PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเข้าถึงข้อมูลใน Deep Web หรือก็คือข้อมูลในเน็ตที่ค้นด้วย search engine ทั่วไปอย่าง Google หรือ Bing ไม่เจอ นอกจากนี้ยังแนะนำวิธีการเข้า Dark Web ที่อยู่ใน Deep Web อีกที อย่างหลังนี่แหละที่เข้ายากและสุ่มเสี่ยงน่าดู

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เข้า Deep Web

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. Deep Web รวบรวมข้อมูลออนไลน์ที่จะไม่ถูก index หรือไม่ขึ้นทะเบียนใน search engine ทั่วไป (อย่าง Google เป็นต้น) แน่นอน เพราะงั้นถ้าจะค้นหาข้อมูลใน Deep Web ก็ต้องเปิดที่แหล่งข้อมูลโดยตรง แล้วค้นหาในนั้น ค้นจากใน Google ไม่ได้ [1]
    • ตัวอย่างที่น่าจะเห็นภาพของข้อมูลใน Deep Web ที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเรา ก็เช่น ฐานข้อมูลของหอสมุดมหาวิทยาลัย ผลการค้นหาของเว็บท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น
    • ข้อมูลทั่วไปใน Deep Web ไม่ใช่ข้อมูลผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกงานวิจัยดัง หรือแหล่งข้อมูลตามหอสมุดหรือห้องสมุดต่างๆ
    • Deep Web เป็นคนละเรื่องกับ Dark Web เลย เพราะอย่างหลังคนมักนิยมใช้ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ผิดกฎหมายแบบไม่เปิดเผยตัวตน
  2. เวลาคุณค้นหาคำหรือวลีใน search engine อย่าง Google ตัว search engine จะ "กวาด" หาข้อมูลระดับพื้นผิวของอินเทอร์เน็ต [2]
    • แต่ข้อมูล Deep Web อยู่ลึกลงไปเกินกว่าระดับพื้นผิว เลยทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์จาก Deep Web ติดมาด้วย เวลาค้นหาใน search engine ทั่วไป
  3. เพื่อป้องกันไว้ก่อน เพราะเบราว์เซอร์ Firefox จะป้องกันไม่ให้ใครมาติดตามประวัติการท่องเว็บของคุณ ทั้งเพื่อไม่ให้สืบย้อนหลังเวลาคุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ใน Deep Web และเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวจากเบราว์เซอร์อื่นๆ [3]
    • แต่ค่ายเน็ต (Internet Service Provider (ISP)) ก็เหมือนเบราว์เซอร์อื่นๆ คือจะยังเห็นพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณอยู่ถ้าสืบค้น
  4. หลายเว็บมี search engine ในตัว เอาไว้ใช้สืบค้นข้อมูลที่มีแต่ในเว็บนั้น และไม่ขึ้นในผลลัพธ์ของ search engine
    • เช่น search engine ของ Facebook คุณใช้แถบค้นหาของ Facebook หาผู้ใช้ เพจ และอื่นๆ ที่ปกติไม่ขึ้นในผลลัพธ์ของ search engine อย่าง Google ได้
    • อีกตัวอย่างก็เช่น แถบค้นหาของเว็บหรือคลังวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัยต่างๆ พวกนี้เป็นข้อมูลที่จะไม่โผล่มาใน search engine ง่ายๆ แน่นอน
  5. DuckDuckGo คือเว็บ https://duckduckgo.com/ เป็น search engine ที่เน้นรักษาความเป็นส่วนตัว ค้นหาได้ทั้งผลลัพธ์ทั่วไปและ Deep Web ถึงจะไม่เยอะ แต่ก็พอเจอผลลัพธ์ Deep Web ได้บ้าง
    • ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของ DuckDuckGo คือจะได้ผลการค้นหาพื้นๆ ที่คนนิยม มากกว่าแบบ Deep Web ที่ลึกลงไป
    • ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ Deep Web จาก DuckDuckGo ให้ลองค้นต่อไปจนถึงหน้าสุดท้ายของผลการค้นหาดู
  6. ถ้าอยากค้นหาฐานข้อมูลบางประเภทแบบเฉพาะเจาะจง (เช่น เนื้อข่าว) ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    • เข้าเว็บ http://www.searchengineguide.com/searchengines.html
    • เลือกหมวดหมู่ของ search engine (เช่น Architecture (สถาปัตยกรรม))
    • เลือกหมวดหมู่ย่อย ถ้ามี
    • เลือกฐานข้อมูลที่ต้องการ จากรายการผลการค้นหา
  7. อย่างที่บอกไปก่อนหน้า ว่าไม่ต้องกลัวมีปัญหาเวลาใช้ Deep Web เพราะไม่ได้น่ากลัวเหมือน Dark Web ขอแค่ใช้งานอย่างระวังเหมือนเวลาท่องเน็ตตามปกติ (เช่น ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่ดาวน์โหลดไฟล์แปลกๆ เป็นต้น) ก็ปลอดภัยหายห่วง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

เข้า Dark Web

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. Dark Web ก็คือข้อมูลใน Deep Web แต่เป็นส่วนที่จะไม่มีทางหาเจอ ถ้าไม่ใช้โปรแกรมพิเศษหรือมีลิงค์เฉพาะ ข้อมูลที่เจอใน Dark Web จะต่างจาก Deep Web ตรงที่มักเป็นลิงค์เสีย เว็บที่ไม่อัพเดท และข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ [4]
    • ส่วนใหญ่ Dark Web เอาไว้ให้พวกนักข่าว นักเคลื่อนไหวประท้วงการเมือง และผู้เปิดโปงทุจริต (whistleblowers) เป็นต้น ได้ใช้งานแบบไม่เปิดเผยตัวตน
  2. ถึงปกติ Dark Web จะไม่อันตรายถ้าไม่หาเรื่องใส่ตัวซะเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนใหญ่ Dark Web ถูกใช้ไปในทางไม่ถูกไม่ควร ข้อดีคือคุณแยกส่วนที่ถูกกฎหมายของ Dark Web ได้ค่อนข้างชัดเจน [5]
    • ส่วนใหญ่ถ้าไม่พยายามเข้าเว็บผิดกฎหมายซะเอง จะเห็นลิงค์เสียเต็มไปหมด และเว็บค่อนข้างโหลดช้ากว่าปกติ
    • แต่ถ้า ดันทุรัง จะเข้าถึงเนื้อหาผิดกฎหมาย มักจะลงเอยด้วยการถูกจับซะก่อนจะเจอข้อมูลที่ต้องการ
    • ถ้าเคยได้ยินเรื่องสยองของ Dark Web มาเยอะ บอกเลยว่าส่วนใหญ่จะเป็นข่าวลือเอาไว้ขู่กันสนุกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าไปติดต่อพูดคุยกับคนแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจ และอย่าไปดาวน์โหลดอะไรไม่ชอบมาพากลที่เจอใน Dark Web
  3. ถึงเดี๋ยวนี้ Windows 10 จะปลอดภัยแน่นหนากว่าเวอร์ชั่นก่อนๆ แต่ก็ยังมีช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัย จนอาจตกเป็นเหยื่อของแฮกเกอร์และไวรัสได้ตอนท่อง Deep Web [6]
    • Linux นี่แหละที่แนะนำให้ใช้ ถ้าอยากท่อง Dark Web จริงๆ หรือจะใช้ Ubuntu Linux ฟรีเหมือนคนส่วนใหญ่ก็ได้
    • ถ้าใช้ Mac ก็ปลอดภัยหายห่วง ขอแค่ใช้ VPN และ Tor
  4. มีบางอย่างที่ควรทำ เพื่อป้องกันเรื่องไม่พึงประสงค์ไม่คาดคิดตอนท่อง Dark Web
    • หาอะไรมาปิด webcam ของคอม
    • สัญญาณเน็ตที่ใช้ต้องเข้ารหัสเสมอ ถ้ายังไม่ได้ทำให้ทำซะก่อน
  5. ใช้ VPN . ก่อนดาวน์โหลด Tor (ถ้าเป็นไปได้) หรือก่อนท่อง Dark Web ต้องติดตั้งและเปิดใช้งาน Virtual Private Network (VPN) ซะก่อน ส่วนใหญ่คนนิยมใช้ NordVPN กับ ExpressVPN แต่คุณเลือกใช้ VPN ไหนก็ได้ที่มีฟีเจอร์ต่อไปนี้ [7]
    • มี kill switch เผื่อ VPN ล่ม
    • โหลดเร็ว
    • มีระบบป้องกัน IP และ DNS รั่ว
    • เชื่อมต่อผ่านเซิร์ฟเวอร์ของประเทศอื่นได้
  6. VPN จะช่วยซ่อน IP address ของคุณจากคนอื่นที่พยายามค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของคุณ เท่ากับมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้น เพราะ IP address ที่คนอื่น เห็น จะโยงกลับไปยังประเทศอื่น ไม่ใช่ประเทศที่คุณอยู่
  7. คุณดาวน์โหลด Tor หรือเบราว์เซอร์สำหรับท่อง Dark Web โดยเฉพาะ ได้ที่ https://www.torproject.org/projects/torbrowser.html.en
    • ต้องมี Tor ถึงจะเปิดเว็บที่ลงท้ายด้วย ".onion" ได้ พวกนี้เป็นประเภทข้อมูลใน Dark Web
  8. เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสาธารณะจากการท่องเว็บครั้งก่อน จะไม่ค้างอยู่ตอนเชื่อมต่อ Tor
  9. พอเปิด VPN และปิดทุกเบราว์เซอร์แล้ว ให้เปิด Tor จากนั้นคลิก Connect เพื่อเปิดหน้าโฮมของ Tor
    • Tor แนะนำว่าอย่า maximize หรือขยายหน้าต่าง Tor เต็มที่ เพราะบางโปรแกรมอาจ track หรือติดตามคุณจาก resolution ของหน้าจอได้
  10. ในหน้าโฮมของ Tor ให้คลิกไอคอนรูปหัวหอม ที่ด้านซ้ายบนของหน้า แล้วลากแถบเลื่อนขึ้นไปด้านบนจนสุด เพื่อให้แน่ใจว่า tracking script หรืออื่นๆ ที่คอย monitor ติดตามแกะรอยเบราว์เซอร์ของคุณจะโหลดไม่ได้
  11. search engine ของ Dark Web ที่คนนิยมใช้ (และค่อนข้างปลอดภัย) ก็เช่น [8]
    • Torch - search engine ยอดนิยมของ Dark Web ที่รวมหน้าเว็บลับไว้เป็นล้าน เข้าได้ที่ http://xmh57jrzrnw6insl.onion%20/
    • DuckDuckGo - ใช้ท่องเว็บทั้งแบบทั่วไปและ Dark Web เข้าได้ที่ https://duckduckgo.com/
    • notEvil - หน้าตาจะเหมือน Google แถมบล็อกโฆษณาได้ด้วย เข้าได้ที่ http://hss3uro2hsxfogfq.onion%20/
    • WWW Virtual Library - search engine เก่าสุดที่มี เลยรวบรวมแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไว้ รวมถึงข้อมูลทางวิชาการต่างๆ ด้วย เข้าได้ที่ http://vlib.org/
    • ระวัง Hidden Wiki กับ Onion URL Repository เวลาท่อง Dark Web เพราะ search engine 2 เว็บนี้มักลิงค์ไปยังข้อมูลสุ่มเสี่ยง ผิดกฎหมาย
  12. ใช้ search engine ที่เลือก แล้วท่อง Dark Web ตามสะดวก ขอแค่ท่องไว้ว่าต้องระวังลิงค์และเว็บน่าสงสัยต่างๆ ที่สำคัญคือห้ามดาวน์โหลดหรือเปิดไฟล์ที่เจอใน Dark Web เด็ดขาด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณ ระบุประเทศ เป็น entry และ/หรือ exit point ของ Tor ได้
  • จริงๆ แล้ว Deep Web ก็ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับที่เราชอบได้ยินกันตามสื่อต่างๆ แต่ก็เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ถ้าใครอยากค้นบทความทางวิชาการ งานวิจัยต่างๆ และข้อมูลเฉพาะทาง ที่ปกติไม่ขึ้นมาในผลการค้นหาทั่วไป
  • ส่วนหนึ่งของ Dark Web คือพวกข้อมูลดิบเวลาทำงานวิจัย รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยที่น่าสนใจสำหรับบางคน [9]
  • หลักๆ แล้วคุณแบ่งอินเทอร์เน็ตได้ 3 ส่วนด้วยกัน คือ Surface web (แค่ 4% ของข้อมูลในอินเทอร์เน็ต) Deep Web (ประมาณ 90% ของอินเทอร์เน็ต) และ Dark Web (ประมาณ 6% ของอินเทอร์เน็ต) [10]
โฆษณา

คำเตือน

  • ข้อมูลผิดกฎหมายส่วนใหญ่ใน Dark Web คือพวกข้อมูลเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และอาวุธ บอกเลยว่า ห้าม ค้นหาหรือคลิกลิงค์ไปยังเว็บที่อ้างถึงหรือมีข้อมูลดังกล่าวเด็ดขาด
  • ห้ามดาวน์โหลดไฟล์หรือรับแชทใครตอนท่อง Dark Web ยิ่งโหลดบิทผ่าน Dark Web ยิ่งหายนะชัดๆ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 76,226 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา