ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทอนซิลโลลิธ หรือที่เราเรียกกันว่า “นิ่วทอนซิล” มีลักษณะเป็นก้อนแข็งๆ เหมือนกับก้อนหิน อยู่ที่ต่อมทอนซิลบริเวณช่องปากด้านใน นิ่วทอนซิลอาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคไซนัสและที่น่าอายที่สุดคือทำให้มีกลิ่นปากหรือลมหายใจเหม็น นิ่วทอนซิลอาจเป็นปัญหาก่อกวนใจอย่างมากให้กับคนที่ต้องพบเจอกับมัน [1] แต่โชคดีที่การกำจัดนิ่วทอนซิลเจ้าปัญหานี้ เราไม่จำเป็นต้องไปหาหมอเสมอไป มีเทคนิคจัดการกับนิ่วทอนซิลได้ด้วยมือของเราเองโดยทำร่วมกับวิธีการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมาใหม่และวิธีการรักษาแบบอื่นๆ เราก็สามารถจัดการกับนิ่วทอนซิลนี้ได้เองที่บ้าน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การกำจัดทอนซิลด้วยมือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มต้นด้วยการส่องกระจกเพื่อหานิ่วทอนซิลให้เจอ จะดีมากถ้าคุณมองเห็นก้อนนิ่วได้ในมุมที่ชัดเจนในขณะที่อีกมือถือกระจกในท่าที่สบายมือได้ ต้องใช้เวลาสักพักให้มือชินกับการส่องกระจกหานิ่วทอนซิล เมื่อทำได้คล่องมือแล้วก็จะช่วยประหยัดเวลาและไม่รู้สึกลำบากอะไรอีกต่อไป ถ้าไม่มีกระจก ลองใช้กล้องหน้าของโทรศัพท์มือถือส่องแทน (ใช้แอพพลิเคชั่นที่ทำหน้าที่เป็นไฟฉายจะช่วยได้มาก)
    • ส่องหาก้อนแข็งสีขาว ขนาดเล็กภายในลำคอบริเวณหลังช่องปากเข้าไป นิ่วทอนซิลอาจอยู่ตามร่องของต่อมทอนซิล ทำให้หาก้อนนิ่วเหล่านี้ได้ลำบาก
    • ก่อนเริ่มหานิ่วทอนซิล ควรเตรียมผ้าขนหนู น้ำอุ่นสำหรับบ้วนปากและไฟฉายไว้ก่อน เพื่อช่วยให้หาก้อนนิ่วในลำคอได้ง่ายขึ้น
  2. แทบทุกบ้านมีเจ้าสิ่งนี้ อุปกรณ์แสนวิเศษที่ช่วยจัดการกับนิ่วทอนซิล สำลีก้านที่เหมาะสมกับการกำจัดนิ่วทอนซิลนั้นควรมีความยาวที่พอดี สามารถเข้าไปถึงส่วนหลังช่องปากได้ ก้านแข็งแรงไม่หักงอเมื่อออกแรงกด ต้องใช้สำลีก้านที่ใหม่ สะอาดและไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน หลีกเลี่ยงการวางสำลีก้านที่กำลังใช้อยู่ลงบนพื้นที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ เช่น โต๊ะหรือเคาน์เตอร์วางของ แล้วเราก็ใช้สำลีก้านกำจัดนิ่วทอนซิลกันได้เลยตามวิธีด้านล่างนี้
    • เขี่ยนิ่วทอนซิลอย่างเบามือด้วยแรงที่คงไปในทางเดียวกันซ้ำหลายๆ ครั้ง พยายามอย่าเขี่ยก้อนนิ่วเข้าไปในทอนซิลให้ลึกกว่าเดิม หากมีอาการเจ็บคออยู่ก่อนแล้ว อาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากกว่าเดิม
    • การกลืนนิ่วทอนซิลที่หลุดออกมานั้นไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะมีรสชาติไม่พึงปรารถนาติดลิ้นไปสักพักใหญ่
  3. เครื่องมือสุดแสนจะธรรมดาอีกชิ้นที่ช่วยกำจัดนิ่วทอนซิลได้คือแปรงสีฟันนั่นเอง สามารถใช้ปลายแปรงสีฟันทั้งสองด้านเขี่ยนิ่วทอนซิลให้หลุดได้ ด้านที่มีขนแปรงมีประโยชน์ตรงที่ช่วยขัดต่อมทอนซิลอย่างอ่อนโยนและกำจัดก้อนนิ่วที่ใกล้หลุดได้ ส่วนปลายอีกด้านของแปรงสีฟันช่วยกำจัดก้อนนิ่วที่ติดแน่น
    • หากมีแปรงสีฟันไฟฟ้า ให้ใช้ด้านที่ไม่มีขนแปรงกำจัดนิ่วทุกซอกทุกมุมของต่อมทอนซิล [2]
    • นิ่วทอนซิลมักมีแบคทีเรียที่มีกลิ่นเหม็น ดังนั้นอาจจะต้องล้างแปรงสีฟันก่อนการใช้ในครั้งถัดไป แต่ถ้าไม่ล้างก็ไม่เป็นอันตราย
  4. ผู้หญิงหลายคนอาจเก็บกิ๊บดำจำนวนมากไว้ในห้องน้ำ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้หญิงเหล่านี้ ลองใช้กิ๊บติดผมที่มีจัดการกับนิ่วทอนซิลดูสิ กิ๊บดำเหมาะกับหน้าที่นี้มากเพราะมันเรียวบางและยืดหยุ่นได้ แต่ในขณะเดียวกันก็แข็งแรงพอที่จะเขี่ยนิ่วทอนซิลให้หลุดออกมา ก่อนใช้กิ๊บดำ ต้องทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำเสียก่อน เพราะกิ๊บดำที่สกปรกสามารถแพร่เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ช่องปากและก่อให้เกิดปัญหาในลำคอได้
    • วิธีใช้กิ๊บดำนั้นเหมือนกับวิธีใช้สำลีก้าน เขี่ยก้อนนิ่วด้วยแรงคงที่ไปในทิศทางเดียวอย่างสม่ำเสมอ
  5. เครื่องฉีดน้ำทำความสะอาดฟันหรือช่องปากเป็นเครื่องมือที่ทันตแพทย์มักใช้ อุปกรณ์นี้ทำหน้าที่พ่นน้ำด้วยความเร็วสูง เกิดเป็นสายน้ำขนาดเล็กกำจัดคราบหรือสิ่งที่ติดอยู่ตามช่องปากและฟัน แรงดันน้ำของเครื่องมือชิ้นนี้จึงเหมาะกับการกำจัดนิ่วทอนซิลได้เป็นอย่างดี เครื่องฉีดน้ำทำความสะอาดช่องปากหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ราคาเพียง 700-1400 บาท [3]
    • ก่อนใช้เครื่องฉีดน้ำ ปรับความแรงของน้ำให้อยู่ระดับต่ำสุดและลองฉีดตามส่วนที่ไม่บอบบางในปาก เช่น กระพุ้งแก้ม หากมีอาการเจ็บคอที่เกิดจากนิ่วทอนซิล การฉีดน้ำที่มีแรงดันสูงอาจเจ็บได้
    • ฉีดน้ำไปที่นิ่วทอนซิลที่มองเห็นและรอจนกว่านิ่วจะหลุด อย่าให้หัวฉีดโดนกับนิ่วทอนซิลโดยตรงเพราะแบคทีเรียจากนิ่วอาจติดเครื่องฉีดน้ำได้
  6. ถ้าไม่อยากสัมผัสกับนิ่วทอนซิลโดยตรง ให้ลองวิธีนี้ โดยนำเกลือไอโอดีนหรือเกลือสินเธาว์ 1 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วย และใช้กลั้วคอบริเวณหลังช่องปาก วิธีนี้อาจใช้เวลามากหน่อยเพราะไม่ได้กำจัดนิ่วทอนซิลออกโดยตรง แต่หากทำไปเรื่อยๆ จะเห็นผล แม้แต่นิ่วทอนซิลที่เอาออกยาก วิธีกลั้วคอด้วยน้ำเกลือก็สามารถช่วยให้กำจัดนิ่วด้วยวิธีต่างๆ ข้างต้นได้ง่ายยิ่งขึ้น
    • เกลือในน้ำที่มีความร้อนทำหน้าที่เป็นตัวต้านแบคทีเรียอ่อนๆ และยังช่วยลดอาการเจ็บคอได้ [4]
    • อาจลองกลั้วคอด้วยเครื่องดื่มอัดแก๊ส เช่น โซดา แพทย์บางส่วนเชื่อว่าฟองจากเครื่องดื่มเหล่านี้ช่วยให้นิ่วทอนซิลหลุดออกได้ง่ายขึ้น
  7. จริงๆ แล้วใช้นิ้วชี้เขี่ยก้อนนิ่วออกก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันไม่ใช่วิธีแรกๆ ที่ควรใช้เพราะตามสถิติแล้วมือของคนเรามักเป็นแหล่งรวมเชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิด [5] ยิ่งถ้าต่อมทอนซิลมีอาการระคายเคืองที่เกิดจากนิ่วอยู่ก่อนแล้ว แบคทีเรียจากนิ้วของเราจะทำให้เกิดการติดเชื้อและอาจจะต้องพบแพทย์แต่หากจำเป็นต้องใช้นิ้ว ก็ควรทำตามวิธีด้านล่างนี้
    • ล้างมือให้สะอาด ขั้นตอนนี้ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ได้
    • ตัดเล็บให้สั้น เล็บยาวและคมอาจขูดเนื้อเยื่อบริเวณต่อมทอนซิลและอาจทำความสะอาดได้ยากจนเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
    • ใส่ถุงมือยางปลอดเชื้อได้จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้ดีมากยิ่งขึ้น
  8. บางครั้งการกำจัดนิ่วทอนซิลออก อาจทำให้เกิดรูเล็กๆ ที่มีหนองหรือสิ่งตกค้างเหลืออยู่ ซึ่งมักมีกลิ่นเหม็นและรสชาติแย่ เราต้องกำจัดเศษซากเหล่านี้ออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยความระมัดระวัง ทำความสะอาดจนกว่ารูจะเกลี้ยงไม่มีอะไรติดอยู่และบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปากก็ได้ เพื่อทำลายกลิ่นและรสชาติของมัน
    • ระหว่างการกำจัดนิ่วทอนซิลหรือการเช็ดสิ่งตกค้างออก คุณอาจรู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออก นั่นเป็นอาการปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ถ้าเลือดไหลไม่หยุดหรือรู้สึกเจ็บเกินหนึ่งหรือสองชั่วโมง ให้รีบพบแพทย์ เพราะแผลอาจติดเชื้อ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การใช้วิธีรักษาแบบบ้านๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในอินเทอร์เน็ต มักมีผู้รู้ ซึ่งรู้จริงบ้างไม่จริงบ้าง มาแนะนำเคล็ดลับการกำจัดนิ่วทอนซิลอยู่เต็มไปหมด บางวิธีก็ใช้ได้จริงและได้ผลดี แต่บางวิธีก็ไม่เห็นจะได้ผล ในส่วนนี้ เราได้รวบรวมเคล็ดลับยอดฮิตในการจัดการกับนิ่วทอนซิลตามอินเทอร์เน็ตและวิธีการรักษาแบบบ้านๆ มาฝาก เคล็ดลับที่เราคัดสรรมานั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่อาจไม่ได้ผลกับคุณ เพราะ วิธีการเหล่านี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าจะเห็นผลจริง
  2. วิธีทำน้ำยากลั้วคอต่อสู้กับเจ้าก้อนนิ่วเริ่มด้วยการใส่น้ำเลมอนคั้นสด 2-3 ช้อนโต๊ะผสมกับเกลือเล็กน้อยลงในน้ำอุ่น เมื่อผสมได้ที่แล้วก็นำมากลั้วคอให้ถึงบริเวณหลังช่องปากหลายๆ ครั้งต่อวัน แหล่งข้อมูลที่ไม่ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการบอกว่า กรดในน้ำเลมอนนี้สามารถทำงานร่วมกับเกลือและความร้อนของน้ำ ช่วยให้นิ่วทอนซิลหลุดออกได้ง่ายขึ้น
    • น้ำเลมอนอุดมไปด้วยวิตามินซี มีสรรพคุณโดดเด่นในด้านการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ทอนซิลอักเสบ แต่มีผลการศึกษาในช่วงที่ผ่านมานี้ตั้งข้อสงสัยว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพต่อสู้กับไข้หวัดได้จริงหรือไม่ [6]
  3. น้ำว่านหางจระเข้ ซึ่งได้จากเนื้อเหนียวเหมือนเยลลี่ที่อยู่ภายในของใบของว่านหางจระเข้ มีขายอยู่ตามร้านขายยาและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แหล่งข้อมูลบางที่อ้างว่าว่านหางจระเข้สามารถช่วยจัดการกับนิ่วทอนซิลได้โดยการใช้ล้างปากจัดการกับเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดนิ่วทอนซิล [7] อีกทั้งยังมีหลักฐานยืนยันว่าว่านหางจระเข้สามารถใช้เป็นตัวต้านแบคทีเรียชนิดอ่อนได้ ดังนั้นวิธีนี้ก็พอมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง [8]
    • ถ้าอยากลองใช้เนื้อว่านหางจระเข้ ให้ใช้ปริมาณหนึ่งช้อนชา ปาดไปที่บริเวณต่อมทอนซิล ทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 2-3 นาทีหลายครั้งต่อวัน เมื่อครบเวลาที่กำหนดให้กลั้วคอด้วยน้ำเปล่าให้เกลี้ยงและบ้วนออก
  4. มีคนกล่าวไว้ว่าการกินกระเทียมสดหนึ่งกลีบวันละสองครั้งสามารถช่วยจัดการกับนิ่วทอนซิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่ามันจะดูประหลาดสักหน่อย สิ่งที่คุณต้องทำก็คือโยนกระเทียมสดหนึ่งกลีบเข้าปาก เคี้ยวแล้วกลืนลงไป สารเคมีตัวหนึ่งที่อยู่กระเทียมที่ชื่อว่าอัลลิซินสามารถต้นแบคทีเรียได้ [9] ว่ากันว่า เมื่อเราเคี้ยวกระเทียม สารอัลลิซินที่อยู่ในกระเทียมจะกำจัดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของนิ่วทอนซิลและช่วยป้องกันการเกิดนิ่วใหม่
    • นิ่วทอนซิลสามารถก่อให้เกิดลมหายใจเหม็นได้ การกินกระเทียมสดสามารถช่วยจัดการกับลมหายใจเหม็น ซึ่งบางคนอาจจะมองว่ากลิ่นกระเทียมก็ฉุนไม่แพ้กัน
  5. ถ้าคุณใจถึง ลองกลั้วคอด้วยน้ำมันมะกอกเพื่อขจัดนิ่วทอนซิลดูสิ ใช้ปริมาณหนึ่งช้อนชา 2-3 ครั้งต่อวัน สามารถช่วยกำจัดนิ่วที่มีอยู่และลดโอกาสการเกิดใหม่ของนิ่วได้ หลังจากนั้นให้กลั้วคอด้วยน้ำเปล่าเพื่อล้างคราบเหนียวตกค้างออก
    • เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังวิธีนี้สามารถอธิบายได้ เนื่องจากน้ำมันมะกอกมีสรรพคุณแก้อักเสบ สามารถช่วยลดอาการบวมของต่อมทอนซิลและช่วยลดโอกาสเกิดนิ่วทอนซิลใหม่. [10] แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าน้ำมันมะกอกสามารถลดอาการอักเสบได้หรือไม่เมื่อนำมาใช้กับต่อมทอนซิลโดยตรง
  6. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีกรด สามารถช่วยจัดการนิ่วทอนซิลได้โดยมีหน้าที่เป็นตัวสมานแผล วิธีนี้ทำได้โดยใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 2-3 ช้อนชาใส่ลงในน้ำหนึ่งแก้ว กลั้วคออย่างต่ำสองครั้งต่อวันจนกว่านิ่วทอนซิลจะออกมา
    • เช่นเดียวกับน้ำเลมอน วิธีนี้กรดในน้ำส้มสายชูช่วยสลายก้อนนิ่วให้หลุดง่ายขึ้นในระหว่างกลั้วคอ
  7. การเคี้ยวอาหารแข็งๆ อย่างแครอทหลายครั้งต่อวันอาจช่วยกำจัดนิ่วทอนซิลได้ การเคี้ยวแครอท ทำให้เศษแข็งๆ ของมันไปโดนก้อนนิ่วและทำให้นิ่วหลุดออกมาได้ ถ้าคุณทรมานกับนิ่วทอนซิล ลองกินแครอททุกมื้อดู
    • นอกจากนี้ แครอทยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ เบต้าแคโรทีนและใยอาหาร ซึ่งเป็นคุณค่าทางอาหารที่สำคัญช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและป้องกันการเกิดนิ่วทอนซิลในอนาคต
  8. ใช้ลิ่มน้ำนมหรือโยเกิร์ตที่มีเชื้อจุลินทรีย์. ผลิตภัณฑ์นี้เป็นโพรไบโอติคส์ ซึ่งหมายความว่าประกอบด้วยแบคทีเรียที่ดีและมีประโยชน์ แหล่งข้อมูลออนไลน์อ้างว่าการกินอาหารประเภทนี้สามารถช่วยรักษาสมดุลระดับแบคทีเรียในปากและท้องได้ ซึ่งอาจช่วยลดแบคทีเรียไม่ดีที่ทำให้เกิดนิ่วทอนซิล แต่ก็ยังมีการตั้งข้อสงสัยกันอยู่ว่าแบคทีเรียในระบบย่อยอาหารของคนเรานั้นทำงานตรงตามที่เราคาดเดากันหรือไม่
  9. เชื่อหรือไม่ว่ามีแหล่งข้อมูลอ้างว่าการกินหัวหอมหนึ่งลูกต่อวันให้ผลเหมือนการกินกลีบกระเทียมอย่างที่ได้กล่าวในข้างต้นแล้ว แหล่งข่าวนี้เล่าว่าสารเคมีที่พบในหัวหอมสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดนิ่วทอนซิล นอกจากนี้ในระหว่างการกินหัวหอม จะเกิดการผลิตน้ำลายมากขึ้นซึ่งอ้างว่าสามารถช่วยให้นิ่วทอนซิลที่ฝังลึกหลุดออกได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณเต็มใจที่จะสู้กับกลิ่นแรงของหัวหอมและน้ำตาที่อาจจะไหลระหว่างการกินหัวหอมแล้วล่ะก็ ลองกินหัวหอมปิดท้ายมื้ออาหารในแต่ละวันดู
  10. น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้สามารถใช้กลั้วคอได้ นอกจากจะช่วยจัดการกับลมหายใจเหม็นที่เกิดจากนิ่วทอนซิล ยังมีการอ้างว่าสามารถใช้เป็นตัวต้านแบคทีเรียชนิดอ่อนที่ใช้จัดการแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดนิ่วทอนซิลในช่องปากได้ ลองทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้
    • หยดน้ำมันหอมระเหยลงในแก้วน้ำประมาณ 10 หยด
    • กระดกน้ำหนึ่งคำแล้วกลั้วให้ทั่ว โดยการเงยหัวขึ้นให้น้ำเข้าถึงต่อมทอนซิล
    • กลั้วคอต่อไปจนกว่าน้ำจะหมดแก้ว ทำอย่างนี้ทุกวันจนกว่านิ่วทอนซิลจะออกมา
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

มาตรการป้องกันการเกิดนิ่วทอนซิลซ้ำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นิ่วทอนซิลจะเกิดขึ้นเมื่อมีเศษอาหาร เสมหะ แบคทีเรียหรือเศษซากสิ่งตกค้างชนิดอื่นๆ ติดตามร่องต่อมทอนซิลและเกิดการแข็งตัว [11] การรักษาความสะอาดช่องปาก ไม่ให้มีเศษต่างๆ ตกค้างอยู่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ช่วยลดโอกาสการเกิดนิ่วทอนซิลได้ ยกตัวอย่างเช่น ใช้น้ำยาบ้วนปากหลังอาหารทุกครั้งเพื่อกำจัดแบคทีเรียและเศษอาหารในช่องปาก
    • อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น น้ำเกลือชนิดอ่อนก็มีประโยชน์และช่วยลดอาการเจ็บคอ
  2. แปรงฟันสม่ำเสมออย่างน้อยวันละสองครั้ง จะดีมากหากแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ อย่างที่บอกว่าเศษอาหารที่ติดตามต่อมทอนซิลเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดนิ่วทอนซิล ดังนั้นการขจัดต้นเหตุหนึ่งของนิ่วทอนซิลเป็นประจำทุกวันก็อาจช่วยป้องกันการก่อตัวของนิ่วทอนซิลได้
    • การใช้ไหมขัดฟัน ช่วยกำจัดแบคทีเรียและเศษต่างๆ ระหว่างฟัน และเป็นวิธีการที่ไม่เจ็บด้วย ทันตแพทย์ส่วนใหญ่ก็แนะนำให้ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน [12]
  3. นิ่วทอนซิลเป็นสิ่งที่คนเป็นต่อมทอนซิลอักเสบคุ้นเคยดี การหลีกเลี่ยงโรคนี้ยิ่งทำให้โอกาสการเป็นนิ่วทอนซิลลดลงอย่างมาก ด้านล่างนี้คือเคล็ดลับหลีกเลี่ยงการเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ ซึ่งคล้ายกับเคล็ดลับที่เราใช้กันทั่วๆ ไปเพื่อป้องกันโรคหวัดนั่นเอง [13]
    • ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังกินอาหารหรือหลังเข้าห้องน้ำ
    • อยู่ห่างจากคนที่เป็นต่อมทอนซิลอักเสบหรือคออักเสบจนกว่าผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะแล้วหนึ่งวัน
    • พักผ่อนมากๆ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างเต็มที่
  4. หากนิ่วทอนซิลสร้างปัญหาให้กับคุณอย่างมากและไม่สามารถกำจัดมันออกได้ด้วยตัวเอง ลองพบแพทย์ แพทย์อาจให้ใบสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาต้นตอของโรคที่เกี่ยวกับช่องปากและคอที่ทำให้ต่อมทอนซิลอักเสบหรือทำให้เกิดนิ่วทอนซิลขึ้น
    • เมื่อได้รับยาปฏิชีวนะ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ กินยาตามสั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดยา แม้อาการจะเริ่มดีขึ้น การใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกต้องอาจทำให้โรคดื้อยาได้และจะรักษาได้ยากมาก [14]
  5. ถ้าทุกวิธีข้างต้นไม่ได้ผล ยังมีวิธีผ่าตัดต่อมท่อนซิล. วิธีเดียวที่ป้องกันการเกิดนิ่วทอนซิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ก็คือการผ่าต่อมทอนซิลออก เมื่อไม่มีต่อมทอนซิล เศษต่างๆ ในช่องปากก็จะไม่อุดตัน นิ่วทอนซิลก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก หลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลอาจมีอาการเจ็บคอ แต่ในระยะยาวก็จะไม่มีนิ่วทอนซิลมารบกวนอย่างถาวร ถ้าทรมานมากกับอาการและการเกิดใหม่ซ้ำ ๆ ของนิ่วทอนซิล การผ่าตัดต่อมทอนซิลอาจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
    • อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับจัดการกับนิ่วทอนซิลคือการยิงเลเซอร์ [15] วิธีนี้ดีตรงที่ไม่ต้องใช้ยาสลบและไม่ต้องตัดต่อมทอนซิลทิ้ง แต่อาจไม่ได้ผลดีเท่ากับการผ่าตัดต่อมทอนซิลออกเพราะไม่สามารถบอกลากับนิ่วทอนซิลได้ถาวร
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • นิ่วทอนซิลสามารถกำจัดเองด้วยมือได้ไม่ยาก
  • แม้จะจัดการเองได้ง่าย ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อหรือทำให้เยื่อเมือกบุภายในช่องปากเสียหาย
โฆษณา

คำเตือน

  • เมื่อทำตามขั้นตอนกำจัดนิ่วทอนซิลแล้ว ควรเฝ้าดูสัญญาณของอาการติดเชื้อประมาณ 7 วัน
  • อาการติดเชื้อได้แก่ ไข้ รู้สึกเจ็บ อาการบวมน้ำบริเวณต่อมทอนซิล หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบพบทันตแพทย์ทันที
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • กระจก
  • ห้องที่ไฟสว่างเพียงพอ
  • น้ำเปล่า
  • กระดาษทิชชู่
  • เครื่องมือตามวิธีที่เลือก เช่น กิ๊บดำ สำลีก้าน เครื่องมือฉีดน้ำสำหรับช่องปาก เป็นต้น

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 225,572 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา