ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ในรถยนต์อาจมีกลิ่นอาหาร สัตว์เลี้ยง ขยะ และกลิ่นอื่นๆ ได้ โชคดีที่เรามีวิธีการกำจัดกลิ่นอย่างง่ายๆ ให้ลองทำตามดู อย่างแรกที่ต้องทำคือทำความสะอาดภายในรถให้ทั่วและใช้น้ำยาดับกลิ่นช่วย แต่ถ้าได้กลิ่นที่เป็นสัญญาณอันตราย เช่น กลิ่นน้ำมันหรือกลิ่นแก๊ส ให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจและจัดการให้โดยทันที อย่างไรก็ตามเราสามารถกำจัดกลิ่นส่วนใหญ่เองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งช่างยนต์หรือบริการล้างรถ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำความสะอาดภายในรถ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ภายในรถ ค้นหาต้นตอของกลิ่นนั้นให้พบ ดูตามพื้นรถหาให้พบสิว่ากลิ่นมาจากไหน กลิ่นอาจมาจากเสื้อผ้า อาหาร หรือของเหลวที่หกเลอะเทอะ อย่าลืมตรวจดูใต้ที่นั่ง ระหว่างที่นั่ง ที่วางแก้ว ทุกส่วนภายในรถยนต์ รวมทั้งในกระโปรงรถด้วย [1]
  2. นำถุงขยะใบใหญ่มาใส่ของซึ่งเป็นต้นตอของกลิ่น เช่น ถุงพลาสติกใส่อาหาร กระดาษทิชชูที่ใช้แล้ว รวมทั้งขยะอื่นๆ แม้แต่สิ่งของอย่างเช่น นิตยสารก็อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับได้ ถ้าของพวกนี้เริ่มชื้น เอาของที่ไม่จำเป็นออกจากรถเพื่อลดกลิ่นภายในรถ [2]
  3. ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดภายในรถให้ทั่ว ไม่ว่าจะเป็นใต้พรมและใต้ที่นั่ง อย่าลืมดูดฝุ่นบริเวณที่นั่ง ต้องดูดฝุ่นแม้แต่ตามซอกต่างๆ ของที่นั่งด้วยเพื่อจะได้เอาพวกสิ่งสกปรกและเศษเล็กเศษน้อยที่ติดอยู่ตามซอกที่นั่งออก [3]
    • อาจใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือก็ได้ ถ้าเรามีอยู่แล้วที่บ้าน แต่ที่ศูนย์ล้างรถมีเครื่องดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เราสามารถขอให้ทางศูนย์ช่วยดูดฝุ่นภายในรถได้ เครื่องดูดฝุ่นของทางศูนย์สามารถช่วยดูดพวกสิ่งสกปรกและเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นอาจต้นเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไปได้
  4. ถ้าสังเกตเห็นว่ามีคราบเปื้อนอยู่ขณะที่กำลังจะทำความสะอาด ซื้อน้ำยาทำความสะอาดพรมหรือแชมพูจากห้างสรรพสินค้า นำน้ำยามาใช้กับพรมตามที่ฉลากแนะนำ จากนั้นใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำถูน้ำยาให้ซึมเข้าสู่คราบสกปรก ล้างน้ำยาออกด้วยน้ำ [4]
    • น้ำยาทำความสะอาดส่วนใหญ่ควรนำมาเจือจางน้ำก่อนใช้
    • ทดลองใช้น้ำยาปริมาณเล็กน้อยที่พื้นรถในบริเวณซึ่งไม่เป็นที่สังเกตเห็น จะได้แน่ใจว่าสามารถใช้น้ำยานี้กับภายในรถยนต์ได้
  5. นอกจากทำความสะอาดพรมแล้ว ให้เช็ดบริเวณที่ไม่ใช่พื้นพรมด้วยเช่น แผงหน้าปัดรถยนต์ เช็ดคราบเปื้อนและคราบสกปรกออกจากบริเวณเหล่านี้ด้วยน้ำยาทำความสะอาดแบบอเนกประสงค์
    • เราควรทดลองใช้น้ำยาทำความสะอาดใดๆ ก็ตามในปริมาณเล็กน้อยกับบริเวณภายในรถซึ่งไม่เป็นที่สังเกตเห็นเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาทำความสะอาดนั้นจะไม่ทำให้พื้นผิวภายในรถเสียหาย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกำจัดกลิ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอใช้รถไปนานๆ ช่องแอร์ของรถยนต์ก็จะมีสิ่งสกปรกและเศษเล็กเศษน้อยเข้ามาจับ ทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ภายในรถยนต์ ฉะนั้นจึงต้องฉีดสเปรย์กำจัดกลิ่นในช่องแอร์เพื่อดับกลิ่นนั้น ซื้อสเปรย์กำจัดกลิ่นในช่องแอร์จากร้านขายอุปกรณ์ดูแลรถยนต์ ฉีดเข้าที่ช่องแอร์ของรถยนต์ จะช่วยลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ [5]
  2. นำภาชนะมาบรรจุแผ่นดรายเออร์ชีทและวางไว้ในรถ ตรงไหนก็ได้ แผ่นดรายเออร์ชีทช่วยดูดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้และยังให้กลิ่นหอมสดชื่นด้วย หลังจากทำความสะอาดภายในรถแล้ว การวางแผ่นดรายเออร์ชีทไว้ในรถจะช่วยขจัดกลิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ [6]
  3. นำน้ำส้มสายชูขาวมาผสมกับน้ำในปริมาณเท่ากัน แล้วฉีดบริเวณใดก็ตามที่มีกลิ่นเหม็น ฉีดบริเวณเหล่านั้นให้ชุ่ม ปล่อยให้น้ำส้มสายชูซึมเข้าไปภายในรถ จากนั้นใช้แปรงขัดหรือเครื่องมือทำความสะอาดชนิดอื่นขัดน้ำยานี้ออก เมื่อขัดเรียบร้อย ภายในรถก็จะมีกลิ่นที่สดชื่นขึ้น [7]
  4. น้ำยาดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงทำมาจากเอนไซม์พิเศษที่สามารถลดและกำจัดกลิ่นสัตว์เลี้ยงได้ น้ำยาดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงแต่ละยี่ห้อจะมีวิธีใช้ที่แตกต่างกัน แต่โดยส่วนใหญ่จะใช้โดยการฉีดลงที่คราบและปล่อยทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นค่อยล้างน้ำยาออก [8]
    • ทดสอบน้ำยาดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงในปริมาณเล็กน้อยกับบริเวณที่ไม่เป็นที่สังเกตเห็นภายในรถก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำยาดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงยี่ห้อนั้นจะไม่ก่อให้เกิดคราบหรือสร้างความเสียหายภายในรถ
  5. ผงฟูใช้ดับกลิ่นได้หลายอย่างเพราะผงฟูนั้นสามารถลดกลิ่นได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็แค่โรยผงฟูบริเวณที่มีกลิ่น ปล่อยทิ้งไว้สักสองสามชั่วโมงหรือหนึ่งคืน จากนั้นค่อยดูดผงฟูออก [9]
  6. ใส่เมล็ดกาแฟประมาณ 200 กรัมลงในภาชนะและวางทิ้งไว้ในรถ ถ้าเราทิ้งเมล็ดกาแฟไว้ในรถ เมล็ดกาแฟก็จะดูดกลิ่นให้เรา จะใช้ผงกาแฟแทนก็ได้เหมือนกัน แต่ต้องระวังไม่ผงกาแฟหกเลอะภายในรถ [10]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าได้กลิ่นคาว แสดงว่าสารกันเยือกแข็งรั่วเข้าไปในรถ ถ้ากลิ่นมาจากมาช่องแอร์ แสดงว่าเครื่องยนต์อาจมีปัญหา ปัญหาเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายและแสดงว่าถึงคราวที่เราต้องนำรถยนต์เข้าศูนย์ซ่อม ฉะนั้นนำรถของเราไปให้ช่างยนต์ดูให้ ถ้าประสบปัญหาได้กลิ่นเหล่านี้ [11]
  2. หากเราเกิดได้กลิ่นน้ำมันหรือแก๊ส อย่าพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง เพราะอาจได้รับอันตรายได้ การได้กลิ่นน้ำมันหรือแก๊สแสดงว่ามีอะไรสักอย่างในรถรั่ว ห้ามขับรถ โทรหาช่างยนต์เพื่อให้มาตรวจสอบและแก้ปัญหาให้ [12]
  3. กลิ่นบุหรี่อาจเข้ามาในรถและมักจะไม่สามารถกำจัดออกไปได้ จึงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการให้ แม้แต่การทำความสะอาดก็ไม่อาจกำจัดกลิ่นบุหรี่ได้เสมอไป ฉะนั้นถ้าภายในรถมีกลิ่นบุหรี่ จ้างผู้เชี่ยวชาญมากำจัดกลิ่นให้จะดีกว่า [13]
    • พึงระลึกไว้ว่าแม้จะให้ผู้เชี่ยวชาญมาทำความสะอาดให้ ก็ไม่สามารถกำจัดกลิ่นบุหรี่ได้ 100 % โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารถคันนั้นมีการสูบบุหรี่ภายในรถเกือบตลอดมาหลายปี
    โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ถุงขยะ
  • เครื่องดูดฝุ่น
  • น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์
  • น้ำยาทำความสะอาดพรมหรือแชมพู
  • น้ำยาดับกลิ่นสัตว์เลี้ยง
  • แผ่นดรายเออร์ชีท
  • เมล็ดกาแฟหรือผงกาแฟ
  • ผงฟู
  • สเปรย์กำจัดกลิ่นในช่องแอร์

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,602 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา