ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
อาการเป็นลมคือการหมดสติในระยะเวลาสั้นๆ และหลังจากนั้นจะกลับมาได้สติอีกครั้ง [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Gauer RL. Evaluation of Syncope. Am Fam Physician. 2011;84(6):640-650. อาการเป็นลมในภาษาอังกฤษใช้คำว่า fainting หรือทางการแพทย์เรียกว่า syncope มีสาเหตุมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอชั่วคราว ทำให้ความดันเลือดต่ำ ส่วนมากผู้ป่วยมักกลับมาได้สติอีกครั้งภายใน 1-2 นาทีหลังจากเป็นลม [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล สาเหตุของการเป็นลมมีมากมายตั้งแต่การขาดน้ำหรือการลุกทันทีหลังจากนั่งเป็นเวลานานไป จนถึงโรครุนแรงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คุณจะทำอย่างไรหากเห็นคนเป็นลมหรือตัวคุณเองเป็นลมล่ะ?
ขั้นตอน
-
ให้ผู้ป่วยนอนลง. ถ้าเห็นผู้ป่วยมีทีท่าว่าจะเป็นลม ให้รีบพยุงตัวผู้ป่วยลงนอนกับพื้นราบ เวลาคนเป็นลม เราจะไม่สามารถป้องกันการล้มแรงๆ โดยใช้มือยันได้ โดยปกติแล้วแม้ว่าผู้ที่เป็นลมจะไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่เพื่อเป็นการป้องกันหัวผู้ป่วยฟาดพื้นจึงควรพยุงผู้ป่วยไว้ แน่นอนว่าคุณควรพยุงผู้ป่วยเฉพาะเวลาที่เห็นว่าคุณรับน้ำหนักผู้ป่วยไหว ถ้าผู้ป่วยตัวใหญ่กว่าคุณมาก อาจทำให้เกิดอันตรายกับทั้งคู่ได้
-
ให้ผู้ป่วยนอนลงกับพื้นราบ. สะกิดหรือเขย่าตัวผู้ป่วยเพื่อเช็คว่าผู้ป่วยมีสติหรือยัง ส่วนมากคนที่เป็นลมจะฟื้นคืนสติได้เร็ว (ประมาณ 20 วินาทีถึง 2 นาที) [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- เวลาคนเป็นลม เขาจะล้มลง ซึ่งทำให้ตำแหน่งหัวอยู่ระดับตรงกับหัวใจ ในตำแหน่งนี้จะทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีกว่าเดิม ดังนั้นผู้ป่วยจึงมีสติกลับมาได้รวดเร็ว [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าผู้ป่วยได้สติ ให้ถามอาการที่ผู้ป่วยรู้สึกก่อนหมดสติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นลม อาการที่น่าเป็นห่วงได้แก่ ปวดหัว ชัก เหน็บชา เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หากมีอาการดังกล่าวให้ติดต่อหน่วยบริการฉุกเฉิน [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ให้ผู้ป่วยพักเมื่อได้สติ. ปลดเสื้อผ้าที่รัดแน่น เช่น เน็คไท เสื้อที่มีปก เพื่อทำให้ผู้ป่วยสบายตัวมากขึ้น
- ให้ผู้ป่วยนอนลงบนพื้นราบ พักประมาณ 15-20 นาที เวลาประมาณนี้จะช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ให้ผู้ป่วยอยู่ในที่โปร่งหายใจได้สะดวกและพัดให้ผู้ป่วยได้รับอากาศที่มากพอ ถ้าเป็นลมในที่สาธารณะ คนมักมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น เราจึงต้องบอกให้คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ถอยห่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท เว้นเสียแต่ว่าคนเหล่านั้นสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้
- เมื่อผู้ป่วยฟื้นได้สติดีแล้ว ให้น้ำหรืออาหาร เพราะน้ำและอาหารจะช่วยเพิ่มพลังให้สดชื่น การขาดน้ำหรือน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นสาเหตุต้นๆ ที่ทำให้เป็นลม
- อย่าให้ผู้ป่วยลุกเร็วเกินไป พยายามให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆ สักพักเพื่อให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้เต็มที่ นอกจากนี้ถ้าให้ผู้ป่วยลุกเร็วเกินไป อาจทำให้เป็นลมอีกได้ ทันทีที่ผู้ป่วยได้สติครบถ้วนแล้ว ผู้ป่วยอาจจะพยายามยืนและเดินเร็วเกินไป
- ถ้าผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่หัวหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ปวดหัวรุนแรง ฯลฯ หรือมีอาการเจ็บป่วยก่อนหน้า เช่น โรคหัวใจ หรือตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์
-
ตรวจชีพจรถ้าเวลาผ่านไปนานแล้วผู้ป่วยยังไม่ได้สติ. [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โทรหรือให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์โทรหาหน่วยบริการฉุกเฉิน อาจหาเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติมาใช้ เริ่มจากจับชีพจรบริเวณคอของผู้ป่วย เพราะจะจับชีพจรได้ชัดเจนที่สุด วางนิ้วชี้และนิ้วกลางบนคอบริเวณข้างหลอดลมและจับชีพจร [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- วัดชีพจรทีละข้าง การจับชีพจรทั้งสองข้างจะทำให้รู้ว่ามีเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือไม่
- หากจับชีพจรได้ ให้ยกขาผู้ป่วยขึ้นทั้งสองข้างเหนือพื้น เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมอง
-
เริ่มทำการซีพีอาร์หากไม่สามารถจับชีพจรได้. ถ้าทำซีพีอาร์ไม่เป็น ให้หาคนใกล้ตัวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มาช่วยเหลือ [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- นั่งคุกเข่าข้างผู้ป่วย
- วางฝ่ามือข้างหนึ่งตรงกลางอกผู้ป่วย
- วางฝ่ามืออีกข้างทับมือแรก
- ห้ามงอศอก
- ออกแรงส่วนบนของคุณทั้งหมดกดลงที่หน้าอกผู้ป่วย
- อกผู้ป่วยจะต้องยุบลงไปอย่างต่ำ 2 นิ้วในขณะที่คุณออกแรงกด
- กดหน้าอกผู้ป่วยประมาณ 100 ครั้งต่อนาที
- กดหน้าอกไปเรื่อยๆ จนกว่าหน่วยบริการฉุกเฉินจะมาถึงและรับหน้าที่ต่อ
-
ต้องมีสติและให้กำลังใจผู้ป่วย. การมีสติจะทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้ดีและทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่นมากขึ้นโฆษณา
-
สังเกตอาการก่อนเป็นลม. ถ้าคุณเป็นลมบ่อย แนะนำให้จดจำสัญญาณที่มักเกิดขึ้นก่อนการเป็นลม อาจจดใส่สมุดเกี่ยวกับอาการเหล่านั้น ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่ากำลังจะเป็นลม คุณควรเตรียมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับอาการ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น สัญญาณที่แสดงว่าคุณอาจจะเป็นลมได้แก่: [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- อาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ
- ตาพร่า เห็นจุดสีดำหรือขาว มองภาพเบลอ
- รู้สึกร้อนจัด เหงื่อออกมาก
- ท้องไส้ปั่นป่วน
-
หากรู้สึกว่าจะเป็นลม ให้หาที่พักนอน. ยกขาขึ้นสูงเพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมอง
- ถ้านอนบนพื้นราบไม่ได้ ให้นั่งลงให้หัวอยู่ระหว่างเข่าทั้งสองข้าง
- พักประมาณ 10-15 นาที
-
หายใจลึกๆ. หายใจลึกๆ เข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก วิธีนี้ช่วยให้มีสติมากขึ้นอีกด้วย
-
ร้องขอความช่วยเหลือ. การขอความช่วยเหลือเป็นความคิดที่ดีมากเพราะคนอื่นจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา อาจมีคนช่วยพยุงตัว พาไปนอนพักและพาไปพบแพทย์ได้ทันทีที่ต้องการ
-
ดูแลตัวเองให้ปลอดภัย. ถ้าคุณคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม รีบพาตัวเองออกมาจากสิ่งที่อาจเป็นอันตราย เพื่อลดการบาดเจ็บรุนแรงที่อาจเกิดจากการเป็นลม
- ยกตัวอย่างเช่น อยู่ให้ห่างจากของแหลมคม เวลาเป็นลมล้มลงจะได้ไม่เป็นอันตราย
-
หาทางป้องกันการเป็นลมล่วงหน้า. ในหลายกรณีการเป็นลมสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงสาเหตุที่มักก่อให้เกิดการเป็นลม การป้องกันการเป็นลมหลักๆ ได้แก่:
- ดื่มน้ำและกินข้าวให้เพียงพอ: การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อาจดื่มเครื่องดื่มอย่างอื่นด้วยก็ได้เพื่อป้องกันการขาดน้ำ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนมาก การกินอาหารให้ตรงเวลาเพียงพอและดีต่อสุขภาพจะช่วยลดอาการคลื่นไส้หรืออาการอ่อนเพลียที่เกิดจากความหิวได้
- หลีกเลี่ยงความเครียด: หลายคนเป็นลมเพราะเกิดจากความเครียด ความกังวล ความไม่สบายใจในสถานการณ์ต่างๆ ดังนั้นหากสามารถสงบสติอารมณ์ได้หรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์เหล่านั้นได้ก็จะดีมาก
- หลีกเลี่ยงยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่: สิ่งเหล่านี้เต็มไปด้วยสารพิษและไม่ดีต่อร่างกายซึ่งสามารถนไปสู่การเป็นลมได้
- อย่าเปลี่ยนท่าทางการเคลื่อนไหวเร็วเกินไป: การเป็นลมสามารถเกินจากการเคลื่อนที่ที่เร็วฉับพลัน เช่น การยืนขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากนั่งหรือนอน ลองลุกขึ้นยืนช้าๆ อาจหาที่จับเพื่อให้เคลื่อนที่อย่างสมดุลมากขึ้นก็ได้
-
ปรึกษาแพทย์หากยังเป็นลมบ่อยๆ. ถ้าคุณเป็นลมเป็นประจำ ต้องรีบพบแพทย์เพราะการเป็นลมอาจเป็นอาการของโรคหรือปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ความดันตกจากการเปลี่ยนท่าร่าง
- ควรพบแพทย์หากเป็นลมแล้วหัวกระแทก ตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวาน มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือโรคอื่นๆ หรือถ้าคุณมีอาการอื่นๆ ตามมาเช่น เจ็บหน้าอก มึนงง หายใจถี่ [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- แพทย์จะซักประวัติคุณเพื่อวินิจฉัยสาเหตุของการเป็นลม อาจมีการทดสอบเช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การทำงานของเลือด
โฆษณา
คำเตือน
- การเป็นลมอาจเกิดขึ้นปกติสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยน นอกจากนี้ยังเป็นเพราะมดลูกขยายตัวกดทับหลอดเลือดส่งผลให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจ ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์เป็นลม
- อาการเป็นลมมักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และยิ่งเกิดมากในผู้สูงวัยอายุมากกว่า 75 ปี [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
โฆษณา
เคล็ดลับ
- พยายามหาสาเหตุของการเป็นลมให้ได้ เช่น ความเครียด การยืนนานเกินไป ฯลฯ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ Gauer RL. Evaluation of Syncope. Am Fam Physician. 2011;84(6):640-650.
- ↑ http://nhs.uk/conditions/Fainting/Pages/Introduction.aspx
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Fainting/Pages/Symptoms.aspx
- ↑ http://www.nhs.uk/Conditions/Fainting/Pages/Symptoms.aspx
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/fainting/page6_em.htm#fainting_self-care_at_home
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/fainting/page6_em.htm#fainting_self-care_at_home
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/fainting/page6_em.htm#fainting_self-care_at_home
- ↑ http://mayoclinic.org/healthy-lifestyle/fitness/expert-answers/heart-rate/faq-20057979
- ↑ http://mayoclinic.org/first-aid/first-aid-cpr/basics/art-20056600
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,824 ครั้ง
โฆษณา