ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การทำชีวิตให้ง่ายขึ้นไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่เรียนรู้ที่จะสร้างสมดุลและความเงียบสงบในชีวิต เท่านี้ชีวิตคุณก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว การสร้างชีวิตที่เรียบง่ายต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย ค่อย ๆ กำจัดความยุ่งเหยิง จัดระเบียบ สร้างความสัมพันธ์ที่เรียบง่าย เรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตอย่างแช่มช้า และซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งเล็ก ๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพจิตที่ดี ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่วันนี้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

กำจัดความยุ่งเหยิง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    กำจัดของที่ไม่จำเป็น. การทำชีวิตให้เรียบง่ายไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เริ่มจากการหาว่าของชิ้นไหนสำคัญกับคุณที่สุดและกำจัดที่เหลือออกไป สมมุติว่าคุณมีเวลาเก็บของ 1 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัวย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น 10 ปีหรือตลอดชีวิต คุณจะเอาอะไรไปบ้าง เก็บไว้เฉพาะของที่คุณคิดว่าจำเป็น ของชิ้นในมีไว้แค่เพื่อให้รกตู้ก็โยนทิ้งไปเลย
    • ถ้าคุณเป็นพวกชอบเก็บของด้วยเหตุผลว่าของชิ้นนั้นทำให้คุณหวนนึกถึงอดีตหรือมีคุณค่าทางจิตใจ ให้ประเมินค่าความรู้สึกตัวเองที่มีต่อสิ่งของว่าคุ้มค่ากับการเก็บหรือเปล่า เริ่มจากการตั้งกอง "ของที่ต้องกำจัด" แล้วนำไปบริจาคร้านการกุศลทันที นี่มันเชิงเทียนที่ไม่เคยมีใครเอาเทียนมาวางตั้งแต่สมัยชวน หลีกภัยเป็นนายกฯ แล้วนี่ โยนทิ้งไปซะพร้อมกับกองนิตยสาร สกุลไทย ฉบับสมัยคุณแม่ยังเด็กด้วยเลย
    • ตามหลักทั่วไป ของชิ้นไหนที่คุณไม่ได้ใช้นานเกิน 18 เดือน มีโอกาสมากว่าคุณจะไม่ได้ใช้มันเลย
  2. 2
    ทำความสะอาดบ้านอย่างรวดเร็ว. เดินถือตะกร้าใบใหญ่เข้าไปในบ้าน เอาเฉพาะของที่จำเป็นใส่เข้าไป เปิดเพลงแล้วให้เวลาตัวเอง 15 นาทีในการเก็บข้าวของที่ไม่จำเป็นและดูว่าตัวเองทำได้แค่ไหน เอาขยะไปทิ้ง เก็บเสื้อผ้าใส่แล้วยัดใส่เครื่องซักผ้า เลือกให้ดีอย่าเข้าข้างตัวเองนะ ของชิ้นไหนไม่จำเป็นทิ้งลงถังขยะโลด
    • ดูบริเวณที่มีคนเข้าออกบ่อย ๆ ให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องนั่งเล่นกับห้องครัว เพราะถ้ามีจานกองเบ้อเริ่มรอล้างอยู่ในซิงค์ คุณจะเครียดและรู้สึกว่าบ้านรกแม้ว่าส่วนที่เหลือในบ้านจะสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ถ้ามีเวลาแค่เล็กน้อย ให้ทำความสะอาดบริเวณที่สำคัญกว่าก่อน
    • อย่ากังวลว่าจะต้องปัดฝุ่นออกจากทุกซอกทุกมุมหรือต้อง "ทำความสะอาด" ให้หมดทั้งบ้านไม่ให้เหลือ เอาแค่ให้ดูเป็นระเบียบโดยการเก็บของเข้าที่ วางของให้เรียบร้อย และทำห้องให้ดูดีก็พอ
  3. พอเปลี่ยนฤดูก็ถือโอกาสทำความสะอาดครั้งใหญ่ซะเลย. คุณควรทำความสะอาดครั้งใหญ่ 3 ครั้งต่อปีเพื่อกำจัดข้าวของที่สะสมเอาไว้ บ้านจะได้ดูโปร่งมากขึ้น และเพื่อขจัดสิ่งสกปรก ขนสัตว์ ฝุ่น หรือเศษผงต่าง ๆ มีอยู่ทุกที่แม้แต่ที่ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุด เพราะฉะนั้นคุณต้องกำหนดวันทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ดูดฝุ่น ซักพรม ทำความสะอาดโถส้วม ขัดผนัง เช็ดกระจก อะไรที่สกปรกเอาออกไปให้หมด !
    • ไปที่โต๊ะแล้วเก็บเอกสารต่าง ๆ ไปทิ้ง ทำความสะอาดลิ้นชักเพื่อขจัดความยุ่งเหยิงที่ซ่อนอยู่ข้างใน รวมถึงลดการทิ้งกระดาษด้วยการเปลี่ยนมาใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นด้วย ทำอย่างนี้รับรองว่าบ้านหายรกแน่นอน
  4. 4
    ลดจำนวนเสื้อผ้า. หาเสื้อผ้าตัวโปรดที่ใส่ได้เกือบทุกงานและบริจาคที่เหลือ ถ้ามันเก่าแล้วก็ทิ้งไป แต่ถ้าแค่ใส่ไม่ได้ก็ให้คนที่ ใส่ได้ ไป ตัวไหนที่อยากใส่แต่หาโอกาสไม่ได้สักทีก็บริจาคไป แล้วจำนวนเสื้อผ้าในตู้จะได้ค่อย ๆ ลดลงเอง
    • ถ้าคุณมีเสื้อผ้าตัวโปรดเยอะมากจนไม่รู้จะจัดการยังไง ให้จัดกลุ่มเสื้อผ้าตามฤดูกาล คุณคงไม่ต้องรื้อเสื้อไหมพรมมาใส่ช่วงหน้าร้อนหรอก เพราะฉะนั้นแยกเสื้อผ้าที่ใช้ในแต่ฤดูไว้คนละส่วนและเก็บเข้าที่ไว้จนกว่าฤดูนั้นจะมาถึง ถ้าไม่เห็นมันเดี๋ยวคุณก็ลืมไปเอง
    • จัดงาน "ปาร์ตี้ชะนีเปลือย" หรือนัดรวมกลุ่มเพื่อน ๆ เพื่อกำจัดเสื้อผ้าเก่า ๆ หรือเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วและนำไปขายต่อ กางเกงยีนส์ตัวนั้นอาจจะไม่เข้ากับคุณแล้ว แต่คนอื่นใส่อาจจะดูดีก็ได้ หมดคืนแล้วอะไรที่ยังกองอยู่บนพื้นให้เอาไปบริจาคให้หมด
  5. 5
    เลิกซื้อของที่ไม่จำเป็น. แค่คุณไปเจอว่ามันลดราคาครั้งใหญ่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องซื้อมันกลับมาด้วย เริ่มสร้างชีวิตที่เรียบง่ายด้วยการหยุดสะสมขยะในชีวิต
    • ก่อนจะซื้ออะไร ให้ถามตัวเองว่า: [1]
      • "ฉันต้องใช้มันจริง ๆ หรือเปล่า"
      • "มีอันอื่นที่ใช้ได้นานกว่าอันนี้ไหม"
      • "มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวคนไหนที่มีบริการหรือทำของแบบเดียวกันนี้ขายหรือเปล่า"
    • เลิกซื้อหนังสือใหม่ ถ้าคุณอ่านเล่มนั้นและจะอ่านอีกหลายรอบ ก็ซื้อไปเถอะ แต่คนส่วนใหญ่ก็อ่านหนังสือกันแค่รอบเดียว เพราะฉะนั้นไปห้องสมุดแทนดีกว่า คุณจะได้มีพื้นที่สำหรับของที่ต้องใช้จริง ๆ
    • เลิกซื้ออุปกรณ์สำหรับใช้ในบ้าน พยายามใช้ของที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด ถ้าคุณอยากได้ไมโครเวฟใหม่ นั่นก็อีกเรื่อง แต่ถ้าของที่อยากได้คือที่ตัดเนย ตัดใจซะแล้วหยิบมีด 2 เล่มที่มีอยู่แล้วมาใช้แทนเพื่อประหยัดพื้นที่ เหมือนที่แอลตัน บราวน์เคยกล่าวไว้ว่า ของในครัวที่ใช้ทำอะไรได้แค่ "อย่างเดียว" นั้นมีแต่เครื่องดับเพลิง
    • ลองดูสิว่าในจังหวัดของคุณมีที่ไหนให้เช่าอุปกรณ์บ้างหรือเปล่า เพราะบางอย่างที่ไม่ค่อยได้ใช้ เช่น เครื่องเป่าใบไม้ ก็เช่าดีกว่าซื้อ
      • อีกแง่หนึ่ง คุณสามารถแชร์อุปกรณ์ต่าง ๆ กับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนบ้านได้ วิธีนี้จะทำให้คุณเห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อและเก็บสะสมน้อยลง แถมไม่ต้องมาจัดระเบียบอุปกรณ์ "เครื่องอำนวยความสะดวก" พวกนี้ด้วย
  6. 6
    ลดขนาดลง. ซื้อบ้านหลังเล็กและเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างพอเพียง ซื้อให้น้อยลง ใส่ใจคุณภาพให้มากขึ้น และเก็บเงินไว้ในธนาคารเผื่อยามจำเป็นหรือเก็บไว้ไปเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลชีวิต
    • เช่าบ้านหรือข้าวของอื่น ๆ แทนการซื้อ เพราะภาระเรื่องค่าซ่อม ดอกเบี้ย และความเสื่อมโทรมจะได้เป็นของคนอื่นแทน
    • ครอบครองสิ่งของให้น้อยลง และของชิ้นนั้นก็ควรเป็นของใช้อเนกประสงค์ที่ใช้ประโยชน์ได้ 2-3 อย่าง จำไว้ว่าการทำงานแลกเงินเพื่อมาซื้อของนั้นไม่ใช่วิถีชีวิตที่มีความสุข เพราะฉะนั้นจัดลำดับความสำคัญของการซื้อด้วย
  7. 7
    สร้างพื้นที่สีขาว. มุมโล่ง ๆ ในบ้าน ห้องส่วนตัว หรือห้องทำงานทำให้คุณผ่อนคลายและสร้างความสงบ อย่าเอานู่นนี่มาแปะผนัง ปล่อยให้ความว่างเปล่าเข้ามาทำให้ห้องดูสบายตาและหรูหรา ใช้ความเรียบง่ายสยบความอลังการ
    • พื้นที่สีขาวไม่จำเป็นต้องเป็น "สีขาว" เท่านั้น ถ้าคุณไม่ชอบบ้านที่เนี้ยบหรือสะอาดหมดจด เปลี่ยนมาใช้ไม้ธรรมชาติ อิฐแดง หรือวัสดุอื่น ๆ ที่สร้างความเรียบง่ายและทำให้คุณผ่อนคลายขึ้น พื้นที่สีขาวไม่จำเป็นต้องเป็นสีขาวเสมอไป แค่ไม่มีอะไรมาเกะกะก็พอ ไม่ต้องมีชั้นวาง โปสเตอร์ภาพยนตร์ หรือกรอบรูป ปล่อยผนังให้โล่ง ๆ ง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ
  8. การเก็บที่นอนใช้เวลาแค่ 5 นาทีแต่เปลี่ยนอารมณ์คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ การเก็บและทำความสะอาดที่นอนจะทำให้ห้องนอนของคุณดูหรูหรา เรียบง่าย และเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น แค่เริ่มการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ อย่างการเก็บที่นอนก็ช่วยคลายความเครียดและช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นแล้ว
    • แต่ถ้าการกองผ้าห่มยุ่ง ๆ ไว้บนที่นอนคือชีวิตที่เรียบง่ายสำหรับคุณ ก็ไม่เป็นไร เพราะจุดประสงค์หลักคือให้คุณเริ่มต้นทำชีวิตในแต่ละวันให้เรียบง่าย ถ้าไม่อยากเก็บที่นอน ก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นชงกาแฟช้า ๆ ทุกเช้า ค่อย ๆ บดเมล็ดกาแฟ ต้มน้ำแล้วเทใส่กาชงกาแฟ หรืออาจจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำความสะอาดครัวและฟังวิทยุ ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

จัดระเบียบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    วางแผนเรื่องที่วางแผนได้ หรือยอมรับความสับสนข้างใน. บางคนอาจจะไม่เคยวางแผนไปเที่ยวนานกว่า 1 ชั่วโมงก่อนออกจากบ้าน ทำไมจะต้องทำให้ตัวเองประสาทเสียไป 3 วันแค่เพราะเรื่องแพ็กกระเป๋าด้วยล่ะ แต่สำหรับบางอาจจะชอบวางแผนเสื้อผ้าที่จะใส่ในแต่ละวันล่วงหน้า คำนวณประโยชน์สิ่งของแต่ละชิ้นที่เอาไป ตรวจเช็กจนแน่ใจว่าเอาทุกอย่างที่ต้องใช้ไปครบแล้วจริง ๆ
    • ถ้าคุณเป็นพวกชอบผัดวันประกันพรุ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เว้นแต่ว่ามันมีผลกระทบต่อการทำงานให้เสร็จทันเวลา ถ้าการผัดวันประกันพรุ่งมันเวิร์กสำหรับคุณ ไฟลนก้นแล้วได้งานดี ก็ไม่เป็นไร แค่จัดสรรเวลาก่อนใกล้เดดไลน์ให้ทำงานเสร็จทันก็พอ ง่าย ๆ แค่นั้นเอง
    • ถ้าคุณมักเครียดเรื่องงานไม่เสร็จ ก็ให้ทำงานนั้นให้เสร็จตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้โล่ง อย่าจัดกระเป๋าไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะคิดว่าไหน ๆ ก็เริ่มจัดตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ทำให้เสร็จ ๆ ไป ทำชีวิตให้เรียบง่ายด้วยการลงมือทำสิ่งที่ต้องทำเดี๋ยวนี้ ทำให้เสร็จจะได้โล่ง ชีวิตจะได้เรียบง่ายและเบาสบาย
  2. 2
    แบ่งงานบ้านให้เท่า ๆ กัน. สาเหตุของความยุ่งเหยิงและความเครียดที่พบได้ทั่วไปก็คือที่อยู่อาศัยไม่เป็นระเบียบและไม่รู้วิธีการจัดระเบียบบ้านที่ดี การหาเวลาซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าว และทำงานบ้านอื่น ๆ อาจกลายเป็นเรื่องยากถ้าคุณไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับมันอย่างง่าย ๆ แค่เรียกสมาชิกในครอบครัวหรือรูมเมทมาหาวิธีแบ่งงานบ้านและงานอื่น ๆ เท่านั้นเอง [2]
    • กำหนดงานในแต่ละวัน ให้ทุกคนได้ผลัดกันทำความสะอาดถังขยะและซักผ้า แต่ไม่ใช่ให้ทำทุกวัน ให้ใครสักคนทำงานบ้านหนัก ๆ สักเดี๋ยวแล้วค่อยผลัดไปทำงานที่เบากว่า เขียนตารางงานบ้านตามที่ตกลงกันและติดไว้ในที่ที่เห็นง่าย เช่น ห้องครัว
    • แบ่งงานกันทำตามความชอบ เช่น ถ้าคุณเกลียดการซักผ้ามากและมักจะปล่อยให้มันสุมกัน ลองคุยกับรูมเมทให้พวกเขาซักผ้าให้ แล้วคุณจะทำอาหารเย็นมื้อใหญ่ให้สัปดาห์ละ 3 วัน (ในวันที่พวกเขาเลิกงานช้า) หรือจะล้างจานให้แทน หาทางแลกงานที่มันสมน้ำสมเนื้อกัน
  3. 3
    จัดระเบียบการเงิน. ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ถ้าเป็นไปได้ให้จัดระเบียบการเงินให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวและใช้เงินแต่ละเดือนให้น้อยที่สุด ตั้งงบใช้จ่ายโดยคำนวณจากสูตร (รายได้ต่อเดือน - (รายจ่ายประจำโดยเฉลี่ย + รายจ่ายไม่ประจำโดยประมาณ) ทำให้ได้ตามแผนแล้วจะจัดระเบียบการเงินได้ง่ายขึ้น
    • ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตที่ตัดเงินจากบัญชีโดยตรง ถ้าคุณตั้งงบใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายบิลอีก จะมีอะไรง่ายไปกว่านี้อีกล่ะ
    • ถ้าไม่รู้วิธีจัดระเบียบการเงินอย่างง่าย ๆ ให้เปลี่ยนมาเก็บเงินมากขึ้นแทน ถ้าคุณใช้น้อย คุณก็ไม่ต้องเสียเวลามาคิดเรื่องเงินมากนัก และได้เก็บเงินไปโดยปริยายด้วย
  4. 4
    จำไว้ว่า: " ของทุกอย่างต้องมีที่วางประจำ" การมีที่ประจำให้ของแต่ละชิ้นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นหลักการสำคัญที่ทำให้พื้นที่ดูยุ่งเหยิงน้อยลง แต่สวยและน่าอยู่ขึ้น
    • การวางของไว้ที่เดิมสร้างความสงบสุขให้ชีวิต เช่น การวางกุญแจไว้ในถ้วยกุญแจตรงทางเข้าทุกครั้งทำให้เราไม่ต้องลนลานหาว่ามันอยู่ไหนในนาทีสุดท้าย นอกจากจะสร้างความสงบในชีวิตแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกเหมือนควบคุมอะไรบางอย่างในโลกอันยุ่งเหยิงนี้ได้บ้าง
    • แล้วบ้านของคุณก็จะน่าอยู่ขึ้นด้วย โต๊ะม้านั่งสำหรับงานช่างที่มีเครื่องมือวางอย่างเป็นระเบียบดูน่าทำงานกว่าตัวที่ต้องรื้อทั้งโต๊ะถึงจะหาไขควงเจอ
    • พื้นที่รับแขกสร้างความสุขให้กับผู้มาเยือน เช่น โซฟามีไว้นั่ง ไม่ได้มีไว้วางผ้า การใช้พื้นที่ผิดเหมือนเป็นการไล่แขกอย่างหนึ่ง เพราะการที่มีเสื้อผ้าวางอยู่บนโซฟาหมายความว่าขนาดกางเกงยังได้ที่นั่งดีกว่าคุณเสียอีก การจัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนจะทำให้มีแขกมาเยี่ยมเยือนบ้านคุณมากขึ้น
    • คุณจะได้รู้ว่าของอยู่ที่ไหน ถ้าห้องเก็บอาหารของคุณมันรกมาก ๆ คุณก็อาจจะไม่รู้ว่ามีแป้งทำขนมเหลืออยู่ตั้ง 3 กิโลกรัม และคุณก็อาจจะไปซื้อใหม่ทั้ง ๆ ที่มันมีอยู่แล้ว
    • การจัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนเริ่มได้ง่าย ๆ หลายคนแค่คิดก็ถอดใจเพราะเข้าใจผิดคิดว่าต้องรื้อทั้งหมดใหม่แล้วทำให้มัน เพอร์เฟ็ก เลยทีเดียว มัวแต่กลัวผิดก็เลยไม่กล้าเริ่ม แต่การเริ่มทำทีละอย่างก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อีกอย่าง โลกนี้มีวิธีการจัดระเบียบและทำชีวิตให้ง่ายขึ้นหลายวิธี เลือกที่มันเหมาะสมกับคุณแล้วกัน
  5. 5
    ทำกับข้าวง่าย ๆ. หลังจากผ่านงานหนักมาทั้งวัน คุณคงไม่มีอารมณ์มานั่งโขลกพริกแกงมัสมั่นเอง หาเมนูง่าย ๆ ที่ใช้เวลาเตรียมเครื่องน้อย และเปิดอินเทอร์เน็ตหาเมนูอาหารจากวัตถุดิบที่มีอยู่แล้ว เอาเวลาที่เหลือมานั่งรับประทานอาหารชิว ๆ กับครอบครัวดีกว่ามัวเสียเวลาทำอาหารยาก ๆ
  6. 6
    เลี้ยงลูกให้ง่ายขึ้น. ไม่ต้องทำอาหารกลางวันให้ ไม่ต้องซักเสื้อผ้าที่สกปรกให้ ไม่ต้องเก็บของเล่นให้ สอนลูก ๆ ให้จัดการตัวเองเมื่อเขาทำเองได้ เพราะในระยะยาวคุณจะไม่สามารถบอกให้ตัวเองให้ "ทำ ๆ ไปเหอะ" ได้ เพราะเด็ก ๆ จะรู้สึกว่าพวกเขามีพ่อแม่ทำให้ตลอด บอกลูก ๆ ว่าจะหาของที่ต้องใช้ได้ที่ไหน ทำให้ดูก่อนในครั้งแรก ๆ แล้วต่อไปก็ให้พวกเขาทำเอง
    • กำหนดตารางทำงานบ้านรายสัปดาห์ให้ลูกทุกคน ให้ลูก ๆ มาช่วยจัดตารางด้วย แล้วพวกเขาจะอยากทำงานบ้านมากขึ้น
    • อย่ายัดตารางให้ลูกมากเกินไป สมัยก่อนเด็ก ๆ ไม่ได้มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนมากเท่าสมัยนี้ การเว้นตารางให้ลูกไม่ต้องไปเรียนบัลเลต์ ว่ายน้ำ ดนตรี หรือเข้าชมรมบำเพ็ญประโยชน์สักวันคงไม่เป็นไรหรอก
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

สร้างความสัมพันธ์ที่เรียบง่าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หานิยามว่าความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่คืออะไร และหาทางแก้ไขหรือจบความสัมพันธ์นั้น.
  2. 2
    รู้จัก “ปฏิเสธ”. หนึ่งในนิสัยที่ทำให้ชีวิตเรายากขึ้นก็คือ "ปฏิเสธใครไม่เป็น" เราคิดไปเองว่าการให้คนอื่นคอยสั่งจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น เช่น ไปกินข้าวกลางวันที่ไหน ต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง ขับรถไปส่งเพื่อนที่สนามบินได้ไหม การเป็นกระโถนท้องพระโรงไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น เพราะใคร ๆ ก็พากันบ้วนน้ำลายใส่หน้าคุณ อย่าปล่อยให้ใครมาสั่งคุณ ลุกขึ้นมาแล้วหัดพูดคำว่าไม่
    • ในทางตรงกันข้าม ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นประเภทชอบสั่ง รู้สึกอะไรก็โพล่งออกไปอย่างนั้น บางทีการเงียบอาจจะเป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นก็ได้ อย่าก่อดราม่าโดยไม่จำเป็น
  3. 3
    ใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น. การรักษาความสัมพันธ์ทั้งแบบทั่วไปและแบบคนรักมักทำให้ปวดหัว เวลาที่คุณใส่ใจกับนิสัยหรือความเพี้ยนของคนอื่น คุณจะใส่ใจตัวเองและความต้องการของตัวเองน้อยลง คุณกำลังทำชีวิตให้ยากเพื่อคนอื่นแทนที่จะทำชีวิตให้ง่ายเพื่อตัวคุณเอง การใช้เวลาอยู่กับตัวเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวสักหน่อย
    • ลองไปเที่ยวพักร้อนคนเดียวก็ดีนะ ที่ที่คุณใฝ่ฝันอยากจะไปมาตลอด พึ่งทักษะการเดินทางและพาตัวเองไปยังจุดหมาย ไม่แน่ว่าการเดินทางคนเดียวอาจเป็นการถอยกลับสู่จิตวิญญาณทางหนึ่งเพื่อให้ได้ตกผลึกทางความคิด
    • ความสัมพันธ์แบบคนรักเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ก็มีหลักสำคัญอยู่เพียงไม่กี่ข้อ หัวใจสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์คือการสื่อสารที่ดี คาดหวังตามความเป็นจริง ไม่พยายามเปลี่ยนแปลงคนรัก มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนแต่เต็มไปด้วยความเข้าใจ และอย่าทนกับการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจโดยเด็ดขาด
  4. ความยุ่งยากต่าง ๆ ในชีวิตไม่ได้มีแต่สิ่งที่จับต้องได้ ความยุ่งเหยิงทางจิตใจอย่างโพสต์ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรมสามารถทำให้คุณหดหู่และทำให้ชีวิตคุณยากขึ้นได้เช่นกัน อย่าไปกังวลว่าจะไม่ได้กดไลค์สเตตัสใหม่ของทุกคนหรือคอยเช็กนิวฟีดส์อยู่ตลอดเวลา ว่างเมื่อไหร่ค่อยเล่นก็ได้ มันไม่หายไปไหนหรอก ไม่ต้องห่วงว่าตัวเองจะพลาดอะไรไป
    • ถ้าตั้งใจจะตัดขาดจากโซเชียลเน็ตเวิร์กจริง ๆ ก็ให้เลิกเล่นไปเลย เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการคุยกันแบบเห็นหน้ามาเป็นอันดับหนึ่ง และจัดตารางนัดเจอหรือโทรศัพท์หาเพื่อนเก่าที่ไม่สามารถมาเจอกันได้ แทนการส่องโปรไฟล์เพื่อน ๆ ในโลกโซเชียล
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ดำเนินชีวิตอย่างแช่มช้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    อยู่ให้ห่างจากโทรศัพท์. ไม่มีอะไรทำให้คุณเสียสมาธิไปมากกว่าการเช็กโทรศัพท์ทุก 2 นาทีเพื่อดูว่ามีใครส่งข้อความมาหรือเปล่า ข้อความ อีเมล สเตตัสเฟซบุ๊ก และอะไรต่อมิอะไรในโลกออนไลน์ต่อให้ไม่ได้เช็กเป็นชั่วโมงก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักหรอก
    • เวลาอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว ให้ปิดเสียงโทรศัพท์และเก็บไว้ให้พ้นหูพ้นตา ถ้าจะให้ดีเก็บไว้ในรถเลยก็ได้ อย่าไปมองมัน เวลานัดเจอกันครั้งต่อไปให้ตั้งกฎเลยว่า ใครหยิบโทรศัพท์คนแรกคนนั้นเลี้ยง เลิกสนใจโทรศัพท์แล้วใช้เวลาค่ำ ๆ อย่างเรียบง่าย
    • ในยุคนี้มีปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า FOMO (the fear of missing out) แปลเป็นไทยคือความกลัวว่าตัวเองจะพลาดอะไรไป ถ้าฉันไม่ได้ตั้งสเตตัสนี้ก่อนใครละ ถ้ามีใครมาคอมเม้นโจมตีฉันละ ถ้าคนที่ฉันชอบส่งข้อความมาแล้วฉันไม่ได้ตอบกลับทันทีละ อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีที่สร้าง "ความสะดวกสบาย" มากดดันชีวิตคุณ แค่ปล่อยตัวเองให้พลาดอะไรบางอย่างไปชั่วคราวแล้วเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกจริง
  2. 2
    เลิกอ่านคู่มือ หนังสือ และบล็อกที่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง. บ่อยครั้งที่คำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตจากคนอื่นคือที่มาของความเครียด ทำชีวิตให้เรียบง่ายด้วยการเลิกคาดหวังว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ เชื่อมั่นว่าเราก็เป็นสามีภรรยาที่ดี เป็นพ่อแม่ที่ดี และเป็นคนดี เชื่อมั่นในตัวเองและรับมือกับสิ่งที่เข้ามาในแบบของเรา
  3. 3
    เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ. หลายคนมองว่าการตั้งไกด์ไลน์เล็ก ๆ ในแต่ละวันทำให้งานง่ายขึ้นมาก เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ (เอาที่ทำได้จริง) และทำตามแผนให้ได้มากที่สุด มีอะไรต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้หรือสุดสัปดาห์นี้บ้าง เขียนออกมาให้หมด
    • สำหรับบางคน การเขียนแผนรายการสิ่งที่ต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะยาวนั้นช่วยได้มาก เพราะทำให้เราจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายต่าง ๆ ได้ สร้างชีวิตและการทำงานที่เรียบง่ายในระยะยาวด้วยการวางโครงร่างคร่าว ๆ ว่าอีก 5 ปีข้างหน้าคุณอยากไปอยู่ตรงจุดไหนหรืออยากใช้ชีวิตที่ไหน แล้วตอนนี้ต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
    • เขียนบันทึกในแต่ละวันเพื่อกันลืมว่าเวลาหายไปไหน ใช้วิธีเขียนรายการลงบนปฏิทินก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องเปลืองสมองมาจำโน่นจำนี่ตลอดเวลา แค่นี้ชีวิตก็ง่ายขึ้นแล้ว
    • ฉลองความสำเร็จในแต่ละวัน การทำงานตามแผนรายการจะสนุกขึ้นมากถ้าคุณฉลองให้กับความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ วันนี้ทำความสะอาดห้องครัวกับจัดห้องส่วนตัวเสร็จแล้วเหรอ ถึงเวลารินไวน์ให้ตัวเองสักแก้วในห้องครัวที่สะอาดเอี่ยมอ่องแล้ว ตามใจตัวเองบ้าง [3]
  4. ถอดปลั๊ก ! เอาข้อมูลที่กระจายอยู่ในคอมพิวเตอร์ออกเสียบ้าง จัดกลุ่มข้อมูลให้หาง่ายและทำให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ
    • ตั้งเวลาหยุดทำงานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่คุณมักเผลอเล่นจนลืมเวลา ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นชั่วโมง ๆ ให้ติดตั้งตัวจับเวลาและตั้งเวลาปิดเครื่อง แล้วคุณจะรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด การใช้เทคโนโลยีอย่างเรียบง่ายสร้างได้ด้วยการกำหนดเวลาพักการใช้งานให้ตัวเอง
    • พยายามทำอีเมลให้ว่างเปล่าด้วยการตอบกลับ จัดเข้าไฟล์ หรือลบทิ้ง
  5. 5
    ทำทีละอย่าง. ถ้าเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงการทำงานหลายอย่างพร้อม ๆ กัน แนวคิดที่ว่าคนเรามีสมาธิจดจ่อและทำงานหลายอย่างได้ดีในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ อาจจะมีบางครั้งที่คุณต้องทำหรืออยากทำหลายอย่างพร้อม ๆ กัน แต่ถ้าเป็นไปได้พยายามบังคับตัวเองให้ทำทีละอย่างพอ (อ่านนิทานเซ็นเพิ่มเติมด้านล่าง)
    • ตอนนี้ให้เพ่งสมาธิไปที่การทำงานชิ้นนี้ออกมาให้ดีที่สุด (หรือ "ดีพอประมาณ" )
    • มองเห็นความสวยงามของสิ่งที่กำลังทำไม่ว่ามันจะน่าเบื่อแค่ไหน อย่างการล้างจานก็เป็นงานที่สร้างความสุขได้ถ้าคุณเอาใจไปจับว่าน้ำที่เต็มไปด้วยฟองนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร การได้ล้างถ้วยชาถ้วยโปรด และความสุขที่ได้เห็นจานสะอาด [4]
    • นิทานเซ็นเก่าแก่เรื่องหนึ่งเล่าว่า มีพระอาวุโสรูปหนึ่งตำหนิกลุ่มพระใหม่ที่คุยไปทำงานไป "เมื่อถึงเวลาคุยก็คุย" พระอาวุโสกล่าว "และเมื่อถึงเวลาทำงานก็ทำงาน" ช่วงเพลวันต่อมา กลุ่มพระใหม่เห็นพระอาวุโสรูปนั้นกำลังฉันอาหารเพลและอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย ก็เลยเข้าไปหาแล้วย้อนว่า ทำไมท่านถึงไม่ฉันเพลหรืออ่านหนังสือพิมพ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ท่านเคยสอนไว้ ท่านก็ตอบกลับมาว่า " เมื่อถึงเวลาฉันเพลและอ่านหนังสือพิมพ์ ก็ให้ฉันเพลและอ่านหนังสือพิมพ์"
  6. 6
    ก่อนกลับบ้านให้ทิ้งทุกอย่างไว้บนโต๊ะทำงาน. อย่าปล่อยให้เรื่องยุ่งที่ทำงานมามีผลกระทบกับชีวิตด้านอื่น อย่าเอางานกลับมาทำบ้าน แต่ให้นั่งทำอยู่ที่ทำงานจนกว่าจะเสร็จ ถ้าหลังเลิกงานยังเครียดอยู่ ถึงบ้านให้หาอะไรผ่อนคลายทำทันที คุณจะได้ไม่ต้องไประบายเรื่องงานกับคนที่บ้าน อย่าแบ่งความเครียดให้คนอื่น สร้างชีวิตเรียบง่ายแทนดีกว่า
    • ถ้างานคือส่วนสำคัญที่ทำให้ชีวิตคุณยุ่งยาก ก็ให้ลดเวลางานลงมาในระดับที่คุณยังใช้ชีวิตได้ ถ้าคุณต้องการชีวิตที่เรียบง่าย การลดเวลางานคือหนทางที่ง่ายที่สุด เงินน้อย ความยุ่งเหยิงในชีวิตก็น้อย
    • เลิกทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ ต่อให้รักงานมากแค่ไหน การทำงานในวันหยุดก็รังแต่จะทำให้ชีวิตของคุณไม่สมดุล ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร แต่สุดท้ายแล้วคุณจะเหนื่อยมากและไฟในการทำงานก็จะน้อยลง ตั้งเป้าไว้เลยว่า 6 เดือนต่อจากนี้ไปฉันจะไม่ทำงานใด ๆ เลยในวันหยุด
  7. 7
    นั่งสมาธิวันละ 15 นาที. แค่ 15 นาทีเท่านั้น เท่ากับซิทคอมครึ่งเรื่องหรือไม่ถึงครึ่งของเวลารอสอบใบขับขี่ด้วยซ้ำ แต่ช่วยสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาล คุณจะเครียดน้อยลง เพิ่มความสามารถในการทำชีวิตให้เรียบง่ายและใจสงบ เริ่มจากการใช้เวลาเงียบ ๆ นั่งเฉย ๆ ในที่สบาย ๆ เพ่งสมาธิไปที่ลมหายใจ ผ่อนคลายร่างกายและปล่อยใจให้สงบ เฝ้าดูความคิดของตัวเอง
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • อย่ากังวลเกินเหตุ ความกังวลนอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้วยังขโมยพลังงาน สร้างความเครียด และทำให้ทุกอย่างยากขึ้น เปลี่ยนจากนั่งวิตกมาเป็นหาวิธีรับมือกับความเครียดอย่างเป็นรูปธรรมดีกว่า เหมือนที่เอลินอร์ รูสเวลต์เคยกล่าวไว้ว่า "จุดเทียนดีกว่าก่นด่าความมืด"
  • เมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก ถามตัวเองว่า " คนฉลาดเขารับมือกับปัญหานี้อย่างไร" ให้เวลาตัวเองคิด 1 นาที บางทีอาจจะพบวิธีการที่ต่างออกไปก็ได้
  • เลือกสัตว์เลี้ยงให้ดี ๆ เช่น สุนัขต้องการการเอาใจใส่มากกว่าแมวเพราะว่ามันต้องถูกฝึกทุกวัน แต่ข้อดีก็คือ การฝึกสุนัขอาจเป็นการผ่อนคลายและการกลับไปเชื่อมโยงกับโลกภายนอกวิธีหนึ่งก็ได้
  • ใคร ๆ ก็บอกให้ "เป็นตัวของตัวเอง" เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคำพูดเกร่อ ๆ นี้คือ เวลาที่คุณปฏิเสธที่จะเป็นตัวเองและแกล้งเป็นคนอื่น คุณจะสูญเสียพลังงานไปกับการรักษาหน้ากากอันนั้น แต่ถ้าคุณเป็นตัวเองมากขึ้น คุณก็จะมีความสุขจากภายใน และชีวิตคุณก็จะง่ายขึ้นด้วย
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

วิธีการปลอบใจสำหรับคนที่เผชิญความสูญเสีย
โน้มน้าวให้พ่อแม่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้
ทำให้แฟนหนุ่มที่คบกันมานานขอคุณแต่งงาน
ทำโทษด้วยการตีก้น
รู้ว่าสามีกำลังนอกใจคุณอยู่หรือเปล่า
ทำให้ภรรยาของคุณตกหลุมรักคุณอีกครั้ง
รับมือกับการสูญเสียและความเจ็บปวด
วิธีการทำให้แฟนหนุ่มรู้สึกผิดที่นอกใจ
ทำให้สามีมีความสุข
ดำเนินชีวิตแบบนักเปลือยกาย
ดำเนินชีวิตแบบเปลือยกายในครอบครัว
เป็นภรรยาที่ดี
รับมือกับพ่อแม่จอมปั่นหัว
เลิกรากับสามีที่นอกใจทั้งที่ยังรัก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,248 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา