ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
แม้ว่าขี้หูจะเป็นมวลสารตามธรรมชาติ ที่ช่วยปกป้องหูและช่องหู แต่บางทีมันก็สะสมเยอะเกินไป ทำให้ได้ยินเสียงไม่ชัดและรู้สึกรำคาญ แน่นอนว่า เราสามารถทำความสะอาดหูได้ แต่ต้องระวังไม่ให้กระทบต่อบริเวณที่อ่อนไหวในช่องหูด้วย บทความสามารถแนะนำวิธีการทำกำจัดขี้หูอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ในขณะที่แนะนำวิธีหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอันตรายและไม่ควรทำต่อหูของคุณด้วย
ขั้นตอน
-
จงสำรวจให้แน่ใจว่า คุณไม่มีอาการติดเชื้อที่หู. หากคุณมีอาการหูอักเสบหรือติดเชื้อ การไปพยายามขจัดขี้หู อาจทำให้เยื่อแก้วหูทะลุได้ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล (มันฟังดูน่าเสียดสี เพราะขี้หูก็ทำหน้าที่ปกป้องการติดเชื้อด้วย) อย่าใช้วิธีการใดๆ โดยเฉพาะการล้างหู หากคุณ:
- เคยมีปัญหากับการล้างหู
- มีอาการเยื่อแก้วหูทะลุภายในปีที่ผ่านมา
- มีมูกของเหลวไหลออกมาจากหู
-
หากมีข้อสงสัย ให้ไปพบแพทย์. การล้างหรือกำจัดขี้หู อาจจะฟังดูไม่น่ากลัว แต่มันก็มีโอกาสเกิดผลเลวร้าย หากคุณไม่ระวัง ดังนั้น คุณควรไปพบแพทย์และปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ
-
ผสมเกลือ 1 ช้อนชา และน้ำอุ่นครึ่งถ้วยชา เข้าด้วยกัน ในแก้ว เหยือก หรือพาชนะอื่นๆ. ผสมหรือคน จนกว่าเกลือจะละลาย
-
จุ่มก้อนสำลีลงในน้ำเกลือที่ได้.
-
เอียงหูข้างที่เจ็บปวดจากการสะสมของขี้หู ให้แหงนขึ้นด้านบน. ศีรษะคุณควรจะตะแคงอยู่ นั่งในท่านี้ เพื่อให้การหยอดน้ำเกลือง่ายขึ้น
-
หยิบสำลีที่จุ่มเอาไว้ขึ้นมาก้อนหนึ่ง และบีบน้ำเกลือให้หยดลงไปในหู. แค่สองสามหยดก็มากเกินพอ อย่าทำให้มันท่วมหู
- ปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงน้ำเกลือลงไปไหลผ่านขี้หู
-
เอียงหัวของคุณไปอีกข้างและปล่อยให้น้ำเกลือไหลออก.
-
ผสมน้ำและไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ (3%) ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ลงในแก้วหรือเหยือก. มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์บางขนาด ที่มีความเข้มข้น 6% แต่อาจจะไม่ได้ขายตามร้านยาทั่วไป ดังนั้น คุณควรใช้แบบ 3% ไปจะดีกว่า
-
จุ่มก้อนสำลีลงในไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์.
-
เอียงหูข้างที่เจ็บปวดจากการสะสมของขี้หู ให้แหงนขึ้นด้านบน. ศีรษะคุณควรจะตะแคงอยู่ นั่งในท่านี้ เพื่อให้การหยอดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ง่ายขึ้น
-
หยิบสำลีที่จุ่มเอาไว้ขึ้นมาก้อนหนึ่ง และบีบน้ำไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ให้หยดลงไปในหู. แค่สองสามหยดก็มากเกินพอ
- ปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงน้ำไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ลงไป ไหลผ่านขี้หู ซึ่งคุณอาจรู้สึกถึงฟองฟู่ในหู
-
เอียงหัวของคุณไปอีกข้างและปล่อยให้น้ำไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ไหลออก.
-
ผสมน้ำส้มสายชูขาวกับแอลกอฮอล์ล้างแผล (ไอโซโพรพิล) ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ลงในแก้วหรือเหยือก. สูตรนี้ใช้ได้ผลดีกับอาการน้ำเข้าหู หรืออาการติดเชื้อของหูชั้นนอกที่เกิดจากน้ำขังอยู่ในหูหลังการว่ายน้ำด้วย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยให้น้ำระเหยออกจากหู
-
จุ่มก้อนสำลีลงในน้ำส้มสายชูที่ผสมไว้.
-
เอียงหูข้างที่เจ็บปวดจากการสะสมของขี้หู ให้แหงนขึ้นด้านบน. ศีรษะคุณควรจะตะแคงอยู่ นั่งในท่านี้ เพื่อให้การหยอดน้ำส้มสายชูที่ผสมไว้ง่ายขึ้น
-
หยิบสำลีที่จุ่มเอาไว้ขึ้นมาก้อนหนึ่ง และบีบน้ำไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ให้หยดลงไปในหู. แค่สองสามหยดก็มากเกินพอ
- ปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงน้ำไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ลงไป ไหลผ่านขี้หู ซึ่งคุณอาจรู้สึกถึงความอบอุ่นวูบวาบจากแอลกอฮอล์ในผนังหู ก่อนที่จะระเหยไป
-
เอียงหัวของคุณไปอีกข้าง และหากจำเป็น ก็ปล่อยให้น้ำส้มสายชูที่ยังเหลืออยู่ ไหลออก.
-
หยอดเบบี้ออยล์หรือมิเนอรัลออยล์ลงไปในหู. โดยอาจจะใช้ที่หยอดหู และดูดเบบี้ออยล์หรือมิเนอรัลออยล์เพื่อหยอดลงไป
-
เอียงหูข้างที่เจ็บปวดจากการสะสมของขี้หู ให้แหงนขึ้นด้านบน. ศีรษะคุณควรจะตะแคงอยู่ นั่งในท่านี้ เพื่อให้การหยอดเบบี้ออยล์หรือมิเนอรัลออยล์ง่ายขึ้น
-
หยดเบบี้ออยล์หรือมิเนอรัลออยล์ ลงไป 2-5 หยด.
-
เอาก้อนสำลีอุดหูไว้ เพื่อไม่ให้น้ำมันเบบี้ออยล์หรือมิเนอรัลออยล์ไหลออกมา. ปล่อยให้น้ำมันเบบี้ออยล์หรือมิเนอรัลออยล์อยู่ตัวประมาณหลายๆ นาทีก่อน
-
เอาก้อนสำลีออก. เอียงหัวของคุณเพื่อปล่อยให้น้ำมันดังกล่าวไหลออก
-
ใช้น้ำเกลือหรือน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง ชะล้างขี้หูออกมา.
- วิธีนี้อาจจะทำสักสองสัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อทำความสะอาดช่องหู และขจัดขี้หูอันสะสม แม้ว่าขี้หูจะมีหน้าที่ปกป้องหูตามธรรมชาติ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มันทุกวันหรอก
-
อย่าใช้คอตตอนบัดสำหรับทำความสะอาดหูส่วนลึก. คอตตอนบัดสามารถใช้ในกรณีแคะขี้หูส่วนนอก ในบริเวณหูชั้นนอกมากกว่า แต่ ห้าม ขุดลึกลงไปในช่องหูด้วยคอตตอนบัด เนื้อเยื่อในช่องหูของคุณนั้นอ่อนไหวมาก มันจึงง่ายที่จะติดเชื้อ หากมีการใช้คอตตอนบัดสอดเข้าไปบริเวณเยื่อบุแก้วหู (Tympanic membrane)
- อีกสาเหตุหนึ่งที่หมอ ไม่แนะนำ ให้ใช้คอตตอนบัด เพื่อแคะสิ่งสกปรกที่ค้างในรูหู ก็เพราะคุณมีโอกาสที่จะดันสิ่งสกปรกเข้าไป มากกว่าที่จะดึงคว้านมันออกมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะใช้คอตตอนบัดไปทำไม
-
อย่าทำสปาหูด้วยเทียน. การใช้เทียนทำสปาหู เป็นการนำเอาวัสดุรูปกรวยมาปักไว้ที่ช่องหู และจุดเทียนในบริเวณปลายด้านที่ห่างออกไป เพื่อให้แรงดันจากเปลวเทียน ดูดขี้หูออกมา ซึ่งเป็นเพียงทฤษฎี และอย่างน้อย มันก็ไม่ได้ผล รวมถึงเป็นอันตรายด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้:
- ขี้หูมีความเหนียว ดังนั้น แรงดันที่ต้องใช้ในการดูดขี้หูออกมา อาจจะต้องรุนแรงมากจนถึงขนาดทำร้ายเยื่อแก้วหู เพราะขี้หูมีความเหนียวมากและไม่หลุดออกมาง่ายๆ
- เทียนสปาหู สามารถทำให้เกิดขี้หูสะสมในหูได้ แทนที่จะกำจัดขี้หูออกไปให้คุณ มันกลับยิ่งอาจทำให้ขี้ผึ้งหรือน้ำตาเทียน เข้าไปสู่ หูของคุณ เพราะคุณต้องจุดเทียนใกล้ชิดติดหู แถมยังมีอุปกรณ์ที่เป็นกรวยท่อต่อลงไปในรูหูของคุณอีก
- การทำสปาหูอาจเป็นอันตราย มีปัญหาทางการแพทย์มากมายที่รออยู่ ทันทีที่คุณตัดสินใจทำสปาหูด้วยเทียน: [3]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อากาศบริเวณช่องหูอาจจะร้อนมาก ถึงขนาดลวกหูชั้นในได้
- อาจเกิดอัคคีภัยจากการจุดเทียนได้ หากไม่ระวัง
- ขั้นตอนทั้งหมดอาจส่งผลให้เยื่อแก้วหูทะลุได้
-
อย่าพ่นของเหลวใดๆ เข้าไปในหูด้วยแรงดัน. หมออาจจะทำแบบนี้ได้ แต่คุณห้ามทำเอง ของเหลวที่ถูกอัดเข้าไปในช่องหู อาจจะไหลผ่านบริเวณเนื้อเยื่อแก้วหูและทำให้เกิดอาการติดเชื้อได้ ของเหลวที่อัดผ่านเยื่อแก้วหูยังก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บกับหูชั้นในด้วย
เคล็ดลับ
- อย่าดันคอตตอนบัดเข้าไปในหู ลึกเกินกว่าบริเวณช่องแคบๆ ที่ผ่านไปสู่ช่องหู เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูบาดเจ็บ หากคุณดันขี้หูหรือตัวคอตตอนบัดเอง เข้าไปโดนมัน
- อย่าใช้แท่งสำลีใดๆ ทำความสะอาดขี้หูบริเวณหูชั้นใน มันอาจทำให้หูคุณบาดเจ็บจนไม่อาจรักษาให้หายดีได้
- ใช้ยาหยอดหูเฉพาะที่หมอแนะนำเท่านั้น
- การได้รับวิตามินอย่างพอเพียงในชีวิตประจำวัน สามารถช่วยจำกัดขี้หูได้ด้วยวิธีทางธรรมชาติ
- หากหูของคุณยังเต็มไปด้วยขี้หู หลังจากแก้ไขด้วยตนเองมาเป็นสัปดาห์แล้ว ควรไปปรึกษาแพทย์
คำเตือน
- อย่าใช้ก้านสำลีหรืออุปกรณ์ใดๆ ทำความสะอาดรูหู เพราะสิ่งสกปรกอาจถูกดันเข้าไปลึกกว่าที่คุณตั้งใจ และอาจส่งผลทำให้ช่องหูบาดเจ็บ แถมยังอาจทำให้ขี้หูอัดแน่นมากกว่าตอนแรกด้วย
- การทำสปาหูด้วยเทียนทำให้คนบาดเจ็บมาเยอะแล้ว ไม่มีใครแนะนำให้ใช้วิธีนี้ในการกำจัดขี้หู
- หากคุณกำลังมีอาการเจ็บหู เป็นไข้ ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าปกติ ก็อย่าใช้วิธีการใดๆ ในการกำจัดขี้หูเอง แต่ควรไปพบแพทย์
- หากจะใช้ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ ก็ควรระวังหน่อย เพราะมันค่อนข้างแรง และอาจทำให้เกิดผลลบได้
