ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณรู้สึกเบื่อหน่ายกับการวนเวียนใช้ชื่อตัวละครซ้ำๆ ไปมาในเรื่องแต่งของคุณหรือเปล่า รู้สึกไหมว่าคุณยึดอยู่กับชื่อทั่วๆ ไปในการปรุงรสให้งานเขียน ทั้งที่จริงแล้วมีตั้งหลายวิธีที่คุณสามารถใช้สร้างชื่อตัวละครที่โดดเด่นและน่าสนใจได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ตั้งชื่อที่มีความโดดเด่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากชื่อต้นกับชื่อนามสกุลมักจะฟังดูแตกต่างกัน การแหกธรรมเนียมนี้ไปจะทำให้ตัวละครของคุณดูแตกต่างจากตัวอื่นเล็กน้อย
    • ยกตัวอย่างเช่น: แอนนา โจอี้, พอล ไมเคิล, พัชรศรี สมบัติ
    • นี่เป็นแนวทางที่เนียนมากและไปได้ดีกับเนื้อหาที่มีช่วงเวลากับสถานที่เหมือนกับสภาพที่คุณเป็นอยู่
  2. ตามดูรายชื่อเครดิตทีมงานในรายการทีวีหรือภาพยนตร์ มันมีชื่อที่เจอไม่บ่อยอยู่มากและการเอาชื่อมาผสมกันก็สามารถทำได้ เวลาที่คุณออกไปเดินเล่น ปั่นจักรยานหรือไปที่ไหนๆ ให้สังเกตชื่อถนน คุณยังอาจยืมชื่อเมืองในต่างประเทศ ชื่อเนบิวลาที่อยู่แสนห่างไกล หรือชื่อพืชพันธุ์หายาก
    • เพราะวิธีนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง มันเลยใช้ได้กับงานเขียนทุกแนวและกับตัวละครได้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
  3. พลิกดูตามสมุดโทรศัพท์หรือตามหนังสือตั้งชื่อลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือตั้งชื่อให้ลูกนั้นจะมีชื่อที่ไม่ธรรมดาและมีการสะกดที่น่าสนใจด้วย
    • ยกตัวอย่างเช่น ราซิลี่ (Razilee), เคดิอาห์ (Kadiah), แจนทานี่ (Jantanie) ในชื่อภาษาอังกฤษ ปัถย์ หรือ อเนชา ในชื่อภาษาไทย
    • ถ้าคุณอยากได้ชื่อที่ได้รับแรงดลใจจากทั้งชื่อ และ บุคลิกของตัวละคร ให้หาชื่อตามหนังสือตำนานเทพปรัมปราจากห้องสมุด อย่างไรก็ดี เว้นแต่คุณอยากได้ชื่อที่มันชัดเจนแจ่มแจ้ง (อย่าง อะเธน่า) ให้หลีกเลี่ยงตำนานที่แพร่หลายอย่างตำนานกรีกกับโรมันหรือตำนานไวกิ้ง
  4. เช่น ว่ากันว่า เจ.เค. โรว์ลิ่งสร้างชื่อตัวละครในเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ โดยการเขียนบรรยายลักษณะตัวละครออกมาก่อน แล้วสร้างชื่อจากการสลับตัวอักษรในคำบรรยายนั้น มีกลยุทธมากมายที่คุณสามารถนำมาใช้สร้างชื่อในทำนองเดียวกันได้ เช่น
    • ผสมชื่อทั่วๆ ไปสองชื่อเข้าด้วยกัน ฉะนั้น ซาราห์กับโยเซฟีนอาจรวมกันเป็น โยซาห์กับซาราฟีน การ์เร็ตต์กับเอเดรียนกลายเป็นเอเดรียตกับการ์ราน ประยุทธกับยิ่งลักษณ์กลายเป็นยิ่งยุทธ
    • ลองใช้ตัวสะกดที่แตกต่างไปจากเดิม แทนที่ Mykael กับชื่อไมเคิล (Michael), Gaebriel กับชื่อเกเบรียล (Gabriel) หรือ จักรกริชกับชื่อจักรกฤษณ์
    • สลับสับเปลี่ยนชื่อคุณเอง (หรือชื่อเพื่อน) หากชื่อคุณคือไอลีน (Eileen) มันอาจกลายเป็นนีลลี่ (Neelie) เพื่อนคุณชื่อแอนนาเบล (Annabel) อาจกลายเป็นบีแลนนา (Belanna) หรือชื่อไทยอย่าง จินดายุทธ สรทัศน์
    • ใช้การสลับคำจากชื่อทั่วไป. เช่น laugh สามารถกลายเป็น Gal Uh และ jump สามารถเป็น M Puj คุณสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อสร้างชื่อที่เหมาะกับบุคลิกของตัวละครนั้นๆ ฉะนั้น ชื่อที่สลับจากคำว่า laugh อย่าง Gal Uh ก็สามารถใช้เป็นชื่อที่เหมาะกับตัวตลกและชื่อจากการสลับของคำว่า jump อย่าง M Puj ก็เป็นชื่อที่ดีสำหรับนักกระโดดสูง
  5. ถ้าคุณอยากได้ชื่อที่มันไม่เหมือนใครเอาเลย หยุดการตั้งชื่อจากชื่ออะไรก็ตามที่คุณคุ้นเคยและลองสร้างชื่อขึ้นมาใหม่เลย มันอาจเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องราวแนวไซไฟหรือแฟนตาซีที่หลุดไปจากบริบททางวัฒนธรรมของความเป็นจริง
    • พิมพ์ตัวหนังสือเรียงกันแบบมั่วๆ ในโปรแกรมเวิร์ด แล้วเลือกกลุ่มตัวอักษรที่ดูน่าสนใจแล้วคิดคำเหล่านั้นออกมาเป็นชื่อ
    • หรือไม่คุณอาจตัดตัวอักษรแต่ละตัวจากหน้านิตยสาร โยนขึ้นฟ้าและเลือกตามกลุ่มตัวอักษรที่ตกลงมาที่พื้น
  6. แต่พยายามอย่าทำให้มันดูโจ่งแจ้งเกินไป เพราะคุณคงไม่อยากลอกตัวละครจากตัวละครดังที่มีอยู่แล้วหรอก
    • เช่น ถ้าคุณต้องการตั้งชื่อตัวละครตามแคทนิส เอเวอร์ดีน ก็อย่าตั้งชื่อว่าแคทนิส เอเวอร์ดีน เพราะมันคือการลอกเลียน ทั้งยังอาจโดนข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ลองตั้งชื่อที่มันคล้ายกับชื่อที่มีอยู่ อย่าง “แคทเธอรีน” แทน “แคทนิส” หรือ “ดีน” แทน “เอเวอร์ดีน”
    • คุณยังสามารถใช้ชื่อคนดังมาเป็นชื่อใหม่ โดยการผสมผสานกันหรือรวบชื่อเข้าด้วยกัน เช่น จัสติน บีเบอร์กับเคท อเล็กซา กลายเป็น แจ็คซา เคเบอร์ ณเดชน์กับอุรัสยาเป็น เดชนัสยา
  7. เอาคำมาสะกดแบบผิดๆ เพื่อสร้างชื่อใหม่
    • เช่น จงใจสะกดคำว่า “like this” ผิดให้เป็น: lykkethez จากนั้นเลือกการรวมคำที่น่าสนใจจากผลอันนั้น เช่นกลายเป็นชื่อ Kethez, Ethe, หรือ Ykke
    • พิมพ์เนื้อเพลงลงไปโดยไม่ต้องเว้นวรรคเพื่อหาการผสมคำที่ดูน่าสนใจ เช่น all we are is the wind ก็อาจกลายเป็น Llwea, Arei, Isdus, Hewin, เป็นต้น
  8. เปลี่ยนชื่อผู้ชายให้เหมาะสำหรับตัวละครผู้หญิง และชื่อผู้หญิงให้เหมาะกับตัวละครชาย
    • จำไว้ก่อนว่าไม่ใช่ทุกชื่อที่จะตั้งชื่อสลับเพศกันได้
  9. ถ้าคุณค้นหาชื่อตามเว็บตั้งชื่อ (ส่วนใหญ่สำหรับตั้งชื่อเด็ก แต่ก็ยังมีประโยชน์) คุณจะได้พบชื่อมากมายที่อาจเหมาะกับตัวละครของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ตัวอักษรที่คุณชอบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าไม่แน่ใจ เลือกตัวอักษรที่ชอบขึ้นมาตัวหนึ่ง เช่น คุณอาจต้องการตัวละครที่มีคำว่า L และ S อยู่ในชื่อ เนื่องจากคุณชอบเสียงของตัวอักษรนี้หรือรู้สึกว่ามันเหมาะกับบุคลิกตัวละคร
  2. คำลงท้ายชื่อของเด็กหญิงโดยทั่วไปก็มี: a, bell, na, ly, ie, y, line, เป็นต้น ส่วนของเด็กผู้ชายก็: ob, ab, an, ly, เป็นต้น เลือกแบบที่ชอบหรือคิดขึ้นมาเองก็ได้!
  3. ตั้งชื่อจากสิ่งที่คุณชอบ หรืออย่างแรกที่เห็นตอนเงยหน้ามองหน้าจอหรือมองออกไปนอกหน้าต่าง. ถ้าของที่เห็นนั้นไม่เหมาะจะเป็นจุดเริ่มต้นในการคิดชื่อ ก็ลองคิดคำที่มีความหมายเหมือนสิ่งนั้นแทน
    • เช่น ถ้าคุณมองเห็นดวงจันทร์ คิดถึงคำพ้องอย่าง “ศศิธร” ซึ่งอาจกลายเป็น “ศศิ” ก็ได้
  4. คุณอาจชอบตัว “ณ” กับ “ฑ” เติม “ก” กับ “สระอู” เข้าไปเป็น “กูณฑ์” (ไฟ) ก็ได้
    • ถ้าชื่อที่คิดออกมาฟังดูห้วน จะเติมตัวอักษรลงไปอีกก็ได้ แต่อย่าใส่เยอะเกิน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

หาชื่อที่เหมาะกับตัวละคร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกชื่อตัวละครที่ไปด้วยกันกับโลก กรอบเวลา และ/หรือประเทศที่คุณวางท้องเรื่องไว้
    • มันจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวเนื้อเรื่องหากชื่อตัวละครฟังดูเหมาะสมกับฉาก เช่น เรื่องที่เกิดในเมืองจีนจะต้องมีชื่อตัวละครที่แตกต่างจากเรื่องที่เกิดในแอฟริกา
    • อีกวิธีหนึ่งซึ่งถูกใช้โดยจอห์น เบลน คือการใช้ชื่อสถานที่จากแคว้นหรือบริเวณที่เรื่องราวไปเกิดขึ้น
  2. ผู้อ่านส่วนใหญ่ไม่มีความอดทนมากพอที่จะมานั่งลองถอดรหัสชื่อตัวละครทุกครั้งที่มันถูกอ้างถึง ชื่อที่ยากต่อการเปล่งเสียงออกมาจะทำให้เรื่องราวนั้นสะดุดและทำให้ผู้อ่านไม่จดจ่อต่อเนื้อเรื่อง แทนที่จะนั่งจมดิ่งไปกับเรื่องราว
    • มองหาชื่อที่สามารถอ่านออกเสียงดังๆ ได้
    • หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อที่สะกดแปลกออกไปมากๆ ในหลายตัวละครเกินไป มันมีแต่สร้างความสับสนและทำให้ผู้อ่านไม่อินกับเรื่อง
  3. ลองคิดว่าความหมายของชื่อนั้นๆ มีผลอะไรกับตัวละครในเรื่องบ้าง. ความหมายของชื่อสามารถช่วยเชื่อมโยงชื่อนั้นกับบุคลิกของตัวละคร ลองคิดดูว่าความหมายของมันจะช่วยย้ำบุคลิกท่าทางของตัวละครได้อย่างไร
    • คุณสามารถใช้ชื่อที่ตัดตรงกันข้ามกับบุคลิกเพื่อสร้างแรงเสียดทานระหว่างเสียงหรือความหมายของชื่อนั้นกับบุคลิกของตัวละคร เช่น หญิงแกร่งแต่กลับชื่ออรชร เด็กเนิร์ดอัจฉริยะแต่ชื่อพยัคฆ์
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ลองย้ายตำแหน่งตัวอักษรในคำที่ใช้บรรยายลักษณะตัวละคร เช่น ฉลาดแกมโกง (cunning) เป็น Gin Nunc, ถ่อมตัว (modest) เป็น Dom Tes, ง่ายๆ (simple) เป็น Sim Lep แล้วคุณก็จะเพิ่มหรือตัดทิ้งตัวอักษรใดก็ได้ตามที่ต้องการ
  • ถ้าคุณอยากได้ชื่อแบบไซไฟ ให้ใช้วิธีผสมผสานกัน มีชื่อเป็นพันซึ่งคุณสามารถนำมาผสมกันให้เป็นชื่อที่เหมาะกับแนวไซไฟได้
  • ชื่ออย่าง อริสโตเติล, เซบาสเตียน และ บริดเจลล์ เหมาะกับนิยายแนวคลาสสิค ส่วน แอนดรูว์ และ ทอม หรือ เอ็มม่า และ ซาราห์ เหมาะกับชื่อตัวละครในเรื่องที่ “ร่วมสมัย” มากกว่า
  • ผสมคำตัวสะกดในชื่อทั่วไปให้ได้ตัวสะกดที่น่าสนใจมากกว่าแทน เช่น คริส (Chris) สามารถกลายเป็น Kryss, Kris, Chrys หรือแม้แต่ Crystal


โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าตั้งชื่อตัวละครของคุณตามชื่อใครก็ตามที่ถูกตั้งขึ้นและนำมาใช้ในเรื่องที่มีการตีพิมพ์แล้ว โดยเฉพาะถ้าตัวละครทั้งสองมีบุคลิกคล้ายคลึงกัน คุณอาจถูกฟ้องเอาได้ ตรวจสอบก่อนว่ามีใครใช้ชื่อนี้ในนิยายที่ถูกตีพิมพ์แล้วหรือยังก่อนตั้งชื่อตัวละครใดๆ
  • ตั้งชื่อที่ทำให้เรื่องน่าเชื่อ โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังเขียนเรื่องที่จริงจังและมืดหม่น ถึงคุณจะสมควรตั้งชื่อที่สร้างสรรค์อย่างที่ต้องการ แต่หากคุณตั้งชื่อตัวละครแบบ “ลอร์ดมาร์คกี้ มาร์ค” หรือ “เจ้าหญิงเซิร์ฟบอร์ด” คงเป็นเรื่องยากที่ผู้อ่านจะคิดจริงจังกับตัวละครหรือเรื่องราวนั้นๆ
  • อย่าใช้ชื่อทันทีที่คุณคิดได้ ให้นำไปให้ใครสักคน (ที่ไม่มีอคติ) ดูก่อน ชื่อที่อาจฟังดูเยี่ยมยอดของคุณอาจฟังดูเหมือนชื่อยาที่แพทย์เขียนสั่งจ่ายสำหรับคนอื่นก็ได้


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 27,374 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา