ขอบตาที่ดำคล้ำเป็นสาเหตุทำให้คุณดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส รอยคล้ำใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การขาดน้ำ หรืออาการแพ้ โชคดีที่คุณสามารถแก้รอยคล้ำใต้ตาได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้เมคอัพ อายครีม และวิธีการธรรมชาติ
ขั้นตอน
-
เลือกคอนซีลเลอร์ที่เหมาะสม. มองหาคอนซีลเลอร์ที่มีสีสว่างกว่าผิวหน้าของคุณ 1-2 เฉดสี เมคอัพหลายยี่ห้อมาพร้อมกับคอนซีลเลอร์ที่ออกแบบสำหรับปกปิดรอยคล้ำใต้ตาโดยเฉพาะ เลือกคอนซีลเลอร์ที่มีความชุ่มชื้นมากพอและไม่ตกร่องตามรอบๆ ดวงตา [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เลือกสีคอนซีลเลอร์ที่ถูกต้อง. รอยคล้ำใต้ตาโดยส่วนใหญ่มักมีสีออกน้ำเงินหรือม่วง คุณจึงควรปกปิดด้วยคอนซีลเลอร์ที่มีโทนสีเหลือง ดูจากวงจรสีเพื่อหาคู่สีที่สามารถช่วยปกปิดรอยคล้ำใต้ตาของคุณ
-
ลงคอนซีลเลอร์ที่ใต้ตา. ลงคอนซีลเลอร์เฉพาะตรงบริเวณที่มีรอยคล้ำเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วรอยคล้ำใต้ตาจะมีลักษณะเป็นทรงครึ่งวงกลมจากขอบตาด้านล่างลงมายังแก้ม ใช้ปลายนิ้วหรือแปรงแต่งหน้าขนนุ่มแตะคอนซีลเลอร์เบาๆ ตรงบริเวณดังกล่าว แล้วจึงเกลี่ยให้เรียบเนียนโดยใช้ปลายนิ้วหรือฟองน้ำชุบน้ำ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- วิธีการลงคอนซีลเลอร์ให้ดูเรียบเนียนที่สุดคือการทาคอนซีลเลอร์เป็นรูปสามเหลี่ยมกลับหัวจากขอบตาด้านล่างลงมายังแก้ม พยายามเกลี่ยคอนซีลเลอร์ให้เรียบเนียนเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
-
ปัดทับด้วยแป้งโปร่งแสง. แป้งโปร่งแสงเป็นไอเท็มสำหรับเซ็ตเครื่องสำอางที่คุณสามารถนำมาปัดทั่วใบหน้าเพื่อให้คอนซีลเลอร์ รองพื้น และเมคอัพอื่นๆ ติดทนนานยิ่งขึ้น ใช้ฟองน้ำแต่งหน้ากดซับแป้งตรงบริเวณใต้ตาเบาๆ และเกลี่ยให้เรียบเนียน [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เขียนขอบตาด้วยดินสอสีเข้ม. อายไลเนอร์สีเข้มจะช่วยหันเหความสนใจจากขอบตาที่ดำคล้ำได้ด้วยการทำให้ดวงตาของคุณดูเปล่งประกายและมีชีวิตชีวามากขึ้น เขียนขอบตาทั้งด้านบนและด้านล่างให้เรียบร้อยด้วยอายไลเนอร์สีน้ำตาลเข้ม จากนั้นใช้อายไลเนอร์สีน้ำเงินเข้มเขียนหางตาลากออกไป [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปัดมาสคาร่ากันน้ำ. เลือกใช้มาสคาร่ากันน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เลอะเปรอะเปื้อนตรงบริเวณใต้ตา ซึ่งมีส่วนทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูคล้ำยิ่งขึ้น ปัดขนตาด้านบนด้วยมาสคาร่าสีเข้มแล้วปัดซ้ำอีกครั้งหลังจากปัดมาสคาร่ารอบแรก [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ลงไฮไลท์เตอร์. ไฮไลท์เตอร์จะช่วยเพิ่มประกายแวววาวบนใบหน้าและทำให้คุณดูสดใสมากขึ้น คุณสามารถลงไฮไลท์เตอร์ตรงบริเวณใต้ตาเพื่อลดรอยคล้ำได้ โดยลงไฮไลท์เตอร์บางๆ ที่บริเวณใต้ตาแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้ดูเรียบเนียน [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
ประคบเย็น. ความเย็นจะช่วยลดการไหลเวียนของเลือดตรงบริเวณใต้ตาที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการตาบวมและรอยคล้ำที่ใต้ตา เริ่มจากนำผ้าขนหนูไปแช่ในน้ำเย็นหรือจะใช้ด้านหลังของช้อนแช่เย็นก็ได้เช่นกัน จากนั้นเอนตัวลงนอนและใช้อุปกรณ์ที่แช่เย็นเรียบร้อยแล้วมาประคบที่ดวงตานานประมาณ 15 นาทีโดยหลับตาให้สนิท ทำซ้ำ 3-4 ครั้งต่อวันเพื่อลดรอยคล้ำใต้ตา [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ประคบด้วยแตงกวาฝาน. แตงกวามีคุณสมบัติช่วยในการรักษามากมายไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูและการบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นำแตงกวาขนาดใหญ่ไปแช่ในตู้เย็นจนเย็นจัดและหั่นเป็นชิ้นๆ ให้หนาประมาณ ½ นิ้ว (1.3 ซม.) จากนั้นเอนตัวลงนอนและนำชิ้นแตงกวาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้างประมาณ 10-15 นาที
- อีกวิธีหนึ่งคือนำแตงกวามาคั้นน้ำแล้วเทลงบนสำลีเพื่อนำไปประคบบนดวงตาทั้งสองข้าง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
โปะใบสะระแหน่. บดใบสะระแหน่ให้ละเอียดและบีบเลมอนครึ่งซีกลงไปผสมให้เข้ากัน นำใบสะระแหน่ที่บดละเอียดแล้วมาโปะไว้ตรงบริเวณใต้ตา จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำวันละ 2 ครั้ง [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ประคบด้วยถุงชาเขียว. ชาเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยชดเชยการขาดสารต้านอนุมูลอิสระของร่างกายซึ่งมีส่วนทำให้เกิดรอยคล้ำที่ใต้ตา เทน้ำร้อนลงถุงชา 2 ถุงและแช่ทิ้งไว้นาน 5 นาทีแล้วจึงไปถุงชาไปแช่ในตู้เย็นจนเย็นจัด จากนั้นเอนตัวลงนอนและนำถุงตาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้างประมาณ 15 นาที เมื่อเสร็จแล้วจึงล้างให้สะอาดด้วยด้วยน้ำเย็นและซับให้แห้ง [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้กาเนติ. กาเนติเป็นอุปกรณ์ที่ดูคล้ายคลึงกับกาน้ำชาขนาดเล็ก ใช้สำหรับใส่น้ำเกลือเพื่อชำระล้างโพรงจมูก เริ่มจากใส่น้ำอุ่นลงไปในกาเนติและเติมเกลือโคเชอร์หรือเกลือสมุทรลงไป (หลีกเลี่ยงการใช้เกลือเสริมไอโอดีน) โดยใช้เกลือ ½-1 ช้อนชาต่อน้ำ 16 ออนซ์ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เอียงศีรษะไปทางด้านหนึ่ง จากนั้นเทน้ำเข้ารูจมูกข้างหนึ่งและปล่อยให้น้ำไหลออกมาทางรูจมูกอีกข้างหนึ่ง [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ที่ระบุไว้ข้างกล่องของกาเนติ
-
รักษาด้วยวิธีธรรมชาติอื่นๆ. มีวิธีการและเคล็ดลับการแก้รอยคล้ำใต้ตาโดยธรรมชาติอีกมากมายที่คุณสามารถค้นหาได้จากอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น:
- คาร์โมไมล์
- น้ำมันอัลมอนด์
- ดอกอานิกา
- น้ำดอกกุหลาบ
- อะโวคาโด
-
นวดเบาๆ ตรงบริเวณใต้ตา. การนวดเบาๆ เป็นวงกลมขึ้นไปทางด้านบนจะช่วยขับของเหลวออกจากท่อน้ำตาที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความหมองคล้ำ ซึ่งวิธีนี้สามารถช่วยลดอาการตาบวมและความหมองคล้ำที่ใต้ตาได้อย่างได้ผลโฆษณา
-
นอนหลับให้เพียงพอ. สาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาคือการนอนหลับไม่เพียงพอ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ดังนั้นคุณจึงควรนอนหลับนาน 7-8 ชั่วโมงในแต่ละคืนเพื่อให้รอยคล้ำใต้ตาดูลดลงและสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับร่างกายของคุณ
- พยายามเปลี่ยนท่านอนเป็นท่านอนหงาย เพราะเมื่อคุณนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ แรงโน้มถ่วงอาจทำให้ของเหลวเกิดการสะสมตรงบริเวณใต้ตาและเป็นสาเหตุทำให้เกิดความหมองคล้ำได้ และหากคุณเป็นคนนอนดิ้น ให้ใช้หมอนวางหนุนไว้ข้างลำตัวทั้งสองข้าง [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ยกศีรษะให้สูงขึ้นโดยใช้หมอนรองศีรษะเพิ่มอีก 1-2 ใบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสะสมของของเหลวตรงบริเวณใต้ตา [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
สังเกตดูอาการภูมิแพ้. โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล (เช่น แพ้ละอองแกสรดอกไม้) รวมถึงอาการแพ้ฝุ่น สะเก็ดผิวหนังสัตว์เลี้ยง หรืออื่นๆ เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการตาบวมและบริเวณใต้ตาดูหมองคล้ำยิ่งขึ้น ใช้ยารักษาโรคภูมิแพ้เพื่อควบคุมอาการภูมิแพ้ของคุณและพยายามจำกัดการสัมผัสถูกสารก่อภูมิแพ้
- รอยคล้ำใต้ตาเป็นอาการทั่วไปของโรคแพ้อาหาร โดยสารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่พบได้ทั่วไปได้แก่แป้งสาลี ถั่วเหลือง ไข่ขาว ถั่วลิสง น้ำตาล และอาหารชนิดอื่นๆ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยวิตามิน. อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาคือการขาดสารอาหารต่างๆ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ อี และบี 12 และสารต้านอนุมูลอิสระ หมั่นรับประทานผักใบเขียวและอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารเหล่านี้ รวมถึงลดปริมาณการทานอาหารรสเค็ม [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
งดดื่มแอลกอฮอล์. แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังแห้งและบอบบาง ดังนั้นการงดดื่มแอลกอฮอล์จึงอาจมีส่วนช่วยในการลดอาการตาบวมและความหมองคล้ำที่ใต้ตา [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
งดสูบบุหรี่. การสูบบุหรี่เป็นการทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบอบบางและเกิดริ้วรอยก่อนวัย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูแย่ลง พยายามงดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่
-
ทาครีมกันแดด. การทาครีมกันแดดบนผิวหน้าสามารถช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดรอยคล้ำที่ใต้ตารวมถึงป้องกันไม่ให้รอยคล้ำที่มีอยู่ดูเข้มขึ้น ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาทีและหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่ข้างนอก [20] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Academy of Dermatology ไปที่แหล่งข้อมูล
- และอย่าลืมสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดดเพื่อปกป้องดวงตาของคุณและป้องกันการหยีตาจากแสงแดด
โฆษณา
-
ทาครีมเรตินอล. เรตินอลมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวหนังบริเวณใต้ตา จึงช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาของคุณดูจางลง คุณสามารถหาซื้อครีมเรตินอลได้จากร้านขายยาทั่วไปในราคาที่ไม่แพงมากนัก อย่างไรก็ตาม ครีมบำรุงผิวระดับไฮเอนด์อาจมีราคาสูงถึงหลักพัน หมั่นทาครีมเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะเป็นในช่วงกลางวันหรือกลางคืน เริ่มจากแต้มครีมตรงด้านใต้และด้านบนของตาแล้วจึงเกลี่ยให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การใช้เรตินอลไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในทันที ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาจต้องใช้เวลานานถึง 12 สัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างบนผิวของคุณ [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับการใช้ครีมที่สั่งจ่ายโดยแพทย์. ขอคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับครีมที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ประกอบด้วยวิตามินเอและกรดเรติโนอิกซึ่งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดตรงบริเวณที่ทาได้ชั่วคราวและเพิ่มความหนาของผิวตรงบริเวณใต้ตาเพื่อทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูจางลง [23] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ครีมบำรุงผิวขาว. ใช้ครีมที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสอย่างครีมที่มีส่วนผสมของถั่วเหลืองและผลไม้รสเปรี้ยว เมื่อคุณใช้อย่างต่อเนื่อง ครีมประเภทนี้จะทำให้รอยหมองคล้ำดูจางลงรวมถึงช่วยลดจุดด่างดำจากแสงแดด [24] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่ทำให้ผิวขาวอย่างไฮโดรควิโนน เนื่องจากสารเคมีชนิดนี้เป็นอันตรายต่อผิวรอบดวงตาที่บอบบางและแพ้ง่าย [25] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ครีมประเภทนี้ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะเริ่มเห็นผล ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์
โฆษณา
-
รักษาด้วยเลเซอร์. การรักษาด้วยเลเซอร์จะช่วยสลายไขมันตรงบริเวณใต้ตาและทำให้ผิวหนังของคุณดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกันให้ดูกระจ่างใส โดยทั่วไปแล้วการรักษาด้วยเลเซอร์ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ
-
ใช้วิธีลอกผิวหน้าผลัดเซลล์ผิว. การลอกผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวเป็นการรักษาโดยใช้สารเคมีกับผิวหนังเพื่อรักษาสภาพผิวและควรทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การลอกผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าบนผิวหนังชั้นบนสุดให้หลุดออกและเผยให้เห็นถึงผิวชั้นใหม่ที่ดูสุขภาพดีและกระจ่างใส การลอกผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไกลโคลิกหรือกรด AHA เป็นวิธีที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา เนื่องจากผิวหนังตรงบริเวณดังกล่าวค่อนข้างบอบบางและแพ้ง่าย
-
ลองวิธี IPL. IPL (Intense Pulse Treatment) เป็นการรักษาโดยใช้พลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูง โดยวิธีนี้จะช่วยสลายไขมันตรงบริเวณใต้ตาและทำให้ผิวของคุณดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
- แม้ว่าการรักษาด้วยวิธี IPL จะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลาค่อนข้างนาน คุณจึงอาจต้องนัดหมายเพื่อเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
-
พิจารณาวิธีการศัลยกรรม. การศัลยกรรมไม่ใช่วิธีที่ทำให้เห็นผลลัพธ์โดยทันทีและควรเป็นทางเลือกสุดท้ายที่คุณใช้ในการลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา ในการทำศัลยกรรม ศัลยแพทย์จะทำการรักษาโดยผ่าตัดนำไขมันที่สะสมอยู่ตรงบริเวณใต้ตาออกมา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่เรียบเนียนยิ่งขึ้นและรอยคล้ำที่ดูจางลง
- ภายหลังการผ่าตัดอาจมีอาการบวมและรอยฟกช้ำเกิดขึ้นอยู่นานกว่า 1 สัปดาห์
โฆษณา
เคล็ดลับ
- พันธุกรรมและอายุเป็นสาเหตุหลักของปัญหารอยคล้ำที่ใต้ตา ดังนั้นหากรอยคล้ำยังไม่จางลงแม้ว่าจะลองใช้หลายวิธีแล้ว แสดงว่ารอยคล้ำใต้ตาของคุณอาจไม่สามารถกำจัดให้หายไปได้ อย่างไรก็ตาม ลองพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อลดอาการตาบวมและทำให้รอยคล้ำดูจางลง [26] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
คำเตือน
- เนื่องจากผิวหนังบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบางกว่าผิวหนังบริเวณอื่นๆ คุณจึงควรทดสอบอาการแพ้ที่หลังมือทุกครั้งก่อนเริ่มใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงรอบดวงตาชิ้นใหม่
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/dark-circle-cover-up-tips# slide-2
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/dark-circle-cover-up-tips# slide-4
- ↑ http://www.oprah.com/style/Hide-Dark-Circles-Under-Your-Eyes-Conceal-Dark-Undereye-Circles# ixzz3Mmm29OvN
- ↑ http://www.oprah.com/style/Hide-Dark-Circles-Under-Your-Eyes-Conceal-Dark-Undereye-Circles# ixzz3Mmm29OvN
- ↑ http://www.oprah.com/style/Hide-Dark-Circles-Under-Your-Eyes-Conceal-Dark-Undereye-Circles# ixzz3Mmm29OvN
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/dark-circle-cover-up-tips# slide-7
- ↑ http://www.rapidhomeremedies.com/dark-circles-under-the-eyes.html
- ↑ http://www.holistic-medicine-works.com/cucumber-nutrition.html
- ↑ http://www.rapidhomeremedies.com/dark-circles-under-the-eyes.html
- ↑ http://www.rapidhomeremedies.com/dark-circles-under-the-eyes.html
- ↑ http://www.hhblife.com/beauty/grooming/green-tea-beauty-secrets-and-benefits.html
- ↑ https://www.mylifestages.org/health/allergies/neti_pot_solution.page
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.everydayhealth.com/sleep/is-insomnia-causing-your-dark-circles.aspx
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/eyes/ss/slideshow-banish-the-bags-under-your-eyes
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/dark-circles-under-eyes/basics/when-to-see-doctor/sym-20050624
- ↑ http://patch.com/california/mountainview/common-seasonal-allergies-that-causes-dark-circles-under-the-eyes
- ↑ http://www.rapidhomeremedies.com/dark-circles-under-the-eyes.html
- ↑ http://www.nytimes.com/2008/06/12/fashion/12SKIN.html?pagewanted=all&_r=0
- ↑ https://www.aad.org/media-resources/stats-and-facts/prevention-and-care/sunscreens
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes/page2
- ↑ http://www.allure.com/skin-care/anti-aging-skin/2013/biggest-retinol-cream-myths#slide=5
- ↑ http://www.cnn.com/2013/03/04/living/real-simple-dark-circles
- ↑ http://www.cnn.com/2013/03/04/living/real-simple-dark-circles
- ↑ http://www.cnn.com/2013/03/04/living/real-simple-dark-circles
- ↑ http://www.realsimple.com/beauty-fashion/skincare/skincare-face/treating-dark-circles-under-eyes
- Videos provided by Katerina Beauty Blog
โฆษณา