ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ความรักเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น มีคุณค่า และสร้างความเบิกบานให้มนุษย์ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความรักของครอบครัว เพื่อนๆ ความรักที่มีต่อลูก หรือความรักฉันท์คนรัก ความรักล้วนเป็นการผจญภัยร่วมกันของมนุษย์ แต่ถึงแม้ว่าหัวใจของคุณจะเปี่ยมไปด้วยความสุขในห้วงสูงสุดของความรัก แต่ช่วงเวลาที่เลวร้ายก็อาจจะสร้างความเจ็บปวดมหาศาลได้เช่นกันเมื่อถึงเวลาที่ต้องปล่อยมือจากคนรัก ไม่ว่าจะเป็นเพราะพวกเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ หรือเพราะว่าคุณต้องก้าวออกมาจากความสัมพันธ์นั้นแล้ว คุณย่อมต้องพบกับความโศกเศร้า คุณควรเศร้าให้กับการสูญเสียและให้เวลาช่วยเยียวยา รู้ข้อจำกัดด้านอารมณ์ของตัวเอง แต่ก็อย่าปลีกตัวจากสังคมในช่วงทำใจและเยียวยาตัวเองจากการสูญเสีย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

โศกเศร้าให้กับความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จริงๆ แล้วทั้ง 5 ระยะนี้ถ้าเรียกว่าเป็นวงจรอาจจะเหมาะกว่า เพราะคุณอาจจะข้ามบางระยะไป ไม่เคยประสบระยะอื่นๆ หรือติดอยู่ในบางระยะ แต่บางระยะหรือทุกระยะอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันซ้ำไปซ้ำมาได้ ระยะเหล่านี้ได้แก่ : [1]
    • ปฏิเสธและปลีกตัว: ระยะนี้คือการปฏิเสธความเป็นจริงของสถานการณ์ ซึ่งเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติต่อความเจ็บปวดจากความทุกข์ที่เกินจะรับไหว
    • โกรธ: ระยะนี้เกิดขึ้นเมื่อความเจ็บปวดที่ถูกปฏิเสธเริ่มปรากฏ เป้าของความโกรธอาจจะเป็นสิ่งของที่ไม่มีชีวิต คนแปลกหน้า ครอบครัว หรือเพื่อนๆ คุณอาจจะรู้สึกโกรธคนที่เสียชีวิตหรือจากไป และจากนั้นคุณก็อาจจะรู้สึกผิดที่ตัวเองโกรธ
    • ต่อรอง: ในระยะนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณต้องกลับมาควบคุมตัวเองจากความรู้สึกสิ้นหวังให้ได้ คุณอาจจะกังวลว่าที่ผ่านมาคุณควรทำตัวให้ดีกว่านี้ หรือว่าคุณควรขอความช่วยเหลือเร็วขึ้น และอื่นๆ
    • ซึมเศร้า: ระยะนี้ทำให้คุณรู้สึกเศร้าและเสียใจที่เกิดจากการตระหนักว่า คนที่คุณรักจากไปแล้วจริงๆ คุณอาจจะเป็นทุกข์จนทนไม่ไหว ร้องไห้ และอื่นๆ
    • ยอมรับ: ระยะนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณไปถึงภาวะที่สงบและทำใจได้ ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่สามารถไปถึงระยะนี้ได้เลย
  2. ที่จริงแล้วก็อาจจะถือว่าความสัมพันธ์ได้ตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะรู้สึกราวกับว่าคนที่มีค่าในชีวิตของคุณตายจากไป คุณมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกว่าตัวเองสูญเสีย ปล่อยให้คลื่นความเศร้าพัดพาคุณไปโดยที่คุณต้องไม่จมหรือหายไปในคลื่น ไม่ต้องต่อสู้กับความเศร้า รับรู้มันอย่างที่มันเป็น ซึ่งก็คือคลื่นของอารมณ์ที่จะพัดพาคุณผ่านคลื่นประหลาดสักระยะ แต่ก็มอบพื้นที่ให้หัวใจได้เยียวยาไปพร้อมกัน ความโศกเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยา
    • แม้ว่าจะไม่มีใครในชีวิตคุณที่รู้ว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไร แต่คุณก็ยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดของตัวเองได้ เวลาที่คุณรู้สึกแย่ ให้พักสักครู่แล้วบอกตัวเองว่า “ฉันเสียใจและมันโอเค มันกำลังดีขึ้น”
  3. แม้ว่าคนรอบข้างอาจจะไม่เข้าใจความลึกซึ้งของสิ่งที่คุณกำลังรู้สึก แต่ก็อย่ากลัวที่จะแบ่งปันความเศร้าให้กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่คุณรู้ว่าคุณไว้ใจเขาได้
  4. ถ้าคุณกังวลว่าคุณอาจจะเศร้าจนเป็นอันตรายต่อตัวเองหรือซึมเศร้า คุณอาจจะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ นักจิตบำบัดอาจช่วยให้คุณเข้าใจความเศร้าและรู้ว่าคุณกำลังเข้าข่ายซึมเศร้าหรือไม่
    • อ่านบทความ “ วิธีการ รักษาโรคซึมเศร้า ” เพื่อให้เข้าใจโรคซึมเศร้ามากขึ้น
    • การพูดคุยกับนักจิตบำบัดอาจช่วยคุณได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้ซึมเศร้า นักจิตบำบัดสามารถช่วยให้คุณเข้าใจว่าจะผ่านพ้นความโศกเศร้าไปได้อย่างไร
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

รับมือกับช่วงเวลาที่ผ่านพ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คำพูดที่ว่า “เวลาเยียวยาทุกสิ่ง” นั้นเป็นความจริง [2] แต่การเยียวยาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณเผชิญหน้ากับอารมณ์ตามความเป็นจริงและให้เวลาตัวเองได้เยียวยา เราอาจจะอยากได้การเยียวยาที่รวดเร็ว แต่ที่สุดแล้วการเยียวยาที่รวดเร็วไม่มีอยู่จริงในที่ที่เคยมีรักแท้ ให้เวลาเยียวยาหัวใจและพยายามอย่าเร่งตัวเอง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Elvina Lui, MFT

    นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัว
    เอลวิน่า หลิวเป็นนักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัวที่เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ เธอจบปริญญาโทด้านการให้คำปรึกษาจากวิทยาลัยเวสเทิร์นในปี 2007 และมีใบรับรองการเป็นนักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัวมากว่า 7 ปี
    Elvina Lui, MFT
    นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัว

    ความโศกเศร้าเป็นสิ่งที่เร่งไม่ได้ เอลวินา หลิว นักบำบัดด้านชีวิตสมรสและครอบครัวกล่าวเสริม "คุณเร่งตัวเองเพราะว่าคุณรู้สึกอ่อนแอ เพราะว่าคุณไม่ปกติ เพราะว่าคุณยึดติดกับเขาเกินไปใช่ไหม การที่คุณรักและรู้สึกอย่างหมดหัวใจแสดงให้เห็นว่าคุณกล้าหาญมากกว่าคนที่ปิดกั้นตัวเอง พวกเขาต่างหากคือพวกขี้ขลาด หวาดกลัวความเจ็บปวด และพลาดหลายอย่างในชีวิต เมื่อคุณเปิดหัวใจเพื่อรัก มันย่อมเจ็บปวดมากเวลาที่คุณเสียมันไป และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ความรักเป็นสิ่งสวยงาม"

  2. ค่อยๆ ผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานไปทีละนิด คุณสามารถกดปุ่มพักการวางแผนเป้าหมายระยะยาวไว้ก่อนได้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่คุณควรจะผ่านมันไปทีละวัน
  3. คุณอาจจะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ แต่ไม่ช้าคุณอาจจะสังเกตได้ว่าความเข้มข้นมันลดลง รับรู้ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของการเยียวยาในแบบที่มันเป็น เพราะมันคือสิ่งที่บอกคุณว่าวันที่ดีกว่ารอคุณอยู่
  4. หาจุดสมดุลที่ดีกับตัวคุณมากที่สุดในการปล่อยให้ช่วงเวลาแห่งความเศร้าเข้ามาโดยที่อนุญาตให้ตัวเองมีช่วงเวลาใหม่ๆ ที่มีความสุขไปด้วย เมื่อคลื่นอารมณ์ที่เป็นลบพัดมา ให้เวลาตัวเอง (แม้จะแค่ 1 นาทีก็ตาม) ได้รู้สึกสิ่งที่คุณรู้สึก จากนั้นเลือกที่จะเปลี่ยนไปคิดเรื่องที่เป็นบวกมากขึ้น
    • ขอย้ำว่าคุณสามารถหัวเราะในช่วงที่กำลังโศกเศร้าได้ อารมณ์ของคุณแค่กำลังปรับตัวเฉยๆ เชื่อไหมว่าอารมณ์ของคุณทำในสิ่งที่ควรทำเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นบางครั้งกระบวนการปรับตัวก็อาจจะเกิดปัญหา และเราอาจจะต้องรับมือกับอาการซึมเศร้า ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

จดจำความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณผ่านพ้นความเศร้าของการสูญเสียคนๆ นี้ในช่วงแรกไปได้แล้ว ก็ได้เวลามองความสัมพันธ์ที่เคยเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เริ่มจากการรับรู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณสูญเสียคนรักจากความตายและพยายามก้าวต่อไปข้างหน้า คุณอาจจะพบว่าที่ผ่านมาคุณมองความสัมพันธ์กับคนรักดีเกินไป และมองข้ามช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาดีๆ การนึกถึงช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติคนรัก แต่จริงๆ แล้วคุณกำลังจดจำตัวตนที่แท้จริงของคนๆ นั้นต่างหาก ถ้าคุณสองคนมีความรักให้กัน ช่วงเวลาระหว่างนั้นและการที่คุณสองคนปรับตัวเข้าหากันได้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความรักของคุณเป็นพิเศษเช่นกัน
    • อย่าวางเขาไว้สูงส่งในความตายโดยไม่จำเป็น เพราะการวางเขาไว้ในที่สูงทำให้คุณไม่สามารถเก็บเขาไว้ใกล้หัวใจแล้วเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเขาไม่ได้ต้องการให้คุณทำแบบนั้นเลย
    • แม้ว่าการสูญเสียของคุณจะเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่การจากไปของคนใดคนหนึ่ง ก็ยังคงใช้วิธีการเดียวกันได้ ความสัมพันธ์ของคุณไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่พยายามถอยออกมา และแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายยุติความสัมพันธ์ แต่มันก็ยังเผยให้เห็นความเปราะบางของความสัมพันธ์ ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเลย
  2. ความสัมพันธ์ของคุณก็ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ส่วนใหญ่ที่อาจจะมีทั้งช่วงดีและร้ายปะปนกันไป ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ตัดความสัมพันธ์ คุณอาจจะพบว่าตัวเองมองความสัมพันธ์นั้นดีกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย คุณสามารถมองย้อนกลับไปแล้วจดจำช่วงเวลาดีๆ ได้ แต่คุณก็ต้องยอมรับความจริงด้วยว่า มันมีช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีนักเช่นเดียวกัน
    • เห็นคุณค่าของมุมมองที่ดีในความสัมพันธ์ และสิ่งที่คนๆ นั้นทำให้คุณเป็นคุณในตอนนี้
  3. คุณต้องตระหนักถึงลักษณะของความสัมพันธ์ที่ดึงส่วนที่แย่ที่สุดของคุณออกมา ซึ่งไม่ได้ความว่าอีกฝ่ายไม่ดี เพียงแต่มันอาจทำให้คุณเห็นว่า ตอนที่คุณสองคนคบกันมันมีองค์ประกอบที่เป็นพิษกับคุณอยู่
    • เมื่อคุณตระหนักถึงองค์ประกอบที่เป็นพิษเหล่านั้นแล้ว คุณก็จะเห็นคุณค่าของโอกาสที่คุณจะได้ “ล้างพิษ” สักหน่อย วิธีนี้จะทำให้คุณมีโอกาสเลี่ยงหลุมพรางนั้นในความสัมพันธ์อื่นๆ และยังปรับมุมมองของคุณที่มีต่อสิ่งที่คุณสูญเสียด้วย ทำให้คุณสามารถเก็บมันไว้ในความคิดได้ถูกที่ถูกทางเพื่อให้คุณเป็นอิสระที่จะก้าวต่อไป
  4. การซื่อสัตย์เกี่ยวกับความสัมพันธ์และอีกฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณยอมรับอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและความพยายามที่จะปล่อยวางและเดินหน้าต่อไปได้ แต่คุณก็ต้องไม่ว่าร้ายอีกฝ่ายแม้ว่าเขาจะแย่กับคุณแค่ไหนก็ตาม แต่การจมจ่อมอยู่กับอดีตมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อตัวคุณเองได้ [3]
    • การสร้างความรู้สึกที่เป็นลบหรือการจมอยู่กับช่วงเวลาที่มืดมนอาจยิ่งทำให้ความผูกพันทางอารมณ์ที่เชื่อมโยงกับความคิดที่มีต่อคนๆ นั้นยิ่งเข้มข้น ทำให้คุณปล่อยวางจากความคิดเหล่านั้นไม่ได้ ความรักของคุณสามารถเปลี่ยนเป็นความทุกข์ได้ ซึ่งไม่ได้ทำให้คนๆ นั้นตายจากใจคุณ แต่เป็นการปลดปล่อยเขาจากความอ่อนโยนของคุณต่างหาก คุณสมควรได้รับอิสระที่จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นระวังจะอย่าให้ใจกับเขาแม้ว่าจะเป็นด้านที่ไม่ดีก็ตาม
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

พูดคุยกับคนอื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กลับไปหาคนที่คอยสนับสนุนและสนิทกับคุณมากที่สุดอีกครั้ง. เป็นเรื่องปกติที่คุณจะปลีกตัวออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ในระยะสั้นๆ แต่คุณไม่ควรปลีกตัวออกจากคนที่คอยสนับสนุนและสนิทกับคุณมากที่สุดนานเกินไป พวกเขารักคุณและอยากรู้ว่าคุณสบายดี บางครั้งพวกเขาก็รู้จักคุณมากกว่าที่คุณรู้จักตัวเองด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถช่วยให้คุณกลับมาเป็นคุณในแบบที่ดีที่สุดได้อีกครั้ง
    • พวกเขาคือคนที่รู้ว่าจะนั่งเงียบๆ กับคุณได้อย่างไรและรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะคอยผลักให้คุณออกไปสนุกสนาน พวกเขารู้ว่าต้องทำอย่างไรคุณถึงจะหัวเราะ และเขาก็คอยช่วยเหลือคุณในยามที่คุณร้องไห้ คุณไม่จำเป็นต้องอนุญาตให้ทุกคนเข้ามาในชีวิต แต่ให้เชื่อใจคนที่ใกล้ชิดกับคุณมากที่สุด
    • คนเหล่านี้ยังช่วยให้คุณรู้ตัวหากความเศร้าของคุณกลายเป็นอาการซึมเศร้าและหากคุณต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
  2. เพื่อนๆ และครอบครัวอาจจะบังเอิญพูดเรื่องของอีกคนโดยที่ไม่รู้ว่าคุณกำลังเจ็บปวดแค่ไหน บอกให้เพื่อนๆ รู้เมื่อคุณอยากเปลี่ยนเรื่องคุย แค่พูดไปตรงๆ และบอกให้พวกเขารู้ว่าคุณต้องการเวลา เจาะจงว่าสิ่งที่ทำให้คุณเจ็บปวดคืออะไร และคุณอยากเลี่ยงไม่พูดถึงอะไรในตอนนี้
  3. คุณต้องรู้จุดที่ทำให้คุณเจ็บปวดและปกป้องตัวเอง คุณอาจจะตกลงเป็นเพื่อนกับคนรักเก่า แต่การโทรมาคุย “เล่นๆ” อาจทำให้คุณเจ็บปวด ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง คุณอาจจะต้องออกห่างจากเขาไปเลยระหว่างที่คุณให้เวลาตัวเองได้เยียวยา
  4. คุณน่าจะมีเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้น หรือแม้แต่เพื่อนๆ และครอบครัวที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม “คนสนิทที่คอยให้ความช่วยเหลือ” พวกเขาอาจจะไม่ใช่คนที่คุณเล่าทุกอย่างให้ฟัง แต่พวกเขาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่คุณจะปฏิเสธเวลาเพื่อนร่วมงานชวนไปกินข้าวกลางวันด้วยกันสักระยะ แต่สักพักก็ต้องถึงเวลาที่พวกเขาจะได้กลับมาเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจในชีวิตที่สร้างความสนุกสนานและไม่เป็นพิษเป็นภัยในชีวิตของคุณเหมือนเมื่อก่อน
    • โดยทั่วไปแล้วกลุ่มสนับสนุนเหล่านี้จะมีขอบเขตธรรมชาติที่คุณขีดเส้นไว้ก่อนแล้ว คุณมีแนวโน้มที่จะเลี่ยงบทสนทนาส่วนตัวที่ลึกซึ้ง ทำตัวสนุกสนาน และไม่คิดอะไรเลยเวลาอยู่กับคนกลุ่มนี้ เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่ได้คิดหรอกว่าคุณจะเข้าสู่หลุมอารมณ์ในช่วงพักเที่ยง 30 นาที
  5. วิธีนี้ไม่ใช่การหาคนใหม่มาแทนคนเก่า แต่เป็นการใช้ชีวิตต่อไป เมื่อความเศร้าของคุณลดลงเรื่อยๆ คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่ได้เอาแต่คิดถึงคนที่คุณพยายามจะปล่อยเขาไปมากเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ถึงเวลาเปิดใจรับคนใหม่ๆ แล้ว การได้รู้จักกับคนใหม่ๆ น่าตื่นเต้นดีออก [4]
    • ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องออกไปพบปะผู้คนและหาคนมาเดตเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไป จริงๆ แล้วการคิดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้อาจจะทำให้คุณกลัวด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเรามาลดความจริงจังและปรับมุมมองที่มีต่อเรื่องนี้ในแบบที่คุณสบายใจกันดีกว่า แทนที่จะคิดถึงฉากการเดตทันที ให้คิดถึงโอกาสที่คุณจะได้ มิตรภาพใหม่ๆ มิตรภาพอาจกลายเป็นความสัมพันธ์ที่วิเศษได้หลายรูปแบบ เพื่อนบางคนเป็นเหมือนครอบครัว บางครั้งมิตรภาพก็พัฒนากลายเป็นคนรัก และบางครั้งเพื่อนก็ยังคงเป็นเพื่อนเหมือนเดิม ไม่ว่าเพื่อนคนใหม่ที่เข้ามาจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบไหน การเปิดใจรับเพื่อนใหม่ย่อมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

ระบายความรู้สึกออกมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อารมณ์ต่างๆ อาจจะถาโถมเข้ามาจนคุณต้องเงียบไป แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องหาเสียงของตัวเองให้เจอ พูดคุยถึงอารมณ์ต่างๆ กับคนในครอบครัว เพื่อน นักบำบัด หรือพระ
    • บางครั้งเวลาที่มีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ มันก็ยากที่เราจะพูดคุยกับคนที่รู้จักเราแบบเปิดอก คุณอาจจะนัดพบนักจิตบำบัดหรือพระ ความรู้สึกต่างๆ มักจะกลับไปกลับมาทำให้คุณพูดออกมาลำบาก แต่บุคคลที่สามที่มองทุกสิ่งอย่างเป็นกลางสามารถช่วยคุณได้โดยการถามคำถามที่สามารถคลายปมอารมณ์ของคุณออกมาได้โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตัวเองลงไป
    • ส่วนสำคัญของวิธีนี้ก็คือการเริ่มเปิดปากพูดคุยแทนที่จะคิดวนไปวนมาอยู่ในหัวซึ่งไม่มีใครช่วยตรวจสอบหรือแก้ไขความคิดของคุณได้
  2. เขียนจดหมายถึงคนที่คุณรัก จากนั้นก็ทิ้งไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าคุณได้เลือกที่จะปล่อยเขาไปแล้ว บางคนรู้สึกว่าการเผาจดหมายเป็นกลายระบายอารมณ์ที่ท่วมท้นอยู่ในใจเพราะมันสื่อถึงจุดจบที่แท้จริง หรือคุณอาจจะอยากใคร่ครวญถึงสถานที่ที่คุณจะเก็บคนๆ นี้ไว้ในใจตลอดไปก็ได้ ซึ่งก็อาจจะเหมาะสมกว่าถ้าคุณอยากปล่อยวางเนื่องจากว่าคนๆ นี้จากคุณไปตลอดกาลแล้ว
    • คุณอาจจะใส่จดหมายนี้ไว้ในลูกโป่งอัดแก๊สฮีเลียมและปล่อยมันลอยไป
    • อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ ทำโคมลอยและเขียนคำที่แสดงความรักลงไปบนนั้นแล้วปล่อยมันไปราวกับว่าคุณกำลังส่งจดหมายถึงคนที่คุณรัก
  3. นอกจากนี้คุณก็อาจจะใช้วิธีบันทึกความรู้สึกลงไปก็ได้ ให้พื้นที่กับความรู้สึกที่คุณกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ และความรู้สึกที่คุณหวังว่าวันนึงมันจะกลับมาหาคุณด้วย [5] การเขียนบันทึกอนุญาตให้คุณได้ซื่อสัตย์กับตัวเองอย่างแท้จริง เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่จะเห็นคำพูดเหล่านี้
    • วิธีนี้ยังช่วยให้คุณเห็นรูปแบบความมคิด การกระทำ และพฤติกรรมของตัวเองด้วย
  4. การเปลี่ยนแปลงในชีวิตแม้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและได้เตือนตัวเองว่าชีวิตยังคงเต็มไปด้วยเรื่องสนุก จัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ตัดผมทรงใหม่ เปลี่ยนเส้นทางขับรถไปทำงาน กินของหวานก่อน ไม่ว่าคุณจะเลือกเปลี่ยนอะไร ไม่ว่ามันจะเล็กแค่ไหน ให้เลือกสิ่งที่คุณสนุกไปกับมัน มันอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยปรับอารมณ์ได้แค่ชั่วคราว แต่คุณก็อาจจะต้องการเพียงสิ่งๆ นี้ที่จะช่วยเตือนคุณว่า คุณยังคงยิ้มได้และสนุกกับชีวิต
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

ใช้ชีวิตต่อไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณได้โศกเศร้าและใช้เวลาพิจารณาความสัมพันธ์อย่างซื่อสัตย์ คุณได้เรียนรู้ที่จะให้เคารพข้อจำกัดทางอารมณ์และข้ามผ่านมันไป คุณเริ่มเปิดใจให้คนอื่นและค้นพบเสียงของตัวเอง ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าต่อไปแล้ว ให้เกียรติชีวิตของคนที่คุณรักด้วยการใช้ชีวิตของตัวเอง สิ่งที่ทำให้ความรักของเขามีผลกับคุณก็คือการใช้ชีวิตของเขา ไม่ใช่การตายของเขา สานต่อมรดกความรักและชีวิตของเขาด้วยการอุทิศตนเพื่อเส้นทางความรักและชีวิตที่อยู่ตรงหน้า
    • บ่อยครั้งที่คนเราก็ปล่อยให้ความเศร้าดึงลักษณะที่ดีที่สุดที่เรามีร่วมกับคนรักที่จากไปออกไป แต่แทนที่จะทำอย่างนั้น คุณควรให้ความรักระหว่างคุณกับเขายังคงอยู่ต่อไปด้วยการมอบพื้นที่แห่งความสุขในความทรงจำของคุณให้กับเขา เรียนรู้ที่จะยิ้มอีกครั้งและหัวเราะไปอีกครั้งเวลาที่นึกถึงคนที่คุณรัก พวกเขายังทำให้คุณมีความสุขได้ในความทรงจำเหล่านี้ อารมณ์ขันช่วยเยียวยาคุณได้ [6]
  2. แม้ว่าคุณต้องให้เวลาตัวเองได้เยียวยาจากความสัมพันธ์ที่พังไปแล้ว แต่พอถึงจุดนึงคุณก็จะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมเปิดใจให้ใครเข้ามา อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ควรเป็นฝ่ายที่แบกเรื่องราวเก่าๆ เข้าไปในความสัมพันธ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือคนรักก็ตาม ลองทบทวนดูว่าคุณเลิกคิดเรื่องคนรักเก่าได้หรือยัง ถ้าคุณยังคิดถึงเขาอยู่แม้จะแค่วันละไม่กี่ครั้ง ก็แสดงว่าคุณยังอยู่ในความสัมพันธ์แบบคั่นเวลา แม้แต่มิตรภาพที่เข้ามาคั่นเวลาก็อาจจะเป็นปัญหาได้เพราะคุณกำลังเจอกับความเว้าแหว่งทางอารมณ์ชั่วคราวและอยากได้ใครสักคนมาช่วยเติมเต็มความต้องการนั้น แต่โดยรวมแล้วความสัมพันธ์นี้ไม่น่าจะเหมาะกับคุณ และจริงๆ แล้วนอกจากการเป็นคนคั่นเวลาแล้ว เขาก็อาจจะไม่มีข้อดีอย่างอื่นเลยก็ได้
  3. คุณสามารถไปในที่ที่คุณเคยไปกับอดีตคนรักบ่อยๆ และไม่คิดถึงเขาทันทีได้หรือเปล่า ถ้าโลกทั้งใบของคุณยังตะโกนชื่อเขา ก็แสดงว่าคุณอาจจะต้องการเวลามากกว่านี้
  4. เป็นเรื่องปกติที่คุณจะอยากเลี่ยงสถานที่ที่ทำให้คุณคิดถึงคนที่คุณกำลังพยายามปล่อยเขาไปจนกว่าคุณจะพร้อม แต่จำไว้ว่าความเจ็บปวดมีหลายระดับ แม้ว่าการเลี่ยงสถานที่เหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ในช่วงแรก แต่สุดท้ายแล้วคุณจะอยากท้าทายตัวเองเพื่อให้แผลหายสนิทจริงๆ คุณอาจจะชวนเพื่อนสนิทที่คุณไว้ใจไปสถานที่ที่เก่าๆ ที่คุณเคยไปด้วยกัน จากนั้นคุณก็เริ่มสร้างความทรงจำและการเชื่อมโยงใหม่ขึ้นมาได้ เริ่มจากที่ที่คุณสบายใจก่อน แล้วค่อยๆ เขียนความทรงจำและเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาใหม่ สถานที่เหล่านั้นยังคงเป็นสถานที่ที่พิเศษสำหรับคุณได้อยู่
    • เวลาที่เพลงนั้นดังออกมาจากวิทยุ คุณยังคิดถึงเขาอยู่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจจะยังไม่ถึงเวลาเดินหน้าต่อไป คุณอาจจะต้องทวงคืนความทรงจำกลับมาอีกครั้งด้วยการเชื่อมโยงความทรงจำกับประสบการณ์ใหม่ๆ ลองฟังเพลงนี้กับเพื่อนๆ แล้วขอให้เขาช่วยสร้างความหมายใหม่ให้กับเพลง เอาแบบตลกๆ จำไว้ว่าอารมณ์ขันเยียวยาคุณได้
    • ถ้าคุณชอบวิวที่ร้านอาหารร้านใดร้านหนึ่ง ให้นัดเจอเพื่อนสนิทสักสองสามคนที่นั่น หัวเราะ สนุกสนาน และเริ่มเชื่อมโยงสถานที่กับความสุขอีกครั้ง ค่อยๆ ลอกเปลือกออกมาทีละนิด ทำให้มันมีความหมายใหม่ที่เป็นบวกในชีวิตของคุณ
  5. สังเกตว่าคุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเวลาที่มีคนพูดชื่อคนรัก. เวลาที่มีใครพูดชื่อคนรักเก่า คุณยังรู้สึกเจ็บแปลบในใจอยู่ไหม เวลาที่คุณรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ให้บอกตัวเองว่าคุณขอให้เขาสบายดี มันอาจจะฟังดูไร้สาระ แต่มันจะช่วยปรับความคิดอัตโนมัติของคุณที่มีต่อเขาใหม่อีกครั้ง
  6. ประเมินปฏิกิริยาทางอารมณ์เวลาที่คุณเจอคนรักเก่า. ถ้าคุณบังเอิญเจอคนรักเก่ามากับคนรักใหม่ของเขา ปฏิกิริยาทางอารมณ์ของคุณจะรุนแรงแค่ไหน การได้เห็นเขามีความสุขจะทำให้คุณเจ็บปวดไหม คุณมีความสุขไปกับเขาได้หรือเปล่า คุณปล่อยเขาไปได้จริงๆ แล้วหรือยัง
    • ความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ต่างจากแผลทางร่างกายที่คุณอาจจะหายดี ทำสิ่งต่างๆ ได้เต็มที่ และพร้อมกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่ต้องมั่นใจว่ามันเหลือแค่ความรู้สึกเจ็บนิดหน่อยเท่านั้นก่อนไปเจอเขา
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 428,382 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา