ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

“เพื่อน” คำนี้มีความหมายอย่างไรสำหรับเรา ทุกคนก็ต่างให้ความหมายของคำนี้แตกต่างกันไป การเป็นเพื่อนที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การใช้เวลาบำรุงรักษามิตรภาพให้ยั่งยืนก็เป็นความพยายามที่แสนคุ้มค่า เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เราจะเห็นว่ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้างเราและใครบางคนห่างหายไปจากชีวิตเรา อีกทั้งเราจะได้รู้ว่ามิตรภาพที่รักษาไว้นั้นมีค่ามากแค่ไหน การมีเพื่อนที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญและเราเองก็ต้องเป็นเพื่อนที่ดีของผู้อื่นด้วย จงเป็นเพื่อนที่ดีและรักษามิตรภาพให้ยั่งยืน ลองทำตามคำแนะนำข้างล่างนี้ดูสิ แล้วเราจะสร้างมิตรได้และไม่ใช่แค่มิตรชั่วคราวแต่เป็นมิตรที่ถาวร

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เป็นคนที่ไว้ใจได้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าสัญญาในเรื่องที่เราไม่สามารถรักษาสัญญาได้ หรืออย่างน้อยก็ทำได้จนเป็นนิสัย ถ้าบอกว่าจะออกไปข้างนอกกับเพื่อน แล้วเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา จงอธิบายเหตุผลให้เพื่อนฟังและเชื่อว่ามิตรภาพระหว่างกันจะแข็งแรงเพียงพอที่จะคลายความไม่พอใจของเพื่อนลงไปได้ แต่ถ้าเราไปไม่ได้เลย ให้ของขวัญเป็นการชดเชยที่ไม่สามารถทำตามสัญญาได้และบอกขอโทษเพื่อน แต่อย่าผิดสัญญาจนเป็นนิสัย ถ้าเราไม่รักษาสัญญาบ่อยๆ เราจะกลายเป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจพอที่จะให้ใครสักคนยอมรับว่าเป็นเพื่อนของเขาได้
    • เมื่อเราต้องการสัญญาอะไรสักอย่างกับเพื่อนอย่างจริงจัง มองตาเพื่อนและพูดอย่างช้าๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราหมายความตามที่พูดจริงๆ แทนที่จะสัญญาส่งๆ เพราะคิดว่าควรให้คำสัญญา อย่าผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว เพราะการไม่รักษาสัญญาจะทำให้เพื่อนของเราเจ็บปวด อาจถึงขั้นทำลายมิตรภาพได้!
  2. การเป็นที่พึ่งพาได้เป็นลักษณะที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของการเป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนต้องการความช่วยเหลือจากเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่มีใครชอบคนหลอกลวงและอยากให้คนแบบนั้นมาเป็นเพื่อนสนิทของตน คนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และไม่น่าไว้ใจเป็นที่พึ่งพาของคนอื่นยาก เราต่างก็รู้ว่าคนที่มีเจตนาดีแต่เหลาะแหละจะพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะ...ให้นะ” แต่ไม่เคยทำตามที่พูดได้เลย ถ้าเราเป็นคนแบบนั้น จงรู้ด้วยว่าเรากำลังทำลายความเชื่อใจของเพื่อนอย่างช้าๆ จนในที่สุดพวกเขาก็จะไม่เชื่ออะไรที่เราพูดอีกเลย
    • ถ้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า อย่าไปตกลงว่าจะทำให้และบอกว่าทำไม่ได้ในภายหลัง ให้บอกไปตามความจริงว่าไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหม
    • เพื่อนของเรารู้สึกว่าสามารถพึ่งพาเราได้เสมอ แม้ในยามที่ประสบกับความยากลำบาก ถ้าเรามักจะอยู่แค่ตอนเขามีความสุขเท่านั้น แสดงว่าเราเป็นได้แค่เพื่อนกินและเพื่อนเที่ยวเท่านั้น
  3. ถ้าอยากให้เพื่อนเชื่อใจ เราก็ไม่ควรทำตัวราวกับว่าตนเองนั้นไม่เคยทำอะไรผิด ถ้ารู้ตัวว่าทำผิด ให้ยอมรับผิดแทนที่จะปฏิเสธ ถึงแม้เพื่อนจะไม่มีความสุขที่เราทำผิดพลาด แต่พวกเขาก็ยังดีใจที่เห็นว่าเรามีความรับผิดชอบและซื่อสัตย์พอที่จะยอมรับผิดแทนที่จะเสแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือทำตัวแย่กว่านั้นคือโยนความผิดให้ผู้อื่น
    • เมื่อพูดว่าขอโทษ ก็ควรขอโทษออกมาจากใจจริง ให้เพื่อนได้รับรู้ถึงความจริงใจจากน้ำเสียงของเราแทนที่จะคิดว่าเราไม่ใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนเลย
  4. ถ้าอยากเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของผู้อื่น เราก็ต้องซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง ต่อการกระทำของเพื่อนเราและต่อความรู้สึกที่มีให้กับมิตรภาพของเรา ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง ก็จะทำให้เราสามารถพูดคุยกับเพื่อนเราได้อย่างตรงไปตรงมาและทำให้เพื่อนเปิดใจกับเรามากขึ้น ถ้าเพื่อนทำให้เราเจ็บปวด อย่ากลัวที่จะบอกเขา ถ้ามีเรื่องอะไรทำให้เราว้าวุ่นใจ อยากอายที่จะเล่าให้เพื่อนฟัง
    • ความซื่อสัตย์แตกต่างจากความโผงผาง ตรงที่อย่างหลังจะทำร้ายจิตใจเพื่อนได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น ถ้าคิดว่าเพื่อนของเรามีปัญหาเรื่องชอบดื่มแอลกอฮอล์ เราต้องเป็นคนเริ่มพูดคุยถึงปัญหานี้กับเพื่อนก่อน แต่ถ้าเห็นว่าเพื่อนสวมชุดเดรสตัวหนึ่งแล้วดูประหลาดมาก เราอาจเลือกปิดปากเงียบไว้จะดีกว่า
    • แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ติดต่อกับผู้คนที่เราให้ความสำคัญอย่างแท้จริง ถ้าอยากมีมิตรภาพที่ยั่งยืนยาวนาน คบหาผู้คนที่ยอมรับในตัวตนของเรา เพราะถ้าเราไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ มิตรภาพของเราก็จะไม่คงอยู่นาน
  5. เห็นแย้งกับเพื่อนด้วยท่าทียังให้เกียรติต่อกัน. เวลาเพื่อนเสนอความเห็นหรืออะไรที่คุณไม่เห็นพ้องด้วย มันไม่เป็นไรที่จะบอกออกไป! ให้เพื่อนได้รู้ว่าคุณคิดอะไรและเพราะอะไร แค่ให้แน่ใจว่าคุณพูดแบบให้เกียรติเมื่อแสดงความคิดเห็นออกไป
    • ถ้าคุณเริ่มรู้สึกเสียใจ ใช้เวลาสักครู่สังเกตความรู้สึกนี้และปฏิกิริยาที่คุณแสดงออกมาทางร่างกาย การรู้สึกโมโหนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่จะตอบสนองได้ง่ายขึ้นถ้าคุณสงบสติอารมณ์ของตนเองก่อน
    • พยายามเข้าหาสถานการณ์ด้วยความอยากรู้และอยากเรียนรู้เกี่ยวกับมุมมองของเพื่อนมากขึ้น
    • พูดตามที่ใจคิดและกล้าที่จะทำเช่นนั้น การต้องคัดค้านเพื่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าเขาทำหรือพูดอะไรที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังหรือใจแคบ [1]
  6. ถ้ามีเพื่อนของเราคนหนึ่งสงสัยว่าเราแค่ต้องการหลอกใช้เขา เราก็อาจโดนเพื่อนทิ้งได้ทันทีเหมือนทิ้งของร้อน มิตรภาพที่ดีไม่ได้เกิดจากการหวังใช้ความเป็นที่นิยมชื่นชอบหรือเครือข่ายของใครสักคนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ถ้าอยากเป็นเพื่อนกับผู้อื่นเพียงเพราะแค่อยากได้รับการยอมรับให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม นั้นไม่ใช่มิตรภาพ แต่เป็นการฉวยโอกาส และสุดท้ายความสัมพันธ์อันผิวเผินนี้ก็จะจบลง
    • ถ้าเราเป็นคนที่ชอบหลอกใช้ผู้อื่น สักวันเพื่อนใหม่ของเราก็อาจรู้เรื่องนี้ และคบเราได้อย่างไม่สนิทใจนัก
    • มิตรภาพคือการให้และการรับ การอาศัยรถเพื่อนไปมหาวิทยาลัยทุกวันอาจจะสะดวกมากก็จริง แต่อย่าลืมทำอะไรเพื่อตอบแทนเพื่อนของเราบ้าง
  7. ถ้าเพื่อนบอกความลับของเขาให้เราฟัง ให้เก็บไว้และอย่าไปบอกใครอย่างที่เราเองก็คาดหวังให้เพื่อนทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน อย่านินทาเพื่อนลับหลัง อย่าแพร่งพรายความลับของเพื่อน อย่าพูดอะไรถึงเพื่อนของเราในแบบที่เราจะไม่พูดต่อหน้าเขาหรือเธอซ้ำ จงภักดีต่อเพื่อนแท้และคอยปกป้องเพื่อนถ้าเพื่อนใหม่ของเรา หรือผู้คนที่เราแทบจะไม่รู้จักนินทาเพื่อนของเรา
    • ส่วนหนึ่งของความภักดีคือการเห็นความสำคัญของมิตรภาพที่มั่นคง ยั่งยืน และยาวนาน อย่าทิ้งความภักดีไป แค่เพียงเพราะเราได้ใช้เวลาออกไปกับแฟนใหม่หรือเพื่อนใหม่ที่ดีเลิศซึ่งเราเพิ่งคบ
    • ถ้าเราขึ้นชื่อว่าเป็นคนปากโป้ง หรือชอบนินทาว่าร้าย เพื่อนของเราก็จะรู้เรื่องนี้อย่างรวดเร็วและลังเลที่จะปรึกษาเรื่องส่วนตัวใดๆ หรือแม้แต่พูดคุยกับเราในคราวหน้า
    • อย่าปล่อยให้ผู้อื่นนินทาว่าร้ายเพื่อนเรา จนกว่าเราจะมีโอกาสได้ยินจากปากของเขาหรือเธอเอง อย่าปล่อยให้ใครมาพูดเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์เช่น เรื่องเล่าลือกันมาและเรื่องซุบซิบนินทา ถ้ามีใครมาพูดว่าร้ายเพื่อนเราและดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำอย่างที่ผู้อื่นพูด ให้ตอบกลับไปว่า “ฉันรู้จักเพื่อนของฉันดี เรื่องนั้นไม่น่าจะเป็นความจริง ฉันจะไปพูดกับเพื่อน ดูสิว่าเขาจะว่าอย่างไร จนกว่าเราจะได้พูดคุยกัน ฉันจะขอบใจมากถ้าเธอไม่เอาเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์นี้ไปเล่าต่อ”
  8. เพื่อนที่ดีจะแสดงความเคารพต่อกันด้วยการเปิดใจรับฟังและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าเพื่อนมีค่านิยมและความเชื่อบางอย่างที่ไม่ตรงกับเรา ให้เคารพสิ่งที่เขาหรือเธอเลือกและเปิดใจรับฟังเพื่อนมากขึ้น ถ้าอยากให้เพื่อนไว้ใจ ก็ให้เพื่อนได้แสดงความคิดเห็นของเขาหรือพูดคุยเรื่องมุมมองใหม่ๆ กับเราอย่างสบายใจ ถึงแม้ความคิดบางอย่างเราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ถ้าเพื่อนเห็นว่าเราปฏิเสธความคิดอันน่าสนใจหรือสร้างสรรค์ของเขาหรือเธอไป เพื่อนก็จะเห็นว่าเราไม่เคารพความคิดของเขา
    • บางครั้งเพื่อนอาจพูดอะไรที่น่าเบื่อ ทำให้เราไม่สบายใจ หรือรำคาญ แต่ถ้าเราเคารพเพื่อน เราก็ควรให้โอกาสเพื่อนเราพูดและไม่ตัดสินสิ่งที่เขาพูด
    • เมื่อถึงคราวที่เราไม่เห็นด้วยกับเพื่อนเลย ก็ให้แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างมีเหตุผลและดูสิว่าเพื่อนจะว่าอย่างไร
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

คอยสนับสนุนช่วยเหลือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงแม้เราอาจไม่สามารถเห็นแก่ผู้อื่นได้ตลอดเวลา แต่การไม่เห็นแก่ตัวก็เป็นส่วนสำคัญของการเป็นเพื่อนที่ดี ทำตามความต้องการของผู้อื่นบ้าง เมื่อไรก็ตามที่ทำได้และเห็นสมควร ตอบแทนความโอบอ้อมอารีของผู้อื่นด้วยการดูแลเอาใจใส่พวกเขาบ้าง มิตรภาพระหว่างกันก็จะแน่นแฟ้นขึ้น ถ้าเราเป็นคนเห็นแก่ตัว เข้ามาหาเพื่อนตอนที่ตนเองเดือดร้อนเท่านั้น เพื่อนของเราก็จะรู้ว่าเรานั้นไม่มีความจริงใจต่อพวกเขาเลย
    • จงช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความจริงใจ อย่าช่วยเพราะหวังผลตอบแทน
    • การคำนึงถึงผู้อื่นอย่างเหมาะสมและการยอมให้ผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบนั้นต่างกัน ถ้าเรารู้สึกว่าตนเองนั้นช่วยเหลือผู้อื่นตลอด แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แสดงว่าเรากำลังถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่
    • อย่ามุ่งแต่หาประโยชน์จากความใจดีหรือรบกวนเพื่อนมากเกินไป เมื่อเพื่อนทำอะไรดีๆ ให้เรา จงรีบหาทางตอบแทนเขาโดยไว ถ้ายืมเงินเพื่อนมา ให้รีบหาทางใช้คืน เมื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนที่บ้านของเขา ก็อย่าอยู่รบกวนเขานานนัก
  2. เมื่อพบหน้ากัน อย่าเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าเล่าเรื่องตนเองจบแล้ว ให้โอกาสเพื่อนพูดบ้าง ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด จะได้ทราบสารทุกข์สุกดิบและรู้หากเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ การเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นง่าย เราแค่ต้องตั้งใจฟังผู้อื่นมากเท่าที่เราพูดเรื่องของตนเอง ถ้าเราเป็นฝ่ายพูดระบายความรู้สึกของตนเองอยู่ตลอด เราก็จะไม่มีโอกาสรู้จักและเข้าใจเพื่อนของเรามากขึ้น การเป็นผู้ฟังที่ดีจะช่วยทำให้ทั้งเราและเพื่อนของเรารู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความเอาใจใส่และห่วงใยเพื่อนอีกด้วย
    • การรอให้เพื่อนพูดจบเสียก่อนแล้วเราค่อยพูดต่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเป็นผู้ฟังที่ดี
    • พยายามให้เวลาเพื่อนของเราพูดตลอดการสนทนา เพื่อนบางคนอาจขี้อายเหลือเกิน เขาอาจพูดไม่ออก เมื่อต้องมาพูดคุยกับเรา เราอาจต้องให้เวลาเขาบ้างเพื่อจะได้เป็นการช่วยเขาให้ยอมพูดคุยกับเรามากขึ้น
  3. เราจะต้องสังเกตเห็นว่าเพื่อนของเรากำลังประสบปัญหา ถึงจะสามารถช่วยเหลือเขาได้จริงๆ ถ้าสังเกตเห็นว่าเพื่อนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง เช่น เริ่มติดยา ทำอะไรเปะปะไร้จุดหมาย หรือดื่มหนักในงานเลี้ยง จงช่วยเหลือเขาให้พ้นจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ด้วยการพูดคุยรับฟังปัญหาและเหตุผลของเขา
    • อย่าคิดว่าเพื่อนของเราจะแก้ปัญหาบางอย่างได้เพียงลำพัง ถึงเวลาที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสักที ถ้าเห็นเพื่อนกำลังประสบปัญหา ให้เข้าไปพูดคุย ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าต้องช่วยอย่างไรบ้างก็ตาม
    • จงให้เพื่อนรับรู้ว่าเราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาในยามที่ลำบาก ถ้าเพื่อนเห็นว่ายังมีใครสักคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ก็อาจทำให้เขามีกำลังใจมากพอที่จะลุกขึ้นมาจัดการปัญหาต่างๆ ได้
    • ถ้าเพื่อนแค่อยากพูดระบายปัญหาต่างๆ เท่านั้น ก็จงรับฟัง แล้วจึงค่อยช่วยเพื่อนหาหนทางแก้ปัญหา
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนของเราบอกว่าเป็นโรคการกินผิดปกติและสัญญาว่าจะเริ่มกินอาหารให้มากขึ้น เราต้องพูดคุยถึงวิธีการต่างๆ ที่จะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง อาจเสนอพาเพื่อนไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
  4. ถ้าเพื่อนเจ็บป่วยไม่สบายและต้องเข้าโรงพยาบาล หาเวลาไปเยี่ยมเยือน ถ้าเพื่อนทำของสำคัญหาย ให้ช่วยหา ช่วยจดบันทึกสิ่งที่เรียนให้เพื่อนในวันที่เขาหรือเธอไม่สามารถมาเรียนได้ ถ้าเราอยู่ห่างไกลจากเพื่อนมาก แต่เขากำลังประสบกับช่วงที่ความยากลำบาก ส่งการ์ดให้กำลังใจและส่งของไปช่วยเหลือ เมื่อใครสักคนในครอบครัวของเพื่อนจากไป ให้ไปร่วมงานศพเพื่อแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของเขา ถ้าเพื่อนต้องการให้ใครสักคนช่วยเหลือ จงพร้อมที่จะช่วยเพื่อน เขาจะได้จะรู้ว่าสามารถพึ่งพาเราได้ทุกเวลา
    • ต้องแน่ใจว่าเพื่อนเรากำลังประสบกับความลำบากจริงๆ ถึงช่วยเหลือ เพราะเราไม่สามารถช่วยคนที่ไม่ยอมช่วยเหลือตนเองก่อนได้ตลอดไป เราควรช่วยเหลือเพื่อนเมื่อถึงคราวคับขันจริงๆ แต่ไม่ควรช่วยเพื่อนที่ปล่อยให้ตัวเขาเองตกอยู่ในภาวะวิกฤติตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเราจะเดือดร้อนไปด้วย
    • การสนับสนุนด้านอารมณ์ก็เป็นการอยู่ช่วยเพื่อนยามวิกฤติอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน แสดงความห่วงใยเพื่อช่วยให้เพื่อนเปิดใจและระบายความรู้สึกที่อัดอั้นออกมา เมื่อเพื่อนร้องไห้และระบายความทุกข์ จงส่งผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อนซับน้ำตาและรับฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้ได้ยินอะไรที่คิดว่าไม่ถูกไม่ควร ก็อย่าเพิ่งพูดอะไรออกไป แค่รับฟังอย่างสงบก็พอ
    • ถ้าเพื่อนกำลังเผชิญวิกฤติ อย่าพูดว่า “เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี” ทั้งที่ความจริงแล้วดูไม่เป็นอย่างนั้น การพยายามไม่พูดอะไรเลยบางครั้งก็ยากเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่าพูดย้ำว่าจะเกิดเรื่องดีๆ ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ฉะนั้นจงอยู่ช่วยเพื่อนในยามวิกฤติ พูดทุกอย่างตามความเป็นจริง แต่ให้เป็นไปทางให้กำลังและช่วยให้เพื่อนมองเห็นแง่ดีของวิกฤตินั้น
    • ถ้าเพื่อนเริ่มพูดเรื่องอยากฆ่าตัวตายขึ้นมาบ่อยๆ บอกผู้ที่เกี่ยวข้องให้รู้ไว้ด้วย นี้อาจเป็นการล้ำ “ความเป็นส่วนตัว” เพราะเพื่อนขอร้องเราไม่ให้บอกใคร แต่เราก็ต้องบอกผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น แนะนำให้เพื่อนโทรเข้าสายด่วนสุขภาพจิตหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พูดคุยกับพ่อแม่หรือคู่ชีวิตของเพื่อน (ยกเว้นแต่ว่าพวกเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหา) ก่อนที่จะพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่น
  5. เราควรสามารถประเมินสถานการณ์ที่เพื่อนพบเจอจากมุมมองของเขาหรือเธอได้และให้คำแนะนำดีๆ โดยไม่บีบบังคับให้เพื่อนต้องทำตามคำแนะนำนั้น อย่าบังคับเพื่อน แค่ให้คำแนะนำเขาหรือเธอไป เมื่อเขาหรือเธอขอก็พอ
    • อย่าให้คำแนะนำ ถ้าเพื่อนไม่ได้ขอ ถ้าเพื่อนต้องการคำแนะนำจริงๆ และมาขอคำแนะนำจากเรา ก็จงให้คำแนะนำที่จำเป็นแก่เขาอย่างเต็มใจ ให้เพื่อนเป็นฝ่ายขอคำแนะนำก่อน เราถึงค่อยให้คำแนะนำ
    • ในบางกรณีเราอาจต้องปล่อยให้เพื่อนแก้ปัญหาเองบ้างเพื่อให้เขาหรือเธอเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตนเองและรับผิดชอบการกระทำของตนเอง เราต้องใจเย็น อย่าตำหนิหรือต่อว่าเพื่อนอย่างรุนแรง บอกเพื่อนว่าเรามองสถานการณ์ที่เพื่อนประสบอยู่เป็นอย่างไรและแนะนำว่าเราจะทำอะไรบ้าง หากพบสถานการณ์เดียวกัน
  6. ให้เพื่อนมีเวลาส่วนตัวบ้างถ้าเขาหรือเธอต้องการ. การรู้ว่าเพื่อนไม่ได้ต้องการจะอยู่กับเราตลอดเวลาก็เป็นการช่วยเหลือเพื่อนอย่างหนึ่ง จงเรียนรู้ที่จะเว้นระยะห่างเพื่อให้เพื่อนได้มีเวลาส่วนตัวของเขาหรือเธอเองบ้าง รู้ว่าเมื่อไรที่เพื่อนต้องการอยู่คนเดียวหรือออกไปใช้เวลาอยู่กับคนอื่น เราไม่จำเป็นต้องไปไหนมาไหนหรืออยู่ด้วยกันตลอดเวลา ถ้าเราเป็นคนที่ติดเพื่อนมากจนต้องคอยถามว่าเพื่อนไปไน ทำอะไรอยู่ทุกชั่วโมง เราก็จะดูเหมือนคู่ชีวิตที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และคงไม่มีใครชอบที่เราทำตัวแบบนั้น
    • อย่าอิจฉาเพื่อน ถ้าเห็นว่าเขาหรือเธอมีเพื่อนมาก ความสัมพันธ์ทุกความสัมพันธ์นั้นแตกต่างและมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว การที่เพื่อนปฏิบัติกับเราไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นไม่ได้หมายถึงว่าเขาหรือเธอไม่เห็นความสำคัญของเรา
    • การปล่อยให้เพื่อนได้ใช้เวลาอยู่กับคนอื่นบ้างเป็นการทำให้เราได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตนเองเช่นกัน เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง เราก็จะชื่นมืนด้วยกันทั้งสองฝ่ายและเห็นความสำคัญของการมีกันและกันมากขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รักษามิตรภาพให้คงอยู่ยืนนาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเราต้องการรักษามิตรภาพให้คงอยู่ยืนนาน เราก็ต้องรู้จักให้อภัยเพื่อน ถ้าเขาหรือเธอทำผิดไป และเราก็เดินหน้าต่อไป ถ้าเราเอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้น ปล่อยให้ความทุกข์และความคับแค้นก่อตัวขึ้นในจิตใจ เราจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ระลึกไว้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ถ้าเพื่อนของเรารู้สึกผิดจากใจจริงและความผิดพลาดนั้นไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนอะไรมาก ก็ยอมให้อภัยเพื่อนเถอะ
    • ถ้าเพื่อนของเราทำความผิดร้ายแรงมากจนไม่สามารถให้อภัยได้จริงๆ ให้พยายามเดินหน้าต่อไปดีกว่ารักษามิตรภาพที่มีต่อกันเอาไว้ ในเมื่อมิตรภาพนั้นนำความโชคร้ายมาให้ แต่เรื่องใหญ่แบบนี้แทบจะไม่เกิดขึ้นเท่าไร
    • ถ้าเราโกรธเพื่อนแต่ไม่บอกเหตุผลว่าทำไมถึงโกรธ เราก็จะไม่มีทางให้อภัยเพื่อนได้ ฉะนั้นบอกให้เขาหรือเธอรับรู้เหตุผลด้วย
  2. หากต้องการรักษามิตรภาพไว้ เราไม่ควรเปลี่ยนตัวตนของเพื่อนหรือทำให้เพื่อนเป็นอย่างที่เราต้องการ สมมติว่าถ้าเราเป็นพวกอนุรักษ์นิยมแต่เพื่อนเราเป็นพวกเสรีนิยม ให้ยอมตัวตนนั้นของเพื่อนแทนที่จะเอาแต่โต้เถียงเรื่องนี้ตลอดเวลา เราควรเห็นความสำคัญของมุมมองใหม่ๆ ที่ได้จากเพื่อนแทนที่จะพยายามอยากให้เพื่อนมองทุกอย่างเหมือนเรา
    • ยิ่งเราได้อยู่ร่วมกับผู้อื่น เราก็จะเข้าใจรวมทั้งยอมรับตัวตนที่แท้จริงของกันและกันมากขึ้น เพื่อนที่ดีควรจะเป็นแบบนั้น เอาใจใส่และห่วงใยกัน ถึงแม้จะรู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็มีข้อบกพร่องอยู่มากก็ตาม
  3. เพื่อนอาจกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ ตอนที่เรากำลังทำธุระของตนเอง เพื่อนที่ดีจะต้องอยู่ช่วยเหลือเพื่อนอย่างถึงที่สุด จงจำไว้ว่าถ้าเราเป็นเพื่อนที่ดี ผู้อื่นก็ต้องการเป็นเพื่อนที่ดีต่อเราเช่นกัน บางครั้งเราก็ต้องทำอะไรเกินหน้าที่ไปบ้างเพื่อช่วยเหลือเพื่อน แต่จงรู้ไว้ว่าการทำแบบนี้จะช่วยทำให้มิตรภาพระว่างกันแน่นแฟ้นขึ้นและเพื่อนของเราจะตอบแทนเราด้วยการทำแบบเดียวกัน
    • ถ้าเพื่อนต้องการเรา “จริงๆ” แต่เอาแต่บอกว่า “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้” ลองทำความเข้าใจคำพูดของเพื่อนให้ดีๆ และจะรู้ว่าเพื่อนต้องการเราจริงๆ
  4. เมื่อเวลาผ่านไปลายปี คนเราต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง เราและเพื่อนอาจต้องแยกกันไปอยู่คนละที่ มีโอกาสพบหน้ากันเป็นบางครั้งบางคราว บางปีอาจล่วงผ่านไปโดยไม่ได้ติดต่อพูดคุยกันมากนัก ถ้าเรายังใส่ใจและห่วงใยเพื่อนอยู่ ก็หมั่นติดต่อหาเขาหรือเธอบ้าง เพื่อนเราก็คงจะดีใจที่เราติดต่อกลับมาหาพวกเขาบ้างเช่นกัน เมื่อได้ติดต่อพูดคุยกัน เราก็จะรู้สึกว่ามิตรภาพยังคงอยู่
    • อย่าให้ระยะห่างเป็นอุปสรรคต่อการรักษามิตรภาพ ถ้ามิตรภาพนั้นมีความสำคัญสำหรับเรา ก็จงรักษาไว้ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละทวีปก็ตาม
    • ติดต่อเพื่อนทางโทรศัพท์หรือสไกป์ทุกเดือน ถึงแม้จะอยู่กันคนละเขตเวลาก็ตาม หมั่นติดต่อพูดคุยกับเพื่อนทุกเดือนเพื่อรักษามิตรภาพให้แน่นแฟ้นและยาวนาน
  5. ถ้าเราอยากเป็นเพื่อนที่ดี เราก็ต้องเข้าใจว่ามิตรภาพช่วงมัธยม มหาวิทยาลัย และโลกแห่งการทำงานนั้นไม่เหมือนกัน ตอนอายุสิบสี่ เราอาจใช้เวลาอยู่กับเพื่อนที่ดีที่สุดทั้งวัน แต่พอต้องแยกย้ายกันไปเรียนคนละมหาวิทยาลัย หรือเริ่มมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับใครสักคน เราก็จะมีเวลาพูดคุยกับเพื่อนน้อยลง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่ามิตรภาพของเรานั้นจืดจาง แต่หมายความว่าชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป มิตรภาพจึงต้องเปลี่ยนแปลงตาม
    • อย่าพยายามทำให้มิตรภาพเหมือนเมื่อสิบปีก่อน ทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง มิตรภาพก็เช่นกัน
    • ถ้าเพื่อนของเราแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่เรายังเป็นโสดอยู่ จงเข้าใจและยอมรับความจริงว่าเขาหรือเธอคงไม่สามารถติดต่อพูดคุยหรือออกไปทำกิจกรรมร่วมกับเราบ่อยๆ ได้อีก ถึงแม้เพื่อนจะรักและห่วงใยเรามากแค่ไหนก็ตาม
    • เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี มิตรภาพระหว่างกันอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่จงเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นเถอะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเป็นส่วนสำคัญของการสร้างมิตรภาพ ถ้าเราและเพื่อนไม่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ก็อาจคบกันฉันท์มิตรได้อย่างยากลำบากและอาจทำให้มิตรภาพจืดจางลงได้
  • การเป็นเพื่อนที่ดีไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลาและเงินทองมาก ของขวัญที่ดีที่สุดมักจะเป็นของที่ทำขึ้นเองและให้ด้วยความจริงใจ บางครั้งแค่โทรศัพท์ไปหาอาจทำให้เพื่อนดีใจมากพอกับไปพบด้วยตนเองเลยทีเดียว
  • อย่าตั้งความคาดหวัง หรือกำหนดกฎเกณฑ์อะไรกับเพื่อนมากเกินไป จงปล่อยให้เพื่อนพัฒนาและเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขาเอง
  • จงยอมรับการตัดสินใจของเพื่อน เราอาจไม่เห็นด้วยกับเขาหรือเธอทุกอย่าง แต่ให้เพื่อนรู้ว่าเราจะอยู่เคียงข้างเขาหรือเธอเสมอก็พอ
  • ไม่จำเป็นต้องมีนิสัยหรือความคิดเหมือนเพื่อนทั้งหมดก็ได้ ถึงแม้จะมีอะไรแตกต่างกันบ้าง ก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ อีกทั้งถ้าเราพยายามเลียนแบบเขา เพื่อนอาจมองว่าเราล้อเลียนเขาอยู่ก็ได้ ยอมรับในความแตกต่างนั้นและภาคภูมิใจเถอะ! แต่อย่าให้เราและเพื่อนมีความคิดและนิสัยต่างกันมากเสียจนทำลายมิตรภาพไป
  • จงบอกเพื่อนว่าเขาหรือเธอสำคัญกับเรามากแค่ไหนหรือดีใจมากแค่ไหนเมื่อเพื่อนมาช่วยเหลือเรา การทำแบบนี้จะทำให้ต่างฝ่ายต่างมีความปลื้มปิติและทำให้มิตรภาพแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
  • อยู่ช่วยเหลือเมื่อเพื่อนลำบาก
  • ถึงเราจะช่วยเพื่อนไม่ได้ แต่ก็ให้พยายามช่วยเพื่อนดูก่อน! เพื่อนของเรานั้นดีใจเสมอที่เราพยายามช่วยเขา ถึงแม้จะช่วยได้ไม่มากนักก็ตาม
  • ฟังและรักษาความลับของกันและกัน
  • อย่าอิจฉา ถ้าเพื่อนมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต จงภาคภูใจในตัวเพื่อนของเรา
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าคาดหวังว่ามิตรภาพที่ยั่งยืนและยาวนานจะเกิดขึ้นโดยทันที อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งพิเศษ อาจต้องใช้เวลากว่าจะก่อเกิดขึ้นมาได้
  • ไม่มีใครชอบคนที่มักจะดูถูกคนอื่น เวลาจะล้อใครให้ระวังด้วย! ถ้าเพื่อนของเราขอให้หยุดล้อเขา ก็จงยุดทันทีตามที่ขอ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความหมางใจระหว่างกันได้
  • ถ้าเพื่อนของเรามีเพื่อนคนใหม่ อย่าอิจฉา ไม่มีใครอยากมีเพื่อนขี้อิจฉา จงเชื่อมั่นในมิตรภาพ แต่ถ้าเพื่อนเกิดสนใจเราน้อยลงเพราะเพื่อนใหม่คนนี้ ให้พูดคุยกับพวกเขา เพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีใครกล้าทิ้งเพื่อนที่ดีที่สุดของตนเอง
  • อย่าระบายความรู้สึกให้บุคคลที่ไม่น่าไว้ใจฟัง เพราะบุคคลนั้นอาจนำความลับของเราไปแพร่งพรายให้ผู้อื่นรู้เข้าสักวัน
  • ถ้าเพื่อนปฏิบัติต่อเราไม่ดีทั้งที่เราดีกับเขา เราก็คงไม่มีเหตุผลที่จะเป็นเพื่อนกันต่อไป อย่าคบคนที่ไม่เคยทำดีกับเรา
  • เมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อน เช่น กินข้าว หรือออกไปข้างนอก ควรปิดโทรศัพท์มือถือ หรือเปิดระบบสั่นก็ได้ จะได้ไม่มีเสียงโทรศัพท์มาขัดจังหวะการสนทนา เพื่อนของเราจะได้เห็นว่าเราสนใจอยากทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกันจริงๆ
  • ถ้าเห็นเพื่อนของเราเป็นมิตรกับคนที่ไม่น่าไว้วางใจ ให้พูดคุยกับเพื่อนเราเรื่องนี้ จะได้เป็นการช่วยป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับเพื่อนของเราและรักษามิตรภาพของเราเอาไว้
  • อย่าพูดเรื่องที่ทำให้เพื่อนไม่สบายใจ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนที่ชอบทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนเพิ่งสูญเสียญาติคนสำคัญ ก็อย่าไปพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับความตาย (หมายเหตุ ถามความรู้สึกของเพื่อนได้ไม่เป็นไร เพื่อนของเราอาจอยากระบายความรู้สึกให้ฟังก็ได้ การไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อนเลยคงไม่ดีนัก)
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 61,030 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา