ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ร่างกายแข็งแรงถือเป็นโบนัสของชีวิตและสามารถทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขและสุขภาพดีขึ้น ถ้าร่างกายแข็งแรง คุณไม่เพียงแต่จะดูดีขึ้นและรู้สึกดีขึ้น แต่คุณยังลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน หัวใจวาย คอเลสเตอรอลสูง ความดันสูง [1] มีวิธีมากมายที่ช่วยให้ร่างกายฟิตและสุขภาพดีอยู่เสมอ ถ้าคุณตั้งใจและทุ่มเท คุณก็ทำให้สำเร็จได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ออกกำลังกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเดิน จ๊อกกิ้ง และปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตของคนสุขภาพดี เพราะมันเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้คุณมีกล้ามเนื้อที่คล่องแคล่วและมีระบบไหลเวียนเลือดที่ดีอยู่เสมอ ถ้าคุณจำเป็นต้องรักษาเข่าให้แข็งแรงหรือร่างกายส่วนต่างๆ มีอาการบาดเจ็บ การปั่นจักรยานจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด [2]
    • จัดกิจกรรมเดิน จ๊อกกิ้ง หรือปั่นจักรยานให้เข้ากับตารางเวลาการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ (เช่น ไปจ๊อกกิ้งทุกวันเวลา 6 โมงเย็น) หลังจากนั้นสักพักคุณจะสามารถเพิ่มระยะทาง ความเร็ว และเวลาได้ในที่สุด
    • พยายามเดินให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไปร้านขายของสด ให้ลองจอดรถตรงจุดที่ไกลที่สุดจากทางเข้า เป็นการบังคับให้คุณเดินมากขึ้นก่อนจะถึงร้าน
    • เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานหรือไปโรงเรียน ถ้าคุณพักอยู่ใกล้ที่ทำงานหรือโรงเรียน วิธีที่ดีก็คือ เริ่มด้วยการเดินหรือขี่จักรยาน
    • ถ้าคุณจ๊อกกิ้ง คุณควรจ๊อกกิ้งอย่างน้อย 1 กิโลเมตร เพื่อเผาผลาญไขมัน แต่ที่สำคัญคือ อย่าเร่งตัวเองมากไป
  2. ไม่ใช่ทุกคนที่มีเวลาและเงินไปเข้าฟิตเนส และมันก็ไม่ได้จำเป็น การออกกำลังกายที่บ้านเป็นเรื่องง่ายและมีประโยชน์มาก ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีการออกกำลังกายที่บ้าน
    • วิดพื้น ต้านน้ำหนักของคุณกับพื้นหรือกำแพงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายส่วนบน
    • ซิทอัพ การซิทอัพสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการนอนบนพื้น หรือใช้เก้าอี้หรือลูกบอลออกกำลังกายประกอบกับเทคนิคที่ยากขึ้น
    • โยคะ ท่าโยคะ เช่น ท่าสุนัขก้มหน้า หรือท่าสุริยนมัสการ สามารถทำได้ง่ายบนพื้นพรมหรือเสื่อโยคะ
  3. ถ้าคุณชอบบรรยากาศฟิตเนสและมีเงินพอสมัครสมาชิก ฟิตเนสเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมที่จะสร้างสุขภาพที่ดี
    • ใช้เครื่องสำหรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเวท แต่ระวังอย่ายกเวทที่หนักจนเกินไป เริ่มต้นด้วยการยกเวทเบาๆ และคุณจะพบว่าคุณสามารถยกเวทได้หนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
    • เรียนรู้เทคนิคการฝึกความแข็งแรงและการสร้างกล้ามเนื้อจากเทรนเนอร์หรือผู้เชี่ยวชาญ
  4. ถ้าการออกกำลังกายแบบอิสระหรือการออกกำลังกายในฟิตเนสไม่ใช่แนวคุณเท่าไหร่ การเข้าร่วมทีมกีฬาท้องถิ่นเป็นวิธีที่ดีที่จะออกไปข้างนอก ขยับแข้งขยับขา และทำอะไรสนุกๆ หลายเมืองมีทีมกีฬาสันทนาการเป็นของตัวเองที่นัดเจอกันเพื่อเล่นกีฬาเป็นประจำในวันที่ตกลงกัน
    • กีฬาในเมืองที่ฮิตที่สุด คือ ดอดจ์บอล คิกบอล ซอฟต์บอล บาสเกตบอล และฟริสบี
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

กินอาหารให้สมดุล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของไลฟ์สไตล์ของคนสุขภาพดี คนมากมายมองข้ามมันไป แต่ว่าถ้าคุณออกกำลังกายแต่กินอาหารขยะไม่ยั้ง คุณจะไม่ฟิตขึ้นเลยสักนิด เพราะอาหารขยะมักเปลี่ยนรูปเป็นไขมันแทบจะทันทีที่ลงท้อง อาหารขยะมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำจนถึงไม่มีเลย แถมยังมีโซเดียมและน้ำตาลสูง ด้วยเหตุนี้ ระดับน้ำตาลในร่างกายของคุณจะลดลงต่ำหลังจากกินมันเข้าไป คุณจะรู้สึกเพลียและขาดพลังงานอย่างมาก [3] อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ
    • อาหารที่มีน้ำตาลสูง: โดนัท เค้ก คุ้กกี้ พุดดิ้ง ซีเรียล ผลไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้ง และน้ำอัดลม
    • อาหารที่มีไขมันสูง: เนื้อแปรรูป เนย น้ำมันเติมไฮโดรเจน (เมล็ดปาล์มและมะพร้าว) ช็อทเทนนิ่ง ชีส และไขมันสัตว์ ( หมายเหตุ ถึงชีสจะมีไขมันสูง มันก็มีโปรตีนสูง ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย ชีสที่มีอายุมากและผ่านการแปรรูปน้อยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด) [4]
    • อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง: ไข่แดง อาหารทอด และมายองเนส
    • หลีกเลี่ยงทุกอย่างที่มีส่วนประกอบของน้ำเชื่อมข้าวโพดชนิดฟรุกโตสสูงและผงชูรส
  2. การกินอาหารให้สมดุลอาจทำได้ยากถ้าคุณไม่มีเวลาทำอาหารกินเองทุกวัน แต่การไปกินที่ร้านอาหารหรือซื้อกลับบ้านเป็นเรื่องง่าย คุณจะพบว่าการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างสมดุลสามารถเพิ่มพลังงานและประสิทธิภาพให้คุณ รวมถึงเพิ่มอัตราการเผาผลาญ และทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้น เพราะคุณจะได้สารอาหารและวิตามินที่ร่างกายจำเป็น [5] ต่อไปนี้เป็นอาหารที่ควรกิน
    • ผลไม้และผักสด: เมลอน กล้วย แอปเปิ้ล ส้ม แครอท หัวหอม บรอกโคลี ข้าวโพด ฯลฯ ( หมายเหตุ : ผักและผลไม้เหล่านี้ควรเป็นของสด ไม่ใช่ผักผลไม้กระป๋อง คุณจะผัดผักกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเพื่อรสชาติที่ดีขึ้นก็ได้) ถ้าคุณจะทำสลัด ยิ่งมีสีสันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
    • เนื้อออร์แกนิก: ปลา เป็ด ไก่ และวัว สำหรับโปรตีน แทนที่จะทอดเนื้อ ลองอบเนื้อกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษหรือน้ำมะนาวกับสมุนไพรดูสิ
    • ธัญพืช: ขนมปังโฮลวีท โอ๊ตมีล และพาสตา
    • อาหารที่มีโปรตีนสูง: เต้าหู้ ถั่วเหลือง ไข่ขาว ถั่ว ชีส คอตเตจชีส และควินัว
    • อาหารที่มีกากใยสูง: ถั่วเลนทิลสุก ถั่วดำ ถั่วเขียว แพร์ ราสพ์เบอร์รี และรำข้าวโอ๊ต [6]
  3. เข้าใจความแตกต่างระหว่างคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน. คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวเป็นคาร์โบไฮเดรตที่เกิดจากน้ำตาล 1-2 โมเลกุล ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำมาก ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเป็นคาร์โบไฮเดรตที่เกิดจากเส้นใยน้ำตาล แต่มีกากใยสูงมากและมีวิตามินและแร่ที่ดีต่อสุขภาพ [7]
    • ตัวอย่างคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว: น้ำตาล น้ำเชื่อม แยม และลูกอม
    • ตัวอย่างคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: อาหารที่อุดมไปด้วยโฮลเกรนและผัก
  4. หลีกเลี่ยงการอดอาหารเป็นเรื่องสำคัญมาก คนจำนวนมากอาจจะคิดว่าจะลดน้ำหนักได้ด้วยการอดอาหาร ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง จริงๆ แล้ว การอดอาหารลดอัตราการเผาผลาญและยังส่งผลให้ร่างกายขาดสารอาหารอีกด้วย [8] ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างอาหารและของว่างเพื่อสุขภาพและเวลาที่เหมาะสมในการกิน
    • อาหารเช้าเบาๆ: ไข่ขาว (คุณจะผสมไข่ขาวกับผัก เช่น หัวหอมหรือเห็ด ก็ได้) กับส้มโอและขนมปังชิ้นหนึ่ง
    • ของว่างตอนสาย: โยเกิร์ตกับเบอร์รี่
    • อาหารกลางวัน: สลัด (ระวังน้ำสลัดให้ดี!) กับอาหารที่มีโปรตีน (เช่น ไก่ย่างหรือไก่งวง)
    • ของว่างตอนบ่าย: แอปเปิ้ล ส้ม หรือกล้วย กับอัลมอนด์และพีนัทบัตเตอร์เล็กน้อย
    • อาหารเย็น: แซลมอนอบมะนาวกับข้าวกล้องและหน่อไม้ฝรั่ง
  5. ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำ 50-65% และคุณจำเป็นต้องเติมน้ำให้กับร่างกายอยู่เสมอ ร่างกายของคุณหลั่งเหงื่อออกมามาก ดังนั้นคุณก็ต้องเติมน้ำกลับเข้าไป
    • จำนวนน้ำที่คุณควรดื่มขึ้นอยู่กับน้ำหนักของคุณ คำนวณปริมาณน้ำที่คุณควรดื่มด้วยการนำน้ำหนักของคุณมาคูณกับ 67% (2/3) ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณหนัก 59 กิโลกรัม คุณควรดื่มน้ำประมาณ 2.6 ลิตร ต่อวัน [9]
    • ถ้าคุณออกกำลังกาย คุณต้องดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียทางเหงื่อ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

สร้างกำลังใจและแรงจูงใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณรู้ว่าคุณทำได้ คุณเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้และกำลังใจที่มากพอจะทำให้คุณมีความสุข
    • ทำตามแผนประจำวันหรือวันเว้นวัน ถ้าคุณมีแผนที่ทำตามเป็นประจำ จะทำให้ง่ายขึ้นมากกว่าแค่คิดว่าจะได้ออกกำลังกายหรือจะได้กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
  2. ถ้าคุณกำลังยกเวทอันเล็กๆ ที่ฟิตเนส อย่าให้คนข้างๆ ที่กำลังยกเวทอันเบ้อเร่อทำให้คุณรู้สึกประหม่า แค่รู้ว่าคุณกำลังออกกำลังในระดับของคุณและมันเหมาะกับคุณที่สุด ถ้าคุณทำตามแผนของคุณต่อไป คุณจะสามารถทำเป้าหมายใดๆ ก็ตามที่คุณตั้งไว้ได้สำเร็จ
  3. ถ้ามีใครสักคนทำร่างกายให้สุขภาพดีและฟิตไปกับคุณ มันจะช่วยคุณได้มาก การมีแรงจูงใจจากพวกเขามากระตุ้นจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้มาก และเป็นวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
    • คนที่คุณชวนได้คือ ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้น เพื่อนบ้าน (ถ้าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาแล้ว) หรือเพื่อนในละแวกบ้านของคุณ
  4. ตั้งเป้าหมายและให้รางวัลตัวเองเมื่อคุณทำเป้าหมายนั้นสำเร็จ
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณทำตามแผน กินเพื่อสุขภาพ และทำเป้าหมายในสัปดาห์นั้นสำเร็จด้วยการจ๊อกกิ้งเป็นเวลา 30 นาที แทน 20 นาที คืนวันศุกร์คุณควรให้รางวัลตัวเองด้วยขนมโปรดของคุณสักหน่อย
  5. ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นคิดอย่างไร ถ้าคุณมุ่งมั่นและเชื่อว่าคุณสามารถทำเป้าหมายในการทำร่างกายให้ฟิต คุณก็จะทำได้! นึกถึงความรู้สึกตอนที่คุณรู้สึกดีมาก และพยายามไปถึงเป้าหมายนั้นทุกวัน
    • สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองด้วย ความมุ่งมั่น ที่จะเดินบนทางแห่งความแข็งแรงและสุขภาพดีต่อไป คุณอยากรู้สึกดี คุณอยากดูดี คุณอยากแข็งแรง และคุณทำได้แน่นอน!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยายามอย่าหักโหมเกินไป
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,655 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา