ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หม้อน้ำที่ใช้การได้ดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เกิดอาการร้อนจัด หลังจากได้รับความร้อนจากเครื่องยนต์ น้ำยาหล่อเย็นจะไหลผ่านหม้อน้ำและมีอุณหภูมิต่ำลงเนื่องจากเกิดการแลกเปลี่ยนความร้อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะเกิดตะกอนก่อตัวขึ้นภายในหม้อน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพของน้ำยาหล่อเย็นต่ำลง ซึ่งส่งผลต่อทั้งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และอัตราการใช้เชื้อเพลิงต่อระยะทาง อย่างไรก็ดี การล้างหม้อน้ำเป็นประจำจะช่วยให้รถยนต์ของคุณขับขี่ได้อย่างราบรื่น โดยเรามักจะล้างกันในทุกๆ 2-5 ปี

  1. เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถเริ่มลงมือได้ โดยเครื่องยนต์จะเย็นที่สุดเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะน้ำยาหล่อเย็นในเครื่องยนต์ที่เพิ่งผ่านการใช้งานอาจมีอุณหภูมิสูงมากและทำให้เกิดการบาดเจ็บเมื่อสัมผัสโดนผิวหนัง
  2. แม้ไม่ใช่สิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่การยกส่วนหน้าของรถขึ้นจะทำให้คุณทำงานในบริเวณใต้หม้อน้ำได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดฟองอากาศในน้ำยาหล่อเย็นในขณะที่คุณกำลังล้างหม้อน้ำ [1]
  3. ยกฝากระโปรงหน้าขึ้นและค้นหาตำแหน่งของหม้อน้ำ. โดยปกติ หม้อน้ำมักอยู่ใกล้กับส่วนหน้าของรถ ถัดจากเครื่องยนต์ ให้ใช้น้ำสบู่และแปรงไนล่อนขัดทำความสะอาดแผ่นโลหะที่มีลักษณะเหมือนบานเกล็ด (หรือที่เราเรียกว่าครีบหม้อน้ำ) ทั้งด้านหน้าและหลังหม้อน้ำเพื่อให้อากาศเคลื่อนผ่านได้สะดวก โดยขัดไปในทิศทางเดียวกับครีบหม้อน้ำเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและรอยเปื้อนออก (ไม่ควรขัดในทิศทางตรงข้าม เพราะอาจทำให้ครีบเสียหาย) [2]
    • คุณอาจทำความสะอาดแผ่นครีบไม่ได้ เพราะอาจมีเครื่องควบแน่นระบบปรับอากาศ (คอยล์ร้อน) ติดตั้งอยู่หน้าหม้อน้ำ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแผ่นครีบได้นั่นเอง
  4. ตรวจสอบว่าหม้อน้ำที่ใช้งานอยู่ทำงานได้เป็นอย่างดีและอยู่ในสภาพดี. ตรวจหาร่องรอยของสนิม การสึกกร่อน หรือรอยรั่วบนท่อแข็งและท่ออ่อน เช่น ถ้าได้กลิ่นสารป้องกันการแข็งตัวในระหว่างการขับขี่ คุณอาจต้องนำรถเข้ารับการซ่อมแซมแทนที่จะล้างหม้อน้ำเพียงอย่างเดียว [3]
    • ฝาหม้อน้ำทำหน้าที่เหมือนฝาปิดที่ช่วยควบคุมแรงดันภายในหม้อน้ำ ประกอบด้วยขดลวดสปริงที่ตั้งอยู่ระหว่างชิ้นส่วนโลหะขนาดกว้างแบนด้านบนและยางกันรั่ว โดยแรงตึงระหว่างยางกันรั่วและสปริงคือสิ่งที่ทำให้แรงดันในหม้อน้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม คุณจึงอาจต้องทำการเปลี่ยนฝาหากมีชิ้นส่วนสึกหรอ
    • จะมีท่ออ่อน 2 ชุดต่อออกมาจากหม้อน้ำ ท่อด้านบนคือช่องทางที่น้ำยาหล่อเย็นร้อนๆ ไหลเข้าหม้อน้ำ ในขณะที่ท่อด้านล่างคือช่องทางที่น้ำยาหล่อเย็นซึ่งผ่านการระบายความร้อนแล้วไหลกลับเข้าสู่เครื่องยนต์ผ่านทางปั๊มน้ำยาหล่อเย็น ให้ตรวจดูว่าไม่มีท่อใดพับหรือยุบอยู่ เพราะจะทำให้น้ำยาหล่อเย็นไหลผ่านได้ไม่สะดวกนั่นเอง
  5. วางถาดรองน้ำไว้ที่กึ่งกลาง ด้านใต้วาล์วหรือก๊อกระบายน้ำของหม้อน้ำ. ก๊อกระบายน้ำมีด้วยกันหลายขนาดหลายรูปทรง แต่ทุกชนิดจะมีลักษณะเป็นจุกอุดเล็กๆ ที่สามารถดึงออกเพื่อระบายน้ำออกได้ โดยให้วางถาดไว้ด้านใต้ก๊อกระบายเพื่อรองน้ำทั้งหมดที่ไหลออกมาในระหว่างที่ระบายน้ำออก
    • ก๊อกระบายน้ำมักติดอยู่บริเวณใต้ถังหม้อน้ำถังใดถังหนึ่ง และเป็นโบลท์ตัวเดียวที่ติดตั้งในบริเวณดังกล่าว
    • คุณอาจต้องถอดฝาครอบพลาสติกเล็กๆ ใต้หม้อน้ำออกเพื่อให้เข้าถึงวาล์วระบายได้ ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ไขควง [4]
  6. ดึงก๊อกระบายน้ำออกเพื่อระบายน้ำออกจากหม้อน้ำ. สำหรับขั้นตอนนี้ต้องไม่ลืมสวมถุงมือป้องกันเป็นอันขาด เพราะน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำมีสารพิษ หลังจากระบายน้ำยาหล่อเย็นเรียบร้อยแล้ว ให้ปิดฝาครอบถาดรองน้ำและนำไปวางไว้ด้านข้าง
    • ควรนำน้ำยาหล่อเย็นไปยังศูนย์ซ่อมรถใกล้บ้านเพื่อทำการรีไซเคิล [5]
  7. การระบายน้ำยาออกจากหม้อน้ำจะกำจัดน้ำยาหล่อเย็นเก่าออกมาได้เพียง 40-50% เท่านั้น [6] คุณจึงต้องใช้น้ำล้างทำความสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งที่ตกค้าง โดยมีขั้นตอนดังนี้
    • เปลี่ยนก๊อกระบายน้ำของหม้อน้ำ
    • ถือสายยางรดน้ำไว้เหนือช่องเติมน้ำและเติมน้ำลงไปจนกว่าจะเห็นสายน้ำไหลออกมา
    • สตาร์ทรถทิ้งไว้ 10 นาที และรอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนจะกลับไปลงมือต่อ
    • ถอดก๊อกระบายน้ำออกให้น้ำที่เพิ่งเติมลงไปใหม่ไหลลงในถาดรอง น้ำชุดนี้จะมีสารพิษจากน้ำยาหล่อเย็นที่ตกค้างอยู่ในหม้อน้ำปะปนอยู่ จึงต้องนำไปรีไซเคิลเช่นเดียวกัน อย่าให้น้ำเหล่านี้ไหลลงพื้นดินเป็นอันขาด
    • ทำซ้ำสัก 2-3 ครั้ง [7]
    • นอกจากนี้ คุณยังสามารถหาซื้อ “สารล้างทำความสะอาดหม้อน้ำ” เพื่อเติมลงในน้ำที่จะใช้ทำความสะอาดหม้อน้ำ แต่ต้องไม่ลืมระบายสารล้างทำความสะอาดออกให้หมดก่อนเติมน้ำยาหล่อเย็นใหม่ลงไป [8]
  8. เติมน้ำยาหล่อเย็นใหม่ลงไปจนถึงเส้นที่กำหนด. น้ำยาหล่อเย็นที่ดีประกอบด้วยน้ำกลั่น 50% และสารป้องกันการแข็งตัวอีก 50% ให้ผสมส่วนผสมทั้ง 2 อย่างนี้เข้าด้วยกันในถังขนาดใหญ่ก่อนที่จะเทลงในหม้อน้ำ และอย่าลืมเลือกซื้อน้ำยาหล่อเย็นที่เหมาะกับรถของคุณ
    • ตรวจสอบคำแนะนำเกี่ยวกับน้ำยาหล่อเย็นในคู่มือการใช้งานรถ หรือแจ้งข้อมูลการผลิต รุ่น และปีที่ผลิตกับศูนย์บริการรถยนต์ใกล้บ้านเพื่อขอคำแนะนำ และต้องไม่ลืมจดปริมาณน้ำยาหล่อเย็นที่ต้องใช้ ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 6-18 ควอท
    • รถยนต์ส่วนใหญ่จะใช้น้ำยาหล่อเย็นสีเขียว แต่รถยนต์โตโยต้าต้องใช้น้ำยาสีแดงโดยเฉพาะ ในขณะที่น้ำยาหล่อเย็นสีส้มเป็นน้ำยารุ่นใหม่และมักมีอายุการใช้งานนานกว่า แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็นสีเดียวกันทุกครั้งที่ทำการเปลี่ยน [9]
    • การผสมน้ำยาหล่อเย็นหลายชนิดเข้าด้วยกันอาจทำให้เกิดการจับตัวเป็นตะกอนและทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตามมา
  9. ถอดฝาหม้อน้ำออกเพื่อให้อากาศไหลออกมา จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 15 นาที พร้อมเปิดเครื่องทำความร้อนทิ้งไว้เพื่อให้อากาศในช่องว่างทั้งหมดไหลออกมาจากหม้อน้ำซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับน้ำยาหล่อเย็นของเรา และอย่าลืมเติมน้ำยาหล่อเย็นเพิ่มจนถึงเส้นที่กำหนดดังเดิม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ช่วงเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็นเป็นอีกหนึ่งโอกาสเหมาะที่จะเปลี่ยนเทอร์โมสตัด ฝาหม้อน้ำ และท่ออ่อนสำหรับรถยนต์เก่าๆ
  • ควรนำน้ำยาหล่อเย็นเก่าไปยังศูนย์บริการรถยนต์ใกล้บ้านหรือแหล่งกำจัดของเสียอันตรายในครัวเรือนเพื่อทำการรีไซเคิล เพราะน้ำยาที่หกเลอะเทอะอาจมีพิษและเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสัตว์
  • ควรตรวจสอบการรั่วไหลหลังจากเติมน้ำยาหล่อเย็นใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยการย้ายถาดรองออกจากใต้ท้องรถและตรวจหาร่องรอยของน้ำยาหล่อเย็นที่หยดลงมาจากหม้อน้ำ
  • คุณอาจต้องเติมสารเติมแต่งบางชนิดลงในระบบระบายความร้อนเมื่อทำงานกับเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์อะลูมิเนียม โปรดตรวจสอบข้อมูลจากคู่มือซ่อมบำรุง
โฆษณา

คำเตือน

  • ในการระบายน้ำยาหล่อเย็นนั้น ควรใช้ถาดรองชนิดใช้แล้วทิ้ง และอย่าลืมเขียนชื่อกำกับสารแต่ละชนิดให้ถูกต้อง
  • น้ำยาสำหรับหม้อน้ำจะมีกลิ่นหอมดึงดูดสัตว์และเด็กๆ แต่มีพิษร้ายแรงมาก จึงควรเก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • สารป้องกันการแข็งตัว 1 - 2 แกลลอน (4 - 8 ลิตร)
  • น้ำกลั่น 1 - 2 แกลลอน (4 - 8 ลิตร)
  • ถาดหรือถังรองน้ำยา
  • สายยางรดน้ำที่มีหัวฉีด
  • ถุงมือป้องกัน
  • แปรงไนล่อน
  • ถังสำหรับใส่น้ำสบู่
  • แว่นครอบตา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,550 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา