การมีเบ้าตาเขียวช้ำนอกจากจะเจ็บปวดแล้วยังน่าอายอีกด้วย แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงอะไร และสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็ยังโชคร้ายที่ไม่มีวิธีไหนที่ทำให้รอยเขียวช้ำหายไปในทันทีได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีวิธีดีๆ ที่ช่วยรักษาดวงตาของคุณและคุณยังสามารถใช้เครื่องสำอางลบรอยเขียวช้ำได้เมื่อออกไปนอกบ้าน
ขั้นตอน
-
ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณรอบดวงตา. ใช้ความเย็นประคบ โดยใช้ผ้าห่อน้ำแข็ง หรือถุงเจลเย็นในบริเวณที่มีอาการเขียวช้ำประมาณ 10 นาที [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ประคบเย็น 20 นาที ทุกๆ ชั่วโมงในช่วง 1-2 วันแรก
- ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยวิธีนี้ทันทีและทำอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 วันแรก [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ประคบลงไปบริเวณรอบดวงตา ไม่ใช่บริเวณดวงตา
-
ทานยาแก้ปวด. [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Go Ask Alice ไปที่แหล่งข้อมูล หากความเจ็บปวดเกินกว่าจะทนไหว ให้ทานยาแก้ปวด ยาประเภท Acetaminophen ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หรือยาประเภท Ibuprofen ก็ได้ผลเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถหายาชนิดไหนได้ ยาทั้งสองชนิดสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- ควรหลีกเลี่ยงการทานยาประเภทแอสไพริน (Aspirin) เนื่องจากตัวยามีส่วนยับยั้งการแข็งตัวของเลือด [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- ทานยาตามที่ฉลากกำหนด โดยปกติคุณจะต้องทานยาสองเม็ดทุกๆ หกชั่วโมง
-
อย่าพยายามเปิดตาหากไม่สามารถทำได้. [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง บ่อยครั้งที่เมื่อตาเขียวช้ำจะเกิดพร้อมกับอาการบวมรอบดวงตา ในกรณีนี้อาจทำให้คุณไม่สามารถเปิดตาได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องพยายามเปิดตา ตราบเท่าที่คุณทำตามคำแนะนำก็ไม่มีอะไรน่ากังวล (จะไม่มีอาการแหรกซ้อนแน่นอน) คุณไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพยายามเปิดตาของคุณหากทำให้คุณเจ็บตัวมากขึ้น
-
ป้องกันดวงตาของคุณระหว่างสภาวะ “เสี่ยง”. [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ในขณะที่อาการเขียวช้ำค่อยๆ ดีขึ้น (โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์) คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณใส่แว่นหรืออุปกรณ์ป้องกันตาอื่นๆ หากคุณต้องทำอะไรที่สามารถเป็นอันตรายต่อดวงตาของคุณ หรือหากอาการเขียวช้ำของคุณเกิดจากการเล่นกีฬา คุณควรหยุดเล่นกีฬาชนิดนั้นๆ จนกว่าจะหายสนิท
-
ตรวจดูว่ามีโรคแทรกซ้อนหรือไม่. การตาเขียวช้ำก็แย่พออยู่แล้ว แต่มักไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการบาดเจ็บอื่นๆ ของดวงตาร่วมด้วย คุณควรรักษาอย่างถูกวิธี ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องทนทรมานกับอาการร้ายแรงกับดวงตาและหัวของคุณ
- สังเกตทั้งส่วนตาดำและตาขาวให้ดี หากคุณเห็นจุดเลือด คุณอาจมีอาการบาดเจ็บร้ายแรงได้ ให้รีบพบจักษุแพทย์ในทันที [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หากคุณพบว่ามีอาการผิดปกติทางการมองเห็น เช่น ภาพเบลอ ภาพซ้อนกัน หรือแพ้แสงจ้า ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที
- อาการอื่นๆ ที่อาจมีความรุนแรง เช่น อาการเจ็บอย่างรุนแรงเมื่อขยับดวงตา อาการชาที่หน้า อาการบวมของตาหรือเบ้าตา เลือดกำเดาไหล หรืออาการวิงเวียน
โฆษณา
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณรอบดวงตา. ผิวบริเวณนั้นจะบอบบางมากจนกว่าอาการจะหายสนิท การสัมผัสอาจทำให้เจ็บมากขึ้น และยังทำให้ระคายเคืองซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลงและหายช้าขึ้น
- ก่อนที่อาการบวมจะลดลงคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้สายตาเป็นเวลานาน
- คุณควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงข้างที่ตาเขียวช้ำ การกระทำเช่นนี้อาจทำให้อาการบวมช้ำหายช้าลง
-
หลังจากครบ 1-2 วันแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นประคบร้อนแทน. [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หลังจาก 1-2 วันที่ใช้วิธีการประคบด้วยน้ำแข็ง คุณควรเปลี่ยนมาเป็นประคบร้อนแทน
- ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่บวก ห้ามใจถุงร้อนเนื่องจากไม่มีความชื้น อาจทำให้ร้อนจนเกินไปและอาจทำให้ระคายเคืองกับผิวที่บอบบางของคุณ
- ประคบร้อนประมาณ 10 นาทีต่อครั้ง และควรหยุดพักอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 นาทีต่อครั้งเช่นกัน
- ห้ามประคบบริเวณดวงตาโดยตรง แต่ให้ประคบบริเวณผิวรอบดวงตาแทน
- ความอุ่นจากการประคบสามารถช่วยให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังที่ได้รับความเสียหายซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้หายเร็วขึ้น
-
ไปพบจักษุแพทย์ทันทีหากอาการแย่ลงหรือว่าไม่หายไป. อาการบวมช้ำจะค่อยๆ จางหายไปหลังจาก หนึ่งสัปดาห์ครึ่งหรือมากกว่านั้น หากอาการยังไม่หายไปภายในเวลานั้น คุณควรไปพบแพทย์ทันที
- คุณควรไปพบแพทย์ทันทีหากอาการตาเขียวช้ำมีสีเข้มขึ้นหรือว่ามีอาการแย่ลงหลังจาก 2-4 วันแรก
โฆษณา
-
รอจนกว่าอาการบวมจะหายไป. [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หลังจากมีอาการบาดเจ็บ สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือเริ่มต้นรักษา การใช้เครื่องสำอางบริเวณที่มีอาการทันทีหลังจากบาดเจ็บนั้นอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเส้นเลือดได้
- เครื่องสำอางที่คุณใช้ปกปิดนั้นจะหลุดออกเมื่อคุณประคบเย็นเพื่อรักษาอาการ ดังนั้นการใช้เครื่องสำอางปกปิดก่อนหน้าที่อาการบวกจะหายถือเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
- รอจนกว่าคุณจะถึงช่วงเวลาที่ประคบร้อนถึงจะเริ่มใช้เครื่องสำอางเพื่อปกปิดรอยเขียวช้ำ และพยายามใช้เครื่องสำอางปกปิดเมื่อเวลาที่คุณจำเป็นต้องออกนอกบ้านหรือมีแขกมาหาที่บ้านเท่านั้น
-
เลือกคอนซีลเลอร์ที่ถูกต้อง. เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรใช้คอนซีลเลอร์สีโทนเหลืองหรือเขียวที่เป็นน้ำ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การใช้คอลซีลเลอร์แบบน้ำจะง่ายต่อการเกลี่ยกว่าแบบครีมและไม่เสี่ยงต่อแรงกดที่จะเกิดขึ้นต่อผิวที่บอบบาง
- คุณต้องใช้คอเรคทีฟคอนซีลเลอร์ก่อนเท่านั้น ก่อนที่จะใช้คอนซีลเลอร์แบบธรรมดา เนื่องจากคอนซีลเลอร์แบบธรรมดานั้นมีส่วนช่วยแค่ปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้เท่ากัน แต่คอเรคทีฟคอนซีลเลอร์สามารถปกปิดรอยคล้ำหรือสีผิวที่แตกต่างอย่างชัดเจนได้
- คอนซีลเลอร์สีเหลืองจะใช้งานดีที่สุดสำหรับรอยช้ำเขียวในช่วงแรกๆ เมื่อรอยช้ำเป็นสีม่วง เมื่ออาการค่อยๆ ดีขึ้น รอบดวงตาจะมีสีออกแดงหรือน้ำตาลเหลือง คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นคอนซีลเลอร์โทนสีเขียว
- เทคอเรคทีฟคอนซีลเลอร์ลงบนนิ้วมือ ใช้นิ้วมือในการแต้มคอนซีลเลอร์ลงไปบริเวณที่มีรอยเขียวช้ำ ใช้แรงให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะเกลี่ยคอลซีลเลอร์ให้เรียบเนียนเพื่อปกปิดรอยเขียวช้ำ
-
ตามด้วยคอนซีลเลอร์ปกติ. [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อคุณได้ทาคอเรคทีฟคอนซีลเลอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสีเดียวกับสีผิวของคุณเพื่อปกปิดสีที่อาจเกินมาจากคอเรคทีฟคอนซีลเลอร์
-
ใช้เครื่องสำอางอย่างอื่นตามต้องการ. คอนซีลเลอร์ทั้งสองตัวก็เพียงพอต่อการปกปิดรอยเขียวช้ำได้แล้ว แต่หากคุณต้องการแต่งหน้าเพิ่มเติมก็สามารถทำได้โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.webmd.com/eye-health/understanding-black-eye-treatment
- ↑ http://www.medicinenet.com/black_eye/page4.htm#what_is_the_treatment_for_a_black_eye
- ↑ http://goaskalice.columbia.edu/black-eye-cure
- ↑ http://www.nhs.uk/conditions/black-eye/Pages/Introduction.aspx
- ↑ http://www.medicinenet.com/black_eye/page4.htm# what_is_the_treatment_for_a_black_eye
- ↑ http://www.medicinenet.com/black_eye/page4.htm# what_is_the_treatment_for_a_black_eye
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/first-aid-black-eye/HQ00016
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/first-aid-black-eye/HQ00016
- ↑ http://www.healthydietbase.com/how-to-cover-black-eye-using-makeup/
โฆษณา