ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การควบคุมตนเองนั้นอาจเป็นเรื่องท้าทายและทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้ เราก็มีโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตและจัดการกับความหุนหันพลันแล่นได้ การรู้สึกว่าสามารถควบคุมตนเองและการกระทำของตนได้มากขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าควบคุมชีวิตตนเองได้มากขึ้น รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจ และช่วยให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ฝึกควบคุมตนเองในชั่วขณะหนึ่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การมีกลวิธีช่วยตนเองยับยั้งแรงยั่วยุในชั่วขณะหนึ่งจะช่วยเราควบคุมตนองได้ เริ่มต้นด้วยการเขียนพฤติกรรมที่เราอยากควบคุมและสถานการณ์ที่กระตุ้นให้ทำพฤติกรรมนั้น [1] [2] การรู้ตัวว่าเราอยากทำพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นตอนไหนจะทำให้เรามีเวลาเตรียมการเพื่อหยุดยั้งพฤติกรรมนั้นก่อนที่จะแสดงออกมา
  2. การให้เวลาตนเองคิดจะช่วยเราประเมินการการกระทำของเราอีกครั้งโดยใช้เหตุผลมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้วิธีการยับยั้งพฤติกรรมนั้นเอาไว้ แทนที่จะแสดงออกมาตามสิ่งเร้าไปเลย
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากควบคุมพฤติกรรมการใช้เงินหรือการซื้อของ ให้เวลาตนเองยี่สิบสี่ชั่วโมงไตร่ตรองก่อนออกไปซื้อของจริงๆ ให้เขียนลงสมุดจดเล็กๆ ว่าเราคิดจะซื้ออะไรและในยี่สิบสี่ชั่วโมงกลับไปดูสิ่งที่เขียนอีกครั้ง จากนั้นจึงคิดดูสิว่าของเหล่านั้นเราอยากได้หรือจำเป็นจริงๆ ไหม
  3. คำแนะนำนี้เป็นประโยชน์ถ้าเราพยายามเลิกบุหรี่หรือควบคุมนิสัยการกิน ถ้าเราติดบุหรี่หรือติดอาหารบางอย่าง แทนที่จะยอมแพ้ ให้ใช้มือถือตั้งเวลาสักห้านาที และจดจ่ออยู่กับการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง เตือนตนเองว่าความอยากก็คือความอยาก ไม่ใช่ความจำเป็น ใช้เวลาห้านาทีนั้นนึกภาพว่าความอยากค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมลมหายใจออก สังเกตว่าตนเองรู้สึกอย่างไรและถ้ายังอยากกินหรืออยากสูบบุหรี่อยู่ ให้ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ดู [3]
    • ลองหลับตาและหายใจทางจมูกช้าๆ ให้สูดอากาศเข้าปอดไปเรื่อยๆ ให้อกขยายและหน้าท้องแฟบ สุดท้ายค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างเป็นธรรมชาติ จะผ่อนลมหายใจทางปากหรือทางจมูกก็ได้ [4]
  4. เราจะเห็นว่าการหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าทำได้ยาก ถ้าเราเอาแต่นั่งเฉยและคิดถึงสิ่งเร้านั้น ให้รู้ตัวว่ามีสิ่งเร้านั้นอยู่และหาทางหันเหความสนใจของตนไปที่สิ่งอื่นให้ได้ วิธีนี้ช่วยเราให้หันเหจิตใจออกจากสิ่งเร้านั้นหรือความต้องการอย่างรุนแรงนั้น และได้ให้เวลาตัดสินใจว่าเราต้องการทำตามสิ่งเร้านั้นจริงๆ หรือไม่
    • บางครั้งการทำงานที่ต้องอาศัยมือก็ช่วยได้เช่น การถักโครเชต์ การถักนิตติ้ง การพับกระดาษโอะริงะมิ หรือแม้แต่การส่งข้อความถึงเพื่อน
  5. นอกเหนือจากใช้วิธีการหันเหความสนใจชั่วคราวแล้ว ลองทำพฤติกรรมอื่นแทนพฤติกรรมที่เราอยากควบคุม ให้เวลาตนเองได้คิดไตร่ตรอง เราจะได้ตัดสินใจได้ชัดเจนและเด็ดขาดมากขึ้น [5]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราพยายามยับยั้งการใช้เงิน ให้ไปเดินเล่นในบริเวณที่ร่มรื่น อยู่ห่างจากร้านค้าต่างๆ เพื่อจะได้ไม่มีโอกาสเข้าไปซื้อของได้ หรือถ้าเราพยายามควบคุมพฤติกรรมการกินมากเกินไป ให้เราฝึกเข้ายิมเมื่อเกิดความต้องการอยากกิน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ฝึกควบคุมตนเองในระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เขียนรายการนิสัยหรือพฤติกรรมที่เราอยากควบคุม. ถ้าผู้คนในชีวิตของเราได้แนะนำเรื่องนิสัยที่ควรควบคุมแก่เรา ให้รับคำแนะนำนั้นมาพิจารณา จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมาจากภายใน ฉะนั้นเชื่อลางสังหรณ์และเคารพความรู้สึกของตนเอง รวมทั้งฟังเสียงตอบรับที่ได้จากคนรอบข้าง เราต้องเปลี่ยนแปลงและควบคุมตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองจริงๆ [6]
    • ตัวอย่างพฤติกรรมและนิสัยที่ควรปรับปรุงได้แก่ การสูบบุหรี่ การกิน นิสัยการทำงาน การเพิ่มปริมาณงาน การดื่มแอลกอฮอล์ การควบคุมอารมณ์ การจับจ่ายซื้อของ หรือการใช้เงิน เป็นต้น
  2. เราก็ต่างมีด้านหลายด้านในชีวิตที่อยากฝึกและควบคุมให้ได้ ฉะนั้นขอให้ใจเย็นๆ และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้ดูสิ่งที่เราเขียนและเลือกพฤติกรรมที่เราอยากควบคุมมาสักหนึ่งหนึ่งพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงนิสัยต้องใช้เวลา และการควบคุมตนเองต้องใช้ความพยายาม รวบรวมพลังและตั้งเป้าหมายตามความเป็นจริงซึ่งเราสามารถทำสำเร็จได้ [7]
    • จำไว้ว่าเราต้องควบคุมพฤติกกรมของตนเองเป็นหลัก จึงควรเลือกเป้าหมายที่สอดคล้องด้วย ตัวอย่างเช่น อย่าเลือกเป้าหมายอย่าง “มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่” เป้าหมายนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากพ่อแม่ ถึงจะทำได้สำเร็จ ถ้าเปลี่ยนไปตั้งเป้าหมายว่า "ฉันจะปรับปรุงวิธีการพูดคุยกับพ่อแม่” จะดีกว่า เพราะเน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราเป็นหลัก
    • การเปลี่ยนแปลงที่เราสามารถทำได้ต้องเหมาะกับชีวิต เวลาและความสามารถของเราตามความเป็นจริง ถ้าเราพยายามเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในทันที ซึ่งการทำแบบนี้ก็ยากเกินไปอยู่แล้ว ความพยายามของเราอาจสูญเปล่าและเราอาจยอมแพ้ไปในที่สุด
  3. ศึกษาวิธีควบคุมตนเองจากผู้อื่นในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถามเพื่อนหรือคนที่เรารักที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเดียวกันนี้ได้สำเร็จ ลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงทางอินเตอร์เน็ตดู [8]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากเปลี่ยนพฤติกรรมการกินมากเกินไป ให้ลองหาหนังสือเกี่ยวกับโรคกินไม่หยุด (หรือโรคกินมากเกินไป) และรวบรวมกลวิธีมากมายที่มีประโยชน์เพื่อนำมาใช้เป็นวิธีการควบคุมการกินของตนเอง เริ่มจดบันทึกการการกิน และเขียน หรือติดตามผลของการใช้กลวิธีมากมายที่เราค้นพบระหว่างทำตามเป้าหมาย วิธีนี้จะเพิ่มโอกาสในการค้นพบว่าวิธีไหนได้ผลกับเรา
  4. หมั่นจดบันทึกเรื่องของตนเอง แล้วเราจะได้ประสบการณ์เฉพาะของตนเพื่อนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลง การรู้จักว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่ทำให้เราเกิดความหุนหันพลันแล่นและขาดการควบคุมตนเองจะช่วยให้เรารู้สึกควบคุมตนเองได้มากขึ้น และช่วยให้เราตัดสินใจว่าเราต้องการควบคุมตนเองอย่างไร นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เหมาะกับเราและการควบคุมตนเองด้วยการรู้ตัวว่าทำไมบางครั้งเราถึงรู้สึกควบคุมตนเองไม่ได้ [9]
    • ขอยกตัวอย่างโรคกินมากกินไป ให้เราลองดูสิว่าตนเองรู้สึกอย่างไรเมื่อกินไม่หยุด เรากินมากเกินไปเมื่อรู้สึกเครียดหรือเปล่า เราอาจกินมากเกินไปตอนอยู่ในงานเลี้ยงฉลองด้วยเหมือนกัน เราเห็นว่าตนเองมักกินมากเกินไปเวลารู้สึกวิตกกังวลหรือเศร้าไหม
  5. ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถควบคุมตนเองได้สำเร็จคือความผิดหวังที่ตนเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน หรือสามารถเลิกพฤติกรรมเดิมแบบหักดิบได้ เตรียมตัวเองให้พร้อมรับความสำเร็จจากความพยายามของตนด้วยการตั้งเป้าหมายตามความเป็นจริงและใช้วิธีเลิกพฤติกรรมเดิมแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าใช้วิธีการเลิกทันที [10]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังควบคุมพฤติกรรมกินไม่หยุดของตนเอง อย่าเพิ่งเปลี่ยนรูปแบบการกินกะทันหัน คือไม่ยอมกินอะไรยกเว้นผักและผลไม้ เพราะนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป อีกทั้งอาจไม่คงอยู่นานด้วย
  6. จำไว้เสมอว่ากุญแจสำคัญคือความก้าวหน้า ไม่ใช่ความสมบูรณ์ไร้ที่ติ เจาะจงช่วงเวลาให้ตนเองได้พยายามฝึกควบคุมตนเอง เมื่อมีวันที่เรารู้สึกควบคุมตนเองไม่ไหว ให้ทำเครื่องหมายไว้ที่ปฏิทิน และจดบันทึกว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นถึงทำให้เราหุนหันพลันแล่น ยิ่งเรารู้จักตนเองและรูปแบบพฤติกรรมตนเอง ก็จะยิ่งเห็นปัญหาง่ายขึ้นเมื่อเวลามาถึง
    • ตัวอย่างเช่น ช่วงวันหยุดอาจเป็นเวลาที่เราเครียด และเราสังเกตเห็นว่าการกินมากขึ้นของเรามาจากแรงกดดันในการทำภารกิจที่เราต้องทำ ปีหน้าเราจะรู้ว่าช่วงวันหยุดเป็นเวลาที่ควบคุมตนเองลำบาก แต่เราก็สามารถเตรียมตัวรับมือด้วยการทำตามกลวิธีที่เราได้เรียนรู้มาตอนค้นคว้าเรื่องโรคกินมากเกินไป
  7. ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมเราถึงต้องการควบคุมพฤติกรรมนี้และย้ำเตือนตนเองไปเรื่อยๆ ลองหาแรงบันดาลใจจากภายในและจดบันทึกเอาไว้ เราอาจจะเขียนเหตุผลต่างๆ ไว้ในเศษกระดาษและเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือตั้งโปรแกรมเตือนความจำไว้ในมือถือก็ได้ [11]
    • ตัวอย่างเช่น เรากำลังควบคุมพฤติกรรมเพื่อเลิกบุหรี่ เราอาจเขียนเหตุผลว่าเป็นเพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพื่อซื้อบุหรี่ การสูบบุหรี่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้มีกลิ่นตัวและกลิ่นปาก ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพปากและฟัน เป็นต้น เขียนข้อดีของการเลิกบุหรี่ด้วยเช่น มีเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นมากขึ้น มีฟันขาวสวย หายใจง่ายขึ้น หรือเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้เราคิดอยากเลิกบุหรี่
  8. พยายามค้นหาและทำพฤติกรรมที่แตกต่างเพื่อแทนที่พฤติกรรมเดิมที่เราพยายามควบคุม ให้มองกระบวนการนี้เป็นการเดินทางเพื่อค้นพบว่าอะไรที่เราทำแล้วได้ผล และพยายามอย่าท้อแท้ ถ้ากลวิธีที่ใช้ไม่ให้ผลดังใจ ให้ลองไปทำวิธีอื่นแทน การเอาใจใส่ตนเองจะทำให้เรามีพลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างมาก และฝึกควบคุมตนเองได้ดีขึ้น [12]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากินมากเมื่อเครียด ให้เริ่มหาวิธีการอื่นๆ เพื่อจัดการความเครียดแทนการกิน ลองหาเทคนิคการผ่อนคลายและหาพฤติกรรมแทนที่อย่างเช่น หายใจโดยการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง เล่นโยคะ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ฝึกศิลปะป้องกันตัว หรือฝึกไทชิ
  9. การจดจ่ออยู่กับงานอดิเรกใหม่ๆ สักอย่าง เช่น ขับรถเล่น เล่นทายปริศนา ขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นกีฬา หรือวาดรูป เป็นต้น เป็นการหันเหความสนใจที่ดีเยี่ยมตอนที่เราฝึกควบคุมตนเอง ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคือการหันมาทำพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดผลดีกว่าและไม่ก่อให้เกิดความหุนหันพลันแล่นแทน
    • มีแหล่งงานอดิเรกอยู่ในเว็บที่เราสามารถเข้าถึงได้ เช่น Pinterest หรือสื่อสังคมอื่นๆ ที่เราสามารถพบผู้คนที่มีความสนใจคล้ายกันได้
  10. ให้กำลังใจตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เป็นไปตามที่เราต้องการ การมีทัศนคติเชิงบวกมีอิทธิพลต่อความสามารถในการฝึกควบคุมตนเองได้จริงๆ อย่าเข้มงวดกับตนเองมากเกินไป ถ้ารู้สึกว่ากำลังไปไม่ถึงเป้าหมาย มุ่งมั่นพยายามต่อไปและปล่อยความล้มเหลวผ่านไป แค่พยายามไปเรื่อยๆ ก็พอ [13]
    • เราสามารถใช้บันทึกเพื่อปรับถ้อยคำเชิงลบ ถ้าเรารู้สึกว่ายอมแพ้ให้กับความหุนหันพลันแล่นแทนที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเป้าหมายคือไม่ใช่เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่เรากลับเที่ยวซื้อของไปทั่ว ให้ทบทวนเป้าหมายอีกครั้ง และเตือนตนเองว่าเราเคยมีวันที่เลวร้าย หาเวลาบันทึกสิ่งที่เราสามารถทำแตกต่างออกไปได้ในคราวหน้า ตัวอย่างเช่น ไปเข้าเรียนโยคะ ยินดีด้วยที่เรารู้ตัวและพร้อมที่จะพยายามอีกครั้ง
  11. ให้เพื่อนและคนที่เรารักรู้ว่าเราพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โทรไปหาหรือส่งข้อความถึงพวกเขา ขอให้เขาช่วยเหลือเรา ถ้าเราต้องการแรงสนับสนุน ส่วนหนึ่งของการเชื่อมั่นในตนเองและการสร้างความเปลี่ยนแปลงคือการยอมให้ผู้อื่นช่วยเหลือเราด้วย ถึงแม้การพึ่งตนเองเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมตนเอง แต่การมีผู้อื่นพูดให้กำลังใจ ให้แรงบันดาลใจ รับฟังเมื่อเราต้องการ จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งในการตัดสินใจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
  12. ต้องชมเชยความพยายามในการควบคุมตนเองและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามสมควร การให้รางวัลตนเองเมื่อฝึกการควบคุมตนเองได้สำเร็จจะช่วยให้พฤติกรรมเสริมแรงบวกมาแทนที่พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น [14]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังเลิกสูบหรี่ เราอาจประหยัดเงินได้มากขึ้นและใช้เงินที่เคยใช้กับบุหรี่ ไปนวดตัวหรือทำสปา หรือถ้าเรากำลังเลิกกินมากเกินไป ให้รางวัลเล็กๆ แก่ตนเองเช่น เสื้อเชิ้ตตัวใหม่
  13. ถึงแม้การควบคุมตนเองเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่น่ามหัศจรรย์และท้าทาย ทำให้เรารู้สึกมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสิ่งที่ตนเองเลือก แต่ก็มีสถานการณ์ที่เราอาจต้องการความช่วยเหลือมากกว่าแค่ให้กำลังใจ นี้เป็นคำแนะนำว่าเมื่อไรที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือ
    • ถ้าเรากำลังพยายามเลิกแอลกอฮอล์ หรืออะไรอื่นๆ
    • ถ้าเรากำลังมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายหรือเสพติดทางเพศ
    • ถ้าเราพบว่าตนเองกำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบทารุณหรือเป็นอันตราย
    • ถ้าเรากำลังควบคุมความโกรธ หรือกำลังระเบิดอารมณ์รุนแรง และทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นในระหว่างฝึกควบคุมตนเอง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้ายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบทันตาเห็น ให้อดทนและพยายามต่อไป
  • อย่าลืมนอนหลับให้สนิท เพราะการนอนหลับให้สนิทจะช่วยให้เรายังคงมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีเสมอ รวมทั้งได้พักและผ่อนคลายจากความเครียด
  • ใช้การลงโทษเบาๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบกัดเล็บ ก็ให้ทำงานบ้าน ช่วยเหลือคนอื่น หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง ทุกครั้งที่เผลอกัดเล็บ การทำแบบนี้จะทำให้หยุดกัดเล็บและหลีกเลี่ยงการทำพฤติกรรมไม่พึงประสงค์อื่นๆ
  • อย่าลงโทษตนเองเมื่อทำผิดพลาด ผู้คนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนทำกันพลาดได้
  • เชื่อว่าตนเองทำสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ใช่คนล้มเหลวถึงแม้จะดูเหมือนทำไม่ได้ตามที่หวัง ให้คิดเสียว่ามีทางที่ดีกว่าให้เลือก เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกด้วย ฉะนั้นนี้ไม่ใช่ความล้มเหลวเสียทีเดียว ไม่เลยสักนิด
โฆษณา

คำเตือน

  • รู้ว่าเมื่อไรเพื่อนหรือคนที่เรารักชักชวนให้เรามีพฤติกรรมที่บ่อนทำลาย บางครั้งเราก็ถูกผู้คนรอบตัวชักจูงให้มีนิสัยที่ไม่ดี การถอยออกมาและรู้ว่าเมื่อไรควรพูดว่า “นี่เพื่อน ฉันเลิกดื่มแล้วนะ” ถ้าพวกเขายังคะยั้นคะยอเรา ก็ให้ถามไปว่า “รู้ไหมว่าทำแบบนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพฉัน” แล้วเราจะเห็นว่าพฤติกรรมของเพื่อนๆ จะดีขึ้น
  • อย่าให้ความอยากควบคุมเข้าครอบงำ ตัวอย่างเช่น การไม่ยอมกินอะไรเลยย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ อย่าให้การควบคุมตนเองกลายแค่พฤติกรรมเสพติดอีกพฤติกรรมหนึ่ง


โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. “Self-Control, Willpower, and the Problem of Diminished Motivation.” Connor, Thomas. Philosophical Studies. Apr2014, Vol. 168 Issue 3, p783-796. 14p
  2. “Why Didn't I Think of That? Self-Regulation through Selective Information Processing.” Trudel, Remi; Murray, Kyle B. Journal of Marketing Research (JMR). Aug2011, Vol. 48 Issue 4, p701-712. 12p.
  3. “Revisiting the Restorative Effects of Positive Mood: An Expectancy-Based Approach to Self-Control Restoration.” Egan, Patrick M.; Clarkson, Joshua J.; Hirt, Edward R. Journal of Experimental Social Psychology. Mar2015, Vol. 57, p87-99. 13p.
  4. http://www.health.harvard.edu/mind-and-mood/relaxation-techniques-breath-control-helps-quell-errant-stress-response
  5. “Revisiting the Restorative Effects of Positive Mood: An Expectancy-Based Approach to Self-Control Restoration.” Egan, Patrick M.; Clarkson, Joshua J.; Hirt, Edward R. Journal of Experimental Social Psychology. Mar2015, Vol. 57, p87-99. 13p.
  6. “Self-Control, Willpower, and the Problem of Diminished Motivation.” Connor, Thomas. Philosophical Studies. Apr2014, Vol. 168 Issue 3, p783-796. 14p
  7. “Revisiting the Restorative Effects of Positive Mood: An Expectancy-Based Approach to Self-Control Restoration.” Egan, Patrick M.; Clarkson, Joshua J.; Hirt, Edward R. Journal of Experimental Social Psychology. Mar2015, Vol. 57, p87-99. 13p.
  8. “Why Didn't I Think of That? Self-Regulation through Selective Information Processing.” Trudel, Remi; Murray, Kyle B. Journal of Marketing Research (JMR). Aug2011, Vol. 48 Issue 4, p701-712. 12p.
  9. “Why Didn't I Think of That? Self-Regulation through Selective Information Processing.” Trudel, Remi; Murray, Kyle B. Journal of Marketing Research (JMR). Aug2011, Vol. 48 Issue 4, p701-712. 12p.
  1. “Why Didn't I Think of That? Self-Regulation through Selective Information Processing.” Trudel, Remi; Murray, Kyle B. Journal of Marketing Research (JMR). Aug2011, Vol. 48 Issue 4, p701-712. 12p.
  2. “Self-Control Moderates Decision-Making Behavior When Minimizing Losses versus Maximizing Gains.” Pang, Bo; Otto, A. Ross; Worthy, Darrell A. Journal of Behavioral Decision Making. Apr2015, Vol. 28 Issue 2, p176-187. 12p.
  3. “Revisiting the Restorative Effects of Positive Mood: An Expectancy-Based Approach to Self-Control Restoration.” Egan, Patrick M.; Clarkson, Joshua J.; Hirt, Edward R. Journal of Experimental Social Psychology. Mar2015, Vol. 57, p87-99. 13p.
  4. “Yes, But Are They Happy? Effects of Trait Self-Control on Affective Well-Being and Life Satisfaction.” Hofmann, Wilhelm; Luhmann, Maike; Fisher, Rachel R; Vohs, Kathleen D.; Baumeister, Roy F. Journal of Personality. Aug2014, Vol. 82 Issue 4, p265-277. 13p.
  5. “Self-Control and Impulsiveness in Adult Humans: Comparison of Qualitatively Different Consumable Reinforcers Using a New Methodology.” Forzano, L.; Michels, J.; Sorama, M.; Etopio, A.; English, E. Psychological Record. Dec2014, Vol. 64 Issue 4, p719-730. 12p.

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,305 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา