ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณกำลังมองหาเต่าสักตัวมาเป็นสัตว์เลี้ยงน่าจะพิจารณาเต่าญี่ปุ่น หรือ เต่าแก้มแดง (red-eared slider turtle) สัตว์เลี้ยงที่ปรับตัวได้ง่ายชนิดนี้ชอบอยู่ในสถานที่อบอุ่น แต่ก็สามารถเจริญเติบโตในตู้ปลาขนาดใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษของเต่าชนิดนี้ได้มาจากการที่รอบๆ ดวงตามีสีแดง และท่าทางที่มันไถลตัวเองจากก้อนหินลงไปในน้ำ หากดูแลอย่างเหมาะสม เต่าญี่ปุ่นสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 30 ปี! หากคุณสนใจเพื่อนผู้มีอายุยืนยาว เต่าญี่ปุ่นสักตัวหนึ่งจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนวิเศษ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ตัดสินใจว่าเต่าญี่ปุ่นคือสัตว์เลี้ยงที่ใช่สำหรับคุณไหม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สอบถามไปทั่วๆ เพื่อดูว่ามีเพื่อนคนไหนบ้างที่เลี้ยงเต่าญี่ปุ่น คุณสามารถถามเรื่องข้อได้เปรียบของการมีเต่าเป็นสัตว์เลี้ยง รวมทั้งเรื่องท้าทายต่างๆ ในการเลี้ยงพวกมัน แต่หากคุณไม่รู้จักใครเลยที่เลี้ยงเต่าญี่ปุ่น จงไปที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง และพูดคุยกับพวกลูกจ้างผู้คุ้นเคยกับเต่า ที่ดียิ่งกว่านั้นคือจงใช้เวลาเล็กน้อยมีปฏิสัมพันธ์กับเต่าญี่ปุ่นที่ร้าน และให้แน่ใจว่าคุณรู้ดีว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะดูแลเต่าสักตัวหนึ่ง
  2. อายุขัยเฉลี่ยของเต่าญี่ปุ่นคือระหว่าง 20-30 ปี แถมบางตัวมีอายุยืนยาวกว่านี้อีก จงทำให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถปรับลักษณะการใช้ชีวิตในอนาคต ให้รวมถึงการมีเพื่อนคู่หูเป็นเต่าเป็นเวลายาวนานด้วย หากคุณซื้อเต่ามาเพียงเพื่อที่ลูกของคุณจะได้มีสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่ง จงตระหนักความจริงว่าเต่าตัวนั้นจะเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณไปอีกนานเลยทีเดียว
  3. คิดเรื่องจัดหาอุปกรณ์และเสบียงที่จำเป็นทั้งหมด. เต่าญี่ปุ่นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการมีขนาดเล็ก แต่จะตัวใหญ่เมื่อเติบโตขึ้น เต่าญี่ปุ่นที่โตแล้วต้องการตู้ปลาซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยอย่างน้อยสี่เท่าตัวของขนาดกระดอง คุณจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยตอนซื้อลูกเต่ามาเลี้ยง
    • หากคุณมีเต่าญี่ปุ่นมากกว่าหนึ่งตัว ให้แน่ใจว่าคุณมีตู้ปลามากพอที่จะใส่เต่าแยกกันหากจำเป็น เต่าญี่ปุ่นตัวผู้มีแนวโน้มที่จะตามตื๊อเต่าตัวเมีย ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นที่เต่าตัวเมียเลิกกินอาหาร ด้วยเหตุผลนี้ จึงดีที่สุดหากจะเลี้ยงตัวผู้กับตัวเมียแยกกัน
  4. ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าไฟฟ้าสำหรับทำให้ตู้ปลาอุ่น ค่าตัวปรับอุณหภูมิเพื่อเฝ้าระวังอุณหภูมิของน้ำ ค่าปั้มน้ำสำหรับการเติมอากาศ ค่าเครื่องกรองน้ำที่ออกแบบมาให้รับมือกับของเสียของเต่า และอย่างสุดท้ายแต่ไม่ใช่ท้ายสุดคือ ค่าอาหาร แม้ว่าเต่าญี่ปุ่นจะมีราคาถูก แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ซึ่งค่าเลี้ยงดูมีราคาถูก
    • หากคุณวิตกเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับเต่าญี่ปุ่น การประเมินค่าใช้จ่ายอย่างหยาบๆ ก่อนจะซื้อเต่าอาจช่วยได้ การทำเช่นนี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า คุณยินดีจะลงทุนกับสัตว์เลี้ยงตัวนี้หรือไม่
  5. พิจารณาความเสี่ยงจากเชื้อซัลโมเนลลาเวลาจับต้องเต่า. จงตระหนักว่าเต่าอาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคชนิดนี้ โดยที่ตัวมันเองไม่ได้ป่วย แต่เสี่ยงที่จะทำให้ผู้คนติดเชื้อโรคได้ วิธีเดียวที่จะเลี้ยงเต่าได้อย่างปลอดภัยคือ ตั้งสมมติฐานว่าเต่ามีเชื้อโรคชนิดนี้ และคุณต้องรักษาสุขอนามัยส่วนตัวอย่างระมัดระวัง ทั้งก่อนและหลังจับต้องเต่า การล้างมือเป็นสิ่งที่จำเป็น
    • เพราะความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซัลโมเนลลา คุณจึงจำเป็นต้องมีชุดอุปกรณ์เครื่องใช้แยกกัน สำหรับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเต่า รวมทั้งคุณต้องคอยล้าง และฆ่าเชื้อชุดอุปกรณ์เหล่านี้แยกจากอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านอื่นๆ ด้วย
  6. คิดเรื่องบุคลิกส่วนตัวของเต่า.ธรรมชาติของเต่าญี่ปุ่นไม่ใช่สัตว์สังคม เต่าที่จับมาจากธรรมชาติอาจจะว่องไวและก้าวร้าว ขณะที่เต่าซึ่งได้มาจากการเพาะพันธุ์ในที่เลี้ยง อาจเรียนรู้ที่จะรับมือกับการถูกจับต้อง แต่อย่าทึกทักเอาเองว่าสัตว์เลี้ยงของคุณช่างเป็นมิตรเสียเหลือเกิน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

จัดหาบ้านให้กับเต่าของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีคู่มือเล่มหนึ่งแนะนำให้ซื้อตู้ขนาดความจุ 10 แกลลอนต่อความยาวทุกนิ้วของตัวเต่า และบวกพื้นที่เพิ่มอีก 15 % เพื่อเป็นพื้นที่อาบแดด สำหรับในปีแรก คุณสามารถใช้ตู้ขนาดความจุ 50 แกลลอนสำหรับลูกเต่าหนึ่งตัว แต่หลังจากนั้น คุณจะจำเป็นต้องใช้ตู้ขนาดความจุอย่างน้อย 120 แกลลอน [1] จงประหยัดเงินโดยซื้อตู้ปลาที่ใหญ่พอมาตั้งแต่เริ่มแรก โดยต้องพิจารณาสิ่งต่อไปนี้ด้วย:
    • ความลึกของน้ำ: เต่าชอบดำน้ำและไล่ล่าอาหาร ดังนั้น จงทำให้แน่ใจว่ามีน้ำลึกมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้
    • พื้นที่ว่าง: เต่าเป็นสัตว์หวงอาณาเขต ดังนั้น จงแน่ใจว่าพวกมันมีพื้นที่มากพอที่จะอยู่ห่างจากเต่าอีกตัวหนึ่ง หรือคุณอาจจำเป็นต้องแยกใส่เต่าตู้ละหนึ่งตัว
    • ของเสีย: ของเสียของเต่าเหลวกว่าของเสียของปลา จำเป็นต้องคอยทำให้เจือจางโดยใส่น้ำจำนวนมากในตู้ และ/หรือใช้ระบบกรองน้ำสำหรับเต่า
  2. บ้านเต่าที่ดีเลิศคือตู้แบบอควาเรียมกระจกขนาดใหญ่ แต่อาจมีราคาแพง ทางเลือกที่ถูกกว่าคือถังเก็บ ( a stock tank) เพราะสามารถหาซื้อถังเก็บขนาดความจุ 100 แกลลอนได้ในราคาค่อนข้างจะไม่แพง จงอย่าซื้อตู้ปลาอะคริลิกซึ่งราคาถูกกว่า แต่เป็นริ้วรอยขีดข่วนได้ง่ายด้วยเล็บเต่า [2]
    • หากคุณอาศัยอยู่ในสภาพอากาศอบอุ่น และมีสนามหลังบ้านที่เหมาะสม คุณสามารถขุดสระ และใช้วัสดุกันรั่วซึมสร้างบ้านที่เหมาะสมให้กับเต่าญี่ปุ่น การทำแบบนี้จะช่วยให้มีสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นธรรมชาติมากขึ้นสำหรับเต่า แต่คุณจะควบคุมสภาพธรรมชาติต่างๆ ได้น้อยลง และอาจจำเป็นต้องนำเต่ากลับเข้าบ้านในช่วงที่สภาพอากาศรุนแรงขึ้น
  3. ระบบกรองน้ำช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโตในตู้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อระบบกรองน้ำก็ได้ หากเปลี่ยนน้ำเป็นประจำ ซึ่งเป็นงานหนึ่งที่ต้องใช้แรงงานมากทีเดียว หรือไม่ก็ใช้ระบบกรองน้ำที่ออกแบบมาสำหรับเต่า มีระบบกรองน้ำหลายแบบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและงบประมาณของคุณในปัจจุบัน:
    • ระบบกรองใต้กรวด (Under-gravel filter): จำเป็นต้องใช้พื้นผิวขนาดใหญ่ แต่จะเป็นประโยชน์เฉพาะในกรณีที่คุณมีเต่าหนึ่งหรือสองตัว และหากเป็นชนิดให้พลังงานด้วยปั๊มลม จะเป็นประโยชน์เฉพาะสำหรับเต่าขนาดเล็ก หรือเต่าที่เพิ่งฟักออกจากไข่ จงใช้เครื่องพ่นน้ำในตู้ ( powerhead) หากใช้ระบบกรองชนิดนี้กับเต่าขนาดโตกว่าพวกเพิ่งฟักออกจากไข่
    • ระบบกรองในตู้ปลา (Internal canister filter): เครื่องกรองชนิดนี้อยู่ข้างในตู้ปลา ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งดี ระบบนี้ทั้งมีประสิทธิภาพและมีราคาพอจะซื้อหาได้ จงเลือกดูชนิดที่ทำความสะอาดได้ง่าย เช่น ชนิดที่ทำด้วยโฟม
    • ระบบกรองนอกตู้ปลา (External canister filter): เครื่องกรองชนิดนี้ตั้งอยู่ด้านนอกตู้ปลา มีแนวโน้มจะมีราคาแพง แต่กรองได้ดี จึงช่วยลดจำนวนครั้งที่คุณจำเป็นจะต้องเปลี่ยนน้ำ ยี่ห้อที่เจ้าของเต่าหลายคนแนะนำคือ Rena Filstar Xp3 หรือ Xp4.
  4. การตกแต่งสามารถเสริมความหลากหลาย และความน่าสนใจให้กับที่อยู่อาศัยของเต่า ซับสเตรตคือวัสดุรองพื้นที่จะเป็นทางให้เต่าเคลื่อนไหวระหว่างน้ำกับหินที่ใช้อาบแดดได้อย่างง่ายดาย ใช้หินแม่น้ำทำพื้นที่อาบแดดสำหรับเต่าของคุณ และคุณยังอาจทำพื้นที่อาบแดดจากชั้นวางของทำด้วยแผ่นกระจกทนความร้อน โดยใช้กาวติดกับด้านข้างของตู้ จงตรวจสอบด้วยว่ากาวไม่มีสารพิษ [3]
    • หลีกเลี่ยงการใช้ก้อนกรวดสำหรับตู้ปลา เพราะเสี่ยงต่อสุขภาพ––หากเต่ากลืนลงไปอาจทำให้ลำไส้อุดตันได้ และจงระมัดระวังเช่นกันเวลาพิจารณาเรื่องใช้ต้นไม้น้ำ แม้จะทำให้ตู้ดูดีขึ้นและช่วยกรองน้ำ แต่อาจยั่วยวนให้เต่ากินเข้าไป หากคุณสังเกตเห็นว่าเต่ากำลังทำเช่นนั้น ให้นำต้นไม้น้ำออกไป และล้างตู้
    • วางแผ่นปิดขนาดเหมาะพอดีที่ด้านบนของตู้ปลา เพื่อป้องกันการหลบหนีแบบบ้าระห่ำ และเพื่อป้องกันสิ่งใดก็ตามที่อาจจะตกลงมาจากด้านบนโดยอุบัติเหตุด้วย
  5. น้ำสมควรมีอุณหภูมิ 26.5-27.5 องศาเซลเซียส (80-82 องศาฟาเรนไฮต์) สำหรับเต่าที่เพิ่งฟักออกจากไข่ หรือเต่าที่ป่วย และ 25.5 - 26.5 องศาเซลเซียส (77 - 80 องศาฟาเรนไฮต์) สำหรับเต่าสุขภาพดีที่อายุเกินหนึ่งปี ส่วนพื้นที่อาบแดด (พื้นที่แห้ง) สมควรมีอุณหภูมิอุ่นกว่าน้ำ 6 องศาเซลเซียส (10 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อล่อใจให้เต่าอาบแดดให้ตัวเองอุ่นขึ้น อุณหภูมิในตู้จำเป็นต้องอยู่ระหว่าง 24 - 28 องศาเซลเซียส (75 - 82 องศาฟาเรนไฮต์) [4]
  6. เต่าพึ่งพาแสง UVA และ UVB เพื่อให้ได้วิตามินต่างๆ แสง UVA รวมทั้งแสงไฟที่ให้ความร้อนล้วนแต่ไม่เดินทางผ่านกระจก จึงมีความสำคัญมากที่คุณจะใช้หลอดไฟ UV ขนาด 5% หรือสูงกว่า และสมควรเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 6 เดือน แสงไฟที่ให้ความร้อนช่วยให้พื้นที่อาบแดดมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิน้ำของคุณ 5 องศาเซลเซียส [5]
    • เต่าของคุณไม่สมควรจะเข้าถึงไฟ เพราะหลอดไฟสามารถเผาไหม้ได้ จงขันสกรูหลอดไฟให้แน่น และติดตั้งให้อยู่พ้นทางเดินของเต่า นอกจากนี้ ยังห้ามตั้งตู้ปลาทำด้วยกระจกหรือพลาสติกไว้กลางแดดจ้าด้วย เพราะอุณหภูมิตู้จะร้อนเกินไปอย่างรวดเร็ว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

จัดหาเต่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ห้ามนำเต่ามาจากป่า ไม่เพียงโหดร้ายและไม่เป็นธรรมสำหรับเต่า ยังผิดกฎหมายในรัฐส่วนใหญ่ของสหรัฐฯด้วยการมีเมตตาอย่างที่สุดที่คุณสามารถทำได้ คือรับเลี้ยงเต่าโตแล้วซึ่งเจ้าของไม่ต้องการอีกต่อไป มีเต่าถูกทอดทิ้งจำนวนมากที่ต้องการบ้าน [6] ตรวจสอบความเป็นไปได้ตามพวกองค์กรช่วยเหลือเต่า จัดหาบ้านใหม่ให้กับเต่า หรือรับอุปการะเต่า คุณยังสามารถมองหาเต่าของคุณจากผู้เพาะพันธุ์ด้วย [7]
    • จงระวังร้านขายสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงเต่าไว้ในสภาพเลวร้าย ทำให้เต่าจำนวนมากป่วย ก่อนที่คุณจะซื้อเต่ามา จงมองดูให้ทั่วๆ และสังเกตพฤติกรรมของเต่า รวมทั้งสภาพที่อยู่อาศัยของเต่า น้ำในตู้ไม่สมควรจะมีกลิ่น หากมีกลิ่นจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าไม่ได้มีการทำความสะอาดเต่าเป็นประจำ และมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นที่จะกลายเป็นเต่าป่วย
  2. เต่าของคุณอาจจะค่อนข้างขี้อายตอนพามันกลับบ้าน อาจใช้เวลาสี่ห้าวันก่อนที่เต่าจะรู้สึกปลอดภัยมากพอ ที่จะเสี่ยงภัยออกมาจากกระดองซึ่งใช้ปกป้องมัน [8] จงปล่อยให้มันลงหลักปักฐานอย่างสงบ และรอให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
  3. คุณจะไม่สามารถระบุเพศได้จนกว่าเต่าจะโต คืออายุระหว่าง 2 ถึง 4 ปี เต่าเพศผู้จะมีเล็บกับหางยาวกว่าเต่าเพศเมีย ส่วนโดยทั่วไปเต่าเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเต่าเพศผู้ [9]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การดูแลเต่าเป็นประจำวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาหารที่เหมาะสมสำหรับเต่าญี่ปุ่น (และเต่าน้ำสายพันธุ์ใกล้เคียงกัน) สมควรจะมีสัดส่วนดังต่อไปนี้:ผักต่างๆ กับพืชน้ำ 50 เปอร์เซ็นต์ อาหารเชิงพาณิชย์ 25 เปอร์เซ็นต์ และโปรตีนจากสิ่งมีชีวิต 25 เปอร์เซ็นต์ เต่าญี่ปุ่นมีความสุขกับอาหารเต่าที่คุณซื้อมาเก็บตุนไว้ รวมทั้งอาหารที่คุณออกไปหามาให้กับพวกมัน
    • ทางเลือกที่เป็นผักรวมทั้ง: แดนดิไลออน (ผักในสนามบ้านคุณใช้ได้ดีหากไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง), ยอดแครอต, ผักกาดเขียว ผักโสภณ ผักกาดโรเมน แครอต พริกยักษ์ และพืชตระกูลน้ำเต้า
    • ผักสีเขียวดีที่สุด คือ พืชน้ำ เช่น ต้นอะนาคาริส ผักตบชวา จอก ตับเต่านา ฮอร์นเวิร์ต และ แหน แม้พืชน้ำตามร้านขายสัตว์เลี้ยงจะมีราคาแพง แต่พวกนี้ปลูกได้ง่ายในตู้อีกใบหนึ่งซึ่งแยกต่างหาก หรือในสระ และพืชน้ำพวกนี้จะมีราคาถูกหากคุณสั่งซื้อจำนวนมากออนไลน์
    • ตามปกติ ธรรมชาติของเต่าญี่ปุ่นไม่กินผลไม้ ดังนั้น จงหลีกเลี่ยงการให้ นอกเสียจากเป็นอาหารพิเศษรสอร่อย หากจะให้อาหารพิเศษ กล้วยคือทางเลือกที่ดี
    • สำหรับอาหารเชิงพาณิชย์ ให้มองหาที่มีโปรตีนและไขมันต่ำ กุ้งแห้งเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่ง! แม้ว่าเต่าจะชอบรสชาติของกุ้งแห้ง แต่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร และอาจทำให้เต่าปฏิเสธอาหารอื่นๆ ไปนานหลายสัปดาห์
  2. มีหลายอาการ และเชื้อโรคหลายชนิดที่จะเกิดขึ้นหากตู้เลี้ยงสกปรก หากอาหารเต่าคุณภาพต่ำ หรือด้วยเหตุผลอื่น ปัญหาธรรมดาๆ ที่ต้องคอยมองหา รวมทั้ง: [10]
    • ตาติดเชื้อ : ตาจะดูเหมือนปิด บวม พอง หรือมีของเหลวถูกขับออกมา คุณอาจมองเห็นชิ้นเนื้อเยื่อหลุดออกมาด้วย โรคตาติดเชื้อเกิดจากแบคทีเรีย สมควรพาเต่าไปหาสัตว์แพทย์ และอาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะทาเฉพาะที่ บวกกับการอัพเกรดระบบกรองน้ำในตู้
    • กระดองนิ่ม : หากกระดองเต่าของคุณนุ่มกว่าที่คาดว่าจะเป็น แสดงว่าเต่าอาจจะไม่ได้แสงมากพอจากแสงไฟที่อยู่เหนือหัว หากสิ่งนี้เกิดขึ้น พื้นที่อาบแดดของเต่าอาจจะเล็กเกินไป น้ำอาจลึกเกินไป หรือเต่าอ่อนแอเกินกว่าที่จะขึ้นมาบนพื้นที่อาบแดด หากสิ่งนี้เกิดขึ้น จงติดต่อกับสัตว์แพทย์ของคุณ หรือร้านสัตว์เลี้ยง อาการนี้ยังอาจหมายถึงโรคกระดูกเมตาบอลิก( metabolic bone disease)ได้ด้วย
    • ที่ปากมีขนและไม่ยอมกินอาหาร : เต่าของคุณติดเชื้อแบคทีเรีย สมควรไปพบกับสัตว์แพทย์ในทันที เพื่อรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
    • อ่อนแอ หายใจดังวี๊ด เซื่องซึม และชูหัวในมุมที่ผิดปกติ : อาจเกิดจากการติดเชื้อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดบวม จงรีบพาเต่าของคุณไปพบกับสัตว์แพทย์ในทันที
    • บาดแผล : ตรวจหาวัตถุแหลมคมในตู้ หรืออาจเกิดจากการต่อสู้เพื่อแย่งคู่ ย้ายสิ่งที่เป็นต้นเหตุออกไป รักษาบาดแผลด้วยโพวิโดน-ไอโอดิน แล้วคอยดูแลให้แผลสะอาด พาไปพบกับสัตว์แพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
  3. พาเต่าของคุณออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราวเพื่อได้แสงอาทิตย์โดยตรง. คุณต้องคอยดูแลเวลาพวกมันอยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับความร้อนมากเกินไป วิธีหนึ่งคือใช้สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก เติมน้ำจนเต็ม แล้วจัดวางสิ่งของบางอย่างเพื่อให้เต่าได้ขึ้นไปนอนอาบแดด ให้แน่ใจด้วยว่าได้จัดหาร่มเงาให้กับเต่า เพื่อที่จะได้ไม่ร้อนเกินไป]
  4. นื่คือสัตว์เลี้ยงของคุณ และคุณจะสร้างความผูกพันกับมันเหมือนกับสัตว์เลี้ยงทุกตัว หากได้ใช้เวลาด้วยกัน จงจับต้องอย่างระมัดระวัง––ไม่ใช่ว่าเต่าทุกตัวจะชอบให้อุ้มหรือจับต้อง
    • เต่าบางตัวชอบให้เกากระดองเบาๆ เหมือนกับการเกาหลัง หรือเกาหลังใบหูของสุนัข อย่างไรก็ตาม จงระมัดระวังเพราะไม่ใช่ว่าเต่าทุกตัวจะชอบ มันอาจพยายามจะกัดคุณได้ ตั้งข้อสังเกตว่ากระดองเต่ามีปลายประสาท ซึ่งสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่ง จงใช้ความอ่อนโยน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เวลาที่เต่าตัวหนึ่งมีสุขภาพไม่ดี จงสันนิษฐานว่าเต่าตัวอื่นๆ ก็อาจติดเชื้อด้วย จงให้สัตว์แพทย์ตรวจพวกมัน เพราะอาจจำเป็นต้องพบสัตว์แพทย์ด้วยเช่นกัน
  • เต่าชอบกินจิ้งหรีดเป็นอาหารอร่อยพิเศษ
  • เป็นความคิดที่ดีที่จะเลี้ยงเต่าเพียงตัวเดียวจนกว่าคุณจะมีประสบการณ์ เพราะคุณอาจตัดสินใจได้ว่าไม่ต้องการเลี้ยงเต่าอีกเลย หรือคุณอาจพบว่าเต่าเพียงตัวเดียวก็เต็มมือแล้ว!
  • เต่าญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะชอบอาหารโปรตีน ซึ่งอาจทำให้เจ้าของเต่ามือใหม่ให้อาหารโปรตีนมากจนเกินไป อย่าทำเช่นนั้น เพราะอาจทำให้เต่ามีกระดองผิดรูป เป็นอันตรายต่ออวัยวะ และอาจทำให้เต่ามีอายุขัยสั้นลง จงจำไว้ว่าเต่าอายุน้อยมีแนวโน้มจะกินเนื้อสัตว์มากกว่า ในขณะที่เต่าวัยผู้ใหญ่จะหันไปกินทั้งพืชและสัตว์
  • เจ้าของเต่าญี่ปุ่นบางคนชอบให้อาหารเต่าในตู้แยกต่างหาก แม้จะช่วยให้น้ำสะอาด แต่คุณจะต้องอยู่ด้วยในช่วงให้อาหารเพื่อย้ายเต่ากลับตู้ของมันเมื่อกินอิ่มแล้ว
  • หากไม่มีระบบกรองน้ำ คุณจะจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำในตู้ปลาขนาดความจุ 10 แกลลอนสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง หรือหากเป็นตู้ขนาดความจุ 50 แกลลอน จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำสัปดาห์ละครั้ง จึงมีคำแนะนำให้คุณซื้อระบบกรองน้ำ
  • เพื่อรักษาให้ไนเตรตในตู้ปลาของคุณมีระดับต่ำ จงเปลี่ยนน้ำ 10% หรือ 20% สัปดาห์เว้นสัปดาห์
  • ในกรณีที่คุณทำเต่าญี่ปุ่นหาย อย่าตื่นตระหนก จงทำให้แถวนั้นปลอดสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ ก่อนจะวางชามอ่างใบหนึ่งซึ่งใส่น้ำไว้เต็ม กับชามอีกใบหนึ่งซึ่งใส่อาหารไว้จนเต็มในพื้นที่ต้องสงสัย เต่าของคุณอาจออกมาเพราะสนใจอาหารที่นำมาวางล่อ เมื่อพบเต่าแล้ว จงตรวจดูว่ามีบาดแผลหรือไม่ หลังจากนั้น ให้นำเต่าไปล้างตัวโดยการเปิดให้น้ำไหลผ่าน หากจำเป็น อาจพาเต่าไปพบกับสัตว์แพทย์
  • อย่าจับต้องเต่าของคุณในทันทีที่ได้มาจงให้เวลามันคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แทนที่จะทำเช่นนั้น ให้จับเต่าหลังจากผ่านไปแล้วสามสัปดาห์แทน
  • แม้ข้างบนจะระบุว่าคุณสมควรรอนานสามสัปดาห์ก่อนจะจับต้องเต่าของคุณ แต่หากคุณปล่อยเต่าทิ้งไว้โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับมันนานเกินไป เต่าจะไม่คุ้นกับการถูกจับต้อง จงรอหนึ่งสัปดาห์เป็นอย่างมากสุด ไม่อย่างนั้น เต่าอาจจะกัดนิ้วคุณในตอนจับต้องตัวมันเป็นครั้งแรก
โฆษณา

คำเตือน

  • ไม่สมควรให้เด็กวัย 10 ขวบหรือต่ำกว่าดูแลเต่าญี่ปุ่น โดยไม่มีผู้ปกครองสักคนหนึ่งคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา เพราะเสี่ยงเกินไปสำหรับลูกของคุณ รวมทั้งสำหรับเต่าของคุณด้วย กรงเล็บของเต่าแหลมมาก และอาจทำให้เด็กบาดเจ็บได้ ซึ่งจะทำให้ลูกของคุณโยนเต่าทิ้ง
  • จงจับต้องเต่าญี่ปุ่นของคุณเฉพาะเมื่อจำเป็น เวลายกตัวมันขึ้น ให้วางมันลงบนมือคุณ เพื่อที่มันจะได้ไม่ตื่นเต้น
  • หากคุณมีสัตว์เลี้ยงอื่น อย่าปล่อยให้พวกมันสัมผัสกับเต่า เต่าเป็นพาหะนำเชื้อซัลโมเนลลา และอาจแพร่เชื้อให้กับสัตว์อื่น รวมทั้งมนุษย์
  • ห้ามละเลยหรือทิ้งขว้างสัตว์เลี้ยงของคุณ หากคุณกำลังมีปัญหาที่จะเลี้ยงและดูแลเต่าญี่ปุ่น จงพูดคุยกับสมาคมผู้ปกป้องสัตว์ใกล้ๆ บ้าน เพื่อหาบ้านใหม่ที่ปลอดภัยให้กับเต่าของคุณ การทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงไม่เพียงโหดร้าย พวกมันยังสามารถแพร่เชื้อโรคได้อย่างรวดเร็ว จำนวนประชากรสัตว์จรจัดซึ่งมาจากสัตว์เลี้ยงที่ถูกปล่อยเข้าป่า สามารถสร้างความเสียหายอย่างสำคัญให้กับระบบนิเวศตามธรรมชาติ [11]
  • หลังจับต้องเต่า ให้ล้างมือด้วยสบู่กับน้ำเสมอ. และหากคุณได้จับต้องลูกบิดประตู หรือพื้นผิวอื่นๆ ในระหว่างจับต้องเต่า จงฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อเพื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคในบริเวณเหล่านั้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสเส้นผมหรือเสื้อผ้าของคุณในระหว่างจับต้องเต่าด้วย [12]


โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Reptile Medicine and Surgery. Mader. Publisher: Saunders & Elsevier. 2nd edition.
  2. Reptile Medicine and Surgery. Mader. Publisher: Saunders & Elsevier. 2nd edition.
  3. Reptile Medicine and Surgery. Mader. Publisher: Saunders & Elsevier. 2nd edition.
  4. Reptile Medicine and Surgery. Mader. Publisher: Saunders & Elsevier. 2nd edition
  5. Reptile Medicine and Surgery. Mader. Publisher: Saunders & Elsevier. 2nd edition.
  6. http://www.tortoisetrust.org/articles/res.html
  7. BSAVA Manual of Exotic Pets. Meredit. BSAVA Publications. 5th edition
  8. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1797&aid=2613
  9. http://www.peteducation.com/article.cfm?c=17+1797&aid=2613
  1. BSAVA Manual of Exotic Pets. Meredit. BSAVA Publications. 5th edition
  2. BSAVA Manual of Exotic Pets. Meredit. BSAVA Publications. 5th edition
  3. Reptile Medicine and Surgery. Mader. Publisher: Saunders & Elsevier. 2nd edition.
  4. http://gctts.org/node/72 Water Turtle Care Sheet – research source

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 176,924 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา