ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ใครก็ตามที่ทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก องค์กรใหญ่ระดับโลกหรือธุรกิจที่คุณสร้างด้วยตัวเองล้วนถือว่าเป็นนักธุรกิจทั้งสิ้น ความสำเร็จในสาขานี้สามารถวัดได้โดยการมองจากความสำเร็จส่วนตัวของการเป็นนักธุรกิจและความเป็นไปโดยรวมของธุรกิจที่บุคคลนี้มีส่วนร่วม ทั้งสองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งเพราะการบรรลุเป้าหมายของบริษัทเริ่มด้วยความพยายามที่บุคคลทุ่มเทกับความสำเร็จของตัวเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

การได้รับประสบการณ์ที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจำเป็นต้องรู้พื้นฐานของอุตสาหกรรมถึงแม้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเรียน MBA อย่างไรก็ตาม การที่คุณไม่มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยอาจเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญต่อนายจ้างในอนาคตของคุณ [1] การสมัครเรียนวิชาธุรกิจ ถึงแม้ว่าเป็นการเรียนเสริมหรือเรียนที่วิทยาลัยท้องถิ่นก็ตาม สามารถแสดงถึงความตั้งใจในการเรียนรู้ที่จะช่วยและสมควรถูกเน้นบนเรซูเม่ของคุณ ทุกคนต้องเริ่มที่ไหนสักแห่ง
    • วิทยาลัย วุฒิการศึกษาวิชาธุรกิจมีประโยชน์กับนักธุรกิจทุกคนถึงแต่คุณควรค้นคว้าหาอุตสาหกรรมที่คุณสนใจก่อนที่จะเลือกวิชาหลักของคุณ บางตำแหน่งอาจต้องใช้วุฒิการศึกษาเฉพาะทาง เพราะฉะนั้นคุณต้องหาข้อมูลให้ดี [2]
    • โรงเรียนธุรกิจ ภาพธุรกิจที่คุณสนใจเป็นธุรกิจเฉพาะทาง คุณอาจจะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนธุรกิจ
    • การสอนและการอบรม การฟังข้อแนะนำของผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายงานของตัวเองเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ตรวจสอบตารางการสอนและอบรมที่วิทยาลัยท้องถิ่นหรือหาข้อมูลออนไลน์สำหรับการปราศรัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในเมืองของคุณ การติดตามข่าวสารและข้อมูลของสิ่งที่บุคคลระดับสูงในอุตสาหกรรมนั้นกำลังพูดถึงเป็นสิ่งที่สำคัญถึงแม้ว่าคุณคิดว่าคุณอยู่ในระดับสูงแล้วก็ตาม [3]
  2. ใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นหลังเลิกเรียนหรือเลิกงาน. ความสำเร็จในโลกของธุรกิจคือการพยายามมากกว่าเดิม มีหลายแหล่งข้อมูลที่คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มขึ้นได้ ถ้าหากคุณทำการบ้านเสร็จ (หรือทำงานเสริมเสร็จแล้ว) และมีเวลาเหลือก็อย่าเพิ่งพักผ่อน นึกถึงสิ่งที่จะตามมาในภายหลัง
    • ทุกวันนี้นายจ้างจำนวนมากให้ความสำคัญกับทักษะของผู้สมัครงานมากกว่าเกรดเฉลี่ยหรือการศึกษาระดับสูง [4] ค้นคว้าเรซูเม่ตัวอย่างสำหรับตำแหน่งที่คุณต้องการทำและใช้ความพยายามพัฒนาทักษะเหล่านั้นในเวลาว่าง
    • อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่เพิ่มมากขึ้นไม่ควรกลืนกินด้านอื่นของชีวิตคุณทั้งหมด การหาเวลาเพื่อให้รางวัลกับตัวเองสำหรับการทำงานหนักจะช่วยรักษาพฤติกรรมของคุณที่ดีกว่าสำหรับอนาคต
  3. การพัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีอาชีพที่คุณใฝ่ฝันคือรูปแบบหนึ่งของการสร้างเครือข่ายที่ตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ การสร้างสายสัมพันธ์อาจจะยากแต่คุณต้องก้าวผ่านอะไรก็ตามที่คุณสามารถทำได้ เตรียม 2-3 คำถามสำหรับการประชุม เช่น “คุณเริ่มต้นอย่างไร?” “คุณไปโรงเรียนสอนธุรกิจหรือเปล่า?” และ “นี่คือความพยายามแรกของคุณในการเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้หรือเปล่า?”
    • ถ้าหากเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนของพ่อแม่ของคุณทำงานในสาขาที่คุณสนใจ คุณสามารถขออีเมลจากพ่อแม่ของคุณหรือขอความช่วยเหลือในการนัดเจอ
    • คุณสามารถไปยังสถานที่ทำธุรกิจของนักธุรกิจท้องถิ่นและถามคำถามได้ แนะนำตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจใหม่และเป็นผู้ชื่นชมความสำเร็จของพวกเขาและถามพวกเขาว่ามีเวลาพอที่จะคุยกับคุณเรื่องอาชีพหรือเปล่า
    • คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากคุณครูที่โรงเรียนได้ อย่าละเลยความรู้ที่มีในมหาวิทยาลัยและอย่าเข้าใจผิดว่าคุณสามารถเรียนรู้ได้ในห้องเรียนเท่านั้น เข้าหาคุณครูเพื่อขอคำแนะนำระหว่างชั่วโมงทำงาน
    • บางบริษัทมีโปรแกรมสอนงานประจำที่บริษัทและจับคู่พนักงานใหม่กับพนักงานที่มีประสบการณ์สูง [5] ใช้โอกาสของสิ่งเหล่านี้และอย่าคิดว่ามันเป็นภาระแต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา
  4. เมื่อคุณไม่มีประสบการณ์มากพอ คุณต้องใช้การฝึกงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์ อย่าบ่นเกี่ยวกับตำแหน่งที่ไม่ได้รับค่าจ้างถ้าหากมันสามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จในระยะยาวและเวลาที่คุณทุ่มเทจะไม่ทำให้คนไม่มีเงินในระยะสั้นได้ การฝึกงานทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายโดยการทำงานร่วมกับมืออาชีพ [6] ตำแหน่งระดับล่างที่มีค่าจ้างต่ำคือสิ่งที่คุณต้องจ่ายให้กับโลกธุรกิจในตอนนี้ในขณะที่ตำแหน่งระดับล่างที่แท้จริงจะไม่ให้โอกาสคุณโดยปราศจากประสบการณ์ 2-3 ปี
    • คุณสามารถบ่นเกี่ยวกับตำแหน่งที่ไม่ได้รับค่าจ้างซึ่งได้นำเสนอตัวเองว่าเป็นหนทางสู่ความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กรหรือโอกาสที่คุณจะได้รับ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

การสร้างนิสัยที่ดีที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำงานที่จะมีประโยชน์กับคุณมากที่สุดในระยะยาวก่อน คุณจะต้องแยกความแตกต่างให้ออกระหว่างงาน “ที่มีคุณค่าสูง” (ที่จะมีประโยชน์กับคุณมากที่สุดในระยะยาว) และงาน “ที่มีคุณค่าต่ำ” (งานง่ายกว่าแต่มีประโยชน์น้อยกว่า) [7]
  2. การหลีกเลี่ยงด้านที่ไม่น่าพึงประสงค์มากที่สุดของงานไม่ทำให้งานหายไป การสะสมงานเอาไว้ทำทีหลังในครั้งเดียวหลังจากที่คุณได้ทำสิ่งที่คุณชอบเสร็จแล้วจะทำให้คุณตกที่นั่งลำบากในตอนท้ายของชิ้นงาน [8]
    • เขียนรายการ การไม่ผัดวันประกันพรุ่งจะทำให้คุณรู้สึกดีเมื่อคุณได้เห็นงานกองต่อหน้าและคุณทำมันเสร็จ [9] แต่ละรายการควรมีความยาวมากพอที่จะทำให้คุณเห็นปริมาณของงานแต่ไม่มากจนเกินไปจนวันของคุณรู้สึกยาวนานแล้วน่าเบื่อ
    • วิธีหนึ่งคือการแบ่งงานก้อนโตที่ดูเหมือนจะจัดการไม่ได้ให้กลายเป็นงานที่สามารถจัดการได้ จากนั้นจึงทยอยทำงานที่คุณชอบน้อยที่สุดไปยังงานที่คุณชอบมากที่สุด
    • ยึดติดกับตารางงาน การเขียนสิ่งที่ต้องทำและการจดบันทึกลงปฏิทินไม่จำเป็นสำหรับทุกคนแต่การสร้างตารางงานที่สม่ำเสมอสามารถช่วยให้คุณจัดการงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการงานที่คุณไม่ชอบในวันที่เฉพาะเจาะจงและการไม่ต้องเก็บมันมาคิดให้เครียดในวันอื่นสามารถช่วยให้คุณจัดการกับนิสัยผัดวันประกันพรุ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ได้
  3. [10] เก็บตกงานที่คุณเริ่ม การทำชิ้นงานให้เสร็จจะสอนให้คุณพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่อยากมองชิ้นงานนั้นอีกเลย
    • บางครั้งคุณจะพบว่าคุณติดอยู่กับงานที่ดูผิดแผกไปจากเป้าหมายเมื่อตอนที่คุณได้ลงมือลงแรงทำงานเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ถ้าหากชิ้นงานมีกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เวลาของคุณจำนวนมาก บางครั้งมันจะเป็นการดีกว่าถ้าหากคุณประเมินว่าคุณจัดการกับเวลาได้ดีพอหรือไม่ (อ่านด้านบนเกี่ยวกับงาน “ที่มีคุณค่าสูง” กับงาน “ที่มีคุณค่าปรับ”) แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณควรล้มเลิกการทำชิ้นงานนี้เมื่อไหร่? คุณต้องมองตามหลักความจริงอย่างซื่อสัตย์และรับรู้ตนเอง ถ้าหากคุณพบว่าคุณคิดเรื่องนี้บ่อยเกินไปและคุณมีชิ้นงานที่ทำไม่เสร็จมากมาย มันอาจเป็นสัญญาณว่าคุณต้องหยุดและประเมินงานให้จบขั้นตอน
  4. นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำไม่ว่าจะทำได้ดีหรือไม่ดีก็ตาม มันบ่งบอกให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างเห็นความตั้งใจในการรับมือกับงานต่างๆ อย่างเปิดเผยและรับผิดชอบ การไม่รับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่คุณทำจะทำให้ไม่มีใครชอบคุณและอาจมีผลกระทบที่เป็นหายนะต่อความสัมพันธ์ที่คุณสร้างในโลกของธุรกิจ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

การเปลี่ยนความชอบให้กลายเป็นงาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำให้ตัวเองมีพันธะสัญญากับงานอดิเรกที่เติมเต็มสามารถช่วยให้ความชอบของคุณทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นในวันที่คุณไม่มีแรงบันดาลใจ ความชอบไม่ได้แปลว่า “ความสนุกตลอดเวลา” แต่มันจะมีความหมายกับคุณ คุณควรใช้ความพยายามกับบางสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกภูมิใจในตอนท้ายหรืออย่างน้อยจะทำให้คุณเข้าใกล้สิ่งที่คุณต้องการทำมากขึ้น
  2. สมดุลชีวิตงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จและความเป็นอยู่ของคนทำงานในระยะยาว แต่อาจจะเป็นอย่างที่คาดเดาได้คือเมื่อคุณเริ่ม ความทะเยอทะยานมากขึ้นหมายถึงช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้น ความชอบที่มีต่องานจะช่วยทำให้ช่วงเวลาที่คุณใช้ทำงานจนถึงเที่ยงคืนนั้นมีความหมาย
    • การทำงานหนักเกินไปโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองพักผ่อนจะเพิ่มระดับความเครียดและลดระดับประสิทธิภาพการทำงานของคุณ [11] ตั้งขอบเขตของวันทำงานและช่วงพักผ่อนเพื่อชาร์จแบตของคุณ
    • อย่าสับสนงานกับตัวตนของคุณ การหาเวลาและพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวกับงานถึงแม้ว่าจะเป็นการทำสิ่งที่ตัวเองชอบสามารถเป็นประโยชน์ต่องานได้
  3. ยิ่งงานของคุณมีความหมายต่อคุณมากเท่าไหร่ งานก็จะยากขึ้นมากเท่านั้นแต่เป็นอย่างที่คนอื่นพูดคือความดีเยี่ยมคือศัตรูของความดี การจดจ่อมากเกินไปกับการสร้างความสมบูรณ์แบบ ชิ้นงาน กราฟิกหรือสำเนาที่ดีที่สุดอาจทำให้คุณได้ชิ้นงานที่ยอดเยี่ยมเพียงชิ้นเดียวแทนที่จะได้ชิ้นงานที่คุณต้องการจริงๆ 10 ชิ้น
    • หาความสมดุลในการทำงานที่จะทำให้คุณ เจ้านายและลูกค้าของคุณพอใจโดยไม่ทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณต้องทุกข์ทรมาน เจ้านายให้รางวัลลูกน้องที่สามารถนำเสนองานที่พึ่งพาได้สม่ำเสมอมากกว่าคนที่ผลิตชิ้นงานที่ยอดเยี่ยมได้เป็นบางครั้งแต่มักจะเลยกำหนดวันส่งงาน [12]
  4. เมื่อคุณเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คุณอาจจะรู้สึกว่าการพูดถึงอาชีพของคุณอย่างจริงจังเป็นสิ่งที่โอ้อวดแต่การทำเช่นนั้นจะช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจคุณอย่างจริงจังและช่วยให้คุณเห็นตัวเองว่าเป็นคนที่จริงจังเช่นกัน [13]
    • ถ้าหากคุณกำลังเริ่มธุรกิจใหม่ก็อย่าพูดกำกวม พูดถึงธุรกิจใหม่อย่างที่มันควรจะเป็น เรียกมันว่า “งาน” และถึงแม้ว่าคุณทำงานจากที่บ้านแต่ห้องใดห้องหนึ่งของบ้านก็ถือว่า “ออฟฟิศ” ได้ คุณสามารถใส่อารมณ์ขันลงไปแต่อย่าดูถูกความพยายามของตัวเอง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

การรู้จักคนที่ถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สร้างสายสัมพันธ์ใหม่แต่อย่าตัดสายสัมพันธ์เก่า. การปฏิบัติตัวด้วยความเคารพ ความมีจิตใจเอื้ออารีและความมีมนุษยธรรมกับทุกคนที่คุณพบเจอคือจุดเริ่มต้นที่ดี คุณอาจจะเจอสายสัมพันธ์ที่แท้จริงในโอกาสที่คาดไม่ถึงและเจอกับผู้ร่วมธุรกิจ ผู้ลงทุนหรือนายจ้างในอนาคตของคุณ
    • ตัดสายสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิงเมื่อจำเป็นเท่านั้น เมื่อคุณออกจากงาน พยายามอย่าย่ามใจ ขี้เกียจหรือบอกเจ้านายว่า “คุณรู้สึกอย่างไร” เมื่อคุณทำให้เครือข่ายของคุณด่างพร้อย ผลของการกระทำอาจจะสะท้อนกลับมาที่คุณในที่สุด
  2. การสร้างเครือข่ายอาจจะให้ความรู้สึกของความเป็นลูกจ้างและฉาบฉวยเมื่อคุณทำอย่างสุดโต่งมากเกินไป รับรู้ว่าการสร้างเครือข่ายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่แต่คุณไม่ควรลืมว่าคุณจะต้องสร้างสายสัมพันธ์กับผู้คน การใช้วิธีแบบองค์รวมและมีมนุษยธรรมในการสื่อสารสามารถทำให้คุณเป็นที่น่าจดจำเมื่อถึงเวลาของการจ้างงาน นายจ้างอาจจะไม่ได้คิดแค่เพียงว่า “ฉันรู้จักใครที่เหมาะสมกับงานพิสูจน์อักษร?” แต่จะคิดว่า “ฉันมีงานอะไรที่น่าจะเหมาะสมกับภาสกร?”
    • คนอื่นในอุตสาหกรรมเข้าใจว่าการสร้างเครือข่ายสำคัญอย่างไร เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่โฆษณาทักษะของตัวเอง การโฆษณาตัวเองคือการเล่นเกมรูปแบบหนึ่ง [14]
  3. ไม่เพียงแต่คุณจะต้องใช้ทักษะเหล่านี้ในชีวิตประจำวันกลับเจ้านายและลูกจ้างแต่คุณยังจะได้ประโยชน์จากมันเมื่อคุณต่อรองงานและสัญญาจ้าง งานวิจัยเผยว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใช้ทั้งทักษะด้านสติปัญญาและทางสังคม [15]
    • ชื่นชมงานและความพยายามของคนอื่นให้เป็นนิสัย
    • ฝึกการรับฟังอย่างตั้งใจ สิ่งนี้หมายถึงการรับรู้สิ่งที่คนอื่นพูดโดยการพูดซ้ำกลับไปด้วยคำพูดของตัวเองอย่างที่คุณเข้าใจ
    • ใส่ใจคนอื่น กระตือรือร้นกับการรับรู้ความรู้สึก คำพูดและภาษากายของคนอื่น
    • เชื่อมต่อผู้คน นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคือศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างบุคคล พัฒนาสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่รวมคนเข้าด้วยกันโดยการปฏิบัติต่อผู้คนอย่างเท่าเทียมและยุติธรรมและสนับสนุนให้พวกเขาทำงานร่วมกัน
    • เป็นผู้นำในการแก้ไขความขัดแย้ง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแทนที่จะเข้าร่วมฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
  4. คนที่คุณต้องสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในโลกของธุรกิจไม่ได้มีเพียงแค่เพื่อนร่วมงานและเจ้านายในอนาคต คุณต้องพยายามสร้างสายสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับคนที่จะเดินเข้ามาในร้าน ใช้ผลิตภัณฑ์หรือชื่นชมงานของคุณ อารมณ์คือปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของ ไม่ใช่ราคา [16]
  5. ลูกจ้างคือเครือข่ายที่ช่วยผลักดันและจำเป็นต่อความสำเร็จของคุณ จ้างคนที่มีทักษะและเก่งแต่อย่าลืมพิจารณาว่าลูกจ้างจะสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดีแค่ไหน
    • คุณไม่ควรให้ความสำคัญกับภาวะเอกพันธ์ในการพยายามทำให้ลูกจ้างทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดี มุมมองที่แตกต่างสามารถนำเสนอข้อได้เปรียบมากมายกับธุรกิจโดยรวมทั้งด้านการคิดค้นและประสบการณ์ [17]
    • ระมัดระวังการจ้างสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนสนิทเป็นลูกจ้าง ถึงแม้ว่าสายสัมพันธ์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานส่วนใหญ่สายการเล่นพรรคเล่นพวกอาจจะทำให้คุณดูไม่ดี คุณต้องจ้างคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งนั้นๆ
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

การดูแลธุรกิจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในฐานะของนักธุรกิจ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดเมื่อเริ่มธุรกิจหรืองานคือการอยู่รอด ถ้าหากคุณกำลังสร้างธุรกิจหรือกำลังเริ่มต้น คุณต้องหลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายที่ไม่ตั้งอยู่บนหลักความจริงสำหรับธุรกิจที่อ่อนประสบการณ์
    • สิ่งสำคัญของธุรกิจทั้งหมดแม้แต่ธุรกิจที่เห็นแก่ผู้อื่นคือการสร้างรายได้ เป้าหมายอาจจะเล็ก (รายได้มากเพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้) หรือใหญ่ (เพื่อดึงดูดนักลงทุนและทำให้ผู้ถือหุ้นพึงพอใจ) แต่สิ่งนี้เป็นความจริงสำหรับธุรกิจ
    • คุณจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย เช่น จัดหาถุงมือกันหนาวให้กับเด็กด้อยโอกาสทุกที่ในโลกผ่านทางร้านขายถุงมือกันหนาวของคุณถ้าหากคุณไม่จดจ่อกับการทำให้ธุรกิจร้านกาแฟของคุณไปรอดเสียก่อน เป้าหมายในระยะยาวเป็นสิ่งที่สำคัญแต่ไม่ควรแทนที่เป้าหมายระยะสั้นที่ยั่งยืน
  2. เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “คุณต้องใช้เงินเพื่อสร้างเงิน” หรือเปล่า? การประหยัดเป็นสิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นไปได้แต่คุณต้องใช้เงินกับสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากกว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นอาจจะเป็นเงินเดือนของมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จที่คุณต้องการทำให้ประทับใจหรือนิตยสารธุรกิจหรือชุดสูทสวยๆ ที่ทำให้คุณดูดีสำหรับบริษัทของเพื่อนร่วมงานและลูกค้า ตั้งเป้าที่จะลงทุนกับความสำเร็จในอนาคต อย่าเพียงแต่เฉลิมฉลองกับความสำเร็จในปัจจุบัน [18]
    • อย่าซื้อเนคไทและแจ็คเก็ตราคาแพง รถบริษัทและออฟฟิศขนาดใหญ่ที่คุณไม่ต้องการแต่อย่ายึดติดว่าของดีคือของราคาแพง ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จในธุรกิจแต่คุณต้องไม่ดูฉาบฉวย การมีออฟฟิศขนาดใหญ่ที่คุณไม่สามารถเติมเต็มหรือจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา (เพราะค่าเช่าของออฟฟิศขนาดใหญ่หรือรถบริษัท) จะมีผลต่อภาพลักษณ์ที่บริษัทอื่นมองคุณเช่นกัน
  3. ธุรกิจใหม่ต้องการอยู่รอดถ้าหากพวกเขาต้องการเติบโตมากขึ้นแต่ทุกธุรกิจต้องแบกรับความเสี่ยง [19] การก้าวออกมาจากสิ่งที่เคยทำไม่ว่าจะเป็นบทบาทของคุณในบริษัทหรือความคาดหวังที่มีต่ออุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในสาขาที่อัดแน่น วางแผนธุรกิจของคุณอย่างรอบคอบและกำจัดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่เตรียมตัวสำหรับสิ่งที่คาดไม่ถึงในบางครั้ง
  4. ผู้ประดิษฐ์คิดค้นที่ประสบความสำเร็จถูกมองว่ามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงในสายตาของสังคมแต่การทำแนวคิดที่ไม่เป็นที่ยอมรับอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัว อย่ากลัวที่จะลงมือทำสิ่งที่ไม่รู้จัก ความคิดที่ดีอาจพบได้ง่ายแต่การลงมือทำตามความคิดที่ดีเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและการยืนหยัด
    • ความล้มเหลวของแนวคิดไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าแนวคิดนั้นผิด บางครั้งมันคือแนวคิดที่ถูกต้องแต่ทำอย่างไม่มีประสิทธิภาพ อย่าล้มเลิกทุกอย่างที่คุณเคยลองในครั้งเดียวหรือวางโครงร่างรับใหม่ทั้งหมด เมื่อคุณทำงานในบริษัทหรือเป็นเจ้าของร่วม คุณสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเข้าใจความรับผิดชอบของอีกฝ่ายได้ดีขึ้น [20]
  5. ความล้มเหลวจุดประกายความจริงบางอย่างเกี่ยวกับวิธีและเป้าหมายของคุณไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน อย่ามองความล้มเหลวว่าเป็นเรื่องที่น่าอายแต่มองว่ามันคือเหตุผลในการหันกลับมาดูผลงานของตัวเอง บางครั้งคุณเพียงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่จัดการไม่ได้ ล้มเหลวและดึงตัวเองกลับมาเพื่อสร้างความยืนหยัดที่ต้องใช้ในงาน [21]
    • Henry Ford พูดไว้ว่า “ความล้มเหลวคือโอกาสในการเริ่มใหม่อีกครั้งอย่างชาญฉลาดมากขึ้น” [22]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,116 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา