ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการปวดท้องเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบอยู่แล้ว แต่ก็มีหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปและยารักษาจากธรรมชาติ เช่น ขิงและเป็ปเปอร์มินต์นั้นสามารถบรรเทาอาการปวดและจุกเสียดได้ทันที อีกทั้งคุณยังสามารถป้องกันไม่ให้ปวดท้องได้ด้วยการปรับเปลี่ยนอาหาร เช่น รับประทานอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดหรือระคายกระเพาะ ถ้าคุณปวดท้องบ่อยๆ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีการรักษา นอกจากนี้กิจกรรมต่างๆ เช่น โยคะ การฝึกสมาธิ และการออกกำลังกายแบบแอโรบิกก็ช่วยบรรเทาอาการปวดและป้องกันไม่ให้ปวดท้องได้ด้วยเช่นกัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาอาการปวดท้องอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รับประทานยาลดกรดหากคุณมีกรดเกินเนื่องจากอาหารไม่ย่อย. อาการปวดท้องสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาต่างๆ เพื่อให้กรดในกระเพาะมีความเป็นกลางมากขึ้น ยาลดกรดเช่นเป็ปโต-บิสมอล มาล็อกซ์ ทัมส์ หรือโรเลดส์จะไปเคลือบกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากกรดในกระเพาะ ยาเหล่านี้มีทั้งแบบเม็ดและแบบน้ำ รับประทานตามที่เภสัชกรหรือแพทย์สั่ง [1]
    • เพื่อป้องกันอาการปวดท้อง ให้รับประทานยายับยั้งการหลั่งกรด เช่น เป็ปซิดคอมพลีตก่อนรับประทานอาหารประมาณ 30 นาที
    • อาการปวดท้องที่เกิดจากอาหารไม่ย่อยอาจมีอาการแสบร้อนกลางอก ซึ่งเป็นอีกอาการหนึ่งที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย
    • แม้ว่ายาลดกรดจะช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ ดังนั้นคุณจึงต้องปรึกษาแพทย์เพื่อจัดการกับสาเหตุที่ทำให้อาหารไม่ย่อยและรักษาอาการปวดท้องในระยะยาว
  2. รับประทานยาระบายเพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากท้องผูก. ถ้าอาการปวดท้องเกิดจากท้องผูก ให้สอบถามเภสัชกรหรือแพทย์เกี่ยวกับยาระบายที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ยาระบายอ่อนๆ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปอาจต้องรับประทานสัก 2-3 วันจึงจะได้ผล ส่วนยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้จะออกฤทธิ์เร็วกว่าแต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดช่องท้อง รับประทานยาตามที่เภสัชกรหรือแพทย์สั่งและอย่ารับประทานเกินกว่าปริมาณที่ระบุไว้ [2]
    • อย่ารับประทานยาถ่ายเกิน 2 สัปดาห์ในแต่ละครั้ง เพราะร่างกายอาจจะเริ่มพึ่งยาอย่างเดียว
    • หากคุณมีอาการท้องอืด อ่อนเพลีย หรือเบื่ออาหารร่วมด้วย อาการปวดท้องก็น่าจะเกิดจากท้องผูก
  3. รับประทานยาขับลมที่หาซื้อได้เองเพื่อบรรเทาอาการจุกเสียด. การรับประทานอาหารมากเกินไป บริโภคอาหารที่มีกากใยสูง และรับประทานอาหารเร็วเกินไปล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแก๊ส บรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไปด้วยการรับประทานยาที่หาซื้อได้เองที่มีส่วนประกอบของไซเมทิโคน ซึ่งจะช่วยทำให้ฟองแก๊สแตกตัวและทำให้แก๊สเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น [3]
    • หากคุณมีอาการเรอ ผายลม ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาการปวดท้องก็น่าจะเกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป
    • หากเป็นอาการปวดท้องที่เกิดจากแก๊ส การรับประทานเอนไซม์ย่อยอาหารก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะมันช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด และแก๊ส
  4. เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าขิงมีคุณสมบัติช่วยย่อยและบรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วน ดื่มชาขิงหรือน้ำเปล่าหมักขิงธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง แต่อย่าดื่มจินเจอร์เอลส์ที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนผสมของขิงจริงๆ มากนักและน้ำตาลสูงมาก [4]
    • ในการทำน้ำหมักขิงนั้น ให้ปอกเปลือกและหั่นรากขิงเป็นชิ้นยาวประมาณ 8 ซม. ใส่ลงในน้ำ 8 ถ้วย (1,900 มล.) เติมน้ำมะนาวได้ตามตามต้องการเพื่อลดความขมของขิง แช่ไว้ในตู้เย็นข้ามคืนแล้วน้ำมาดื่มได้เลย [5]
    • แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รับประทานขิงแล้วอาการดีขึ้น แม้ว่าขิงจะเป็นยารักษาจากธรรมชาติที่บรรเทาอาการปวดท้องได้ค่อนข้างปลอดภัยและรสชาติดี แต่ในบางคนเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น
  5. ดื่มชาคาโมมายล์เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณท้อง. ชาคาโมมายล์มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และยังช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินอาหารส่วนบนที่ลดอาการปวดท้องและท้องผูกเล็กน้อยได้ด้วย ใส่ถุงชาคาโมมายล์ลงในน้ำเดือด 1 ถ้วย (240 มล.) และแช่ทิ้งไว้ 3-4 นาทีค่อยดื่ม [6]
    • นอกจากนี้คาโมมายล์ยังมีคุณสมบัติกล่อมประสาทที่ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร
  6. ดื่มชาหรืออมลูกอมรสเป็ปเปอร์มินต์เพื่อลดอาการปวดท้อง. เป็ปเปอร์มินต์ช่วยให้น้ำดีในร่างกายไหลเวียนดี ซึ่งช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและป้องกันไม่ให้กระเพาะอาหารมีปัญหา หากจะรับประทานเป็ปเปอร์มินต์เพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง ให้ดื่มชาเป็ปเปอร์มินต์สักถ้วย หรือไม่ก็อมลูกอมรสเป็ปเปอร์มินต์ที่อาจมีฤทธิ์อ่อนกว่าแต่ก็ยังดีต่อท้องของคุณอยู่ดี [7]
  7. วางแผ่นให้ความร้อนหรือขวดน้ำร้อนไว้บนหน้าท้องเพื่อให้สบายท้องยิ่งขึ้น. ความร้อนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนังด้านบน การประคบร้อนลงบนหน้าท้องอาจทำให้อาการปวดท้องเบาบางลงและช่วยคลายกล้ามเนื้อ วางแผ่นให้ความร้อนหรือขวดน้ำร้อนลงบนหน้าท้อง 10-20 นาทีแล้วดูว่าอาการปวดทุเลาลงไหม [8]
    • อย่าวางแผ่นให้ความร้อนหรือขวดน้ำร้อนลงบนผิวหนังโดยตรงเพื่อป้องกันอาการแสบร้อน
    • หากผิวหนังแดงหรือแสบร้อน ให้นำความร้อนออกทันที
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รับประทานอาหารที่ช่วยป้องกันไม่ให้ปวดท้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาหารและเครื่องดื่มหมักดองมีแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น พยายามเริ่มรับประทานอาหารต่อไปนี้ให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 หน่วยบริโภคเพื่อเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร อาหารที่ว่านี้ได้แก่ : [9]
    • คีเฟอร์ ผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านการหมัก
    • คอมบูชา ชาหมัก
    • กิมจิ ผักดอง
    • มิโซะ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองหมัก
  2. เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนทั่วไปที่ร่างกายย่อยได้ง่าย. ระหว่างที่คุณกำลังพยายามรักษาอาการปวดท้อง การรับประทานอาหารที่ร่างกายย่อยได้ยากอาจทำให้อาการปวดท้องยิ่งแย่ลง เพราะฉะนั้นให้รับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนทั่วไปเช่นขนมปังและข้าวเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีกล้วยและซอสแอปเปิลที่รู้กันดีว่าร่างกายย่อยได้ง่าย [10]
    • เช่น หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยากอย่างขนมปังธัญพืชเต็มเมล็ดและผักปวยเล้งระหว่างที่กระเพาะอาหารกำลังฟื้นตัว
  3. หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดที่อาจทำให้ผนังกระเพาะอาหารระคายเคือง. อาการปวดท้องมักเกิดจากผนังกระเพาะอาหารอักเสบ ดังนั้นระหว่างรักษาตัวให้หายคุณต้องรับประทานอาหารที่อ่อนโยนกับระบบย่อยอาหาร เลือกอาหารรสอ่อนที่ใส่เครื่องเทศและเครื่องปรุงน้อย ช่วงที่รักษาอาการปวดท้องก็ให้ทำอาหารรับประทานเองเพื่อหลีกเลี่ยงวัตถุดิบที่ไม่พึงประสงค์ในอาหาร [11]
    • ตัวอย่างอาหารรสอ่อนที่ดีได้แก่ แซนด์วิชไก่ธรรมดาหรืออกไก่ไม่ปรุงรสกับข้าว
  4. รับประทานโยเกิร์ตเพื่อเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและช่วยให้สบายท้อง. โยเกิร์ตที่ระบุว่ามี "จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต" อยู่บนฉลากจะเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพในท้อง ซึ่งจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยคลายอาการปวดท้องและลดอาการท้องอืดด้วย แต่ทั้งนี้คุณควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติเพราะผลไม้บางชนิดหรือสารปรุงแต่งบางอย่างก็อาจทำให้กระเพาะอาหารยิ่งระคายเคือง [12]
    • ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกโยเกิร์ตสูตรออร์แกนิกเพื่อหลีกเลี่ยงสารปรุงแต่ง
  5. 5
    รับประทานใยอาหารให้เพียงพอ. หลายคนที่นิยมรับประทานอาหารแบบตะวันตกจะได้รับใยอาหารไม่เพียงพอและเกิดปัญหา เช่น ท้องผูก ตัวอย่างอาหารที่มีกากใยสูงได้แก่ :
      • ขนมปังที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ด
      • ซีเรียลที่มีใยอาหารสูง
      • ผลไม้
      • ผัก
      • อาหารเสริมกากใย : ตัวอย่างอาหารที่ว่านี้ได้แก่ บาร์ โยเกิร์ต คุกกี้ และอาหารอื่นๆ ที่เสริมใยอาหาร
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

แก้ปัญหาปวดท้องบ่อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณปวดท้องเป็นประจำ ให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาการปวดท้องนั้นอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพต่างๆ มากมายที่อาจต้องได้รับการรักษา รับประทานยา หรือผ่าตัดอย่างทันท่วงที เล่าอาการอื่นๆ ให้แพทย์ทราบด้วยถ้ามีเพื่อให้ระบุสาเหตุของอาการปวดได้ง่ายขึ้น [13]
    • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหารหรือการดำเนินชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ที่อาจมีส่วนทำให้ปวดท้อง
    • แพทย์น่าจะตรวจร่างกายและอาจดำเนินการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ รังสี หรือส่องกล้อง
  2. ฝึกสมาธิเพื่อบรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากความเครียด. การฝึกสมาธิทุกวันสามารถลดระดับความเครียดโดยรวมลงได้และช่วยจัดการกับภาวะทางกายที่เกี่ยวข้องกับความเครียด นอกจากนี้การฝึกสมาธิเป็นประจำยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากการอักเสบและความผิดปกติของลำไส้ ฝึกสมาธิด้วยการนั่งเงียบๆ และจดจ่ออยู่กับการกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ อย่างน้อยวันละ 15-20 นาที [14]
    • เลือกเวลาและสถานที่ฝึกสมาธิที่คุณจะไม่ถูกรบกวน
  3. ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาทีเพื่อเพิ่มการเผาผลาญ. การออกกำลังกายช่วยบรรเทาและป้องกันไม่ให้ปวดท้องได้ด้วยการลดความเครียดและเพิ่มการเผาผลาญ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอให้ได้อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายแบบหนักหน่วงปานกลางอย่างเต็มที่ ลองทำกิจกรรมดังต่อไปนี้ : [15]
    • วิ่งจ็อกกิ้ง
    • ปั่นจักรยาน
    • ว่ายน้ำ
    • เล่นโรลเลอร์เบลด
    • เดินเร็ว
    • พายเรือ
    • เต้น
  4. การฝึกโยคะมีประโยชน์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการคลายความเครียดและช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น เข้าคลาสโยคะสำหรับผู้เริ่มต้นใกล้บ้านเพื่อเรียนรู้พื้นฐานและฝึกท่าต่างๆ หรือไม่ก็ฝึกท่าพื้นฐาน 2-3 ท่าด้วยตัวเอง เช่น: [16]
    • "อปนาสนะ" นอนหงายแล้วกอดเข่าไว้ที่อกนับ 5-10
    • "ท่าสะพาน" นอนหงาย งอเข่า แล้วยกสะโพกขึ้นเพื่อยืดเหยียดร่างกาย
    • "ท่าเด็ก" นั่งคุกเข่า โน้มตัวไปด้านหน้า และเหยียดแขนไปข้างหน้า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อาการปวดท้องเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่อาหารไม่ย่อย ความเครียด และปวดเกร็งช่วงมีประจำเดือนไปจนถึงปัญหาซับซ้อนที่ต้องได้รับการรักษา ถ้าคุณปวดท้องรุนแรงหรือไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด คุณอาจต้องไปพบแพทย์
  • แม้จะมีงานวิจัยเพียงเล็กน้อยที่มาสนับสนุนข้ออ้างนี้ แต่หลายคนรายงานว่า น้ำซุปกระดูกช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 135,143 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา