ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้านกของคุณมีอาการป่วย สิ่งสำคัญคือต้องดูแลให้เหมาะสม มันจะได้ฟื้นฟูร่างกายและกลับมาแข็งแรงได้โดยเร็ว โดยให้กำจัดสิ่งที่จะทำให้นกป่วยกว่าเดิม อย่างเชื้อโรคและสิ่งปฏิกูลในกรง และต้องทำให้นกรู้สึกสบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่มันจะได้ใช้พลังงานในการฟื้นฟูตัวเองและต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้ด้วยว่าเวลาไหนที่ควรจะพานกไปหาสัตวแพทย์ อย่างตอนที่คุณดูแลมันดีแล้วแต่มันก็ยังไม่หายดีนั่นเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ให้ความสะดวกสบายกับนก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คงอุณหภูมิในกรงนกให้อยู่ที่ประมาณ 32 องศาเซลเซียส. ให้สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นกับนก เพื่อให้มันหายป่วยเร็วๆ เวลาที่นกรู้สึกหนาว ให้สังเกตว่ามันจะพองขนแล้วพยายามเก็บเอาอากาศอุ่นๆ ไว้ข้างๆ ตัวนั่นเอง เมื่อนกเริ่มทำแบบนั้น ให้เอาโคมไฟมาวางไว้ข้างๆ กรง หรือห่อขวดน้ำร้อนหรือถุงร้อนห่อด้วยผ้าขนหนูหรือผ้าห่ม แล้ววางไว้ใต้กรง โดยให้ควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ประมาณ 32 องศาเซลเซียสเสมอ [1]
    • ตรวจสอบอุณหภูมิได้โดยการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดในกรงทุกๆ สองสามชั่วโมง หรือแขวนไว้นอกกรงก็ได้
    • ถ้าหากว่านกมีไข้ อย่าใช้วิธีทำให้อุ่นขึ้นแบบนี้นะ นกที่มีไข้ตัวร้อนจะกางปีกออกบ่อยๆ และอาจมีอาการหอบด้วย
    • โคมไฟที่ให้ความอุ่นสามารถหาซื้อได้ในร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง แต่ปกติเขาจะใช้สำหรับพวกสัตว์เลือดเย็นอย่างกิ้งก่า ฉะนั้นมันอาจอยู่ที่แผนกเกี่ยวกับสัตว์ประเภทนี้ก็ได้ แนะนำให้ใช้โคมไฟกำลังสัก 40-60 วัตต์
  2. นกของคุณจะมีอาการที่ดีขึ้นเมื่อได้รับแสงแดด แต่ไม่ใช่แสงแดดจัดๆ จากดวงอาทิตย์ตรงๆ นะ อย่าใช้วิธีย้ายกรงนกไปที่ห้องอื่น อย่างไรก็ตาม แสงอาทิตย์ถือว่ามีประโยชน์ต่อนกมากๆ ฉะนั้นให้เปิดม่านที่มักจะปิดเอาไว้ หรือเลื่อนกรงเล็กน้อยให้อยู่ในแนวที่แสงแดดส่องถึงได้ง่ายๆ ก็พอ [2]
    • ต้องให้แน่ใจว่ามันจะไม่ร้อนเกินไป ไม่โดนแสงแดดจัดๆ โดยตรง ถ้าคิดว่าร้อนเกินไปก็หาร่มเงาให้นกได้ซ่อนตัวจากแดดได้ด้วยล่ะ
    • วิตามินดีจากแสงอาทิตย์จะทำให้นกอารมณ์ดีขึ้น และช่วยฟื้นฟูร่างกายจากอาการป่วยได้ด้วย

    Tip: ในการให้นกอาบแดด ให้เอาม่านบางๆ คลุมปิดที่หน้าต่าง โดยผ้าม่านนั้นควรเป็นวัสดุโปร่งแสง อย่างผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายที่บางมากๆ

  3. เพิ่มความชื้นให้กับสภาพแวดล้อมของนกด้วยเครื่องพ่นไอระเหยหรือเครื่องทำความชื้น. ถ้านกของคุณป่วยโดยมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ การเพิ่มความชื้นให้สภาพแวดล้อมของนก จะช่วยให้นกหายใจได้สะดวกขึ้น และทำให้อากาศชุ่มชื้นขึ้นด้วย โดยให้วางเครื่องพ่นไอหรือเครื่องทำความชื้นไว้ใกล้ๆ กรงนก และเปิดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืนเลย [3]
    • สิ่งสำคัญคือ ให้เปิดค่าความชื้นเอาไว้ที่ 55% เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้นโดยรอบ แต่ยังคงความชื้นเอาไว้ได้อยู่ [4]
    • อาการของนกที่มีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ คือการได้ยินเสียงนกหายใจ โดยจะมีเสียงแหบๆ หรือเสียงก๊อกแก๊กออกมาจากทางโพรงจมูก หรือจะเปิดปากตลอดเวลาตอนที่มันหายใจนั่นเอง
    • ถ้านกไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ความชื้นก็ไม่จำเป็นเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอันตรายใดๆ ต่อนกเช่นกัน

    Tip: เลือกเครื่องทำความชื้นหรือเครื่องพ่นไอระเหยที่ให้อุณหภูมิอันเหมาะสมกับนก ถ้าอากาศในบ้านคุณหนาวเกินไปสำหรับนก ก็ให้เลือกเครื่องที่พ่นไออุ่นๆ ออกมา แต่ถ้าบ้านร้อน ก็ให้ใช้แบบที่ปล่อยลมเย็นออกมาแทน

  4. นกมีสิทธิ์ที่จะตกลงมาจากคอนได้เมื่อมันป่วย ความเครียดจากการตกลงมาจากที่สูง และอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ย่อมไม่ดีกับนกแน่นอน เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้นกตก ให้เลื่อนคอนลงมา โดยให้สูงจากพื้นกรงแค่ 1-2 นิ้ว (2.5-5.1 ซม.) ก็พอ หรือจะเอาออกไปเลยก็ได้ [5]
    • ถ้านกของคุณตกจากคอน แม้ว่าจะเอาไว้ต่ำแล้วก็ตาม นั่นคือสัญญาณว่าคุณควรพานกไปหาสัตวแพทย์อย่างเร็วที่สุด เพราะอาการป่วยนี้อยู่ในระดับร้ายแรงอาจถึงชีวิตได้แล้ว
  5. วางอาหารและจานน้ำไว้ให้นกเข้าไปกินได้ง่ายๆ. นกต้องการการพักผ่อนเมื่อมันป่วย และถ้าข้าวกับน้ำอยู่ไกลออกไป มันก็จะต้องเหนื่อย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อนกป่วย มันก็เสี่ยงที่จะมีอาการขาดน้ำ ฉะนั้นให้มีน้ำอยู่ใกล้ๆ ตัวเลยจะดีที่สุด โดยให้ย้ายชามข้าวชามน้ำไปไว้ในจุดที่นกชอบอยู่ เพื่อที่มันจะได้กิน ดื่ม และพักได้โดยง่าย [6]
    • ถ้าคุณย้ายนกมาไว้ใกล้ๆ หรือบนพื้น ก็ให้วางอาหารและน้ำไว้บนพื้นใกล้ๆ บริเวณที่นกจะชอบมาอยู่ตรงนั้น
    • อาการขาดน้ำจะแสดงออกโดยรอบดวงตาของนกจะเหี่ยวย่น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

กำจัดสิ่งที่เป็นสาเหตุของอาการป่วย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปลี่ยนอาหารเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ทำให้นกป่วยหนักกว่าเดิม. เมื่อนกเริ่มป่วย ก็ให้นำอาหารในกรงทั้งหมดออกไปทิ้งทันที รวมถึงเมล็ดข้าวฟ่าง เมล็ดพืช ผลไม้ และอาหารที่ตกอยู่ใต้พื้นกรงด้วยนะ หนึ่งในสาเหตุของอาการป่วยที่มักจะพบบ่อยๆ ก็คือจากอาหารที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเพราะเสียหรือได้รับการปนเปื้อนก็ตาม ฉะนั้นควรไปซื้ออาหารมาใหม่แล้วเอามาใส่ในกรงซะ [7]
    • อาหารที่เน่าเสียได้เร็ว อย่างพวกผัก อาจเสียและทำให้นกป่วยได้ถ้ามันยังกินต่อ
    • สำหรับอาหารที่คุณภาพสูง แนะนำให้หาเมล็ดพืชและข้าวฟ่างผสมกันที่ไม่ผสมสีผสมอาหาร สารกันบูด หรือมีส่วนผสมของเกลือ โดยดูให้ดีว่ามันมีปริมาณเท่าๆ กัน และสีไม่จืดหรือจัดเกิน
  2. ทำความสะอาดใต้กรงทุกวัน กำจัดเมล็ดพืชและของเสียของนกออกจากพื้นกรง วิธีง่ายๆ ก็คือเอาแผ่นรองออกแล้วเปลี่ยนใหม่ แล้วฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่เป็นภัยต่อนก ก่อนจะใส่แผ่นรองใหม่เข้าไป แล้วอย่าลืมเช็ดทำความสะอาดทุกส่วนของกรง และของที่อยู่ในกรงทุกๆ 1 ถึง 2 วัน เพื่อไม่ให้เชื้อโรคและแบคทีเรียเติบโตขึ้นด้วยล่ะ [8]
    • น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่เป็นอันตรายต่อนกสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและช่องทางออนไลน์
    • การคอยทำความสะอาดกรง จะสามารถป้องกันไม่ให้เชื้อโรคลุกลาม และกันไม่ให้นกป่วยกว่าเดิมได้
  3. ขณะที่นกกำลังฟื้นฟูร่างกายตัวเองจากอาการป่วย มันก็ยังอยากกินผักผลไม้สดๆ อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าต้องเอาผักผลไม้ที่นกไม่กินไปทิ้งทุกๆ เช้า ให้เวลามันเลือก แต่ก็ไม่นานเกินกว่าที่ผักผลไม้จะเสียหรือล่อแมลงมาหาที่กรง [9]
    • ผักผลไม้บางอย่างก็สามารถอยู่ได้นานกว่าเพื่อน เช่น ผลไม้เป็นชิ้นย่อมเสียเร็วกว่าผักใบเขียวมากๆ ถ้าคุณสังเกตเห็นว่ามีผักผลไม้ที่ไม่ได้ดูกินได้อีกต่อไป ก็ให้เอาออกมาได้เลย
    • ลองให้ในปริมาณน้อยแต่บ่อยๆ แทน เพื่อไม่ให้ใต้กรงรกมากนัก
  4. อย่าไปเคาะกรง พาไปสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือจับต้องตัวนกมากนัก อย่าปลุกตอนที่นกหลับอยู่ แล้วก็อย่าส่งเสียงดัง พยายามรักษาสภาพแวดล้อมให้นกได้นอนหลับพักผ่อนสัก 12 ชั่วโมงต่อวัน [10]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ให้อยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้านกของคุณป่วย บางครั้งก็ควรพาไปพบแพทย์แทนที่จะคอยดูแลอยู่ที่บ้าน สัญญาณที่บอกว่านกของคุณป่วยจริงจัง และควรพาไปพบสัตวแพทย์ก็มีดังต่อไปนี้: [11]
    • ไม่ทำกิจวัตรหรือขยับตัวตามปกติ
    • พองขนนานเกินไป
    • ความเข้มข้นของของเสียเปลี่ยนไป เช่น ถ่ายเหลวกว่าปกติ
    • กินอาหารหรือดื่มน้ำน้อย
    • ไม่สามารถเกาะคอนได้
    • ตกลงมา
    • มีอาการชักเกร็ง
    • หายใจลำบาก
  2. พาไปหาสัตวแพทย์ ถ้าหากว่านกยังอาการไม่ดีขึ้นเป็นสัปดาห์แล้ว. คอยจดเอาไว้เมื่อคุณเห็นว่านกมีอาการไม่ดี จะได้ติดตามว่ามันไม่สบายมานานแค่ไหน ถ้านกไม่หายดีแม้จะผ่านมาสักสัปดาห์แล้ว และคุณก็ดูแลอย่างเหมาะสมแล้ว คุณก็ควรพามันไปหาสัตวแพทย์แทน ในเมื่อเราสามารถพามันไปรับการรักษาดีๆ ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเลี้ยงไข้เอาไว้ต่อ [12]
    • นกเป็นสัตว์ที่ป่วยหนักขึ้นได้ง่ายมาก ฉะนั้นอย่ารอนาน ให้พาไปหาแพทย์เลย
  3. สัตวแพทย์จะประเมินอาการป่วยของนก และทำการวินิจฉัยโรคให้ เมื่อเขารู้ว่านกเป็นอะไร จะได้ให้ยาและของเสริมอย่างอื่นที่นกต้องใช้
    • มีอาการป่วยบางอย่างที่จะต้องให้สัตวแพทย์เป็นคนรักษาให้ เช่นอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียร้ายแรง สิ่งสำคัญที่สุดคือให้ดูแลอาการป่วยนี้อย่างเหมาะสม ไม่ให้เกิดการติดเชื้อแพร่ไปอีกถ้าหากว่าคุณมีนกตัวอื่นอยู่ด้วย

    Tip: คุณควรดูแลนกไปเรื่อยๆ อย่างให้น้ำ กับอุณหภูมิอุ่นๆ หรือให้ยาหรืออาหารเสริมจากสัตวแพทย์ไปเรื่อยๆ

    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,662 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา