PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

เวลาถูกขโมยมือถือนี่ทั้งเครียดทั้งลำบาก ไม่ว่าจะโดนในไทยเองหรือตอนอยู่เมืองนอกก็เถอะ ข้อสำคัญคือคุณต้องลงมือโดยเร็วที่สุด ถึงจะมีโอกาสได้มือถือคืนมา เดี๋ยวนี้คุณติดตามมือถือและสมาร์ทโฟนของตัวเองได้จากแอพแกะรอย (tracking app) หรือโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ในเครื่องตั้งแต่แรก แต่แอพและโปรแกรมต่างๆ ก็ใช้งานเห็นผลแตกต่างกันไป บางตัวก็ต้องเปิดเครื่องไว้แถมต่อเน็ตถึงจะได้ผล นอกจากนี้คุณยังสามารถตามหามือถือด้วยตัวเอง เช่น โทรหรือส่ง SMS ไปที่เบอร์ตัวเอง หรือย้อนกลับไปหาที่ที่คิดว่าลืม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ตามหามือถือด้วยตัวเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ามือถือที่หายเป็นรุ่นธรรมดา (ไม่ใช่สมาร์ทโฟน) ต่อเน็ตไม่ได้ ก็จะ track หรือแกะรอยจากในเว็บหรือแอพไม่ได้ ต้องใช้วิธีการอื่นแทน ให้เริ่มจากโทรเข้าเครื่องตัวเอง ถ้าโชคดี คนที่ขโมยไปอาจจะเผลอรับ หรือโชคดีไปกว่านั้นคือมือถือคุณไม่ได้ถูกขโมย คุณแค่ลืมไว้ที่ไหน (เช่น บนแท็กซี่หรือรถไฟฟ้า) ก็อาจจะมีคนรับ แล้วนัดคืนเครื่องกัน [1]
    • ถ้าโทรเข้าเครื่องตัวเองแล้วมีคนรับสาย ให้พูดไปประมาณว่า “สวัสดีค่ะ [ชื่อคุณ] นะคะ/ครับ พอดีนี่มือถือเรา ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร อยู่ตรงไหนคะ?” จากนั้นก็ขอรายละเอียดนัดคืนเครื่องต่อไป
  2. ถึงจะโทรไปแล้วไม่มีใครรับ ก็ยังดีกว่าไม่ลองทำอะไรเลย ถ้าโชคดีพอ โจรอาจกลับใจ แล้วติดต่อขอคืนเครื่องให้คุณในที่สุด (แน่นอนว่าต้องมีสินน้ำใจภาคบังคับ) ให้ลองส่ง SMS ไปสั้นๆ พร้อมข้อมูลติดต่อ รวมถึงรายละเอียดว่าคุณทำมือถือหาย (หรือถูกขโมย) ที่ไหนอย่างไร ปิดท้ายว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆ และแน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องสินน้ำใจไป โจรหรือไม่โจรคงสนใจอยากคืนเครื่องให้คุณ [2]
    • ให้ส่ง SMS ด้วยมือถือเครื่องอื่น เช่น ยืมเครื่องเพื่อน แต่ถ้าแถวนั้นไม่มีใครที่รู้จัก อาจต้องยืมเครื่องคนแปลกหน้าที่ใจดีและน่าไว้ใจแทน
  3. ไม่ว่าโจรหรือไม่โจร แต่ถ้านัดเจอเพื่อคืนเครื่องให้คุณ ก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน โดยนัดเจอในสถานที่เปิด คนพลุกพล่าน เช่น ตามห้าง หรือสถานีรถไฟฟ้า แน่นอนว่าต้องนัดช่วงกลางวัน ที่สำคัญต้องมีเพื่อนไปด้วย ทั้งเพื่อความสบายใจและความปลอดภัย เพื่อนที่ไปก็ต้องมีมือถือด้วย เผื่อเกิดอะไรไม่น่าไว้ใจจะได้โทรแจ้งตำรวจทัน
    • ถึงปลายสายจะฟังดูเป็นมิตรแค่ไหน (ทั้งน้ำเสียงและ SMS ที่พิมพ์ตอบมา) ก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน อย่าชะล่าใจ บางทีคนที่อ้างว่าเก็บมือถือคุณได้ อาจจะเป็นโจรซะเอง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แจ้งตำรวจและค่ายมือถือ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณแจ้งความว่ามือถือหาย ตำรวจก็น่าจะพอช่วยตามหาได้บ้าง (หลายหัวดีกว่าหัวเดียว) จะไปที่สถานีตำรวจเอง หรือโทร 191 ก็ได้ ยังไงให้เตรียม serial number ของเครื่อง หรือ Android ID number ไว้ด้วย คุณหา Android ID ได้โดยถอดแบตจากด้านหลังของมือถือก่อน จะอยู่ข้างใต้นั่นแหละ โดย Android ID จะเป็นชุดตัวเลข ขึ้นต้นด้วย “IMEI” (International Mobile Equipment Identity) [3]
    • ตอนแจ้งความ ให้พูดประมาณว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ พอดีไม่แน่ใจว่าลืมมือถือไว้หรือถูกขโมยกันแน่ แต่หายไปตอนประมาณ 10 นาทีที่แล้ว เพิ่งรู้ตัวว่ามือถือหายตอนออกจาก (ชื่อสถานที่)”
  2. ถ้าโทรเข้าเครื่องตัวเองก็แล้ว ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับ และยังหาเครื่องไม่เจอ ให้โทรแจ้ง call center ว่ามือถือหาย อาจจะช่วยตามจาก GPS ได้ [4]
    • ถ้าไม่มีบริการนี้ หรือตามหาแล้วไม่ได้เรื่อง คงต้องแจ้งค่ายมือถือให้ช่วยตัดการใช้งานแทน โจรจะได้โทรออกไม่ได้ ไม่ก่อภาระค่าบริการแพงหูฉี่ให้คุณ
  3. นึกให้ดีๆ ว่าคุณถูกขโมยหรือไปลืมมือถือไว้ที่ไหน ลองย้อนไปตามจุดที่เดินผ่านมา บางทีโจรอาจกลับใจ แล้ววางคืนไว้ หรือโชคดีกว่านั้น (แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้) คือทำมือถือหล่นไม่ไกลจากบริเวณนั้น [5]
    • วันนั้นไปไหนมาบ้าง ให้ย้อนกลับไปดูทุกจุด รวมถึงพยายามโทรเข้าเครื่องตัวเองไปเรื่อยๆ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

แกะรอยมือถือที่ถูกขโมย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าใช้ iPhone จะเรียกว่า “Find My Phone” ส่วนถ้าใช้ Android จะเรียกว่า “Android Device Manager” เป็นแอพสำหรับติดตามตำแหน่งของเครื่อง แล้วส่งข้อมูลกลับมาที่ cloud แต่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ไว้เท่านั้น ไม่งั้นก็เสียใจด้วย [6]
    • Find My Phone นั้นทำงานร่วมกับ iCloud หรือก็คือระบบ cloud ของ Apple ปกติเอาไว้ใช้ backup และกู้คืนข้อมูลลงเครื่อง ถ้ายังไม่เคยสมัครใช้ iCloud ก็จะใช้แอพ Find My Phone ไม่ได้ ต้องเปิดใช้ iCloud ในเครื่องซะก่อน โดยเข้า “Settings” และ “iCloud” จากนั้นแตะ “Account” เพื่อลงชื่อเข้าใช้ [7]
    • Device Manager จะหาเครื่องคุณเจอได้ ต้องเปิดใช้ GPS-tracking “Location” ไว้
  2. ทำได้จากระยะไกล โดยล็อกอินเข้า iCloud หรือ Android Device Manager แล้วเข้าไปเปิด Lost Mode เปิดแล้วไม่ว่าใครขโมยเครื่องคุณไปก็จะล็อกอินหรือดูข้อมูลและแอพต่างๆ ในมือถือของคุณไม่ได้ [8]
    • พอได้มือถือคืนมาแล้ว ค่อยปิด Lost Mode โดยใส่ passcode ในหน้า home ของมือถือ
    • ถึง iPhone หรือเครื่อง Android ของคุณจะไม่ได้ต่อเน็ต ก็ยังเข้าควบคุมและล็อคมือถือได้ โดยล็อกอินในเว็บ พอเปลี่ยน settings อะไรไป จะมีผลทันทีเมื่อมือถือเปิดเครื่องครั้งต่อไป
  3. ถ้า iPhone ของคุณถูกขโมยไป ก็แกะรอยได้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว โดยเข้าเว็บ www.icloud.com/find จะมีแผนที่แสดงตำแหน่งปัจจุบันของเครื่องแบบ real-time ไม่ว่าโจรจะขึ้นรถลงเรือไปไหนได้รู้กัน [9]
    • ถ้ามือถือ Android คุณถูกขโมย หรือคุณเลือกตั้งบัญชีในคอมแทนในมือถือ ก็เข้า Device Manager ได้จากเว็บ www.google.com/android/devicemanager ให้ล็อกอินเข้าเว็บเพื่อดูตำแหน่งเครื่องได้เลย [10]
    • พอเจอแล้วว่ามือถือคุณไปอยู่ที่ไหน ก็สั่งให้เครื่องส่งเสียงเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้เลย ถ้าเครื่องถูกขโมยจริงอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยถ้าคุณเป็นฝ่ายลืมเอง อาจจะได้ยินเสียงดังใกล้ๆ ตัว
  4. ในเว็บ iCloud หรือ Android Device Manager คุณคลิกปุ่มล็อคมือถือได้เลย เพื่อปิดไม่ให้ล็อกอินได้ ใครขโมยมือถือคุณไปก็เข้าดูข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลติดต่อไม่ได้อยู่ดี [11]
    • Device Manager จะมีให้คุณตั้งรหัสเครื่องซะใหม่ด้วย พอได้มือถือคืนมาค่อยปิด Lock mode โดยพิมพ์รหัสผ่านที่ว่านี่แหละ
  5. ในเว็บติดตามมือถือ จะมีเมนู “Ring” เปิดใช้แล้วมือถือจะส่งเสียงแบบดังที่สุดเป็นเวลา 5 นาที หรือในกรณีที่คุณปิด Ring setting ก่อนหน้านั้น ถือเป็นฟังก์ชั่นที่น่าสนใจถ้าเชื่อว่ามือถือถูกใครขโมยไปแน่ๆ แต่ถึงไม่ใช่ อย่างน้อยก็ทำให้คุณหามือถือเจอได้ ถ้าลืมไว้ไม่ไกลตัวนัก [12]
  6. ดาวน์โหลด tracking app หรือแอพแกะรอยมือถือจาก Google Play หรือ Apple store. ถ้าไม่อยากใช้ฟังก์ชั่น Android Device Manager ติดตามเครื่องที่หาย ก็ไปดาวน์โหลดแอพ tracking อื่นๆ จากใน Google Play Store มาใช้แทน ใช้เชื่อมต่อกับเว็บหาตำแหน่งมือถือจากในระยะไกลได้ ถ้ามือถือถูกขโมยไป
    • ในบรรดาแอพต่างๆ แนวนี้ของ Apple Store และ Google Play Store มีแอพชื่อ Lookout สั่งให้มือถือส่งเสียงดังลั่น ล็อคเครื่อง หรือลบข้อมูลในมือถือจากระยะไกลได้ [13]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณติดตามแท็บเล็ตอย่าง iPad หรือ Amazon Fire ได้ด้วยวิธีต่างๆ ที่ว่ามา โดยดาวน์โหลดแอพ tracking ลงเครื่องไว้ก่อน ถ้าหายเมื่อไหร่ก็ติดตามได้เลยเหมือนมือถือ
  • พยายามตั้ง security code (หรือ lock pattern ที่ใช้นิ้วลาก) ที่หน้า home ไว้ โจรจะได้เข้าดูข้อมูลในเครื่องไม่ได้ง่ายๆ [14]
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

แก้ไขเมื่อมือถือขึ้นข้อความเตือนว่าไม่มีซิม
กำจัดฟองอากาศบนฟิล์มกันรอย
ใช้งาน WeChat
หา PUK Code ของมือถือ
โทรออกแบบไม่โชว์เบอร์
ปลดล็อคซิมโดยไม่ใช้รหัส PUK
แก้ไขเมื่อมือถือขึ้นว่าโทรฉุกเฉินเท่านั้น
เช็คเบอร์มือถือตัวเองจากซิม
โทรเข้าเบอร์ต่อ (extension)
ค้นหา Apple Watch ที่หายไปอย่างไรเมื่อแบตเตอรี่หมด
โกงจำนวนนับก้าวในมือถือแบบไม่ต้องเดิน
หาเบอร์มือถือสำหรับใช้ชั่วคราว
เช็คว่ามือถือปลดล็อคเครือข่ายหรือยัง
เช็คผ่าน iPhone หรือ iPad ว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความของคุณหรือยัง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,483 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา