ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเปลี่ยนรหัสผ่านของคอมพิวเตอร์ในกรณีที่คุณลืม คุณทำได้ 2 - 3 วิธีด้วยกัน ทั้งใน Windows และ Mac
ขั้นตอน
-
วิธีนี้เหมาะกับกรณีไหน. ถ้าใช้คอม Windows 10 ที่ต้องล็อกอินบัญชี Microsoft (เช่น อีเมล) ก็รีเซ็ตรหัสผ่านในเน็ตได้เลย
- แต่ต้องทำในคอมอีกเครื่อง
-
คลิก Reset your password page . ที่เป็นลิงค์ในขั้นตอนที่ 1 ของหัวข้อ "Online"
-
4ติ๊กช่อง "I forgot my password". ทางด้านบนของแบบฟอร์ม
-
5คลิก Next . ที่เป็นปุ่มสีฟ้า ทางด้านล่างของแบบฟอร์ม
-
พิมพ์อีเมล. พิมพ์อีเมลของบัญชีที่จะรีเซ็ตรหัสผ่าน
-
7กรอกโค้ดยืนยัน. จะมีตัวอักษรมั่วๆ ให้กรอกตามที่เห็น ในช่องพิมพ์ด้านล่าง
- ย้ำว่าต้องพิมพ์เป็นตัวพิมพ์เล็ก-ใหญ่ ตามที่เห็นเป๊ะๆ
-
คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้า
-
เลือกตัวเลือกกู้คืนบัญชี. ติ๊กช่อง "Text" หรือ "Email"
- บางทีก็มีแค่ตัวเลือกเดียว แล้วแต่ตัวเลือกกู้คืนบัญชีที่คุณกำหนดไว้
-
กรอกเบอร์โทรหรืออีเมลสำหรับกู้คืนบัญชี. ถ้าเลือก "Text" ให้พิมพ์ 4 หลักสุดท้ายของเบอร์โทรสำหรับกู้คืนบัญชี แต่ถ้าเลือก "Email" ให้พิมพ์อีเมลที่แสดงไว้แค่บางส่วนให้ครบถ้วน
-
คลิก Send code . ทางด้านล่างของหน้า
-
รับแล้วกรอกโค้ด. ให้ทำตามหนึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้ แล้วแต่ว่าเลือกตัวเลือกกู้คืนบัญชีแบบไหนไป
- Text — เปิดแอพ Messages ในมือถือ เปิดข้อความที่ได้จาก Microsoft หาโค้ดในข้อความ แล้วพิมพ์โค้ดในช่องที่เห็นในคอม
- Email — เปิด inbox ของอีเมลที่ใช้กู้คืนบัญชี เปิดอีเมลที่ได้จาก Microsoft หาโค้ดในอีเมล แล้วพิมพ์โค้ดในช่องที่เห็นในคอม
-
คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้า
-
พิมพ์รหัสผ่านใหม่. พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่ต้องการ ในทั้ง 2 ช่องในหน้านี้
- รหัสผ่านต้องมีความยาว 8 ตัวอักษรขึ้นไป
-
คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้า ถ้ากรอกรหัสผ่านตรงกัน ก็จะล็อกอินบัญชี Windows 10 ได้ด้วยรหัสผ่านที่เพิ่งตั้งโฆษณา
-
วิธีนี้เหมาะกับกรณีไหน. ถ้าใช้คอม Windows 10 ที่ต้องล็อกอินบัญชี Microsoft (เช่น อีเมล) ก็รีเซ็ตรหัสผ่านด้วยฟีเจอร์ "I forgot my password" ใน Lock Screen ได้เลย
- ถ้าตอนนี้เข้าใช้คอมไม่ได้ ให้ เปลี่ยนรหัสผ่านในเว็บ แทน
-
เปิดคอม. ถ้าหน้าล็อกอินของคอมไม่โผล่มา ให้กดปุ่ม "Power" เพื่อเปิดคอม
-
เปิดหน้าล็อกอิน. โดยคลิกที่ไหนก็ได้ในหน้าจอ หรือกด spacebar เพื่อแสดงช่องกรอกรหัสผ่าน
-
คลิก I forgot my password . ที่เป็นลิงค์ทางด้านล่างของหน้าจอ
- ถ้าเป็นช่องกรอก PIN แทน ให้คลิก Sign-in options ก่อน แล้วคลิกไอคอนแถบแนวนอนที่โผล่มา
-
5กรอกโค้ดยืนยัน. จะมีตัวอักษรมั่วๆ ให้กรอกตามที่เห็น ในช่องพิมพ์ด้านล่าง
- ย้ำว่าต้องพิมพ์เป็นตัวพิมพ์เล็ก-ใหญ่ ตามที่เห็นเป๊ะๆ
-
6คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้า
-
เลือกตัวเลือกกู้คืนบัญชี. ติ๊กช่อง "Text" หรือ "Email"
- บางทีก็มีแค่ตัวเลือกเดียว แล้วแต่ตัวเลือกกู้คืนบัญชีที่คุณกำหนดไว้
-
กรอกเบอร์โทรหรืออีเมลสำหรับกู้คืนบัญชี. ถ้าเลือก "Text" ให้พิมพ์ 4 หลักสุดท้ายของเบอร์โทรสำหรับกู้คืนบัญชี แต่ถ้าเลือก "Email" ให้พิมพ์อีเมลที่แสดงไว้แค่บางส่วนให้ครบถ้วน
-
คลิก Send code . ทางด้านล่างของหน้า
-
รับแล้วกรอกโค้ด. ให้ทำตามหนึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้ แล้วแต่ว่าเลือกตัวเลือกกู้คืนบัญชีแบบไหนไป
- Text — เปิดแอพ Messages ในมือถือ เปิดข้อความที่ได้จาก Microsoft หาโค้ดในข้อความ แล้วพิมพ์โค้ดในช่องที่เห็นในคอม
- Email — เปิด inbox ของอีเมลที่ใช้กู้คืนบัญชี เปิดอีเมลที่ได้จาก Microsoft หาโค้ดในอีเมล แล้วพิมพ์โค้ดในช่องที่เห็นในคอม
-
คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้า
-
พิมพ์รหัสผ่านใหม่. พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่ต้องการ ในทั้ง 2 ช่องในหน้านี้
- รหัสผ่านต้องมีความยาว 8 ตัวอักษรขึ้นไป
-
คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้า เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านเป็นรหัสผ่านใหม่ที่เพิ่งกรอกไป
-
คลิก Next อีกรอบ เพื่อกลับไปยังหน้าล็อกอิน. เท่านี้ก็กรอกรหัสผ่านใหม่เพื่อล็อกอินได้เลยโฆษณา
-
วิธีนี้เหมาะกับกรณีไหน. ถ้ามีบัญชีที่ใช้ล็อกอินคอมแล้วลืมรหัสผ่าน ให้เข้า Command Prompt แล้วสร้างบัญชีแอดมินใหม่ สำหรับเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีของคุณ
- ข้อเสียคือวิธีนี้ใช้รีเซ็ตรหัสผ่านบัญชี Microsoft ไม่ได้
- ถ้าเข้าบัญชีแอดมินของ Windows 10 ได้ แต่เข้าบัญชีผู้ใช้ไม่ได้ ให้ ใช้บัญชีแอดมิน รีเซ็ตรหัสผ่านแทน
-
สร้างไดรฟ์ USB สำหรับติดตั้ง Windows 10. จะเข้าหน้า setup ได้ ต้องทำขั้นตอนแรกของการติดตั้ง Windows 10 โดยเริ่มจากสร้างไดรฟ์ USB สำหรับติดตั้งซะก่อน ให้
- เข้าเว็บ http://microsoft.com/software-download/windows10 ในเบราว์เซอร์ของคอม
- คลิก Download tool now
- เสียบแฟลชไดรฟ์ 8 GB (หรือจุได้มากกว่า) ที่คอม
- ดับเบิลคลิกไฟล์ tool ที่ดาวน์โหลดมา
- ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏ โดยเลือกแฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ติดตั้ง
-
เข้าหน้า BIOS ของคอม. รีสตาร์ทคอมโดยคลิก Power แล้วคลิก Restart จากนั้นกดปุ่มสำหรับเข้า BIOS ของคอมทันทีที่จอดำ
- ปุ่มเข้า BIOS จะแตกต่างกันตามเมนบอร์ดของคอม แนะนำให้เช็คปุ่มที่ต้องกดของคอมรุ่นที่ใช้ซะก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปุ่มตระกูล "Function" (เช่น F12 ), ปุ่ม Esc และปุ่ม Del
- ถ้าคอมรีสตาร์ทเข้า lock screen ต้องรีสตาร์ทอีกทีแล้วลองกดปุ่มอื่น
-
เปลี่ยนลำดับอุปกรณ์ที่ใช้บูทเครื่อง. โดย
- หา tab "Boot Order" หรือ "Advanced"
- ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนไปเลือกชื่อแฟลชไดรฟ์ (หรือตัวเลือก "USB")
- ขยับแฟลชไดรฟ์ขึ้นมาบนสุดของรายชื่ออุปกรณ์ โดยกดปุ่ม +
-
เซฟแล้วออกจาก BIOS. กดปุ่ม "Save and Exit" ตามที่ขึ้นใน key legend ทางขวา หรือทางด้านล่างของหน้าจอ
- อาจจะมีให้ยืนยันตัวเลือกก่อน
-
เปิด Command Prompt. พอเจอหน้า setup ให้กด ⇧ Shift + F10 (หรือ ⇧ Shift + Fn + F10 ในคอมบางรุ่น) เพื่อเปิดหน้าต่าง Command Prompt
- ถ้าคอมเข้าหน้าล็อกอินแทนหน้า setup ให้คลิก Power คลิก Restart แล้วรอจนหน้า setup โผล่มา
- อาจจะต้องกดปุ่มเข้าหน้า setup ปกติจะขึ้นว่า "Press any key to continue..."
-
เปลี่ยน Utility Manager shortcut ใน Command Prompt. พอเปิดหน้าต่าง Command Prompt แล้ว ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- พิมพ์ move c:\windows\system32\utilman.exe c:\windows\system32\utilman.exe.bak ใน Command Prompt
- กด ↵ Enter
- พิมพ์ copy c:\windows\system32\cmd.exe c:\windows\system32\utilman.exe ใน Command Prompt
- กด ↵ Enter
-
ถอดแฟลชไดรฟ์แล้วรีสตาร์ทคอม. โดยกดปุ่ม "Power" ที่คอมค้างไว้ จนคอมดับไป จากนั้นถอดแฟลชไดรฟ์ แล้วกดปุ่ม "Power" อีกรอบ
-
เปิด Command Prompt ใน Lock Screen. พอเจอ Lock Screen ให้คลิกไอคอน "Utility Manager" ที่เป็นแป้น ด้านซ้ายล่างของหน้าจอ เพื่อเปิดหน้าต่าง Command Prompt
-
สร้างบัญชีแอดมินใหม่. พอเปิด Command Prompt แล้ว ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- พิมพ์ net user name /add โดยเปลี่ยน "name" เป็น username ที่ต้องการ
- กด ↵ Enter
- พิมพ์ net localgroup administrators name /add อีกรอบ โดยเปลี่ยน "name" เป็นชื่อผู้ใช้ที่เพิ่งสร้าง
- กด ↵ Enter
-
รีสตาร์ทคอม. คลิกปุ่ม Power แล้วคลิก Restart
-
ล็อกอินด้วยบัญชีแอดมินใหม่. คลิกชื่อบัญชีแอดมินที่เพิ่งสร้าง ในด้านซ้ายล่างของหน้าจอ
- Windows 10 จะตั้งค่าบัญชีสัก 2 - 3 นาที
-
เปลี่ยนรหัสผ่าน ด้วยบัญชีแอดมินใหม่. เท่านี้ก็เปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้ไหนก็ได้ จากใน Control Panelโฆษณา
-
วิธีนี้เหมาะกับกรณีไหน. ถ้าเข้าบัญชีแอดมินในคอมได้ แต่ไม่มีรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้อื่น (ที่ไม่ใช่บัญชี Microsoft) ให้ล็อกอินบัญชีแอดมิน แล้วเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้อื่น จากใน Control Panel
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows มุมซ้ายล่างของหน้าจอ
-
เปิด Control Panel. พิมพ์ control panel แล้วคลิก Control Panel ในผลการค้นหา
-
คลิก User Accounts . ที่เป็นหัวข้อทางซีกขวาของหน้าต่าง Control Panel เพื่อเปิดหน้าบัญชีผู้ใช้
- ถ้าคลิก User Accounts มาเจออีกหน้าที่มีรายชื่อ User Accounts ทางด้านบนของหน้าต่าง ให้คลิก User Accounts
-
คลิก Manage another account . ที่เป็นลิงค์ล่างรูปโปรไฟล์ เพื่อเปิดรายชื่อบัญชีผู้ใช้ที่มีในเครื่อง รวมถึงบัญชีที่จะเปลี่ยนรหัสผ่านด้วย
-
เลือกบัญชีผู้ใช้. คลิกบัญชีที่จะเปลี่ยนรหัสผ่าน
-
คลิก Change the password . ทางซ้ายของหน้าต่างโปรไฟล์ปัจจุบันของบัญชีผู้ใช้
-
พิมพ์รหัสผ่านใหม่. พิมพ์รหัสผ่านใหม่ในช่อง "New password" และ "Confirm new password"
- จะใส่คำใบ้รหัสผ่านในช่อง "Type a password hint" ด้วยก็ได้ เผื่อลืมรหัสผ่าน จะได้เตือนความจำตัวเอง
-
คลิก Change password . ล่างหน้าต่างโปรไฟล์ เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้ ให้คุณล็อกอินด้วยรหัสผ่านใหม่ได้ ครั้งหน้าที่รีสตาร์ทคอมโฆษณา
-
ลองล็อกอิน 3 ครั้งขึ้นไป. ถ้าล็อกอิน 3 ครั้งแล้วยังเข้าไม่ได้ จะมีข้อความแนะนำให้รีเซ็ตรหัสผ่านด้วย Apple ID ถ้าไม่มีข้อความนี้โผล่มา แสดงว่าบัญชีคุณรีเซ็ตผ่านเว็บไม่ได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
คลิกลูกศร. ลูกศรชี้ขวาจะโผล่มาข้างตัวเลือก Apple ID คลิกแล้วหน้าล็อกอิน Apple ID จะเปิดขึ้นมา
-
ล็อกอินบัญชี Apple ID. พิมพ์อีเมลและรหัสผ่าน Apple ID แล้วกด ⏎ Return
-
ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏ. บางทีก็ต้องยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (two-factor authentication) ก่อน แล้วแต่ Apple ID ที่ใช้ จากนั้น Apple อาจจะถามคำถามยืนยันตัวตน (security questions) ด้วย
-
กรอกรหัสผ่านใหม่ 2 ครั้ง. ให้พิมพ์รหัสผ่านที่ต้องการในทั้ง 2 ช่องที่มี แล้วกด ⏎ Return
-
คลิก Restart ตอนที่ขึ้น. เพื่อรีสตาร์ท Mac แล้วกลับมาที่หน้าล็อกอิน เท่านี้ก็เลือกบัญชีแล้วล็อกอินด้วยรหัสผ่านใหม่ได้เลย
- แต่วิธีนี้ คุณจะเข้า login keychain เก่าไม่ได้ จะมีถามว่าจะสร้าง keychain ใหม่หรือไม่ ตอนล็อกอิน
โฆษณา
-
รีสตาร์ท Mac. คลิก Restart ทางด้านล่างของหน้าล็อกอิน เพื่อรีสตาร์ท Mac
- ถ้า Mac เปิดใช้ FileVault ไว้ แล้วจำรหัสผ่านที่ใช้ปิดไม่ได้ ก็จะใช้วิธีการนี้ไม่ได้
-
เปิดเมนู recovery. กด ⌘ Command + R ทันทีหลังคลิก Restart และอย่าปล่อยมือจนกว่าโลโก้ Apple จะโผล่มาในหน้าจอ
-
คลิก → . ทางด้านล่างของหน้า
-
คลิก Utilities . ที่เป็นเมนูทางด้านบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก Terminal . ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง Terminal สำหรับพิมพ์คำสั่ง
-
พิมพ์คำสั่งรีเซ็ตรหัสผ่าน. พิมพ์ resetpassword แล้วกด ⏎ Return จากนั้นรอจนหน้ารีเซ็ตรหัสผ่านโผล่มาที่เบื้องหลัง
- พอหน้ารีเซ็ตรหัสผ่านเปิดขึ้นมา ก็ปิด Terminal ได้เลย
-
เลือกบัญชีตัวเอง. คลิกชื่อบัญชีเพื่อเลือก แล้วคลิก Next
-
ตั้งรหัสผ่านใหม่. พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่ต้องการ ในช่อง "New password" และ "Verify password"
-
คลิก Next . ทางด้านล่างของหน้าจอ
-
คลิก Restart . ที่เป็นตัวเลือกทางด้านล่างของหน้าจอ เพื่อรีสตาร์ท Mac เข้าหน้าล็อกอิน เท่านี้ก็ล็อกอินด้วยรหัสผ่านใหม่ได้โฆษณา
-
ล็อกอินบัญชีแอดมิน. เลือกบัญชีแอดมิน แล้วกรอกรหัสผ่านของบัญชีเพื่อล็อกอิน
-
เปิดเมนู Apple . คลิกโลโก้ Apple มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก System Preferences… . ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง System Preferences
-
คลิก Users & Groups . ที่เป็นตัวเลือกในหน้าต่าง System Preferences เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่
-
คลิกไอคอนแม่กุญแจ. มุมซ้ายล่างของหน้าต่าง Users & Groups
- ถ้าไอคอนแม่กุญแจเปิดอยู่ ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้กับขั้นตอนถัดไป
-
พิมพ์รหัสผ่านแอดมิน. ให้พิมพ์รหัสผ่านแอดมินในช่องที่โผล่มา แล้วกด ⏎ Return
-
เลือกบัญชีที่เข้าไม่ได้. คลิกชื่อบัญชีที่อยากรีเซ็ตรหัสผ่าน
-
คลิก Reset Password… . ที่เป็นปุ่มทางด้านบนของเมนู
-
ใส่รหัสผ่านใหม่. พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่จะใช้ ในช่อง "New password" แล้วกรอกซ้ำในช่อง "Verify" [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
คลิก Change Password . ทางด้านล่างของหน้าต่าง pop-up เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านผู้ใช้โฆษณา
เคล็ดลับ
- ปกติคอมพิวเตอร์ Windows 10 จะใช้ PIN 4 หลักตามค่า default ถ้าจำรหัสผ่านไม่ได้ แต่รู้ PIN ก็คลิก Sign-in options ใน Lock Screen คลิกไอคอนแป้นตัวเลข แล้วใส่ PIN เพื่อล็อกอินได้เลย
- ถ้าคอมที่ใช้เป็น XP รุ่นเก่ามาก อาจจะกู้คืนรหัสผ่านของคอมได้
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าเข้าบัญชีตัวเองไม่ได้จริงๆ อาจจะต้องยกเครื่องไปให้ช่างมืออาชีพช่วยกู้คืนให้ หรือเลือกล้างข้อมูลในคอมให้เหมือนเครื่องใหม่แทน ถ้าเคย backup ข้อมูลไว้ในที่เก็บข้อมูลภายนอก (เช่น external hard drive) ก็เซฟข้อมูลคืนเครื่องได้เลย
โฆษณา
โฆษณา