ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การลดไขมันในร่างกายนั้นมีประโยชน์หลายอย่างและมีผลดีต่อสุขภาพ การลดไขมันอาจจะช่วยทำให้ควบคุมโรคและอาการเรื้อรัง (เช่น เบาหวานหรือความดันเลือดสูง) ให้ดีขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และโรคหัวใจ [1] นอกจากนี้ การสลายไขมันในร่างกายจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น มีพลังมากขึ้น และมีแรงจูงใจที่จะทำพฤติกรรมที่ส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น (เช่น ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ) [2] มีแผนการทานอาหารและการออกกำลังกายอยู่หลายรูปแบบที่การันตีการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันอย่างรวดเร็ว แต่วิธีที่ดีที่สุดในการลดไขมันอย่างรวดเร็วนั้นคือการทำสิ่งต่างๆ นี้ร่วมกัน ทั้งการทานอาหาร การออกกำลังกาย และการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์เล็กๆ น้อยๆ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงการทานอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทานอาหารแต่ละมื้อในปริมาณที่สมดุลกันและทานเป็นเวลาสม่ำเสมอ. เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทานอาหารแต่ละมื้ออย่างสม่ำเสมอและสมดุลกันในแต่ละวัน การข้ามมื้ออาหารไปหรือการเว้นไม่ทานอาหารเลยเป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้คุณหิวมากขึ้นและทำให้ยากต่อการไดเอท [3]
    • การทานอาหารแต่ละมื้ออย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษากระบวนการเผาผลาญของคุณให้ทำงานอย่างเหมาะสม ซึ่งนี่ก็จะช่วยเสริมการเผาผลาญไขมันให้ลดลงเร็วขึ้น
    • งานวิจัยบางชิ้นเผยว่าเมื่อคุณข้ามมื้ออาหารไป คุณจะได้รับสารอาหารที่น้อยลง นอกจากนี้ คุณก็จะรู้สึกหิวเกินไปซึ่งก็จะเป็นสาเหตุทำให้คุณทานอาหารมากกว่าปกติหรือตบะแตก [4]
    • พยายามทานอาหารอย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน คุณอาจจะต้องเพิ่มการทานของว่าง 1-2 ครั้งหากมีเวลาว่างระหว่างมื้ออาหารมากกว่า 4-5 ชั่วโมง
  2. คาร์โบไฮเดรตบางอย่างนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการทานอาหารเพื่อให้มีสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเผยว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำนั้นจะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้นกว่าการทานอาหารแบบอื่น [5]
    • คาร์โบไฮเดรตนั้นอยู่ในอาหารหลายประเภท การจำกัดคาร์โบไฮเดรตที่มาจากอาหารอย่างข้าวและเมล็ดพืชนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะสารอาหารที่อยู่ในอาหารกลุ่มข้าวและเมล็ดพืชนั้นสามารถพบได้ในอาหารประเภทอื่นด้วย คุณจะไม่มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสารอาหารที่สำคัญโดยจำกัดคาร์โบไฮเดรตที่มาจากอาหารกลุ่มนี้
    • เน้นไปที่คาร์โบไฮเดรตที่เต็มไปด้วยสารอาหารและมีไฟเบอร์สูงอย่าง ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง และผัก หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องและอาหารแช่แข็งที่ใส่น้ำตาลและโซเดียมเพิ่ม
    • หากคุณจะเลือกทานเมล็ดพืช ให้เลือกเป็นโฮลเกรน 100% แทนธัญพืชที่ขัดสี โฮลเกรนนั้นเป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดีกว่าเมล็ดพืชขัดสี นอกจากนี้ งานวิจัยบางชิ้นยังระบุว่าสารอาหารที่ดีต่อหัวใจนั้นนั้นมีอยู่มากในโฮลเกรน [6]
  3. โปรตีนจะมอบพลังงานให้กับร่างกายในการเผาผลาญแคลอรี่ การเพิ่มปริมาณโปรตีนที่ได้รับพร้อมกับการลดคาร์โบไฮเดรตจะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้นกว่าแผนการทานอาหารแบบอื่นๆ [7]
    • เพิ่มโปรตีนไปในแต่ละมื้อ ปกติแล้วในปริมาณอาหาร 1 หน่วยควรมีโปรตีน 1/2 ถ้วย [8]
    • หลีกเลี่ยงไขมันที่ติดมากับเนื้อ ให้เลือกเป็นเนื้อสัตว์ที่ไขมันน้อย (เช่น สัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ถั่วเมล็ดแห้ง และเนื้อวัวไม่ติดมัน) หากเป็นไปได้ นี่จะช่วยควบคุมปริมาณไขมันที่คุณได้รับรวมถึงควบคุมระดับคอเลสเตอรอลด้วย
    • โปรตีนเชคนั้นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลในการเพิ่มโปรตีน แต่ปกติแล้วมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นหากคุณไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกล้ามเนื้อ
  4. ผักใบเขียวจะให้วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย มันยังมีแคลอรี่ต่ำมากๆ และมีคุณค่าอาหารต่างๆ สูง [9]
    • ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ผักกาดเขียวปลี ผักโขม และสวิสชาร์ด (Swiss Chard) นั้นมีไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี และวิตามินบีหลายชนิดสูง
    • นอกจากนี้ ยังรู้กันว่าผักใบเขียวเข้มนั้นมีสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) อยู่สูงซึ่งเชื่อกันว่ามันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประเภทหนึ่งที่จะช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง [10]
    • ลดปริมาณผักที่มีสีอ่อนๆ อย่างผักกาดแก้ว เพราะมันมีสารอาหารน้อยมาก
  5. เครื่องเทศบางชนิดจะช่วยการทำงานของระบบเผาผลาญและช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้เร็วขึ้น ให้เพิ่มไปในอาหารเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนและเพื่อลดน้ำหนัก [11]
    • พริกคาเยน (Cayenne) จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและลดความอยากอาหาร มันยังช่วยเร่งระบบเผาผลาญซึ่งก็จะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นด้วย [12]
    • อบเชย (Cinnamon) จะช่วยเร่งระบบเผาผลาญของคุณ งานวิจัยบางชิ้นเผยว่ามันยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดคอเลสเตอรอลประเภท LDL [13]
    • พริกไทยดำนั้นเห็นผลในเรื่องปรับปรุงระบบย่อยอาหารและเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้น [14]
    • ผงมัสตาร์ดจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้มากถึง 25% [15]
    • ขิงจะช่วยลดความอยากอาหารและปรับปรุงระบบเผาผลาญ มันยังช่วยในระบบย่อยอาหารและช่วยลดอาการคลื่นเหียนและอาเจียน [16]
  6. เมื่อคุณพยายามที่จะลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันในระดับที่เร็วขึ้น คุณจำเป็นจะต้องลดการทานอาหารที่จะขัดขวางไม่ให้คุณไปถึงเป้าหมาย
    • บ่อยครั้งเลยที่อาหารแปรรูปนั้นมีสารกันเสียและสารปรุงแต่งสังเคราะห์นอกเหนือจากจะมีแคลอรี่และไขมันในปริมาณมาก [17]
    • ใช้เวลามากขึ้นในการเตรียมอาหารของคุณเอง นอกจากคุณจะรู้ว่าในอาหารของคุณนั้น คุณใส่อะไรไปบ้าง คุณยังสามารถควบคุมวิธีการเตรียมอาหารเพื่อรักษาคุณค่าของอาหารให้คงเหลืออยู่มากที่สุด
  7. น้ำนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานของร่างกายอย่างเหมาะสม หากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเป้าหมายของคุณ การรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายให้มีเพียงพอนั้นก็เป็นกุญแจสำคัญ คุณจำเป็นจะต้องขับเอาสารพิษในร่างกายออกไป และน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้ มันยังช่วยตับอีกด้วย โดยตับทำหน้าที่เป็นระบบกรองตามธรรมชาติในร่างกาย
    • โดยเฉลี่ยแล้วเราควรที่จะดื่มน้ำปริมาณ 8-13 แก้วต่อวัน ซึ่งรวมแล้วจะมีปริมาณมากกว่า 1,900 มิลลิลิตร
    • ขณะที่คุณออกกำลังกาย ขอแนะนำว่าคุณควรดื่มน้ำเพิ่มอีก 2 แก้ว ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการออกกำลังกายของคุณ เมื่อคุณเพิ่มการออกกำลังกายให้หนักขึ้น คุณก็จะมีความเสี่ยงในการสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นด้วย [18]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขณะที่ร่างกายของคุณกำลังพักอยู่ ให้วางนิ้วสองนิ้วไปที่ข้อมือตรงใกล้ๆ กึ่งกลางโดยที่คุณจะรู้สึกได้ถึงชีพจรและการเต้นของหัวใจ ใช้เครื่องจับเวลาหรือนาฬิกาที่มืออีกข้างหนึ่งและนับชีพจรของคุณเป็นเวลา 15 วินาที นำเลขที่ได้มาคูณ 4 และคุณจะได้เลขระดับการเต้นของหัวใจขณะที่พักอยู่ต่อนาที [19]
    • อัตราการเต้นสูงสุดที่ร่างกายของคุณจะรับได้ (MHR) นั้นจะอยู่ที่ 220 ลบออกด้วยอายุของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณอายุ 30 เลข MHR จะอยู่ที่ 190
    • ระดับการเต้นของหัวใจที่เป็นเป้าหมายขณะที่ออกกำลังกายอย่างหนักควรอยู่ที่ประมาณ 70–80% ของ MHR
    • ตัวเลขเหล่านี้จะช่วยให้คุณประเมินระดับของการออกกำลังกายของคุณ
  2. เมื่อคุณเริ่มที่จะออกกำลังกาย คุณควรลดระดับความหนักของการออกกำลังกายก่อน งานวิจัยยังแสดงผลว่าคุณจะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากที่สุดจากการออกกำลังกายระดับเบาๆ [20]
    • พยายามออกกำลังกายแบบเบาๆ 20–30 นาทีต่อวัน
    • การออกกำลังกายในระดับเบาๆ จะไม่ทำให้คุณหายใจเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณยังสามารถพูดคุยกับคนอื่นได้ง่ายๆ ขณะที่ออกกำลังกายอยู่ นี่ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆ
    • ระดับการเต้นของหัวใจที่เป็นเป้าหมายของการออกกำลังกายแบบเบาๆ นั้นจะอยู่ที่ 40% ของ MHR
    • กิจกรรมใดๆ ก็ตามตั้งแต่การเดินเล่นไปจนถึงตัดหญ้านั้นถือเป็นกิจกรรมเบาๆ ให้เพิ่มกิจกรรมเหล่านี้ไปยังกิจวัตรประจำวันของคุณเป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ก่อนที่จะเพิ่มระดับการออกกำลังกายในระดับต่อไป
  3. เมื่อคุณออกกำลังกายในระดับเบาๆ เป็นระยะประมาณ 1 อาทิตย์แล้วคุณก็สามารถเพิ่มระดับด้วยการออกกำลังกายให้เร็วขึ้น
    • การวิ่งจ๊อกกิ้งหรือเดินเร็วๆ เป็นวิธีที่ดีที่จะเปลี่ยนมาเป็นการออกกำลังกายในระดับกลาง การปั่นจักรยานที่พื้นราบก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีเช่นกัน
    • ระดับการเต้นของหัวใจที่เป็นเป้าหมายควรอยู่ที่ 60% ของ MHR คุณควรเริ่มสังเกตว่าคุณหายใจเร็วขึ้นและเหงื่อออกหลังจากอออกกำลังกายไป 10 นาที
    • เมื่อคุณเริ่มสังเกตว่าการออกกำลังกายระดับกลางไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยมาก คุณก็สามารถเริ่มออกกำลังกายในระดับหนักได้
    • ระดับการเต้นของหัวใจที่เป็นเป้าหมายนั้นควรอยู่ที่ประมาณ 80% ของ MHR
    • การวิ่ง ปั่นจักรยานขึ้นภูเขา และกีฬา อย่างบาสเกตบอลหรือเทนนิส นั้นเป็นการออกกำลังกายระดับหนัก
  4. ถ้าคุณสามารถทำได้ ให้พยายามออกกำลังกายในตอนเช้า งานวิจัยแสดงผลว่าคุณจะเผาผลาญแคลอรี่จากไขมันได้มากขึ้นในตอนเช้าก่อนที่คุณจะรับประทานอาหารมื้อแรก [21]
    • การออกกำลังกายในตอนเช้านั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้คุณออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ [22] ออกกำลังกายก่อนที่จะไปทำงาน ไปโรงเรียนเพื่อไม่ให้กฎเกณฑ์ต่างๆ ในชีวิต เข้ามาเกี่ยวข้องและทำให้ไม่ได้ออกกำลังกาย หลายคนนั้นพบว่าการออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยทำให้พวกเขารู้สึกกระฉับกระเฉงในตลอดทั้งวัน
    • การออกกำลังกายใกล้กับเวลานอนนั้นจะทำให้หลับยากขึ้นเพราะระดับการเต้นของหัวใจของคุณนั้นสูงขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ควบคุมการลดไขมันในร่างกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บันทึกนี้จะทำให้คุณรู้ถึงแคลอรี่ที่คุณได้รับและแคลอรี่ที่คุณเผาผลาญ การบันทึกติดตามแบบนี้จะเป็นแนวทางต่อการทานอาหารของคุณเพื่อลดไขมันได้สูงสุดและช่วยให้คุณอยู่ในแผนเพื่อไปสู่เป้าหมายของคุณ [23]
    • ในแต่ละวัน บันทึกว่าคุณทานอาหารกี่โมง คุณทานอะไร และคุณได้รับแคลอรี่เท่าไหร่ ขอให้แน่ใจว่าคุณได้จดบันทึกประเภทอาหารส่วนใหญ่ที่คุณทานด้วย
    • ในหน้าเดียวกัน ให้บันทึกว่าคุณออกกำลังกายอะไรไป ออกกำลังกายนานเท่าไหร่ และระดับหนักแค่ไหน เขียนแคลอรี่คร่าวๆ ที่คุณเผาผลาญไปด้วย แต่ละคนจะเผาผลาญแคลอรี่นั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันมาก แต่ค่าโดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นค่าในชาร์ต นี้
    • บันทึกน้ำหนักตัวของคุณในแต่ละวัน นี่จะช่วยให้คุณติดตามความก้าวหน้าทั้งหมดและช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นที่จะให้คุณพยายามต่อไป
    • ลองจดบันทึกการออกกำลังกายในบันทึกนี้ด้วย
  2. ใช้เวลาในการทานอาหาร ให้สนใจไปที่อาหารและมีความสุขไปกับอาหารแต่ละมื้อ นี่จะช่วยให้คุณทานอาหารได้น้อยลง [24]
    • บางครั้ง เมื่อคุณทานอาหารเร็วเกินไปหรือถูกหันเหความสนใจ คุณอาจจะทานอาหารมากกว่าเดิมได้ เมื่อถึงเวลาทานอาหารหรือขนม ให้นำสิ่งที่หันเหความสนใจของคุณออกไป (เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์) และใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีในการมีความสุขกับอาหารตรงหน้า นี่จะช่วยให้กระเพาะและสมองทำงานประสานกันเมื่อคุณทานอิ่มเพียงพอแล้ว [25]
    • การทานอาหารเพราะว่ารู้สึกเบื่อนั้นเป็นปัญหาที่พบทั่วไป ให้ลองเคี้ยวหมากฝรั่งเมื่อคุณรู้สึกเบื่อเพื่อนำจิตใจให้ออกจากอาหาร เตือนตัวเองว่าเดี๋ยวก็จะถึงเวลาที่จะได้รับประทานอาหารแล้ว
    • หลีกเลี่ยงการทานขนมขณะที่คุณดูโทรทัศน์ การดูโทรทัศน์และการทานขนมเป็นกิจกรรมที่ไปด้วยกันได้เยี่ยม แต่ในครั้งต่อไปให้คว้าแอปเปิ้ลมาทานแทนมันฝรั่งทอด คนมักจะไม่ค่อยทานอาหารขณะอยู่หน้าโทรทัศน์เพราะว่ารู้สึกหิวจริงๆ แต่เพราะว่าพวกเขาค่อยๆ ก่อพฤติกรรมเช่นนี้เอง ให้รับรู้และเลิกพฤติกรรมนี้
    • หลีกเลี่ยงขนมยามดึก. การทานอาหารก่อนที่จะเข้านอนนั้นจะเพิ่มแคลอรี่ที่คุณได้รับโดยที่ไม่มีโอกาสที่จะเผาผลาญมันออกไป สิ่งที่คุณทานก่อนเข้านอนไม่ได้แปรเป็นไขมันโดยตรงแต่จะทำให้กระบวนการลดน้ำหนักของคุณช้าลง
  3. งานวิจัยแสดงผลว่าความเครียดเรื้อรังในระดับต่ำจะปล่อยสารคอร์ติโซลมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้มีไขมันมากขึ้นและทำให้ลดยากด้วย [26]
    • การควบคุมความเครียดไม่เพียงแค่ดีต่อน้ำหนักและการลดไขมันแต่ยังดีต่อสุขภาพจิตและอารมณ์
    • ลองจดบันทึก ฟังเพลง พูดคุยกับเพื่อน หรือออกไปเดินเล่น เพื่อช่วยให้คุณลดความเครียดลงและผ่อนคลาย
    • หากคุณรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากในการควบคุมความเครียด ให้ลองไปหาผู้ให้คำปรึกษา หรือนักบำบัด ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาในการควบคุมความเครียดของคุณ
  4. ให้บันทึกติดตามความสำเร็จว่าคุณลดน้ำหนักไปเท่าไหร่และไขมันที่คุณลดไปเท่าไหร่และนี่แหละคือความสนุก ตื่นเต้น และอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณทำตามแผนเพื่อไปถึงเป้าหมาย
    • การชั่งน้ำหนักอย่างเป็นประจำจะช่วยทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของการลดไขมันในร่างกายของคุณ เมื่อคุณลดไขมัน น้ำหนักของคุณก็จะค่อยๆ ลดลง
    • คุณอาจจะลองวัดรอบเอว สะโพก ต้นขา และแขนเพื่อดูว่าคุณได้ลดไขมันไปเท่าไหร่ในแต่ละส่วนของร่างกาย
    • คุณสามารถติดตามเปอร์เซ็นต์ของไขมันในร่างกายของคุณได้ แพทย์หรือพนักงานในฟิตเนสสามารถช่วยวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายของคุณและช่วยคุณบันทึกไว้ด้วย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ให้ปรึกษาแพทย์เสมอก่อนที่จะเริ่มแผนการทานอาหารและออกกำลังกายใดๆ ให้นำแผนไปให้แพทย์ดูและถามแพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนมันให้ตรงกับความต้องการของคุณ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 24,468 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา