ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แต่ละคนมีความสุขกันไปคนละอย่าง สำหรับบางคนความสุขคือการได้เล่นเครื่องเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ ในขณะที่บางคนความสุขคือการได้อุ้มทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกของพวกเขาไว้ในอ้อมแขน แม้ความสุขของแต่ละคนจะต่างกันออกไป แต่ก็มีหลายปัจจัยที่นำพาชีวิตให้มีความสุขโดยรวมและสร้างความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่มีความสุข การสังเกตทัศนคติของตัวเองและการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันสามารถช่วยให้คุณมีชีวิตที่สนุกสนาน มีความสุข และเติมเต็มได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ปรับทัศนคติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะมีชีวิตที่ปราศจากความท้าทาย แต่ทัศนคติของคุณสามารถสร้างความแตกต่างในการรับมือกับความท้าทายในชีวิตได้ การคิดบวกคือการที่คุณเผชิญหน้ากับความยากลำบากด้วยทัศนคติที่เป็นบวก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณหลีกเลี่ยงหรือผลักไสประสบการณ์ที่ไม่ดีออกไป แต่คือการที่คุณมองเห็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ ต่างหาก [1]
    • การคิดบวกคือการที่คุณเตือนตัวเองว่าเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมันจะไม่อยู่กับคุณตลอดไป และยังเป็นโอกาสให้เราได้เรียนรู้และเติบโต แทนที่จะจมปลักอยู่กับมุมมองแย่ๆ หาวิธีที่จะได้เรียนรู้จากแต่ละสถานการณ์ เช่น อย่าคิดลบถ้าคุณเดินไปทำงานแล้วฝนตกตลอด ใช้ประสบการณ์นี้เพื่อเรียนรู้ว่า บางทีอาจจะถึงเวลาต้องลงทุนซื้อร่มกับรองเท้าบูทยางกันฝนแล้ว
    • วิธีหนึ่งที่จะฝึกคิดบวกได้คือการสังเกตสิ่งที่คุณพูดในใจ [2] แทนที่จะคิดว่า “ฉันต้องทำมันพังแน่ๆ” ให้แทนที่ความคิดนั้นด้วยการบอกตัวเองว่า “ฉันกล้าหาญมากที่ลองอะไรใหม่ๆ และฉันก็ไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ที่ออกมาได้”
  2. การเรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าของสิ่งน้อยใหญ่ในชีวิตมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อชีวิตของคุณ พูด “ขอบคุณ” บ่อยๆ จนเป็นนิสัย บางคนเขียนเรื่องที่ตัวเองขอบคุณลงไปในไดอารี่ขอบคุณ บางคนวาดภาพแสดงความขอบคุณ หรือบางคนก็ถ่ายรูปสิ่งที่เขารู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน การแสดงความขอบคุณไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้สึกดีเท่านั้น แต่ยังสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณ และทำให้คุณเคารพตัวเองมากขึ้นอีกด้วย [3]
    • เวลาที่คุณรู้สึกว่ามีความคิดแย่ๆ เข้ามาในหัว ให้สังเกตมันให้ดี แล้วแทนที่มันด้วยสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ คุณอาจจะต้องประหลาดใจว่าอารมณ์ของคุณเปลี่ยนไปได้ทางที่ดีขึ้นได้รวดเร็วแค่ไหน!
  3. คุณอาจจะรู้สึกว่าชีวิตคือการเร่งรีบและจมอยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำ การวางแผนล่วงหน้า และสิ่งที่ต้องทำถัดไปได้อย่างง่ายดาย ความจริงก็คือร่างกายของคุณอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลา แต่ใจของคุณอาจจะอยู่กับอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ถ้าคุณรู้สึกขาดการเชื่อมโยงกับตัวเองและคนอื่น ให้ฝึกบังคับทิศทางความคิดของตัวเองและเอาใจจดจ่อกับปัจจุบัน ใช้ประสาทสัมผัสทีละอย่างดึงคุณกลับมา ฟังเสียงที่คุณได้ยินแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณมักจะทำหูทวนลมก็ตาม ใช้ดวงตาของคุณมองไปรอบๆ สังเกตสิ่งที่จมูกคุณได้กลิ่น คุณไม่จำเป็นต้องจัดประเภทของสิ่งที่คุณรับรู้ แค่รับรู้มันก็พอ [4]
    • เชื่อมโยงตัวเองกับลมหายใจ การหายใจอย่างมีสตินั้นช่วยดึงคุณกลับมาสู่ร่างกายได้
    • ฟังเสียงหัวใจของคุณ ปล่อยให้ใจของคุณได้คิดสิ่งต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อยตามที่ใจอยากจะคิดโดยไม่ต้องไปใส่ใจหรือโต้ตอบความคิดนั้น [5] เวลาที่ความคิดเข้ามา ให้รับรู้มันโดยไม่ตัดสิน เช่น ใจอาจจะพูดว่า“ฉันกำลังคิดถึงเรื่องวันยุ่งๆ ที่รอฉันอยู่” คุณไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์หรือตัดสินความคิด แค่รับรู้มันก็พอ
  4. แม้ว่าคุณอาจจะไม่สามารถหยุดบิลค่าใช้จ่ายหรือค้างกำหนดส่งงานหรือการบ้านไว้ได้ คุณสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกับปฏิกิริยาของคุณที่มีต่อสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียดในแต่ละวันให้ดีต่อตัวคุณได้ คุณสามารถคิดหาวิธีรับมือกับความเครียดในแต่ละวันแทนที่จะปล่อยให้มันสะสมได้ด้วยการฝึกการจัดการความเครียด [6] คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่คุณอาจจะรับมือกับความเครียดด้วยวิธีที่หลากหลายอยู่แล้ว บางคนอาจจะเลือกสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือหมกตัวอยู่กับทีวี วิดีโอเกมหรือคอมพิวเตอร์เพื่อรับมือกับความเครียด แม้ว่ามันจะไม่ใช่วิธีที่ควรทำหรือไม่ดีต่อสุขภาพก็ตาม [7] แทนที่จะคลายเครียดด้วยวิธีที่ว่ามานี้ ให้คุณทำในสิ่งที่ช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณได้ผ่อนคลายจริงๆ จะดีกว่า
    • ฝึกเล่นโยคะสำหรับฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ นั่งสมาธิ และผ่อนคลายเป็นประจำ
    • ฝึกการคลายกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นทีละส่วนทุกวัน หาท่าสบายๆ อาจจะนั่งหรือนอน และผ่อนคลายร่างกาย ผ่อนคลายและหายใจลึกๆ เริ่มจากกำปั้นขวา เกร็งกล้ามเนื้อแล้วคลาย จากนั้นให้เกร็งแขนท่อนล่างขวา ตามด้วยแขนท่อนบน เกร็งและคลาย ค่อยๆ ฝึกเพิ่มไปทีละส่วน จากแขนขวาไปแขนซ้าย ใบหน้า ลำคอ หลัง หน้าอก สะโพก ขา และเท้า เสร็จแล้วกล้ามเนื้อของคุณจะไม่รู้สึกตึง [8]
  5. การติดกับดักลัทธิบริโภคนิยมนั้นเป็นเรื่องง่าย ลัทธิบริโภคนิยมเชื่อว่าถ้าเราได้ครอบครองสิ่งของชิ้นถัดไป (รถ บ้าน กระเป๋า รองเท้า วิดีโอเกม) เราจะมีความสุข คนที่ร่ำรวยและมีเงินล้นฟ้าไม่ได้บอกว่าเขามีความสุขมากกว่าเลย [9] คุณแค่ต้องมีเงินใช้จ่ายพื้นฐานมากพอ แล้วเงินที่นอกเหนือจากความต้องการพื้นฐานมากๆ นั้นสุดท้ายแล้วจะไม่มีความหมายกับชีวิตคุณเลย พอใจในสิ่งที่คุณมีอยู่และเรียนรู้ที่จะไม่อยากได้ในสิ่งที่คุณไม่มี
    • แทนที่จะใช้เงินไปกับสิ่งของ เปลี่ยนมาเป็นใช้เงินหาประสบการณ์ดีกว่า [10] ไปงานเทศกาลต่างๆ เข้าร่วมเวิร์กช็อปที่คุณสนใจ และไปเที่ยว ความทรงจำตอนที่คุณไปพักร้อนที่มาชูปิกชูนั้นมีความหมายมากกว่าความทรงจำตอนเล่นวิดีโอเกมมาก
    • ถ้ามีอะไรที่คุณอยากได้ตัวสั่น ลองคิดดูว่าอีก 5 ปีข้างหน้ามันจะมีผลอย่างไรต่อชีวิตของคุณ และมันจะยังสำคัญอยู่หรือเปล่า
  6. บางทีอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณที่ทำให้คุณรู้สึกเสียใจ หรือคุณอาจจะสงสัยว่าตัวเองควรทำอะไรที่ต่างจากไปเดิมหรือเปล่า อย่าปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าสู่เครื่องย้อนเวลาที่ไม่มีอยู่จริง การเอาแต่นั่งนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตนำไปสู่วงจรความคิดลบ ความหดหู่ และความวิตกกังวลได้ [11] ให้ใช้สถานการณ์นั้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และไตร่ตรองดูว่าคุณจะรับมือกับปัญหาต่างไปจากเดิมได้อย่างไร อดีตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตได้
    • ระบุความกลัวที่กระตุ้นให้คุณหวนคิดเรื่องในอดีต บางทีคุณอาจจะกลัวว่าคุณจะดูเป็นคนโง่หรือถือตัว หรือคนจะคิดว่าคุณไม่มีทักษะการเข้าสังคม หาเวลาเขียนความกลัวที่กระตุ้นให้คุณอยู่แต่กับอดีต [12]
    • เลิกคิดถึงสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของคุณ ถามตัวเองว่าคุณเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง (ถ้ามี) ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ปล่อยมันไป ถ้ามีบางอย่างที่คุณเปลี่ยนแปลงได้ ระบุว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ และคุณจะจัดการกับมันอย่างไร [13]
    • เวลาที่นึกถึงเรื่องในอดีต อย่าเอาแต่ประเมินตัวเองในแง่ลบอย่างเดียว แต่ให้นึกถึงสิ่งที่คุณทำได้ดีและตอนที่คุณรับมือกับมันอย่างเป็นบวกด้วย [14]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

โน้มน้าวการกระทำของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อความสุขของคุณก็คือ คนที่อยู่ในชีวิตของคุณ คุณอาจจะต้องอยู่ใกล้ใครที่คุณไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน แต่อย่าปล่อยให้เขาทำใจคุณห่อเหี่ยว การมีเพื่อนดีๆ ทำให้คุณรู้สึกมีที่ยืนและได้รับการสนับสนุน การมีเพื่อนที่คิดพวกและสนับสนุนคุณในชีวิตเป็นส่วนสำคัญของการมีสุขภาพจิตที่แข็งแรงและมีความสุข [15]
    • ถ้ามีใครในชีวิตคุณที่เอาแต่คิดลบหรือบ่นไม่จบไม่สิ้น ให้ปล่อยเขาไป อย่าปล่อยให้ทัศนคติลบๆ ของคนอื่นมามีผลต่อความสุขของคุณ
  2. คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะเกลียดชังคนที่ทำคุณเจ็บปวดแสนสาหัส แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่าการเกลียดชังใครสักคนหนึ่งนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเลย คุณต่างหากที่จะเจ็บปวดลึกๆ ข้างใน การให้อภัยช่วยรักษาบาดแผลได้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับแค่ตัวคุณหรืออีกฝ่ายเท่านั้น คุณให้อภัยเพราะสุดท้ายแล้วคุณตระหนักได้ว่า มันเป็นวิธีตอบโต้สถานการณ์ที่ดีที่สุด [16]
    • การให้อภัยไม่ใช่การแก้ต่างให้พฤติกรรมของอีกฝ่ายหรือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การให้อภัยคือการปลดปล่อยตัวเองและอีกฝ่ายจากความเจ็บปวดและความเสียใจ
    • ระบุความเจ็บปวดในใจและสิ่งที่คอยกระตุ้นเตือนถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจของคุณ [17] คนที่ทำร้ายคุณเขากระตุ้นเตือนให้คุณนึกถึงการถูกทอดทิ้ง ความบอบช้ำทางใจ หรือความทรงจำที่ไม่ดีในอดีตหรือเปล่า เขียนความรู้สึกของคุณลงไปในไดอารี่และค้นหาความเจ็บปวดลึกๆ ที่คนๆ นี้คอยย้ำเตือนให้คุณนึกถึงมัน
    • คุณสามารถให้อภัยเงียบๆ ในใจได้โดยไม่ต้องพูดคุยอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะถ้าคนที่ทำร้ายคุณเขาไม่อยู่ในชีวิตของคุณหรือตายจากไปแล้ว
  3. ทำในสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มได้และสนุก งานอดิเรกช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดได้ ทำให้คุณมีวงสังคมของตัวเอง และทำให้คุณและชีวิตของคุณน่าสนใจมากขึ้น [18] เล่นไอซ์สเก็ต เย็บปักถักร้อยหรือทำงานไม้ ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ! ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ให้สนุกไปกับงานอดิเรกและกิจกรรมต่างๆ ที่คุณเลือก
    • ไม่รู้ว่างานอดิเรกของคุณคืออะไรเหรอ ทำในสิ่งที่คุณสนใจ คุณมีโอกาสที่จะได้ค้นหาสิ่งต่างๆ มากมายที่คุณอาจจะชื่นชอบ ลองไปเดินป่าหรือเรียนทำสบู่ ลองเล่นกีฬาหลายๆ อย่างทั้งแบบทีมและเดี่ยว สำรวจความสนใจของคุณและหางานอดิเรกที่คุณชื่นชอบมากที่สุด
  4. การทำสมาธิเกี่ยวข้องกับอิทธิพลด้านบวกที่มีผลต่อชีวิตประจำวันมากมาย ทั้งช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวล และเพิ่มเมตตาจิต [19] แม้ว่าปกติแล้วคนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าการทำสมาธิคือการนั่งเงียบๆ และทำจิตใจให้โล่ง แต่การทำสมาธินั้นมีหลายรูปแบบ เช่น การวิ่ง การเดินทางไกล และการวาดรูป
    • บางคนเลือกที่จะทำสมาธิด้วยการท่องทำบางคำ (เช่น “เมตตา” หรือ “อภัย”) และนั่งพิจารณาคำพูดเงียบๆ
    • การฝึกสมาธิแบบอานาปานสติคือ การจดจ่อไปที่ลมหายใจเข้าออกอย่างมีสติ การนั่งสมาธิมักจะนั่งในท่าสบาย หลับตา ผ่อนคลายร่างกายและลมหายใจ
    • การฝึกสมาธิแบบเมตตาภาวนาเป็นการฝึกสมาธิแบบหนึ่งที่เพิ่มความรู้สึกที่เป็นบวกให้แก่ตนเองและผู้อื่น การฝึกสมาธิแบบเมตตาภาวนาเป็นการอวยพรหรือส่งความปรารถนาดีให้ตนเองและผู้อื่น เริ่มจากการคิดประโยค 3-4 ประโยคเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ เช่น“ขอให้ข้าพเจ้าแข็งแรง ขอให้ข้าพเจ้ามีแต่ความสุขทุกวัน และขอให้ข้าพเจ้าได้รับความเมตตาและมีเมตตาต่อผู้อื่น” พูดกับตัวเองก่อน จากนั้นอวยพรให้คนที่คุณรัก อวยพรให้คนที่คุณรู้สึกเฉยๆ ด้วย (พนักงานที่ร้านของชำ คนที่นั่งรถเมล์ข้างคุณ) อวยพรให้คนที่คุณไม่ชอบ สุดท้ายให้อวยพรให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในจักรวาล (“ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงแข็งแรง ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีแต่ความสุขทุกวัน และขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้รับความเมตตาและมีเมตตาต่อกันด้วยเทอญ”)
  5. การทำให้การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันช่วยให้คุณรู้สึกดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกายเกี่ยวข้องกับสุขภาพที่ดีโดยรวม ความเคารพตนเอง การนอน และความสุข การออกกำลังกายส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจของคุณ และยังช่วยให้คุณนอนหลับดีขึ้นอีกด้วย [20]
  6. การเป็นอาสาสมัครทำให้คุณได้ออกจากชีวิตตัวเองและไปทำประโยชน์ให้กับชีวิตอื่นๆ การเป็นอาสาสมัครช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนมีเป้าหมาย และยิ่งคุณทำงานอาสาสมัครมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น [22] นอกจากนี้ การเป็นอาสาสมัครยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้คุณได้พบปะกับคนที่มีใจรักในสิ่งเดียวกันกับคุณด้วย
    • ตัดสินใจว่าคุณอยากเป็นอาสาสมัครที่ไหนและคุณอยากช่วยใคร ถ้าคุณรักสัตว์และห่วงใยสวัสดิภาพของสัตว์ ให้ไปเป็นอาสาสมัครที่เขตอภัยทานหรือศูนย์พึ่งพิงสัตว์เร่ร่อน ถ้าคุณอยากทำงานกับเด็ก ให้เป็นอาสาสมัครที่โรงเรียนหรือองค์กรที่ทำงานกับเด็กเป็นพิเศษ ถ้าคุณห่วงใยสุขภาพของคนชรา ให้เป็นอาสาสมัครที่บ้านพักคนชรา ทางเลือกของคุณมีไม่จำกัด และสิ่งที่คุณทำให้ชุมชนจะสร้างประโยชน์ใหญ่หลวงให้แก่คนอีกมากมาย
  7. เติมชีวิตด้วยอิทธิพลด้านบวก ฟังเพลงจังหวะสนุกๆ ที่สร้างความสุขให้กับคุณ ร้องเพลง เต้น และหัวเราะ หรือจะไปดูการแสดง โทรศัพท์หาเพื่อน อ่านหนังสือ หรือแม้กระทั่งเติมสีสันให้ชีวิตเล็กน้อยด้วยการระบายสีหรือวาดภาพ สร้างสิ่งดีๆ รอบตัวคุณ
    • รู้ว่าอะไรที่จะทำให้ใจคุณชื่นบาน คุณอาจจะชอบดูคลิปแพนด้าเล่นสไลด์หรือชอบดูคลิปแมว การทำในสิ่งที่คุณชอบจะทำให้คุณอารมณ์ดีและทำให้คุณยิ้มได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่กับคนที่ทำให้ชีวิตคุณทุกข์ตรมและโศกเศร้า และให้คบหากับคนที่ทำให้ชีวิตในแต่ละวันของคุณสดใส
  • ทำสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีทุกวัน แม้ว่าจะเป็นอะไรที่ธรรมดามากๆ อย่างการเขียนไดอารี่หรือทาเล็บเท้า
  • หาสัตว์เลี้ยง! ถ้าคุณสามารถเลี้ยงดูอีกชีวิตหนึ่งได้ สัตว์เลี้ยงจะเพิ่มสิ่งมหัศจรรย์ให้ครอบครัวของคุณ และจะทำให้คุณยิ้มและหัวเราะได้มากขึ้นแน่นอน


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,785 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา