ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
คุณเพิ่มหมายเลขคอลัมน์โดยอัตโนมัติได้ 2 วิธีด้วยกัน โดยการใช้ฟีเจอร์ ROW กับฟีเจอร์ Fill วิธีแรกใช้แล้วแน่ใจได้ว่าเซลล์จะแสดงเลขแถวที่ถูกต้อง ถึงจะมีการเพิ่มหรือลบแถวไปก็ตาม อีกวิธีที่ง่ายกว่าก็คือใช้ฟีเจอร์ Fill เป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า แต่พอลบแถวแล้วอาจจะเกิดช่องว่างระหว่างช่วงตัวเลขได้ ยังไงก็ลองดู ว่าจะให้เลขแถวเพิ่มเองอัตโนมัติ หรือใส่ข้อมูลในคอลัมน์แบบเรียงต่อกันไป
ขั้นตอน
-
คลิกเซลล์แรกที่จะเริ่มเรียงลำดับ. วิธีนี้จะเป็นการทำให้แต่ละเซลล์ในคอลัมน์ ขึ้นเลขแถวเรียงตามลำดับ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถือเป็นวิธีที่เหมาะจะใช้ในกรณีที่เพิ่มหรือลบแถวใน worksheet บ่อยๆ
- ถ้าอยากสร้างแถวปกติไว้แสดงเลขที่ต้องเรียงลำดับ (หรือข้อมูลอื่น เช่น วันในสัปดาห์ หรือเดือนในปี) ให้อ่านวิธี "ใส่เลขเรียงกันในคอลัมน์"
-
พิมพ์ =ROW(A1) ในเซลล์ (ถ้าเป็นเซลล์ A1). แต่ถ้าเป็นเซลล์อื่น ไม่ใช่ A1 ก็ให้ใส่เลขเซลล์ที่ถูกต้อง
- เช่น ถ้าพิมพ์เซลล์ B5 ก็เป็น =ROW(B5) แทน
-
กด ↵ Enter . เท่านี้ก็จะมีเลขแถวขึ้นในเซลล์ ถ้าพิมพ์ =ROW(A1) ก็จะขึ้นในเซลล์ว่า 1 แต่ถ้าพิมพ์ =ROW(B5) ก็จะขึ้นในเซลล์ว่า 5 [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าอยากเริ่มนับที่ 1 ไม่ว่าจะเริ่มที่แถวไหนก็ตาม ให้นับจำนวนแถวเหนือเซลล์ปัจจุบัน แล้วเอาไปลบในสูตร
- เช่น ถ้าจะพิมพ์ =ROW(B5) แล้วอยากให้ขึ้นว่า 1 ในเซลล์ ให้แก้ไขสูตรเป็น =ROW(B5)-4 เพราะ B1 อยู่เหนือ B5 ขึ้นไป 4 แถว [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เลือกเซลล์ที่มีเลขจำนวนแรกในชุด.
-
เลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่กล่องมุมขวาล่างของเซลล์ที่เลือกไว้. กล่องนี้เรียกว่า Fill Handle พอจ่อเคอร์เซอร์ที่ Fill Handle เคอร์เซอร์จะกลายเป็นรูปเป้าเล็ง
- ถ้าไม่มี Fill Handle ให้ไปที่ File > Options > Advanced แล้วติ๊กข้าง “Enable fill handle and cell drag-and-drop”
-
ลาก Fill Handle ลงไปที่เซลล์สุดท้ายในชุด. เซลล์ต่างๆ ในคอลัมน์ก็จะแสดงเลขแถวเรียงลำดับกัน
- ถ้าคุณลบแถวใดแถวหนึ่งในชุด เลขเซลล์ก็จะเปลี่ยนตามอัตโนมัติ ตามจำนวนแถวปัจจุบัน
โฆษณา
-
คลิกเซลล์แรกที่จะเริ่มเรียงลำดับ. วิธีนี้จะเป็นการทำให้แต่ละเซลล์ในคอลัมน์ ขึ้นเลขแถวเรียงตามลำดับ
- ถ้าใช้วิธีนี้แล้วตอนหลังจะลบแถวใดแถวหนึ่ง ก็ต้องทำซ้ำตามขั้นตอนแต่แรก เพื่อเรียงลำดับทั้งคอลัมน์ซะใหม่ ถ้ารู้ตัวว่าแถวข้อมูลจะเปลี่ยนแปลงบ่อย แนะนำให้ใช้วิธีการ "ใส่เลขแถวอัตโนมัติ" ดีกว่า
-
พิมพ์เลขแรกของชุดในเซลล์. เช่น ถ้าจะเรียงลำดับ entries ลงมาในคอลัมน์เดียวกัน ให้พิมพ์ 1 ในเซลล์นี้
- ไม่ต้องเริ่มจาก 1 ก็ได้ เลขในชุดจะเริ่มจากเลขไหนก็ได้ แถมจะเรียงแบบอื่นก็ยังได้ (เช่น เลขคู่ เพิ่มทีละ 5 หรืออื่นๆ)
- นอกจากนี้ Excel ยังให้คุณ “เรียงลำดับ” แบบอื่นได้ด้วย เช่น วันที่ ฤดูกาล และวันในสัปดาห์ อย่างถ้าจะพิมพ์แต่ละวันของสัปดาห์ในคอลัมน์ เซลล์แรกก็ต้องเป็น “Monday” หรือวันจันทร์
-
คลิกเซลล์ถัดมาตามวิธีการเรียงที่ต้องการ. หรือก็คือเซลล์ด้านล่าง ติดกับเซลล์ปัจจุบัน
-
พิมพ์เลขที่ 2 ในชุดตามรูปแบบ. ถ้าจะเรียงลำดับ (1, 2, 3 เป็นต้น) ให้พิมพ์ 2 ตรงนี้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าอยากให้จำนวนต่อๆ มาเพิ่มทีละ 10 ก็ให้พิมพ์ 10, 20, 30, 40 ไปเรื่อยๆ โดย 2 เซลล์แรกในชุดจะเป็น 10 กับ 20
- ถ้าจะเรียงเป็นวันในสัปดาห์ ให้พิมพ์วันถัดไปในเซลล์
-
คลิกแล้วลากเพื่อเลือกทั้ง 2 เซลล์. พอปล่อยเมาส์ที่คลิกไว้ ทั้ง 2 เซลล์จะถูกเลือก
-
เลื่อนเคอร์เซอร์ไปจ่อกล่องจิ๋วมุมขวาล่างของบริเวณที่เลือกไว้. กล่องนี้เรียกว่า Fill Handle ถ้าเลื่อนเคอร์เซอร์ไปจ่อที่ Fill Handle เคอร์เซอร์จะกลายเป็นเป้าเล็งแทน
- ถ้าไม่มี Fill Handle ให้ไปที่ File > Options > Advanced แล้วติ๊กข้าง “Enable fill handle and cell drag-and-drop”
-
คลิกแล้วลาก Fill Handle ลงไปที่เซลล์สุดท้ายในชุดตามต้องการ. พอปล่อยเมาส์ที่คลิกไว้ เซลล์ต่างๆ ในคอลัมน์ก็จะเรียงลำดับตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน 2 เซลล์แรกโฆษณา
เคล็ดลับ
- Microsoft มี Excel ออนไลน์ให้คุณใช้ฟรีด้วย โดยรวมอยู่ใน Microsoft Office Online
- คุณเปิดและแก้ไข spreadsheet ใน Google Sheets ได้เลย
โฆษณา
คำเตือน
- ต้องติ๊กตัวเลือก "Alert before overwriting cells" ใน tab Advanced ของ Excel Options ไว้เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ entry ข้อมูลเกิด error จนต้องมานั่งพิมพ์สูตรหรือข้อมูลกันใหม่
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://support.office.com/en-us/article/Automatically-number-rows-in-Excel-2016-for-Windows-598f6fb5-a5dc-4474-af7a-6cce5559ad92
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=wnC7t8S4zlU
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=wnC7t8S4zlU
- ↑ https://support.office.com/en-us/article/Automatically-number-rows-76ce49e3-d8d2-459b-bd85-ee1d3973e6e6
โฆษณา