ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ด้วยอายุของผู้หญิง อาจทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจได้เมื่อพบกับรอยคล้ำรอบดวงตา รอยเหี่ยวย่น และถุงใต้ตาที่ทำให้ดูมีอายุมากขึ้นและดูเปล่งปลั่งน้อยลง อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าให้ถูกต้องและดูแลผิวที่ดีจะช่วยให้ดวงตาของคุณดูอ่อนเยาว์และกลายเป็นจุดที่ดีที่สุดของคุณไปเลย การแต่งตาจะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูสดใสและทำให้รู้สึกสวยขึ้น ช่วยให้มีความมั่นใจในอายุและผิวของตัวเองนั่นเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การเตรียมผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขั้นแรกในการได้มาซึ่งผิวที่ดีและอ่อนเยาว์คือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวทุกวัน เพราะพอคุณแก่ลง ผิวรอบๆ ดวงตาก็มีแววว่าจะขึ้นรอยเหี่ยวย่นและดูหย่อนคล้อย แต่การให้ความชุ่มชื้นกับผิวจะช่วยฟื้นฟูน้ำให้กับผิว ช่วยให้ดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
  2. ทุกคืนก่อนเข้านอน ให้ขัดผิวอย่างอ่อนโยนเพื่อกำจัดความแห้งและผิวที่หลุดลอกออก โดยจะใช้สครับสำหรับผิวหน้าหรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างน้ำมันมะพร้าวก็ได้ แต่ต้องไม่รุนแรงเกินไป เพราะมันจะทำให้ผิวของคุณระคายเคืองเอา ถ้าคุณมีผิวที่บอบบาง ก็ให้หาซื้อที่ขัดผิวที่เหมาะกับลักษณะผิวของคุณเป็นพิเศษ
    • การขัดผิวจะทำให้เกิดประโยชน์ถ้าหากว่าขัดอย่างถูกต้อง แต่ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงหรือขัดแรงเกินไป หน้าคุณอาจเกิดรอยแดง เพิ่มสะเก็ดผิว หรือทำให้เกิดการปวดแสบได้
  3. แม้คุณจะรู้สึกว่าผิวแทนเข้มๆ จะทำให้คุณดูอ่อนวัยกว่าเดิม แต่ความเสียหายจากแสงอาทิตย์นั้นเพียงแต่จะเป็นสาเหตุให้ผิวดูแก่กว่าวัยเร็วขึ้น ให้ทาครีมกันแดดทุกครั้งตอนที่ออกไปข้างนอกเป็นระยะเวลานาน เพื่อกันไม่ให้เกิดรอยเหี่ยวย่นและรอยฝ้าแดดให้เกิดขึ้นบนผิวคุณได้
  4. รอยคล้ำที่เกิดขึ้นใต้ตาคุณอาจยากที่จะซ่อนได้ แต่การทาอายครีมทุกคืน และทาครีมเนื้อเบาตอนเช้าจะช่วยให้รอยคล้ำหายไปได้ ซื้ออายครีมที่เข้ากับโทนสีผิวของคุณ เพื่อที่มันจะได้กลืนไปกับรองพื้นและคอนซีลเลอร์นั่นเอง
  5. หลังจากผ่านวันเวลาอันแสนยาวนาน คุณอาจอยากลงไปนอนโดยไม่ล้างหน้าเลยใช่ไหมล่ะ แต่การล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผิวของคุณสุขภาพดีนะ เครื่องสำอางที่ติดอยู่ไม่ใช่แค่จะไปอุดตันรูขุมขน แต่มันยังทำให้ผิวดูแก่ขึ้นและมีริ้วรอยมากขึ้น เพราะคุณไม่ได้ให้เวลาผิวได้ฟื้นตัวจากการที่ต้องเจอสิ่งต่างๆ ตลอดทั้งวันเลย
    • ระหว่างวันนั้นเอง ที่ผิวคุณจะได้รับฝุ่นและมลพิษเป็นจำนวนมาก การล้างหน้าตอนกลางคืนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกทั้งวันออก และช่วยให้เวลาผิวของคุณได้รับการฟื้นฟู ถ้าคุณยังทิ้งเครื่องสำอางเอาไว้บนหน้า น้ำมันเหล่านั้นจะติดอยู่กับผิวของคุณ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ไปนานๆ ผิวก็จะเกิดริ้วรอยและดูแก่กว่าวัยนั่นเอง [1]
    • ถ้าคุณไม่มีเวลาล้างหน้าตอนกลางคืนเลยหรือเหนื่อยเกินไปแล้ว ก็ให้ใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอางเช็ดผิวและรอบดวงตา คุณควรล้างหน้าทุกวันให้เป็นกิจวัตร แต่ถ้าไม่ล้างบ้างในบางโอกาสก็ไม่เป็นไรหรอกนะ
    • การนอนหลับไปโดยยังมีเครื่องสำอางอย่างรองพื้นค้างอยู่บนตานั้นอาจไม่ส่งผลร้ายแรงกับผิวเท่าไร แต่อาจทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองตาได้
  6. การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผิวเสียร้ายแรงเลยล่ะ เนื่องจากว่าไม่ได้ให้เวลาผิวได้ฟื้นฟูและพักผ่อนอย่างเพียงพอ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นรอยคล้ำใต้ตา ผิวที่ดูโทรมและไร้ชีวิตชีวา เพราะคุณอายุมากขึ้นแล้ว จึงสำคัญที่จะต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่ผิวจะได้ดูสดใสในตอนเช้า [2]
    • ถ้าคุณนอนไม่ค่อยหลับ ให้ลองทำกิจกรรมอะไรสักอย่างก่อนจะเข้านอน ที่จะช่วยผ่อนคลายร่างกายและปรับเตรียมตัวสำหรับการพักผ่อนนั่นเอง อย่างการทำโยคะก่อนนอน ดื่มชาร้อนๆ แช่น้ำผ่อนคลาย เขียนสิ่งที่ต้องทำเรียงไว้เพื่อไม่ให้คิดเรื่องนั้นในหัว หรือออกไปเดินสักหน่อย การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายก่อนเข้านอนจะช่วยลดความเครียดซึ่งจะทำให้คุณหลับได้ช้าลง [3]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

การแต่งหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผู้หญิงจะรู้สึกอายได้ง่ายเลยเมื่อกล่าวถึงอายุ แต่การโตขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติ และถ้ายิ่งมีความมั่นใจในอายุของตัวเอง ก็จะยิ่งรู้สึกว่าตัวเองสวยได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะ ทำความเข้าใจซะว่าผิวของคุณจะดูต่างจากตอนที่คุณอายุประมาณยี่สิบสักหน่อย แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่ซะเมื่อไหร่ หลีกเลี่ยงที่จะแต่งหน้าจัดเกินไป และให้เน้นกับการทำในสิ่งที่ดีที่สุดกับผิวจะดีกว่า
  2. การแต่งอายแชโดว์และเครื่องสำอางแต่งตาอื่นๆ ถือเป็นทักษะอย่างหนึ่ง และคุณอาจต้องแต่งหน้ามากขึ้นถ้าคุณอายุมากขึ้น เพราะคุณจะต้องการที่จะปกปิดผิวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าจัดเกินไปมันจะทำให้ตาของคุณเด่นเกิน (ไม่ใช่ในทางที่ดี) ให้แต่งแบบธรรมชาติๆ ที่จะทำให้ตาของคุณดูโดดเด่นขึ้นมา แต่ไม่ให้เด่นเกินไปก็พอ
  3. ของที่ราคาแพงก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าเสมอไป มันขึ้นอยู่กับลักษณะผิวของคุณ เครื่องมือที่ใช้ และมีประสบการณ์ในการใช้แค่ไหนต่างหาก ให้หารีวิวของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ที่มีคนผิวชนิดเดียวกับคุณลองใช้แล้วอ่านดู เพื่อให้ได้รู้ผลอย่างใกล้เคียงที่สุดว่าถ้าคุณใช้แล้วจะเป็นอย่างไร
    • จำไว้ว่าผิวของทุกคนก็ย่อมมีความต่างกัน ฉะนั้นคุณควรลองกับผิวตัวเองในปริมาณเล็กน้อยจนกว่าจะเจออันที่ได้ผลที่ดีสุด
    • อย่าประมาทพลังของอุปกรณ์แต่งหน้า อุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีสามารถเปลี่ยนให้เครื่องสำอางแต่งออกมาดูดีแทนที่จะน่าเกลียดได้เลย และอุปกรณ์เหล่านี้ก็ควรทดลองใช้เพื่อให้รู้ว่าอันไหนที่เหมาะกับคุณเช่นกัน
  4. หมายถึงทั้งเฉดสีและสีอันเดอร์โทนของคุณเลย การแต่งหน้าด้วยเฉดสีที่ผิดหรือผิดอันเดอร์โทนนั้นอาจทำให้ผิวคุณดูส้มหรือดูเทาได้ ซึ่งก็ยากที่จะออกมาสวยน่ะนะ
    • มีวิธีดูสีอันเดอร์โทนอยู่หลายวิธีด้วยกัน วิธีที่รวดเร็วที่สุดคือให้ดูหลอดเลือดที่ข้อมือตัวเอง ถ้ามันออกเป็นสีเขียว นั่นแปลว่าคุณมีสีอันเดอร์โทนร้อน ถ้าเป็นสีม่วงแปลว่าสีอันเดอร์โทนเย็น และถ้ามันไม่ได้ออกมาชัดเจนก็แปลว่าเป็นอันเดอร์โทนธรรมชาตินั่นเอง
      • แล้วก็ไม่ต้องกลัวที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูให้คุณ
    • ในบางครั้ง เฉดสีและสีอันเดอร์โทนบนใบหน้าของคุณอาจต่างไปจากส่วนอื่นในร่างกาย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่สีเข้ากับคอหรือร่างกายคุณ เพื่อให้เครื่องสำอางทำให้ดูกลมกลืนไปด้วยกัน
    • ตอนนี้คุณก็รู้เฉดสีและอันเดอร์โทนของตัวเองแล้ว ให้หาซื้อผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันซะ การจับคู่รองพื้นกับผิวถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยนะ แต่อายแชโดว์และลิปสติกก็ส่งผลต่างกันมากอยู่พอควร คำแนะนำโดยปกติก็คือให้ใช้สิ่งที่เข้ากับสีอันเดอร์โทนของผิวคุณ (สำหรับคนที่มีอันเดอร์โทนร้อน ให้ใช้อายแชโดว์และที่เขียนขอบปากที่เป็นสีโทนร้อน ส่วนคนที่อันเดอร์โทนเย็นก็จะเหมาะกับสีที่ดูเย็นกว่า)
      • คนที่มีสีผิวอันเดอร์โทนแบบธรรมชาติถือว่าโชคดี เพราะสามารถแต่งหน้าโทนเย็นหรือร้อนก็ได้โดยที่หน้าจะดูไม่ซีดหรือส้มเกินไป
      • นี่ก็แค่เป็นคำแนะนำคร่าวๆ ให้ไปทดลองเพื่อหาสิ่งที่จะทำให้คุณดูดีที่สุดเอาเลยดีกว่า!
  5. มันจะช่วยให้ผิวคุณเรียบเนียนเหมาะกับการแต่งหน้า และเครื่องสำอางก็จะติดไปตลอดทั้งวันด้วย และไพรเมอร์บางตัวก็ยังมีคุณสมบัติที่ทำให้ผิวของคุณดูและรู้สึกกระจ่างใสขึ้น
    • ในการลดริ้วรอยและกระชับรูขมขน ให้ใช้ไพรเมอร์เนื้อหนาที่จะลงไปในผิวและทำให้หน้าคุณดูเรียบเนียนขึ้น
    • เลือกไพรเมอร์ให้ดีเลยนะ ผลลัพธ์จะออกมาต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะของผิวคุณ ฉะนั้นการอ่านรีวิวและทดลองกับผิวสักหน่อยถือเป็นสิ่งสำคัญนะ
  6. มันจะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นและใสขึ้น และควรทำให้ใบหน้าคุณเข้ากับคอและร่างกายด้วย
    • ใช้รองพื้นชนิดน้ำ รองพื้นชนิดฝุ่นอาจให้การปกปิดได้น้อยกว่า และทำให้ผิวคุณดูแห้งขึ้น จึงเป็นการเน้นริ้วรอยและทำให้คุณดูแก่ขึ้นด้วย แล้วก็อย่าใช้พร้อมกับแบบฝุ่น ถ้าคุณอยากให้เครื่องสำอางติดกับหน้านานๆ ให้ใช้สเปรย์ที่ช่วยให้เครื่องสำอางติดทนฉีดเอาหลังจากแต่งหน้าทั้งหน้าเสร็จแล้ว
    • ใช้แปรงหรือฟองน้ำแต่งหน้าในการลงเกลี่ยรองพื้นให้เท่ากันเอา (อย่างฟองน้ำรูปไข่) การใช้นิ้วเกลี่ยอาจทำให้เกิดรอยและดูไม่เท่ากันได้ ให้เกลี่ยไปตรงแนวสันกรามและลงมาถึงคอ เพื่อให้สีกลืนเรียบเนียนไปด้วยกัน
  7. ปกปิดรอยคล้ำและถุงใต้ตาที่รองพื้นไม่อาจช่วยได้. ใช้กฎที่ว่าน้อยแต่มาก โดยให้แตะคอนซีลเลอร์ปริมาณเล็กน้อยลงบนรอยคล้ำหรือถุงใต้ตาบริเวณใต้ตาหรือรอบๆ ดวงตา แล้วเกลี่ยด้วยนิ้วหรือฟองน้ำเพื่อซับให้คอนซีลเลอร์ซึมเข้าผิว เลือกคอนซีลเลอร์ที่สีอ่อนกว่าเฉดผิวหนึ่งถึงสองเฉด และเน้นจุดที่เป็นสีคล้ำ ถ้าหากว่าไปทาจุดที่สีอ่อนกว่านั้นขึ้นมา ผิวคุณจะดูด่างเอาได้ [4]
  8. ปัดบรัชออนที่โหนกแก้ม ไม่ใช่บริเวณกระพุ้งแก้ม. ถ้าปัดตรงกระพุ้งแก้มจะทำให้หน้าคุณดูเหมือนถูกดึงลง ขณะที่ถ้าปัดตรงใกล้ๆ โหนกแก้มจะทำให้หน้าดูเชิดขึ้นและสุขภาพดี
    • คุณสามารถหาแผนภาพออนไลน์ดูได้ ให้แน่ใจว่าได้เกลี่ยขอบของบรัชออนเพื่อให้ผิวดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำหรือครีม และใช้เท่าที่จำเป็น เพราะบรัชออนแบบฝุ่นจะทำให้ผิวดูแห้งได้ ไม่ต่างจากรองพื้น
    • ให้ใช้เฉดสีที่ไปในทางที่อ่อนๆ หน่อย (ให้อยู่ในขอบเขตด้วยนะ) สีเฉดที่เข้มเกินไปจะทำให้ดูไม่สวย และทำให้แก้มของคุณดูตอบ
  9. ด้วยอายุเท่านี้ เปลือกตาจะตกลงมาโดยธรรมชาติ ซึ่งทำให้เครื่องสำอางบนตาหลุดออก เลื่อน หรือเกิดเป็นรอยย่นได้ในระหว่างวัน การใช้ไพรเมอร์ก่อนทาอายแชโดว์จะช่วยให้อายแชโดว์อยู่ในที่ที่ควรอยู่ และยังช่วยให้มันติดนานขึ้นในระหว่างวันได้ด้วย
    • ไพรเมอร์สำหรับเปลือกตานั้นมีหลายสีด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นเฉดสีนู้ดที่เข้ากับสีผิวของคุณ และซ่อนสีด่างๆ บนเปลือกตาของคุณเอาไว้ แต่คุณก็สามารถใช้สีขาวที่จะทำให้เปลือกตาดูเด่นขึ้นมาอีกและสีที่สว่างขึ้น สำหรับผิวที่มีอายุมากแล้ว ให้ใช้ไพรเมอร์ที่เป็นสีนู้ดจะดีกว่า และให้ใช้อายแชโดว์ในการทำให้ดวงตาดูโดดเด่นในแบบที่คุณต้องการ ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงที่จะทำให้ดูไม่สวยหรือทำให้เปลือกตาดูโดดเด่นเกินดวงตาไปเสียอย่างนั้น (ซึ่งจะทำให้ดวงตาดูเล็กลงและเหมือนกับว่าคุณหลับอยู่)
  10. ดวงตาที่มีแนวโน้มจะมีริ้วรอยและดูหย่อนคล้อยนั้นไม่จำเป็นต้องใช้สีอะไรมากนัก เพียงให้มันดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาขึ้นมาสักหน่อยก็พอ ให้ทาสีที่ดูธรรมชาติหรือเฉดสีอ่อนในช่วงโทนสีเดียวกับสีผิวของคุณ (สำหรับผิวขาวถึงผิวสีกลางๆ ให้ลองพวกสีแชมเปญ สีเบจ หรือสีน้ำตาลหม่น สำหรับผิวเข้มให้ลองสีทองหรือน้ำตาลอ่อน) ลงบนเปลือกตาของคุณ และในการทำให้ดูสวยเร้าใจมากขึ้น เช่นจะออกไปงานกลางคืน ให้ทาสีเข้มแบบด้านๆ ในรอยพับของตาและตรงขอบนอก เพื่อให้ดูคมชัดและสวยขึ้น
    • อายแชโดว์เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่แบบเนื้อฝุ่นจะเหมาะกับผิวที่มีอายุมากแล้ว แบบเนื้อครีมจะไปติดในริ้วรอยและรอยพับรอบๆ ตาได้ง่ายกว่าแบบฝุ่น
    • ถ้ามันมีส่วนบนเปลือกตาที่ไม่ได้ถูกปิดไว้อยู่ ก็สามารถใช้สีเฉดชิมเมอร์สีอ่อนไฮไลท์ตรงจุดนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ก็ให้เบามือหน่อยแล้วกัน เพราะถ้าลงไฮไลท์มากเกินไปมันจะทำให้รอยย่นและผิวเปลือกตาที่หย่อนคล้อยดูเด่นขึ้น ดึงความสนใจจากดวงตาของคุณไป และทำให้ดวงตาดูเล็กและเหมือนปิดตาอยู่ ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่คุณพยายามทำอยู่นั่นเอง
    • ระวังการใช้สีเข้ม เพราะมันอาจทำให้ตาดูจมและหนักได้ ถ้าใช้ได้ถูก มันก็จะเป็นการเน้น ซึ่งทำให้ตาคุณดูเปล่งปลั่ง และจะทำให้คุณดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม แต่ถ้าแค่ใช้อายแชโดว์สีอ่อนกับสีเข้ม บวกกับการฝึกแต่งตา ก็จะได้ผลออกมาสมดุลกันดีแล้วล่ะ
    • เน้นส่วนของเปลือกตาและรอยพับของตา เพื่อเลี่ยงไม่ให้ดึงความสนใจออกไปจากเปลือกตา การใช้อายแชโดว์ทาสูงเกินไปจะทำให้ดวงตาดูจมและเหมือนปิดอยู่ จะเลือกใช้สีเฉดอ่อนแบบด้านทาตรงด้านล่างคิ้วเพื่อไฮไลท์โหนกคิ้วและทำให้ตาดูเด่นขึ้นมาก็ได้ แต่มันไม่จำเป็น และอาจดูไม่สวยถ้าไฮไลท์ชัดเกินไป หรือจะไฮไลท์แบบชิมเมอร์สักหน่อยตรงมุมตาด้านใน (ใกล้ๆ กับสันจมูก) เพื่อเสริมให้ตาดูเด่นก็ได้ แต่วิธีนี้ไม่ได้ผลกับดวงตาทุกรูปแบบนะ คุณต้องลองแต่งดูสักหน่อยก่อนให้รู้อยู่ดีล่ะ
    • สวมเสื้อผ้าที่จะช่วยดึงดูดความสนใจมาที่ดวงตา ไม่ใช่อายแชโดว์ที่แต่ง ถ้าคุณมีดวงตาสีฟ้า ให้สวมเสื้อที่จะทำให้ดวงตาของคุณดูเด่นขึ้นมา และให้อายแชโดว์เป็นตัวช่วยเพิ่มความเด่นให้ตา แทนที่จะไปดึงความสนใจให้กับเปลือกตาเต็มๆ การเลือกแว่นให้ถูก ซึ่งตีกรอบดวงตาและใบหน้าของคุณได้ดีก็ถือว่าช่วยเน้นความสวยของดวงตาคุณได้เช่นกัน
    • คุณสามารถหารูปแบบการแต่งหน้าผ่านทางช่องทางออนไลน์เพื่อนำไอเดียมาดูว่าควรทาอายแชโดว์ตรงไหนอย่างไรดีได้ แล้วก็ให้นำมาปรับแต่งให้เข้ากับดวงตาของคุณ
    • อย่าลืมเกลี่ยอายแชโดว์ล่ะ! คุณต้องไล่สีอ่อนๆ จากขอบของแต่ละเฉดสีของอายแชโดว์ และไม่ทำให้มันดูเป็นเส้นทื่อๆ ไม่ดูเป็นธรรมชาติ โดยให้ลองใช้แปรงที่ค่อนข้างเล็ก สะอาด และขนนุ่มในการเกลี่ยสี
  11. ใช้สีที่ดูอ่อนอย่างสีชาร์โคลหรือสีน้ำตาลเข้มเขียนเส้นบางๆ บนเปลือกตาด้านบน แล้วเกลี่ยด้วยแปรงหัวเล็กถ้าหากอยากให้ดูเป็นธรรมชาติจริงๆ การใช้อายไลเนอร์แบบน้ำสีเข้มนั้นจะแรงเกินไปสำหรับตาที่มีอายุมากแล้ว ฉะนั้นให้ใช้อายไลเนอร์ที่สีอ่อนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ดวงตาดูแก่นั่นเอง [5]
    • เลี่ยงที่จะเขียนอายไลเนอร์ที่ขอบตาล่าง เพราะมันจะทำให้ตาของคุณดูเล็กลงเอาได้ ถ้าคุณอยากให้มันมีสีอะไรอยู่ใต้ตาสักหน่อย ให้ใช้แปรงหัวแบนเขียนอายแชโดว์เส้นอ่อนๆ ใต้ขนตาล่างของคุณแทน และอย่าเขียนเยอะเกินไป เพราะยิ่งถ้าแนวขนตาล่างดูโดดเด่นมากเท่าไร ดวงตาก็จะดูตกมากเท่านั้น
  12. แม้ว่าขนตาของคุณจะทั้งบางและมีไม่ค่อยเยอะ ก็ให้เลือกมาสคาร่าที่เน้นให้ขนตายาวมากกว่าแบบที่ทำให้หนาจะดีกว่า การที่ปัดให้ขนตาหนาแต่ไม่ยาว จะทำให้ขนตายิ่งดูสั้นจับกันเป็นก้อนๆ น่ะสิ สีมาสคาร่านั้นไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมาก แต่ให้พยายามใช้เฉดสีที่เข้ากับคิ้วของคุณ (สีดำก็โอเคสำหรับขนคิ้วสีเข้ม แต่ถ้าคิ้วของคุณเป็นสีบลอนด์ ก็ให้ใช้มาสคาร่าสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้มจะดีกว่า)
    • ก่อนที่จะปัดมาสคาร่า ให้ดัดขนตาให้ออกมาเป็นทรงสวยก่อน จากนั้นก็ใช้ไพรเมอร์มาสคาร่าเพื่อช่วยให้มาสคาร่าติดขนตาคุณในระหว่างวัน แล้วก็อย่าชักก้านมาสคาร่าขึ้นลงมากนัก เพราะมาสคาร่าอาจแห้งได้
    • พิจารณาในการใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำ เพื่อให้มาสคาร่าติดขนตานานๆ ระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม ให้ใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางที่เป็นน้ำมันในการล้างมันออกเมื่อหมดวันแล้วด้วยล่ะ
  13. เริ่มจากขั้วของขนตา แล้วแกว่งด้ามมาสคาร่าไปมาให้ผ่านขนตา เพื่อให้มาสคาร่าอยู่ตรงขั้วขนตามากที่สุด จากนั้นก็ปัดผ่านไปถึงปลายขนตา ทำแบบนี้อยู่สองสามครั้ง หรือจนกว่าปัดขนตาออกมาได้สวยแล้ว
    • อย่าปัดมาสคาร่ามากเกินไป เพราะมันจะทำให้ขนตาคุณดูเหมือนแมงมุมและดูไม่เป็นธรรมชาติน่ะสิ มันมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างปัดมาสคาร่าบนขนตาออกมาดูดีและปัดมากเกินไปอยู่
    • ปัดมาสคาร่าตรงขนตาล่างจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นพอนะ คุณต้องกำหนดปริมาณดู แต่ต้องให้ขนตาด้านบนดวงตามองเห็นได้ชัดสุด สำหรับบางคนแล้ว แค่กระพริบตาให้มาสคาร่าที่ติดอยู่กับขนตาบนลงมาติดขนตาล่างด้วยก็เพียงพอแล้ว
  14. ใช่ว่าทุกคนจะอยากติดขนตาปลอม แต่ถ้าขนตาของคุณบางมากและแทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว ถ้าติดขนตาปลอมที่ดูเป็นธรรมชาติเข้าไปก็จะมีประโยชน์ในการทำให้ดวงตาของคุณดูอ่อนกว่าวัยได้นะ โดยต้องติดแบบที่แยกขนตาออกจากกัน (แบบที่มีคุณภาพจะราคาสูงกว่า) จะดีกว่าติดแบบเป็นแถบพรืดเดียวเลย [6]
    • ขนตาปลอมสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ตราบใดที่คุณดูแลมันดีน่ะนะ และคุณสามารถหาซื้อกาวติดขนตาต่างหากได้ ถ้าที่ให้มามันไม่พอ
  15. พอผู้หญิงอายุมากขึ้น คิ้วก็จะบางลง บางทีก็อาจบางจนมองไม่เห็นเลยก็ได้ การไปพบช่างแต่งหน้า เพื่อขอคำแนะนำถึงวิธีที่จะทำให้ขนคิ้วดูชัดขึ้นจะทำให้คุณดูอ่อนเยาว์กว่าวัย เพราะพวกเขาจะพยายามทำให้คิ้วของคุณดูโก่ง ซึ่งจะไม่ทำให้ดวงตาของคุณดูตกได้ [7]
    • หรือจะเขียนคิ้วด้วยตัวเองและเขียนให้มันดูหนาขึ้น เต็มขึ้น เพื่อทำให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ การใช้ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นและแบบดินสอที่มีเฉดสีเข้มกว่าขนคิ้วหนึ่งถึงสองเฉดจะช่วยเพิ่มสีและรูปทรงของคิ้วบางๆ นั่นได้ ให้ใช้ที่เขียนคิ้วสีอ่อนและบางเพื่อเลียนแบบให้ดูเหมือนขนธรรมชาติตรงข้ามกับการเขียนเป็นเส้นหนา
  16. ถ้าจะต้องเพิ่มความคงทนให้เครื่องสำอางในระหว่างวัน อย่างถ้าคุณอยู่ในที่ที่ร้อนและชื้น หรือออกไปทำงานข้างนอก ก็ให้ใช้สเปรย์ฉีดหลังแต่งหน้า. คุณไม่จำเป็นต้องฉีดให้ชุ่มหรอกนะ แต่ก็ต้องฉีดในปริมาณที่พอให้มันได้ผลจริงๆ โดยถือขวดสเปรย์ให้ห่างจากหน้า 20-30 ซม. แล้วฉีดเป็นรูปตัว T ตามด้วยรูปตัว X ก็พอที่จะทำให้เครื่องสำอางติดหน้าไปได้ทั้งวันแล้วล่ะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่ามันก็แค่เครื่องสำอาง และคุณสามารถล้างมันออกได้เมื่อหมดวันแล้ว สนุกกับมันให้เต็มที่ไปเลย! มันควรจะเป็นการแต่งให้สนุก ฉะนั้นอย่าไปเครียดถ้ามันจะออกมาไม่"สมบูรณ์แบบ" หรือไม่ต้องทำตามทุกวิธีในบทความนี้ก็ได้ มันคือใบหน้าของคุณ ขึ้นอยู่กับคุณเองเลย!
  • คุณสามารถจองคิวแต่งหน้ากับช่างแต่งหน้าที่จะให้คำแนะนำส่วนตัวกับคุณได้ หลายๆ คนจะได้ฝึกด้วยการที่ช่างจะแต่งหน้าให้คุณครึ่งหนึ่ง และให้คุณแต่งเองอีกครึ่งหนึ่ง โดยทำตามสิ่งที่ช่างทำ และหลายๆ ร้านยังให้แต้มสะสมตอนที่คุณจ่ายค่าเรียนแต่งหน้านี้ด้วยนะ ฉะนั้นถ้าคุณต้องการจะซื้อของบางอย่างจากร้านนั้น ก็ให้ดูว่าสามารถขอฝึกแต่งหน้าได้หรือไม่
  • ใช้แปรงแต่งหน้าให้ถูกจุดประสงค์ มันจะเป็นเรื่องยากในการพยายามเกลี่ยเปลือกตาด้วยแปรงขนาดเท่าฝ่ามือ พอๆ กับการทารองพื้นด้วยแปรงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเต่าทองนั่นแหละนะ!
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,369 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา