torrent ต่างๆ ได้ BitTorrent ต้องผ่าน firewall ได้ซะก่อน ถ้าไม่มีข้อความให้อนุญาตการเข้าถึงอัตโนมัติ ให้ศึกษาขั้นตอนการอนุญาตสิทธิ์ด้วยตัวเองเพิ่มเติมในเน็ต
-
ตั้งค่า preferences. พอติดตั้ง BitTorrent แล้ว ให้เปิดขึ้นมาเพื่อตั้ง preferences หรือค่าต่างๆ เบื้องต้นก่อนเริ่มใช้งาน ในหน้าต่างหลัก ให้คลิก Options → Preferences มีหลายตัวเลือกที่ต้องเช็คก่อนโหลดบิท
- คลิก Directories หน้านี้ใช้กำหนดว่าไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจะไปอยู่ที่ไหน หรือจะย้ายไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา ไปไว้ที่โฟลเดอร์อื่นหลังโหลดเสร็จก็ได้
- คลิก Bandwidth ถ้าจะกำหนดว่าอัพโหลดและดาวน์โหลดได้สูงสุดเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมการใช้เน็ต ถ้าตั้งเป็น "0" จะโหลดบิทด้วยความเร็วเน็ตสูงสุดเท่าที่ใช้ได้
- คลิก Queuing คุณกำหนดจำนวนไฟล์บิทที่อัพโหลดและดาวน์โหลดในแต่ละครั้งได้ เช่น ให้ดาวน์โหลดทีละไฟล์เดียว หรือดาวน์โหลดทีละหลายไฟล์พร้อมกัน หรือกำหนดค่าการ seed ไฟล์ให้คนอื่น ว่าจะแชร์ไฟล์นานแค่ไหน
โฆษณา
-
หาเว็บ torrent tracker. มีหลายเว็บเลยที่รวมไฟล์บิทหรือไฟล์ torrent ไว้ แต่บางเว็บก็ปลอดภัย น่าเชื่อถือกว่าเว็บอื่น เว็บ torrent tracker มี 2 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน คือ public tracker และ private tracker
- Public tracker ใครก็เข้าได้ เป็นเว็บที่จะโผล่ขึ้นมาเวลาคุณค้นหา torrent tracker ในเน็ต แต่เพราะเป็นเว็บสาธารณธะ หลายไฟล์บิทเลยถูกติดตามโดยเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ปกติเอาไว้จำหน่าย อาจถูกแบนโดยค่ายเน็ตที่ใช้ได้
- Private tracker ต้องมีคนเชิญถึงจะเข้าได้ เป็นเว็บที่จะยังเข้าไม่ได้ จนกว่าจะมีสมาชิกคนอื่นในเว็บส่งคำเชิญให้ ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมได้ต้องผ่านเกณฑ์ต่างๆ เช่น มีค่าสมาชิก จำกัดจำนวนไฟล์หรือสัดส่วนข้อมูลที่ดาวน์โหลด/อัพโหลด เป็นต้น แต่ข้อดีคือ private tracker จะไม่เสี่ยงโดนเจ้าของลิขสิทธิ์เล่นงานเท่าเว็บสาธารณะ
-
ค้นหาไฟล์ที่ต้องการ. public tracker ส่วนใหญ่จะมีไฟล์บิทของรายการทีวี หนัง เพลง และเกมใหม่ๆ ให้ได้โหลดกัน รวมถึงไฟล์ดังเก่าๆ ด้วย
- ค้นหาไฟล์ที่ต้องการ โดยระบุตัวย่อที่คนนิยมใช้กัน เช่น ถ้าอยากโหลด "Law and Order" episode 3 ของ season 5 แบบ HD ให้พิมพ์ว่า "Law and Order s05e03 720p" หรือ "Law and Order s05e03 1080p"
-
ดาวน์โหลดไฟล์ torrent ที่ seeders เยอะๆ. จะโหลดบิทได้เร็วทันใจแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับหลายตัวแปร ถ้าเป็นไฟล์ torrent ที่มีจำนวน seeders (คนอัพโหลด) เยอะๆ จะดีที่สุด หรือเป็นไฟล์ที่มี leechers (คนดาวน์โหลด) น้อยๆ ทั้ง 2 ปัจจัยนี้มีผลต่อความเร็วในการโหลดบิทของคุณ ส่วนตัวแปรหรือปัจจัยอื่นๆ ค่อนข้างอยู่เหนือความควบคุมของคุณ เช่น ความเร็วเน็ตที่ใช้ และความเร็วเน็ตของ seeders ที่ปล่อยโหลดให้คุณ
- เว็บ torrent ส่วนใหญ่ให้คุณจัดระเบียบผลการค้นหาตามจำนวน seeders ได้ ให้เลือกไฟล์ที่มี seeders เยอะๆ นอกจากช่วยให้ดาวน์โหลดเร็วขึ้นแล้ว ยังลดความเสี่ยงเจอไฟล์ปลอมหรือไฟล์ที่มีไวรัสด้วย
- จำนวน leechers จะส่งผลต่อความเร็วในการดาวน์โหลดด้วย leechers คือคนที่ดาวน์โหลดอยู่ ไม่ได้กำลัง seed ให้คนอื่นโหลด โดย leecher จะกลายเป็น seeder ก็ต่อเมื่อดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ถ้ามีจำนวน leechers เยอะกว่า seeders แบบเห็นได้ชัด bandwidth ที่ได้จะน้อย ทำให้ดาวน์โหลดเสร็จช้า
-
ขนาดไฟล์กับคุณภาพ ต้องสมดุลกัน. โดยเฉพาะตอนดาวน์โหลดวิดีโอ ปกติจะมีให้เลือกหลายขนาดไฟล์ ที่ขนาดต่างกันเพราะวิธี encode วิดีโอและเสียงต่างกัน ส่วนใหญ่ไฟล์ใหญ่กว่า ก็คุณภาพดีกว่า ให้เลือกไฟล์จากคนที่เชื่อถือได้ บางเว็บจะมีแท็ก/ไอคอนเพิ่มเติม ข้างชื่อเจ้าของไฟล์บิท ให้คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
- แต่ข้อเสียคือถ้าเลือกไฟล์ใหญ่ ก็จะดาวน์โหลดนานกว่าจะเสร็จ โดยเฉพาะใครเน็ตกาก
- พยายามเช็คคอมเม้นท์ของคนอื่นๆ เยอะๆ จะได้รู้ว่าไฟล์คุณภาพดีจริงหรือเปล่า คุ้มค่าที่จะรอกว่าจะโหลดเสร็จไหม บาง tracker จะมีระบบเรตติ้งให้ผู้ใช้โหวตด้วย ว่าไฟล์นี้ดีจริงหรือตบตา
-
ดาวน์โหลดจากลิงค์ magnet ถ้ามี. magnet link ที่ว่า ไม่ใช่ตัวไฟล์จริง จะเป็นข้อความสั้นๆ เฉพาะตัว ไฟล์ torrent จะใช้จับคู่เนื้อหา แล้วดาวน์โหลดไฟล์ที่ถูกต้อง ไฟล์ magnet ใช้แล้วเท่ากับลัดขั้นตอนโหลดบิทไปขั้นหนึ่ง ช่วยลดความเสี่ยงการโหลดไฟล์เสียด้วย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เปิดไฟล์บิทใน BitTorrent. ถ้ากำหนดไว้ให้ BitTorrent เปิดไฟล์ .torrent โปรแกรมก็จะเปิดขึ้นมาอัตโนมัติหลังเปิดไฟล์ ซึ่งจะเริ่มดาวน์โหลดไฟล์ทันทีที่เชื่อมต่อกับ seeder แรกได้
- กว่าจะเชื่อมต่อกับ seeders ได้ต้องใช้เวลา โดยเฉพาะถ้าคุณเน็ตกาก หรือไปดาวน์โหลดไฟล์บิทที่ไม่ค่อยดี
- คุณติดตามความคืบหน้าในการดาวน์โหลดได้ในหน้าต่างหลักของ BitTorrent แต่ละไฟล์จะมีแถบความคืบหน้าข้างๆ
-
ดาวน์โหลด movie player ดีๆ. ไฟล์บิทหรือ torrent ที่โหลดได้นั้น มีหลายประเภทไฟล์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์หนังที่ Windows Media Player หรือ QuickTime ไม่รองรับ ต้องหา video player ที่เปิดได้หลาย codecs และฟอร์แมต
- VLC Player ก็เป็นโปรแกรม media player ฟรีแบบ open-source ใช้เปิดไฟล์ media ได้แทบทุกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา แนะนำให้ใช้มากๆ ถ้ามักจะดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอมาหลายฟอร์แมต
- ไฟล์ ISO เป็น disc image หรือไฟล์อิมเมจที่ได้จากแผ่นจริงๆ ต้อง ไรท์ลงแผ่น หรือ mount ไฟล์อิมเมจ ISO ในไดรฟ์เสมือนก่อน ถึงจะเปิดได้ ไฟล์ที่ว่ามีทั้ง copy จากแผ่นโดยตรง และเป็นแพ็คเกจโฟลเดอร์
- ถ้าจะเปิดไฟล์ media ในอุปกรณ์อื่น ต้องแปลงไฟล์เป็นฟอร์แมตที่อุปกรณ์นั้นรองรับซะก่อน
-
ระวังไวรัส . ไฟล์ที่มาปล่อยโหลดบิทกันมักละเมิดลิขสิทธิ์ มีสารพัดรูปแบบ คาดเดาไม่ได้ แฮกเกอร์เลยมัก embed ไวรัสในไฟล์บิท หวังให้กระจายไปในหมู่ผู้ใช้ โดยเฉพาะไฟล์ดังๆ ที่คนนิยมค้นหาและโหลดบิทกัน เหยื่อจะได้กินวงกว้าง
- ต้องสแกนทุกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไวรัส
- พยายามดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะที่รีวิวดีๆ เยอะๆ
- ย้ำว่าต้องอ่านคอมเม้นท์และดูคะแนนรีวิวก่อนเสมอ เผื่อใครเคยโดนไวรัสจากไฟล์จะได้รู้
โฆษณา
-
seed ให้คนอื่นโหลดบ้าง หลังคุณโหลดเสร็จ. พอดาวน์โหลดเนื้อหาในไฟล์ torrent เสร็จ คุณจะเริ่มเป็น seeder บ้าง คือเป็นฝ่ายอัพโหลดข้อมูลไปยังโปรแกรมในเครื่องของคนอื่นที่เชื่อมต่ออยู่กับ tracker
- seeding คือหัวใจสำคัญของชุมชนคนโหลดบิท ถ้าทุกคนเอาแต่ดาวน์โหลด ไม่อัพโหลดคืนให้คนอื่น ก็จะไม่มีใครดาวน์โหลดไฟล์ได้เลย
-
รักษาสัดส่วนการดาวน์โหลดและอัพโหลด. ถ้าใช้เว็บแบบปิด (private) ก็ต้องรักษาสัดส่วนการดาวน์โหลดและอัพโหลดให้สมดุลกัน คือดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็ต้องอัพโหลดคืนให้คนอื่นพอๆ กัน
-
เปิดโปรแกรม torrent ทิ้งไว้ให้ทำงานในเบื้องหลัง. แพ็คเกจเน็ตส่วนใหญ่จะอัพโหลดได้ช้ากว่าดาวน์โหลด เพราะงั้นการอัพโหลดไฟล์เพื่อรักษาสัดส่วนที่ว่า ก็จะใช้เวลานานกว่าการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดเท่ากัน แนะนำให้เปิดโปรแกรม torrent ไว้ที่เบื้องหลัง จากนั้นก็ทำอะไรไปตามสะดวก รับรองอัพโหลดได้ไวทันใจ
- ปกติเปิดโปรแกรม torrent ทิ้งไว้ที่เบื้องหลังแล้ว จะไม่รบกวนการท่องเว็บหรือใช้งาน word processor เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นแอพที่ต้องใช้เน็ตหนักๆ อย่างการสตรีมวิดีโอหรือเล่นเกม อันนี้ควรปิดโปรแกรม torrent ไปก่อน
-
กำหนด ratio limit. BitTorrent ให้คุณแชร์ไฟล์บิทได้จนครบตาม ratio ที่กำหนด ในหัวข้อ Queuing ของเมนู Preferences คุณกำหนด ratio limit ที่ต้องการได้ ว่าจะให้อัพโหลดถึงเท่าไหร่ ถ้าใช้ private tracker แนะนำให้ตั้งไว้ 200% ขึ้นไป เพื่อให้แน่ใจว่าได้แชร์ไฟล์บิทใหญ่ 300 MB จนอัพโหลดครบ 600 MBโฆษณา
-
ไฟล์ส่วนใหญ่ที่ดาวน์โหลดมา จะถูกบีบอัดไว้ เป็นฟอร์แมตที่ไม่พร้อมเปิดหรือเล่น. พูดง่ายๆ คือต้องมีโปรแกรมอื่นสำหรับเปิดไฟล์อีกที ถ้าเป็นโปรแกรมหรือไฟล์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ไฟล์ media มักมาในรูปของไฟล์ .zip, .rar, .001, .002 เป็นต้น ส่วนไฟล์หนังจะ "รวม" มาในฟอร์แมตอย่าง .mkz, .qt เป็นต้น ซึ่งต้องใช้ codec เฉพาะ ถึงจะติดตั้งได้ ถ้า media player ที่มีไม่รับรอง โชคดีที่ codec packs ที่คนนิยมใช้มักมากันเป็น bundle และติดตั้งง่าย เช่น K-Lite (www.codecguide.com/download_kl.htm) ถ้าเป็น WinRAR จะรองรับทั้ง .zip, .rar, .001, .002 และอื่นๆ
-
สร้างโฟลเดอร์ใหม่ แล้วย้ายไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาไปใส่ไว้. โปรแกรมที่ติดตั้งไว้จะมีโอกาสเสียหายจากมัลแวร์ที่เผลอดาวน์โหลดมาน้อยลงได้ ถ้าสร้างโฟลเดอร์นี้แยกไว้ในพาร์ทิชั่นหรือฮาร์ดไดรฟ์อื่น ไม่มีไฟล์หรือข้อมูลสำคัญอยู่ ให้เปิดโปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์ แล้วจะเห็นไฟล์ข้างใน หรือแตกไฟล์ออกมา ต้องเช็คไฟล์ที่แตกมาก่อน โดยเฉพาะที่สุ่มเสี่ยง (ถ้าเป็นไฟล์หนัง ไฟล์ MP3 และอื่นๆ จะไม่ต้องใช้ไฟล์ .exe และ .com ถ้ามีไฟล์พวกนี้โผล่มา เป็นไปได้ว่ามีไวรัส)
-
สแกนโฟลเดอร์ด้วยโปรแกรมสแกนไวรัส. ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ห้ามข้าม! ถ้าไม่มีโปรแกรม antivirus หรือไม่อยากสแกนไวรัส ก็ต้องรับความเสี่ยงและผลที่จะตามมา
-
เล่นหรือเปิดไฟล์. พอแตกไฟล์เจอข้อมูลข้างในแล้ว หรือเจอไฟล์โปรแกรม วิดีโอ และอื่นๆ ที่บรรจุมา และตรงตามต้องการ ให้เช็คฟอร์แมต (.avi, .mp3, .mkz, .exe, .com เป็นต้น) ที่เปิดด้วย media player ได้ หรือติดตั้งถ้าเป็นโปรแกรมโฆษณา
เคล็ดลับ
- ติดตั้งโปรแกรมป้องกันคนดักเช็คว่าคุณดาวน์โหลดอะไรมา โปรแกรมที่แนะนำก็เช่น PeerBlock และ Peer Guardian เป็นเหมือน firewall แต่จะป้องกันได้ครอบคลุมกว่าหน่อย เวลาใช้โปรแกรมแบบ p2p
- ไฟล์บิทหรือ torrent ที่ไม่มี seeders แถม leechers เต็มไปหมด จริงๆ ก็ดาวน์โหลดได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีใคร seed คุณอาจได้ไฟล์ไม่ครบจนใช้จริงไม่ได้
- โปรแกรมโหลดบิทอื่นที่แนะนำ นอกจาก BitTorrent ก็มี UTorrent แต่ก็เสี่ยงไวรัสกว่า ถ้าไม่ระวัง ไปโหลดผิดแหล่ง (และผิดไฟล์) ซึ่งก็ต้องใช้วิจารณญาณเหมือนเวลาใช้โปรแกรม P2P ทั่วไป
- ปกติไวรัสย้ายจากไดรฟ์หนึ่งไปอีกไดรฟ์เองไม่ได้ เว้นแต่คุณไป copy ไฟล์ต้องสงสัย ไปใส่อีกไดรฟ์เอง ถึงจะเสี่ยงติดไวรัสทั้ง "2 ไดรฟ์" เลยแนะนำให้มีไดรฟ์หรือพาร์ทิชั่นที่ใหญ่กว่า 10 GB ไว้ทดสอบ ย้ำว่าห้ามใส่ไฟล์อะไรไว้ในนั้น ถ้าย้ายและใช้ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาในไดรฟ์นี้แล้วมีไวรัสจริง จะได้จำกัดปัญหาไว้แค่ในไดรฟ์นี้ไดรฟ์เดียว ยิ่งเราไม่ได้ใส่ไฟล์อะไรไว้ ก็ลบหรือฟอร์แมตไดรฟ์ใหม่ได้สบาย ไม่เสียไฟล์สำคัญหรือระบบปฏิบัติการ ถ้าเช็คจนแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ไฟล์อันตราย ก็ copy ย้าย หรือเปิดไฟล์ในไดรฟ์หรือพาร์ทิชั่นหลักของเครื่อง แล้วลบไฟล์จากไดรฟ์ "ทดสอบ" ได้เลย
โฆษณา
คำเตือน
- คุณดาวน์โหลด/อัพโหลดไฟล์ torrent แบบลับๆ ไม่เปิดเผยตัวตนให้เสี่ยงถูกจับ ได้โดยใช้ VPN แต่ต้องอ่านรีวิวดีๆ ก่อน และเช็คว่า VPN นั้นยอมให้โหลดบิทผ่าน BitTorrent เก็บ logs และเป็นแบบ high speed หรือเปล่า เพราะสำคัญมาก ขาดไม่ได้ อย่าง Incognitoline ก็ผ่านการทดสอบมาอย่างครอบคลุมในด้านที่ว่าโดยเฉพาะ
- ระวังจะมีปัญหาถ้าแชร์ไฟล์ที่ติดลิขสิทธิ์ จริงๆ แล้วถ้าแค่โหลดบิทมาเก็บไว้ดูหรือใช้เองจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าจำหน่ายจ่ายแจกเมื่อไหร่ ระวังจะโดนทั้งจำทั้งปรับถ้าถูกจับได้ แต่โปรแกรม Bittorrent ก็บังคับไปในตัวนี่สิ ไม่ให้ดาวน์โหลดไฟล์บิทโดยไม่แชร์ให้คนอื่นด้วย สังเกตว่าถ้าตั้งค่า upload rate เป็น 0 การดาวน์โหลดจะหยุดทันที เพราะแบบนี้แน่นอนว่าเวลาคุณดาวน์โหลด (ทั้งไฟล์ติดลิขสิทธิ์และไม่ติด) ก็เท่ากับมีการแชร์ไฟล์ไปด้วย เข้าข่ายแน่นอน
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,016 ครั้ง
โฆษณา
