ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณกำลังประสบปัญหาสิวกวนใจ คุณอาจรู้สึกอับอายและอึดอัดใจได้ ไม่ว่าคุณจะเคยล้มเหลวกับการลองใช้วิธีการรักษาสิวอื่นๆ หรือกำลังมองหาวิธีการกำจัดสิวอย่างรวดเร็วที่คุณสามารถลองทำด้วยตัวเองได้ที่บ้าน คุณสามารถลองใช้ยาสีฟันที่มีส่วนช่วยในการรักษาสิวให้หายดีเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนลองใช้วิธีนี้ คุณอาจลองกำจัดสิวด้วยวิธีการอื่นๆ ที่ไม่ทำให้ผิวหน้าของคุณแห้งดูก่อนอย่าง การใช้เกลือทะเลหรือแอสไพรินบด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ก่อนลองใช้วิธีนี้

ดาวน์โหลดบทความ

แม้ว่ายาสีฟันจะสามารถช่วยรักษาสิวให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีวิธีการกำจัดสิวอื่นๆ มากมายที่อาจมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ก่อนเริ่มใช้ยาสีฟัน คุณอาจลองวิธีการดังต่อไปนี้

วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เลือกยาสีฟัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อเลือกยาสีฟันสำหรับการรักษาสิว ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่เป็นสีขาวล้วนเท่านั้น ไม่ใช่ยาสีฟันที่มีริ้วสีต่างๆ อย่างสีแดง น้ำเงิน หรือเขียว ทั้งนี้เนื่องจากส่วนผสมที่มีส่วนช่วยทำให้สิวแห้งต่างๆ เช่น เบกกิ้งโซดา ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และไตรโคลซาน มักประกอบอยู่ในส่วนที่เป็นสีขาวของยาสีฟัน ในขณะที่ส่วนที่เป็นสีต่างๆ นั้นประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง [1]
  2. ยาสีฟันสูตรฟอกฟันขาวประกอบด้วยสารฟอกฟันขาว (ที่ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น) ที่อาจทำให้ผิวหนังด่างและไหม้เป็นหย่อมๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวคล้ำ เนื่องจากปริมาณเมลานินในชั้นผิวหนังที่มากขึ้นจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาได้ง่ายขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีผิวคล้ำจึงมีแนวโน้มที่ผิวหนังจะเกิดรอยด่างได้มากกว่า ต่างจากผู้ที่มีผิวขาวที่อาจได้รับผลกระทบจากส่วนประกอบเหล่านี้น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันสูตรฟอกฟันขาวไม่ว่าคุณจะมีผิวสีใดก็ตาม [2]
  3. ยาสีฟันชนิดเจลมีส่วนประกอบที่แตกต่างจากยาสีฟันชนิดครีม จึงอาจไม่มีสารออกฤทธิ์บางชนิดที่จำเป็นในการทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันชนิดเจลที่อาจส่งผลเสียต่อผิวของคุณมากกว่าผลดี
  4. ฟลูออไรด์สามารถพบได้ในยาสีฟันโดยส่วนใหญ่กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากฟลูออไรด์มีส่วนช่วยในการขจัดคราบพลัคและป้องกันโรคเหงือก [3] อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจมีอาการแพ้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ (ผื่นคันบนผิวหนัง) เมื่อฟลูออไรด์สัมผัสถูกผิวหนังได้ ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรเลือกใช้ยาสีฟันที่ประกอบด้วยฟลูออไรด์ในปริมาณน้อยที่สุด (หรือแบบปราศจากฟลูออไรด์ถ้าสามารถหาซื้อได้) เพื่อลดโอกาสการเกิดระคายเคืองบนผิวหนัง [4]
  5. เมื่อเลือกยาสีฟันสำหรับใช้รักษาสิว ตัวเลือกที่ดีที่สุดคงเป็นยาสีฟันสูตรออแกนิกที่ปราศจากฟลูออไรด์ (ที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ) และโกรทฮอร์โมน ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีอื่นๆ ที่เป็นอันตราย ทั้งยังประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยทำให้สิวแห้งเร็วขึ้นอย่างเบกกิ้งโซดาและทีทรีออยล์ รวมถึงสารธรรมชาติต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น ว่านหางจระเข้ มดยอบ และน้ำมันยูคาลิปตัส
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เริ่มใช้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างหน้า . ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิวแบบใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือการทายาสีฟันบนผิวที่แห้งและสะอาด ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกหรือความมันส่วนเกินบนผิวหนังที่อาจลดประสิทธิภาพการรักษาของยาสีฟัน เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นและคลีนเซอร์ตัวโปรดแล้วซับให้แห้งเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
  2. บีบยาสีฟันลงบนปลายนิ้วชี้หรือหลังมือ โดยใช้ยาสีฟันปริมาณเท่าเม็ดถั่ว หรือเพิ่มลดปริมาณตามจำนวนสิวที่ต้องการกำจัด
  3. ใช้ยาสีฟันในปริมาณเพียงเล็กน้อยในการแต้มสิวเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพที่ดี โดยพยายามแต้มยาสีฟันเฉพาะตรงหัวสิวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทาบริเวณรอบๆ สิว
    • ห้ามใช้ยาสีฟันทาจนทั่วใบหน้าหรือพอกทิ้งไว้ เนื่องจากยาสีฟันมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังแห้งขึ้น จึงอาจก่อให้เกิดรอยแดง การระคายเคือง และผิวลอกขึ้นได้หากใช้กับผิวหนังตรงบริเวณอื่นนอกเหนือจากหัวสิว [1]
  4. แต้มยาสีฟันทิ้งไว้นาน 2 ชั่วโมงหรือตลอดทั้งคืนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากคุณมีผิวที่แพ้ง่ายเป็นพิเศษ คุณอาจเช็ดยาสีฟันออกเมื่อผ่านไป 15 นาทีถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อทดสอบดูปฏิกิริยาของผิวหนัง หากไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น คุณก็สามารถทิ้งไว้ให้นานยิ่งขึ้นได้ในภายหลัง
    • บางคนอาจนำพลาสเตอร์ยาแปะทับไว้ตรงบริเวณสิวเพื่อให้ยาสีฟันติดแน่นไม่หลุดออก อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้คุณใช้วิธีนี้ เพราะอาจทำให้ยาสีฟันกระจายไปยังผิวหนังโดยรอบและก่อให้เกิดการระคายเคือง ทั้งยังขัดขวางไม่ให้ผิวหนังเกิดการระบายอากาศอีกด้วย
  5. เช็ดยาสีฟันออกให้สะอาดโดยใช้ผ้าหมาดถูเป็นวงกลม พยายามเช็ดเบาๆ เนื่องจากการใช้ผ้าถูแรงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองและทำลายผิวได้ เมื่อเช็ดยาสีฟันออกจนหมดแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและใช้มือหรือผ้าขนหนูสะอาดซับให้แห้ง และอาจเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการทามอยเจอร์ไรเซอร์หากรู้สึกว่าผิวหนังตึงและแห้ง
  6. อย่างที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่ายาสีฟันอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ดังนั้นการรักษาสิวด้วยยาสีฟันจึงเป็นวิธีที่ไม่ควรทำซ้ำหลายครั้งใน 1 วันหรือมากกว่า 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อทำวิธีนี้วันละครั้งติดต่อกัน 2-3 วัน คุณอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของขนาดและสีของสิว แล้วจากนั้นจึงเริ่มปล่อยให้สิวหายเองตามธรรมชาติ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ทางเลือกอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จำไว้ว่ายาสีฟันไม่ใช่วิธีการรักษาสิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ. แม้ว่าการใช้ยาสีฟันในการรักษาสิวอย่างเร่งด่วนจะเป็นวิธีการรักษาสิวด้วยตัวเองยอดนิยมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน แต่แท้จริงแล้วแทบไม่มีแพทย์ผิวหนังผู้ใดที่แนะนำให้รักษาสิวด้วยวิธีการนี้ เนื่องจากยาสีฟันมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังแห้งขึ้น ก่อให้เกิดรอยแดง การระคายเคือง หรือแม้แต่รอยไหม้ได้
    • นอกจากนี้ยาสีฟันโดยส่วนใหญ่ไม่มีส่วนผสมของสารต้านแบคทีเรีย จึงทำให้ครีมแต้มสิวที่ขายตามร้านขายยามีประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันสิวที่ดีกว่า [1]
    • ด้วยเหตุนี้จึงควรใช้ยาสีฟันเฉพาะในการรักษาสิวโดยฉุกเฉินเท่านั้น และควรหยุดใช้ทันทีหากผิวของคุณเริ่มมีปฏิกิริยาที่รุนแรง จำไว้ว่ายังมีวิธีการรักษาสิวอื่นๆ ที่ปลอดภัยและได้ผลดีกว่าการใช้ยาสีฟัน
  2. การใช้เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์เป็นวิธีการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยในการกำจัดสิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวขนาดใหญ่ เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน จึงสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะสามารถกำจัดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังแห้งและลอกได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ในปริมาณมากเกินไป คุณสามารถหาซื้อเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ได้ตามร้านขายยาทั่วไปทั้งในรูปแบบครีม โลชั่น เจล แผ่นแปะ และคลีนเซอร์ [5]
  3. การใช้กรดซาลิไซลิกเป็นอีกหนึ่งวิธีการกำจัดสิวที่มีประสิทธิภาพ กรดซาลิไซลิกมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบและรอยแดง ทั้งยังสามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้อีกด้วย นอกจากนี้ กรดซาลิไซลิกยังช่วยในการบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังต่างจากผลิตภัณฑ์รักษาสิวอื่นๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย กรดซาลิไซลิกมีวางจำหน่ายในหลายรูปแบบและมีระดับการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน คุณจึงควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผิวหนังเพื่อมองหารูปแบบที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณที่สุด [6]
  4. การใช้ซัลเฟอร์เป็นวิธีการรักษาสิวที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ซัลเฟอร์มีความอ่อนโยนต่อผิวเป็นพิเศษ ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการทำให้สิวแห้งขึ้น ซัลเฟอร์มีฤทธิ์ในการกำจัดความมันที่อุดตันในรูขุมขนและควบคุมกันผลิตซีบัม อย่างไรก็ตาม ข้อเสียอย่างหนึ่งของซัลเฟอร์คือมีกลิ่นที่แรงเหมือนไข่เน่า ดังนั้นคุณจึงอาจจำเป็นต้องใช้ซัลเฟอร์ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นเพื่อกลบกลิ่นเหม็นนี้ [7]
  5. การใช้ทีทรีออยล์เป็นวิธีการรักษาสิวแบบธรรมชาติที่มีกลิ่นหอมสดชื่น ทีทรีออยล์มีสรรพคุณในการต้านเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีส่วนช่วยในการลดขนาดของสิวให้เล็กลง ทั้งยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายของสิวในอนาคต และเนื่องจากทีทรีออยล์เป็นน้ำมันซึ่งช่วยคงความชุ่มชื้นและไม่ทำให้ผิวแห้ง จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีผิวแห้งเป็นพิเศษ คุณสามารถแต้มทีทรีออยล์ตรงหัวสิวได้โดยตรงโดยใช้คอตตอนบัด [8]
  6. ใช้แอสไพรินบด . ชื่อทางการของยาแอสไพรินคือกรดอะซีทัลซาลิซิลิกที่มีฤทธิ์คล้ายคลึงกับกรดซาลิไซลิกที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ แอสไพรินมีสรรพคุณในการต่อต้านอาการอักเสบ จึงมีส่วนช่วยในการลดขนาดและรอยแดงของสิว คุณสามารถบดยาแอสไพริน 1-2 เม็ดและนำไปผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อยให้เป็นเนื้อครีมเพื่อนำไปแต้มเม็ดสิวโดยตรง หรือจะละลายยาแอสไพริน 5-8 เม็ดกับน้ำเปล่าเล็กน้อยสำหรับใช้พอกหน้าเพื่อลดรอยแดงและเพิ่มความเปล่งประกายให้กับผิวของคุณ [9]
  7. ใช้เบกกิ้งโซดา . การใช้เบกกิ้งโซดาเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาสิวด้วยตัวเองที่ได้ผลดีและปลอดภัยที่สุด เบกกิ้งโซดามีสรรพคุณในการต้านการอักเสบและเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชากับน้ำเปล่าเล็กน้อยให้เป็นเนื้อครีม จากนั้นจึงนำไปแต้มเม็ดสิวแต่ละจุด หรือจะทาทั่วใบหน้าแล้วพอกทิ้งไว้ก็ได้เช่นกัน [10]
  8. ในการมองหาวิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับคุณ คุณอาจต้องลองผิดลองถูกและพบข้อผิดพลาดบ้าง แต่หากคุณยังคงประสบปัญหาสิวกระจายทั่วใบหน้า ลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่สามารถสั่งจ่ายยาทาที่มีฤทธิ์แรงขึ้นหรือยาสำหรับรับประทานได้ เมื่อสิวหมดไป คุณก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและภูมิใจในผิวหน้าของตัวเองอย่างแน่นอน!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสถูกใบหน้าให้มากที่สุด การสัมผัสหรือแกะสิวจะทำให้สิวเริ่มเกิดการติดเชื้อและใช้เวลาในการรักษานานยิ่งขึ้น
  • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรแต้มยาสีฟันทิ้งไว้ทั้งคืนและล้างออกด้วยน้ำอุ่นในวันถัดไป
  • ทดสอบการแพ้โดยทายาสีฟันบนผิวเล็กน้อยก่อนเริ่มนำไปแต้มตรงหัวสิว
  • ใช้ไฮโดรเจอเปอร์ออกไซด์ทาให้ทั่วหัวสิวเพื่อฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณบีบสิวจนเกิดการระคายเคือง
  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีฤทธิ์เป็นสารฟอกขาว ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ในปริมาณมากเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของคุณเกิดรอยด่าง
  • หากคุณคิดว่าวิธีการรักษาสิวต่างๆ เหล่านี้ดูเสี่ยงและเป็นอันตรายมากเกินไป คุณยังสามารถเลือกใช้วิธีการปกปิดสิวด้วยเครื่องสำอาง (คอนซีลเลอร์ รองพื้น และแป้ง) แทนได้เช่นกัน
  • ใช้ยาสีฟันอย่างระมัดระวังหากคุณมีผิวที่แพ้ง่าย เนื่องจากยาสีฟันบางตัวอาจส่งผลให้ผิวของคุณดูแย่ลงได้
  • ดูแลรักษาสิวอย่างถูกวิธีและล้างหน้าให้สะอาดวันละครั้งเพื่อลดความมันบนใบหน้า
  • หลังจากที่สัมผัสหรือบีบสิว ห้ามใช้มือสัมผัสถูกบริเวณอื่นของร่างกายหากยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาดเพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของสิวไปยังบริเวณอื่น
โฆษณา

คำเตือน

  • หากมีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้นบนผิวหนังหลังการใช้ยาสีฟัน ให้คุณหยุดใช้โดยทันที เนื่องจากการใช้ยาสีฟันในปริมาณมากเกินไปสามารถทำให้ผิวหนังไหม้ได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,131 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา