ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณเคยอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเฉียดตาย ความสามารถในการโทรเรียกรถฉุกเฉินจะถือเป็นทักษะที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง จึงจำเป็นมากที่คุณจะต้องจดจำหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินในย่านที่อาศัยอยู่จนขึ้นใจ การรวบรวมสติและเตรียมตัวรับการช่วยเหลือสามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เรียกรถฉุกเฉิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หายใจเข้าลึกๆ และใช้เวลาสักไม่กี่วินาทีในการรวบรวมสติ ถึงแม้เวลาทุกนาทีจะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่คุณจะช่วยอะไรไม่ได้เลยถ้าสติแตกไปเสียก่อน [1]
  2. หมายเลขฉุกเฉินนั้นขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอาศัยอยู่ คุณควรจดจำหมายเลขเรียกหน่วยบริการฉุกเฉินแถบถิ่นที่อาศัยให้ขึ้นใจเสมอ ส่วนใหญ่มันก็แค่หมายเลขสามตัวเอง ดูด้านล่างสำหรับรายชื่อหมายเลขประเทศสำคัญ
    • กด 191 (ไทย)
    • กด 911 (สหรัฐ/แคนาดา)
    • กด 999 (สหราชอาณาจักร); เวลาใช้โทรศัพท์มือถือนั้นจะใช้ 112
    • กด 112 (ยุโรป)
    • กด 119 (ญี่ปุ่น)
    • ประเทศและทวีปอื่นๆ มีหมายเลขของตนเอง โปรดค้นหาถ้าไม่มีอยู่ในรายชื่อนี้
  3. เจ้าหน้าที่รับสายจะต้องการข้อมูลว่าคุณต้องการความช่วยเหลือลักษณะใด ในกรณีนี้ แจ้งให้ชัดเจนว่าเป็นกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์และคุณจำเป็นต้องใช้รถฉุกเฉินในทันที เจ้าหน้าที่จะส่งหน่วยทั้งหมดที่จำเป็นไปช่วยเหลือคุณ [2]
    • ถ้าการบาดเจ็บเกิดขึ้นในระหว่างการก่ออาชญากรรม คุณก็จำเป็นต้องให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังจุดเกิดเหตุด้วย
    • ถ้าการบาดเจ็บเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หรืออัคคีภัย คุณก็จำเป็นต้องให้ส่งรถดับเพลิงไปที่นั่นด้วย
  4. เจ้าหน้าที่รับสายจะสอบถามคำถามประมาณหนึ่งเพื่อที่เขาจะสามารถบอกสถานการณ์ที่ถูกต้องกับหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ เมื่อถูกถาม ให้เตรียมข้อมูลต่อไปนี้สำหรับบอกเจ้าหน้าที่รับสาย: [3]
    • สถานที่เกิดเหตุ
    • หมายเลขโทรศัพท์ที่คุณใช้โทรแจ้ง ถ้าหากคุณทราบ
    • หากคุณอยู่ในที่สาธารณะ ให้แจ้งสี่แยกหรือสถานที่สำคัญที่อยู่ใกล้ที่สุด (เช่น สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว)
    • แจ้งชื่อของคุณ ชื่อของผู้บาดเจ็บ และเหตุผลที่คุณต้องการรถฉุกเฉิน บอกประวัติการรักษาเท่าที่คุณทราบ
  5. เจ้าหน้าที่จะยังคงอยู่ในสายกับคุณจนกว่าหน่วยตอบรับเหตุฉุกเฉินหน่วยแรกจะไปถึง และจะตามมาด้วยรถพยาบาล [4]
    • เจ้าหน้าที่รับสายอาจให้คำแนะนำการช่วยเหลือไปพลางๆ ก่อน ให้ทำตามคำแนะนำนั้น [5]
  6. หน่วยที่ตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินและมาถึงก่อนอาจขอให้คุณช่วยในเหตุเฉพาะหน้าตอนไปถึง รวบรวมสติอยู่ในความสงบและทำตามคำแนะนำที่เขาบอก คุณอาจถูกบอกให้ถอยห่างจากผู้บาดเจ็บก่อนและรอคำแนะนำอื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อย่าเข้าไปรบกวนเขา
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พบเหตุฉุกเฉิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตามกฏทั่วไปแล้วถ้าใครคนนั้นยังมีสติครบถ้วนและสามารถเดินเหินได้ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกรถฉุกเฉิน ต่อให้เขาจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลก็ตาม ให้โทรแจ้งเฉพาะในเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องปฐมพยาบาลกันตรงจุดนั้น [6]
    • แผลฉีก ถลอกหรือฟกช้ำเล็กน้อยไม่ถือเป็นเหตุฉุกเฉิน
    • กระดูกหัก แม้จะเป็นอันตราย แต่มักไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน “อันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
  2. ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าคนๆ นั้นบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน ทางที่ดีให้โทรเรียกรถฉุกเฉิน คุณไม่ได้เป็นมืออาชีพทางการพยาบาลที่ถูกฝึกฝนมาและน่าจะไม่ทราบวิธีปฏิบัติหรือรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรง ฉะนั้นปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญรับมือแทนที่คุณ [7]
  3. มันเป็นเรื่องยากที่จะพบเห็นเหตุฉุกเฉินแบบเป็นอันตรายถึงชีวิตในสภาวะวิกฤติ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งบอกบางอย่างที่คุณควรทราบ เพราะมันทำให้คุณรู้ว่าจำเป็นต้องเรียกรถฉุกเฉิน ซึ่งนั่นก็คือ: [8]
    • เหยื่อผู้บาดเจ็บไม่หายใจ
    • เหยื่อสูญเสียเลือดในปริมาณมาก
    • เหยื่อไม่ขยับตัว
    • เหยื่อไม่มีอาการตอบสนอง
    • เหยื่อประสบเหตุวิงเวียน หายใจลำบาก หรือดูเหมือนว่าอยู่ในสภาวะช็อก
  4. สัญชาตญาณแรกของคุณอาจบอกให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อน แต่ความจำเป็นคือคุณต้องโทรขอความช่วยเหลือก่อน ทุกๆ วินาทีนั้นมีค่า คุณไม่ควรเสียเวลาที่มีค่านี้พยายามตัดสินใจว่าจะช่วยอะไรได้ก่อนโทรหามืออาชีพในด้านนี้ [9] [10]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ให้ความช่วยเหลือในระหว่างรอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลังโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉิน มักจะมีสิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อตัดสินดูว่าคุณสามารถช่วยอะไรก่อนที่หน่วยแรกจะมาถึงได้บ้าง [11]
  2. ถ้าเป็นไปได้ให้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในการย้ายคนเจ็บไปจากการได้รับอันตรายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม มันสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่เวลาทำเช่นนี้ คุณจะต้องไม่ให้ตัวเองเสี่ยงเกิดเจ็บไปด้วย ตอนนี้มีเหตุฉุกเฉินหนึ่งเหตุอยู่แล้ว อย่าเพิ่มให้กลายเป็นสอง
    • ถ้าคนเจ็บเสียเลือดมาก ให้หาอะไรมากดบริเวณบาดแผลเพื่อห้ามเลือด หาผ้าหรือเสื้อพันรอบแผลแล้วกด คุณยังสามารถหาของรอบตัวมาใช้ทำสายรัดก็ได้ [12] เข็มขัดก็พอแก้ขัดได้ แต่ไม่ใช่ตัวเลือดที่ดีที่สุด
    • ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นในอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณอาจจำเป็นต้องช่วยขนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากรถที่กำลังมีควันหรือไฟลุกท่วม [13]
    • ถ้าผู้บาดเจ็บอยู่ในพื้นที่ที่มีอันตราย อย่างถนนที่มีรถราพลุกพล่าน ให้ย้ายเขาไปข้างถนนเพื่อจะได้ไม่ถูกรถคนอื่นชน [14]
    • อย่าคิดเข้าใกล้ยานพาหนะที่มีไฟลุกท่วมแล้ว และถ้าผู้บาดเจ็บมีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง อย่าคิดเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บด้วยตัวคุณเอง คุณอาจทำให้อาการบาดเจ็บนั้นแย่ลงหรือถูกไฟเผาได้ [15]
  3. ถ้าคุณมีประกาศนียบัตรหรือได้รับการรับรองว่าสามารถปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพได้ คุณอาจจำเป็นต้องทำ ให้ตรวจสัญญาณชีวิตของผู้บาดเจ็บ หากไม่พบสัญญาณการหายใจ ให้ปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ขั้นตอนจะเป็นไปตามด้านล่าง [16]
    • เวลาปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ เริ่มด้วยการกดไปที่ทรวงอก วางนิ้วบนจุดกึ่งกลางของทรวงอก กดลงไปลึกสองนิ้ว 30 ครั้ง ให้แน่ใจว่าคุณกดนิ้วแรงๆ รัวๆ จนได้อัตราการกดอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที คุณจะต้องกดให้ไวกว่าหนึ่งครั้งต่อวินาที [17]
    • หลังจากกดทรวงอก 30 ครั้ง คุณจะต้องทำการผายปอดผู้บาดเจ็บ ในการทำเช่นนี้ ให้ค่อยๆ กดศีรษะของผู้บาดเจ็บไปข้างหลังให้หน้าแหงนและดัดคางขึ้น จากนั้นบีบจมูกผู้บาดเจ็บและประกบปากคุณกับผู้บาดเจ็บให้สนิท ต้องเป่าจนกระทั่งคุณเห็นทรวงอกของผู้บาดเจ็บกระเพื่อมขึ้น เป่าลมเข้าไปทีละสองครั้ง พักหายใจหนึ่งวินาที [18]
    • ทำซ้ำตราบเท่าที่จำเป็น กดทรวงอก 30 ครั้งต่อการผายปอดสองครั้ง [19]
    • หากคุณไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติช่วยฟื้นคืนชีพ ทางที่ดีปล่อยให้คนอื่นมาจัดการแทน เพราะคุณอาจทำให้ยิ่งเกิดการบาดเจ็บในระหว่างทำ
  4. คุณอาจไม่ทราบวิธีปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ แต่คนอื่นในจุดเกิดเหตุอาจทำเป็น ขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบจุดเกิดเหตุ ถ้าคุณต้องการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ (ที่ไม่ได้เจ็บตรงกระดูกสันหลัง) ให้ร้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
  5. ถึงแม้คุณจะให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ไม่ได้ คุณยังช่วยพูดให้กำลังใจได้ ผู้บาดเจ็บมักจะหวาดหวั่นและกังวล ให้นั่งอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจจนกว่าหน่วยฉุกเฉินจะมาถึง
    • บอกเขาว่าความช่วยเหลือกำลังจะมาถึง ให้ชวนพูดคุยระหว่างกัน [20]
    • พยายามช่วยให้เขาผ่อนคลายและให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง ถ้าเขานอนอยู่กับพื้นอยู่แล้ว ก็ให้นอนอย่างนั้น ถ้าเขายืนอยู่ก็ให้เขานอนลงกับพื้น [21]
    • ถ้าเขาเอ่ยถาม ให้กุมมือเขาไว้หรือวางมือบนไหล่เพื่อให้เขารู้ว่าคุณยังอยู่ตรงนั้นและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ [22]
    • รับฟังคำร้องขอของผู้บาดเจ็บ อย่าให้อาหารหรือน้ำดื่มแก่เหยื่อที่ยังไม่ทราบอาการบาดเจ็บ แทนที่จะเป็นการช่วย มันอาจกลับทำให้ปวดมากขึ้น [23]
  6. เมื่อหน่วยฉุกเฉินมาถึง ให้ถอยห่างออกมาแทนที่จะอยู่เกะกะขัดขวางการทำงาน พวกเขาเป็นมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนให้รับมือกับเหตุฉุกเฉิน และไม่ควรต้องถูกคุณรบกวน
    • ในกรณีที่คุณได้เห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจกันคุณออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อสอบถามในสิ่งที่เห็น ให้ทำตามคำแนะนำของตำรวจและตอบคำถามไปในขณะที่หน่วยพยาบาลจัดการกับเหยื่อผู้บาดเจ็บ
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • คนส่วนใหญ่พกโทรศัพท์มือถือ ให้เรียกใครสักคนขอให้เขาโทรแจ้งรถฉุกเฉิน อย่าเอ่ยปากขอโทรศัพท์เพราะอาจเกิดเข้าใจผิดกันได้
  • อย่าทำอะไรที่คุณรู้สึกไม่สะดวกใจหรืออาจทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย จำไว้ว่ามืออาชีพกำลังจะมาแล้ว
  • ในสหรัฐนั้น หมายเลข 911 หลายระบบใช้ E-911 หรือ "Enhanced 911" ซึ่งถ้าหากคุณโทรศัพท์จากหมายเลขโทรศัพท์ธรรมดา คอมพิวเตอร์จะสามารถบอกได้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำการบันทึกหมายเลข “โทรกลับ” แต่อย่าเชื่อมั่นในระบบจนเกินไป ควรเตรียมพร้อมบอกเจ้าหน้าที่ว่าคุณอยู่ที่ไหนเสมอ
  • ถ้าคุณใช้ไอโฟน แอพ GPS911, GPS112 หรือ Important Numbers สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศจะกดหมายเลขและแสดงตำแหน่งที่คุณอยู่จาก GPS ได้บนหน้าจอ
  • โทรศัพท์เครื่องไหนก็ใช้ได้ คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการกดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินจากตู้โทรศัพท์สาธารณะเพราะมันไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • เรียนรู้การทำปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพและการปฐมพยาบาลก่อนที่จะเกิดเรื่อง การเตรียมพร้อมเช่นนี้อาจช่วยรักษาชีวิตคนได้ในกรณีเหล่านี้
  • หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้แน่ใจว่าคุณไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงเกิดอันตราย อย่างถ้าเกิดอุบัติเหตุกลางถนน อย่าเข้าไปช่วยจนกว่าเหยื่อจะอยู่ที่ริมถนน เพราะรถรายังแล่นอยู่และอาจทำให้คุณบาดเจ็บเองได้ ไม่ว่าจะเหตุฉุกเฉินกรณีไหน ความปลอดภัยของคุณต้องมาก่อน
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าวางสายจนกว่าเจ้าหน้าที่จะแนะนำคุณเช่นนั้น
  • ตรวจข้อมือหรือลำคอของผู้บาดเจ็บเพื่อหาป้ายบ่งบอกโรคก่อนเสมอ ป้ายอาจมีสีทองหรือเงินแต่ส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์ “ทางการแพทย์” สีแดง (เสามีปีกที่มีงูสองตัวพันเกี่ยวอยู่) ป้ายห้อยเตือนทางการแพทย์จะช่วยให้คุณทราบถึงปัญหาทางการแพทย์ ยาที่ใช้รักษาอยู่ หรือประวัติการแพ้ยา
  • เจ้าหน้าที่รับสายด่วนฉุกเฉินก็เป็นคนเหมือนกัน พวกเขาต้องพบกับความตกใจและความเป็นห่วงจากคนที่โทรมา การไปโมโหใส่ ด่าทอหรือข่มขู่เขาย่อมไม่ใช่การกระทำที่เหมาะสม หากคุณล่วงละเมิดเจ้าหน้าที่ คุณสามารถถูกแจ้งข้อกล่าวหาเอาได้ ไม่ว่ามันจะเกิดในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินก็ตาม
  • ห้ามโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินเล่นๆ การทำเช่นนั้นเป็นการสูญเสียทรัพยากรมีค่าโดยสูญเปล่าและเสี่ยงต่อชีวิตผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือที่แท้จริง นอกจากนี้ มันยังผิดกฎหมาย คุณอาจถูกตามรอยกลับไปยังโทรศัพท์เครื่องที่ใช้และถูกจับกุมได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,922 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา