ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีอะไรที่เจ๋งไปกว่าแตงกวาดองเย็นๆ อมรสเปรี้ยวแสนกรุบกรอบในเวลาบ่ายๆ ท่ามกลางฤดูร้อนอีกแล้วล่ะ กินกับแซนด์วิชก็ดี หรือจะกินเล่นเป็นขนมขบเคี้ยวก็ได้ ไม่มีอะไรเป็นของติดคู่ครัวได้เหมือนชั้นวางของที่เต็มไปด้วยแตงกวาดองทำเองอีกแล้วล่ะ ใครหลายๆ คน ตั้งแต่นักประดิษฐ์ของทำมือจนไปถึงเหล่าคุณย่าคุณยาย มักจะดองแตงกวาไว้ในกรดและเกลือ และเก็บเอาไว้ในครัวและกินกันอย่างมีความสุขกับคนในครอบครัว

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การเตรียมแตงกวา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แตงกวา Kirby เป็นแตงกวาชนิดที่ "ดั้งเดิม" ที่สุดในการนำมาทำแตงกวาดอง และขึ้นชื่อในเรื่องความหวานกรอบอีกด้วย โดยปกติแล้วคุณจะต้องใช้แตงกวาสักประมาณ 900-1300 กรัม
  2. ล้างให้สะอาดและหั่นแตงกวาให้ได้รูปร่างที่ต้องการ จะหั่นเป็นแว่น เป็นแผ่นบางๆ เป็นแนวยาว หรือไม่ต้องหั่น ดองไปทั้งลูกเลยก็ย่อมได้ ถ้าเกิดว่าจะเก็บไว้ทั้งลูก ให้ตัดก้นแตงกวาออกไปก่อน [1]
  3. เพื่อแตงกวาดองเนื้อกรอบ ให้นำแตงกวาแช่ไว้กับเกลือและน้ำแข็ง แล้วแช่ในตู้เย็นประมาณ 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำมันมาดอง
    • ใส่เกลือโคเชอร์ลงไปในชาม 3-4 ช้อนโต๊ะ ใส่แตงกวาตามลงไป และใส่น้ำแข็งให้ได้ปริมาณเท่ากัน ปิดชามเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูเปียกหรือแรปพลาสติก แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น ในระหว่างที่วัตถุดิบและเครื่องมืออื่นๆ
  4. ถ้าจะดองแตงกวาแล้วล่ะก็ จะต้องใช้น้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 สำหรับทำ"น้ำแตงกวาดอง" โดยทำในปริมาณที่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีแตงกวาที่จะนำมาดองกี่ลูก ผสมมันขึ้นมาได้เลยไม่ต้องกะให้เป๊ะมากนักหรอก แล้วก็จะใช้น้ำส้มสายชูธรรมดาก็ได้ หรือจะใช้เป็นน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล หรือน้ำส้มสายชูแบบไหนก็ได้ที่คุณชอบ และใส่เกลือโคเชอร์เข้าไปสัก 1.5 ช้อนโต๊ะด้วยนะ
    • ผสมส่วนผสมในกระทะหรือหม้อ อุ่นจนกว่าจะเดือด แล้วค่อยหรี่ไฟลงให้อุณหภูมิคงที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องให้เดือดก่อนเพื่อการนำมาดองแตงกวานั่นเอง
    • "Pickle crisp" เป็นผลิตภัณฑ์แตงกวาดองที่มีชื่อเสียง และมีแตงกวาดองที่กรอบอร่อยอีกด้วย โดยใช้แคลเซียมคลอไรด์นั่นเอง มีวิธีดองแตงกวาอีกอย่างหนึ่งคือการใช้ใบองุ่นลงไปในโหลดอง ที่จะทำให้แตงกวารักษาความนุ่มไว้นั่นเอง
  5. คุณอยากจะใช้เครื่องปรุงชนิดไหนก็ย่อมได้ แต่ถ้าสำหรับ"เครื่องปรุงแตงกวาดอง"โดยปกติแล้วนั้น ส่วนผสมจะได้แก่ พริกไทยดำ ผักชีลาว กลีบกระเทียมตำหรือฝาน และพริกป่นถ้าชอบรสชาติจี๊ดๆ [2]
    • คุณจะใส่เครื่องเทศชนิดแห้งลงในน้ำดองแตงกวาไว้ใต้โหลแก้ว หรือจะใส่ลงไปผสมในระหว่างที่เตรียมน้ำดองและก่อนที่จะใส่แตงกวาลงไปก็ได้ แต่ถ้าอยากให้รสชาติออกมามากที่สุด ก็คือต้องปรุงแตงกวาเองเลย แต่การใส่แตงกวาลงไปในแต่ละโหลนั้นจะต้องแน่ใจในปริมาณของเครื่องเทศที่จะเติมลงไปด้วย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การเตรียมโหลดอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โหลปากกว้างนั้นง่ายที่สุดต่อการใส่เข้าไปและตักออกมาที่สุดแล้ว โดยปกติแล้ว โหลบรรจุขนาด 1 ควอทจะใส่แตงกวาได้ประมาณ 4 ลูก ขอให้มีโหลสำรองเอาไว้ด้วย แม้คุณจะนำโหลแก้วมาใช้ใหม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถใช้ฝาเดิมได้ คุณสามารถหาซื้อฝาเหยือกเป็นแพ็คได้ในราคาไม่เท่าไรหรอก
    • เตรียมฝาโหล โหลแก้ว และที่ทำความสะอาดโหล (Boiling water canner) ก่อนที่จะใส่เข้าไปล้างในเครื่องล้างจานเพื่อล้างสารตกค้างในนั้น ตรวจดูให้แน่ในว่าไม่มีรอยแตกหรือปัญหาใดๆ
  2. ต้มน้ำในปริมาณพอที่โหลจะใส่ลงไปได้ในหม้อขนาดใหญ่. วางชั้นวางโหลไว้ที่ก้นหม้อที่มีน้ำเดือดอยู่ เพื่อไม่ให้โหลสัมผัสกับความร้อนที่มากเกินไปตรงก้นหม้อ ที่เสี่ยงต่อการทำให้แก้วแตกได้ ใส่โหลตามเข้าไป แล้วต้มน้ำอย่างน้อย 5 นาที
    • ห้ามต้มฝาเด็ดขาด ยางตรงฝาอาจเสียหายได้ถ้าต้มมัน แต่คุณสามารถอุ่นน้ำด้วยเตาอบหรือไมโครเวฟไม่ให้ถึงขั้นเดือด และนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อสำหรับฝาโหลได้
  3. โดยให้โหลแต่ละโหลคว่ำปากลงกับผ้าขนหนู ดูให้แน่ใจว่ามีของอยู่ใกล้มือพอจะเอื้อมถึงครบแล้ว คุณต้องมีโหล ฝา ยางที่ติดฝาโหล และน้ำดองแตงกวาอยู่ใกล้ๆ จะได้ทำตามกระบวนการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้ามีเพื่อนมาช่วยด้วยก็จะยิ่งดี
  4. นำแตงกวาออกจากน้ำแข็งและเกลือ เช็ดให้แห้ง แล้วใส่ลงไปในโหลแก้วให้ห่างจากปากโหลแนวแคบอย่างน้อยครึ่งนิ้ว
    • ย้ำอีกครั้ง คุณสามารถใส่เครื่องเทศไว้ตรงก้นโหลหรือจะผสมกับน้ำไปเลยก็ได้ เป็นโอกาสของคุณแล้วที่จะได้ผสมเครื่องปรุงที่คุณชอบลงไป อย่างเช่น กลีบกระเทียมตำละเอียด ใบผักชีลาว หรือใบองุ่นเพื่อความกรอบก็ตาม [3]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เติมลงไปในโหล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะใช้กรวยวางตรงขอบปากโหลก็ได้ หรือแค่เทลงไปถ้ามั่นใจในฝีมือการเทของตัวเองพอ เทน้ำดองลงไปให้มีที่ว่างประมาณครึ่งนิ้วจากส่วนบนสุดของโหล
    • คุณต้องมั่นใจว่าแตงกวาทุกชิ้นจมลงไปในน้ำดองทั้งชิ้น ส่วนที่โผล่พ้นมาเจออากาศจะเสียและทำให้เน่าเสียพร้อมกันทั้งโหลไปเลยก็ได้ ในกรณีนี้ใบองุ่นจะเป็นประโยชน์มาก โดยใช้ใบองุ่นกดให้แตงกวาจมลงไปแล้วปล่อยให้ใบองุ่นลอยอยู่ข้างบนแทน [4]
  2. เช็ดหยดน้ำดองแตงกวาออกจากปากโหลก่อนที่จะปิดมัน โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วปิดฝาโหลให้แน่นสนิท
  3. พอใส่แตงกวาลงในโหล ปิดฝาเรียบร้อยแล้ว ให้ต้มเพื่อฆ่าเชื้อในหม้อ. หันด้านฝาขึ้น และดูให้แน่ใจว่าน้ำร้อนที่ไว้ฆ่าเชื้อต้องอยู่สูงกว่าโหลสักนิ้วหนึ่ง ถ้าไม่พอก็ไปนำมาเติมเพิ่มซะ ปิดฝาแล้วปล่อยเอาไว้ โดยใช้ไฟแรงในการฆ่าเชื้อ
    • ปิดไฟหลังจากผ่านไป 5 ถึง 15 นาที แล้วปล่อยให้โหลอยู่ในน้ำที่หยุดเดือดจนค่อยๆ เย็นลง จากนั้นนำโหลขึ้นมาจากน้ำแล้ววางไว้บนผ้าขนหนู วางทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง
    • อย่าแกะหรือพยายามทำให้ฝาแน่นขึ้น ถ้าคุณได้ยินเสียง"ป๊อก"ที่ดังขึ้นมา นั่นแปลว่าโหลถูกปิดแน่นไว้เป็นที่เรียบร้อย
  4. แตงกวาดองนั้นควรจะเก็บได้เป็นปีหรือมากกว่านั้น โดยเก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง แสงแดดต้องส่องไม่ถึง
    • ปล่อยให้แตงกวาดองอยู่อย่างนั้นไปอีกประมาณ 10-14 วันก่อนที่จะเก็บเข้าตู้เย็น และกระบวนการดองแตงกวาก็จะเสร็จสมบูรณ์ ถ้าคุณอยากกินมันก่อนที่จะกลายเป็นแตงกวาดองก็ย่อมได้ แต่จะดีกว่าถ้าอย่างน้อยก็ปล่อยให้มันดองไปอีกหลายๆ วันก่อน เมื่อแตงกวาดองเสร็จสมบูรณ์แล้ว ให้ใส่เข้าไปในตู้เย็นและปล่อยให้มันเย็น เพื่อที่จะได้กลายเป็นของขบเคี้ยวรสเย็นอร่อยๆ นั่นเอง
    โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ที่ทำความสะอาดโหล (Boiling Water Canner)
  • ที่วางโหล (Canner Rack)
  • โหลแก้ว
  • ฝาโลหะ
  • โลหะรัดฝา
  • กรวย
  • ไม้ที่เอาไว้ยกโหลขึ้น (Jar Lifter)
  • เตาอบ
  • ผ้าขนหนู
  • ฝาแม่เหล็ก/ยางรัดฝา
  • กระดาษแปะฝาในขั้นตอนสุดท้าย

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 52,681 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา