ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คบกันมาก็นานแล้ว คุณรักเขา เขาก็รักคุณ แต่ทำไมห้วงเวลามหัศจรรย์มันถึงยังไม่มาสักทีนะ ต้องทำอย่างไรเขาถึงจะขอคุณแต่งงาน มาทำตามขั้นตอนในบทความนี้กันเถอะ แล้วดูซิว่าได้ผลหรือเปล่า

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

มั่นใจว่าเขาพร้อม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงคุณจะคบกันมาปีกว่าหรือห้าปีแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาพร้อมจะแต่งงานกับคุณ ผู้ชายบางคนสุดท้ายแล้วก็อยากแต่งงานแหละ เพียงแต่ว่ารอให้พร้อมก่อน ซึ่งแนวคิดเรื่อง "ความพร้อม" มันก็ซับซ้อนและมักจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกประมาณว่าเขา "ผ่านผู้หญิงมามากพอแล้ว" ได้ผจญภัย มีอิสระที่จะทำอะไรสนุก ๆ การเงินมั่นคง เป็นผู้ใหญ่พอ พร้อมที่จะสร้างครอบครัวแล้วตอนนี้ เป็นต้น คุณไม่ควรเพิกเฉยกับเหตุผลเหล่านี้เพราะมันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น และคุณก็ไม่ควรบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขายังไม่พร้อมด้วย
    • ดูว่าเขาผูกมัดตัวเองกับคุณมากไปกว่าการเรียกคุณว่าแฟนหรือเปล่า เช่นเขาย้ายมาอยู่กินกับคุณไหม มีสัตว์เลี้ยงด้วยกันหรือเปล่า ย้ายไปอยู่ที่ใหม่กับคุณ หรือแม้กระทั่งเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงสังคมเดียวกันกับคุณหรือเปล่า
    • ดูว่าเขาเคยคบกับคนอื่นมาก่อนบ้างไหม ถ้าเขามีประสบการณ์คบผู้หญิงมาอย่างโชกโชน ก็อย่าไปอิจฉา แต่ให้นึกขอบคุณที่เขามีประสบการณ์กับผู้หญิงมาบ้างแล้วและน่าจะอิ่มตัวกับ "ความสัมพันธ์ทางกาย" และเริ่มมองหาอย่างอื่น
  2. มั่นใจว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในชีวิตเขา. ทุกความสัมพันธ์ล้วนแตกต่าง มีหลายคู่ที่ตกลงปลงใจแต่งงานกันหลังจากคบกันได้แค่ปีสองปีและประสบความสำเร็จในชีวิตคู่เช่นเดียวกับคู่รักที่รอนานห้าปีหรือสิบปีก่อนค่อยแต่ง ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเขา ก็ไม่เกี่ยวหรอกว่าคุณจะคบกันมานานแค่ไหนแล้ว
    • ถ้าเขายังต้องหาหนทางในอาชีพการงาน ถ้าเพื่อนของเขายังโสดกันทุกคนหรือยังไม่คบใครจริงจังด้วยซ้ำ หรือถ้าเขายังมีปัญหาส่วนตัวที่ต้องแก้ไข การแต่งงานกับคุณตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
    • ถ้าเขารู้สึกไม่มั่นคงกับตัวเอง การเงิน หรือแม้แต่ร่างกาย ก็เป็นไปได้ว่าใจเขาคิดเรื่องอื่นอยู่
    • แต่ก็จำไว้ว่า เวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแต่งงานนั้นไม่มีอยู่จริง ถ้าผ่านไปหลายปีแล้วยังไม่รู้สึกถึง "เวลาที่ใช่" สักที ก็อาจจะมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้
  3. ถ้าคุณอยากให้แฟนหนุ่มที่คบกันมานานขอคุณแต่งงาน คุณต้องแน่ใจก่อนว่าเขาจินตนาการชีวิตที่ไม่มีคุณอยู่ด้วยไม่ออกเลย ใช่ คุณอาจจะคบกันมาสามปีแล้ว แต่มันแปลว่าเขาอยากจะอยู่กับคุณถึง 30 ปีหรือเปล่า ถ้าทุกครั้งที่เขาพูดถึงอนาคต เขาขึ้นต้นประโยคว่า "เรา..." และเขาก็พูดถึงการย้ายไปอยู่ที่ใหม่กับคุณ ซื้อบ้านกับคุณ หรือแม้แต่สร้างครอบครัวกับคุณ นั่นถึงจะแปลว่าเขาอาจจะอยากอยู่กับคุณไปชั่วชีวิตจริง ๆ
    • ถ้าเขาไม่เคยแม้แต่จะพูดถึงแผนที่วางไว้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ว่าคุณจะไปงานแต่งงานด้วยกันหรือเปล่า หรือเขาจะไปเรียนเมืองนอกช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนไหม ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาพยายามเลี่ยงเรื่องนี้อยู่
  4. ผู้ชายบางคนก็เฉย ๆ กับการแต่งงาน คือแต่งได้ก็ดี ไม่แต่งก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาเป็นอย่างนี้ อย่าหวังว่าเขาจะกระตือรือร้นเรื่องการแต่งงานเท่ากับคุณ และยอมรับด้วยว่าถ้าเขาแต่งก็เพราะคุณอยากแต่ง คุณต้องสะกิดเขามากหน่อยถึงจะมีงานแต่งงานในฝันได้
    • เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะไม่อยากแต่งงานเลยไม่ว่ากับใครทั้งนั้น การทำให้ผู้ชายที่หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เชื่อเรื่องการแต่งงานมาขอคุณแต่งงานนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

บอกใบ้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเผลอเยอะใส่แฟนหนุ่ม คุณควรเริ่มและปูทางเรื่องการแต่งงานของคุณแบบเนียน ๆ ระหว่างที่คุยกันคุณควรเปิดประเด็นเรื่องการแต่งงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน ของคุณ โดยตรง เช่น คุณอาจจะพูดถึงใครที่เพิ่งแต่งงานหรือหมั้นไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ หรือวิจารณ์โฆษณาแต่งงาน การเริ่มต้นที่ดีนั้นต้องทำให้มันดูสับสนหรือใส่คำวิจารณ์ลงไปเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น :
    • คุณอาจจะพูดว่า "เพื่อนที่ทำงานเพิ่งกลับมาจากฮันนีมูน ตัวเองรู้ไหมว่าเขาไปที่ไหน ไปทะเล เค้าว่ามันแปลกมากเลยเพราะว่าเราไปทะเลกันเดือนละครั้งอยู่แล้วและมันก็ใกล้มาก ถ้าเป็นเค้านะ เค้าจะไปฮันนีมูนที่ใหม่ ๆ แปลก ๆ เนอะตัวเองเนอะ"
    • หรือคุณอาจจะพูดว่า "ตัวเองเชื่อไหมว่าจอมขอมัทนาแต่งงานบนชิงช้าสวรรค์ สำหรับคู่นี้แล้วเค้าว่ามันเจ๋งมากเลยนะ แต่ถ้าเป็นเค้า เค้าอยากได้แบบที่ต่างไปจากนี้นิดหน่อย"
  2. อย่าพูดว่า "เค้ารอมีลูกกับตัวเอง 10 คนไม่ไหวแล้วละ !" แค่แสดงความคิดเห็นเนียน ๆ ที่มีนัยถึงความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ในอนาคต ไม่ว่าคุณสองคนจะแต่งงานกันหรือไม่ก็ตาม ถ้าพูดอ้อม ๆ แล้วเขายังไม่หือไม่อือ ค่อย ๆ เข้าเรื่องให้มันตรงประเด็นขึ้นด้วยการพูดว่า "ถ้าเราอยู่ด้วยกัน" "ถ้าเราใช้ชีวิตร่วมกัน" แล้วค่อยพูดว่า "ถ้าเราแต่งงานกัน"
    • ดูปฏิกิริยาของเขาเวลาที่คุณพูดเรื่องอนาคตว่าเขาพูดเรื่องนี้ต่อหรือพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
    • จำไว้ว่าแม้ว่าคุณจะคิดเรื่องแต่งงานมาแล้วนานสองนาน แต่บทสนทนาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขาและเขาก็ต้องใช้เวลาคิด อย่าคาดหวังว่าเขาจะมีคำตอบเตรียมให้คุณแล้ว
  3. ถ้าคุณคิดว่าแฟนหนุ่มของคุณกำลังรอจังหวะดี ๆ ที่จะขอคุณแต่งงานแล้วละก็ ลองบอกเขาว่าเราน่าจะไปเที่ยวด้วยกันได้แล้ว แต่ต้องวางแผนล่วงหน้านาน ๆ นะ อย่างน้อย 2 หรือ 3 เดือน แฟนหนุ่มของคุณเขาจะได้มีเวลาคิดว่าควรจะขอคุณแต่งงานในทริปนี้เลยดีไหม แต่อย่าเกริ่นกับเขาว่าที่นี่เป็นที่ที่เหมาะกับการขอแต่งงานมากเลยอะไรเทือกนั้น แล้วดูว่าเขาจะทำอย่างไร [1]
    • ถ้าคุณไม่พูดว่าที่นี่เป็นที่ที่เหมาะกับการขอแต่งงาน เขาก็จะไม่รู้สึกว่าคุณกำลังกดดันเขา
    • และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ขอคุณแต่งงาน แต่การได้เห็นคุณในสถานที่โรแมนติกที่หลายคน ขอ แฟนแต่งงานจะทำให้เขาคิดเรื่องขอคุณแต่งงานขึ้นมาบ้าง
  4. ถ้าคุณไม่อยากได้แหวนราคาแพง หรือไม่อยากได้แหวนเลย บอกเขาด้วย. ประเด็นนี้สำคัญ ผู้ชายหลายคนไม่ขอแฟนแต่งงานสักทีก็เพราะมัวแต่คิดว่าแฟนสาวจะชอบแหวนแบบไหนและเธอใส่แหวนไซส์อะไร และยังมีผู้ชายหลายคนที่ไม่ขอแฟนแต่งงานเพราะว่าเขายังไม่พร้อมที่จะจ่ายเงินสี่ห้าหมื่นซื้อแหวนเพชรให้คุณ และคิดว่าเขาต้องเก็บเงินเป็นชาติกว่าจะเก็บเงินซื้อแหวนเพชรให้คุณได้
    • ก็ ถ้าคุณ ไม่ อยากได้แหวนหรูหราหรือไม่อยากได้แหวนเลย คุณก็บอกเขาแบบเนียน ๆ ก็ได้ เขาจะได้รู้ว่าแหวนไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดหนักถ้าจะวางแผนขอคุณแต่งงาน
    • หรือคุณอาจจะพูดเรื่องแหวนในแบบที่คุณอยากได้ด้วยการพูดถึงแหวนของคนอื่น เช่นคุณอาจจะพูดว่า "ตัวเองเห็นเพชรเม็ดเป้งที่รักษ์ซื้อให้ชมพู่หรือเปล่า เค้าแปลกใจมากเลยนะที่ไม่เห็นเธอเดินสะดุดหัวทิ่มเพราะใส่แหวนเพชรเม็ดใหญ่ขนาดนั้น เค้าไม่เคยอยากใส่แหวนแบบนั้นเลย เค้าชอบแหวนเล็ก ๆ เรียบ ๆ มากกว่า"
  5. แม้ว่าการขอแต่งงานจะไม่ได้หมายความว่าต้องจัดงานแต่งเดี๋ยวนั้นเลย แต่ผู้ชายหลายคนก็ยังไม่ขอแฟนสาวแต่งงานเพราะเขากังวลว่าจะไม่มีเงินจัดงานแต่งงานที่มีแขกเหรื่อ 400 คนได้ หรือเพราะเขาไม่อยากถูกชักจูงเข้าไปในความวุ่นวายของการวางแผนจัดงานแต่งงาน ก็ ถ้าคุณวางแผนว่าจะจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ในสวนสาธารณะ มีแค่เพื่อนสนิทและครอบครัวมาร่วมงานสัก 50 คน ใส่ชุดสบาย ๆ คุณก็ควรบอกให้เขารู้
    • จริงอยู่ที่เรื่องนี้ไม่ควรเป็นข้ออ้างที่ทำให้แฟนหนุ่มไม่ขอคุณแต่งงานเพื่อที่จะได้อยู่กับคุณไปตลอดชีวิต แต่มันก็ทำให้ผู้ชายไม่อยากเริ่มชีวิตแต่งงานเลยจริง ๆ คุณจะไปว่าเขาได้เหรอ
  6. ทำให้เขาเห็นว่าคุณ "เหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของเขา" . แม้ว่าเขาจะเห็นคุณเป็นคนสนุกสนานสุดเหวี่ยงหรือเป็นแมวสีสวาดสุดเซ็กซี่ คุณก็ควรทำให้เขาเห็นว่าคนอย่างคุณก็เป็นภรรยากับเขาได้เหมือนกัน ทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ทำหน้าที่เป็นคู่คิดคู่ชีวิตและอาจจะเป็นแม่ของลูกเขาได้ ให้เขารู้ว่าคุณสามารถเป็นภรรยาแสนดีและเป็นแฟนสาวที่สนุกสนานได้ในคนเดียวกัน ทำให้เขาเห็นว่าคุณพึ่งพาตัวเองได้และใส่ใจหน้าที่การงานพอ ๆ กับที่รู้ว่าต้องดูแลเขาอย่างไรเวลาที่เขาป่วย รู้หลักการตกแต่งบ้านอย่างมีรสนิยม และทำกับข้าวที่ดีต่อสุขภาพได้ ไม่เห็นจะมีอะไรซับซ้อนเลย
    • ถ้าคุณอยากให้เขาเห็นว่าคุณเป็นภรรยาเขาได้ คุณต้องทำให้ความสัมพันธ์มีแต่เรื่องดี ๆ ให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าคบกันแล้วคุณเอาแต่ชวนทะเลาะหรือร้องไห้กับความรู้สึกไม่มั่นคงของตัวเอง เขาก็คงไม่คิดว่าคุณพร้อมจะแต่งงานจริง ๆ หรอก
    • ทำให้เขาเห็นว่าคุณดูแลตัวเองได้และพร้อมที่จะเริ่มก้าวไปสู่ชีวิตแต่งงาน ถ้าเขาคิดว่าชีวิตคุณไม่มีวันสมบูรณ์จนกว่าคุณจะได้แต่งงาน เขาจะไม่มีวันอยากขอคุณแต่งงานเด็ดขาด
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

พูดตรง ๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณคุยเรื่องแต่งงานกับเขาอย่างเปิดอก คุณก็จะได้ช่วยเขาคลายความกลัวเล็กน้อยและเขาจะได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวเลย บางทีเขาอาจจะกังวลว่าถ้าแต่งงานกันแล้วคุณจะเปลี่ยนไปและจมปลักอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หรือเขาอาจจะวิตกว่าพอแต่งงานกันแล้ว เขาจะถูกกดดันให้สร้างครอบครัวทันที หรือเขาอาจจะรู้สึกไม่มั่นคงและมองว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ยังไม่เหมาะกับบทบาทการเป็นสามีก็ได้
    • ถ้าเขาแค่กังวลเรื่องแหวนหรืองานแต่งงาน คุณก็อาจจะหาทางประนีประนอมแบบสร้างสรรค์ได้ เช่น ถ้าเขาไม่มีเงินซื้อแหวนให้คุณ คุณคิดว่าคุณไม่ใส่แหวนแต่งงานได้ไหม หรือถ้าเขาไม่อยากจัดงานแต่งใหญ่โต จะหนีไปด้วยกันหรือจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ส่วนตัวดีไหม
    • ถ้าเขากลัวว่าการแต่งงานจะทำให้ความตื่นเต้นหายไปจากความสัมพันธ์ ลองยกตัวอย่างคู่สามีภรรยาที่มีชีวิตคู่หวานชื่นที่คุณทั้งสองคนชื่นชมสิ
  2. ถ้าเขาเป็นพวกคิดอย่างมีเหตุผล ลองใช้เหตุผลเข้าหาเขาดู ถึงมันจะไม่ใช่วิธีเข้าหาที่โรแมนติกสักเท่าไหร่ แต่การแต่งงานก็เอื้อสิทธิประโยชน์บางอย่างเหมือนกัน ทั้งในแง่ของชีวิตประจำวันและด้านกฎหมาย เช่น คุณสามารถใส่ชื่อของอีกคนลงไปในแผนประกันได้ ใช้สวัสดิการรัฐได้มากขึ้น และยื่นลดหย่อนภาษีคู่สมรสได้ [2]
    • การแต่งงานยังเป็นสิ่งที่รับประกันด้วยว่า คู่สมรสของคุณจะได้รับการคุ้มครองแน่นอนหากคุณเสียชีวิตกะทันหัน ถ้าคุณไม่ได้แต่งงานกันแล้วคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต อีกคนหนึ่งจะไม่ได้ทรัพย์สมบัติอะไรเลยถ้าไม่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรม และถ้าคุณ ระบุ ไว้ อีกฝ่ายก็จะต้องเสียภาษีมรดกและภาษีการให้ นอกจากนี้ถ้าคุณแต่งงานกัน อีกฝ่ายยังจะได้ค่าแรง เงินชดเชยรายได้ และสิทธิประโยชน์หลังเกษียณของคู่สมรสที่เสียชีวิตด้วย
    • ถึงคุณจะไม่อยากใช้ความเป็นความตายมาอ้าง แต่มันก็เป็นวิธีคิดที่มีเหตุผลและเป็นเรื่องที่ควรเก็บมาพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่กินกันมา 15 ปีแล้วและยังไม่ได้แต่งงานกัน
  3. ทำให้เขาเห็นว่า เขาจะพลาดอะไรไปบ้างหากไม่แต่งงานกับคุณ. ถ้าเขาดูเหมือนไม่แน่ใจว่าอยากแต่งงานกับคุณจริง ๆ หรือถ้าเขาพูดว่าขอเวลาคิดอะไรสักหน่อย ก็ให้เวลาเขาคิดไป แต่บอกเขาให้ชัดเจนว่าคุณจะไม่รอเขาขอแต่งงานไปตลอดทั้งปีทั้งชาติ และถ้าผู้ชายคนไหนได้แต่งงานกับคุณ เขาต้องเป็นผู้ชายที่โชคดีมากแน่ ๆ [3]
    • ถึงคุณจะไม่ควรทำให้เขารู้สึกผิดที่ยังโลเลหรือทำให้เขาขอคุณแต่งงานเพราะความหึงหวงหรือความรู้สึกผิด คุณก็ ควร ทำให้เขารู้ว่า ถ้าคุณลงทุนเวลาและความรักให้กับความสัมพันธ์แล้วเขายังไม่รู้อีกว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ คุณก็มีขีดจำกัดของคุณเหมือนกัน
  4. ถ้าคุณคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมและคุณทั้งคู่ก็พร้อมจะแต่งงานแล้ว เอาเลย นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้วนะ คุณจัดการเรื่องนี้เองได้ ถ้าคุณรอมานากมากแล้วและคุณก็มั่นใจว่าสิ่งที่รั้งแฟนหนุ่มไม่ให้ขอคุณแต่งงานคือการขั้นตอนของการขอแต่งงานมากกว่าแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตคู่ คุณก็ทำให้ชีวิตแต่งงานมาเร็วขึ้นได้ด้วยการขอเขาแต่งงานเลย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รู้ว่าไม่ควรทำอะไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แค่พูดว่าอยากแต่งงานครั้งเดียวสมองของเขาก็รับรู้แล้วแน่ ๆ ยิ่งคุณพูดเรื่องการแต่งงานมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งใส่ใจฟังน้อยลงเท่านั้น ถ้ามีแต่คุณที่พูดเรื่องนี้ ตลอดเวลา และคำว่าแต่งงานไม่เคยหลุดจากปากเขา คุณก็ควรทำใจให้สบายสักพักนึง
  2. คุณอาจจะชอบที่เพื่อนช่วยเกริ่นเรื่องแต่งงานกับเขา แต่เชื่อเถอะว่ามันจะยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก ปล่อยให้เขาตัดสินใจเองโดยไม่ต้องอาศัยคำแนะนำหรือแรงกระตุ้นจากผู้คนในชีวิตของคุณ
  3. คุณอาจจะคิดว่าถ้ายื่นคำขาดกับแฟนหนุ่มแล้วเขาจะรีบลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเสียที การยื่นคำขาดว่า "ถ้าไม่แต่งก็เลิก" ยิ่งทำให้เขารู้สึกกดดันมากเกินไปและไม่ได้ทำให้เขาขอคุณแต่งงานเร็วกว่าเดิม การพูดว่า "ให้เวลาขอแต่งงานอีก 2 เดือน ไม่งั้นเลิก" ยิ่งทำให้เขากลัวและขยาดไม่กล้าขอคุณแต่งงาน
    • แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองรอเป็นชาติแล้วและรู้ว่าทั้งคุณและเขาต่างก็พร้อมจะเริ่มชีวิตแต่งงาน บอกให้เขารู้โดยไม่ต้องใช้คำพูดรุนแรง
  4. อย่าเริ่มกดดันเขาถ้าเขายังไม่พร้อม หรือเกือบจะพร้อมแล้ว. ถ้าคุณคบกับแฟนหนุ่มได้แค่ไม่กี่เดือน หรือคุณทั้งคู่อาจจะคบกันมานานกว่านั้น แต่ถ้าให้พูดกันตามตรงความสัมพันธ์ของคุณก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะจริงจัง จริง ๆ คุณก็ไม่ควรกดดันให้เขาแต่งงานกับคุณถ้าเขายังไม่พร้อม การกดดันเขาเรื่องการแต่งงานเร็วเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเพิ่งคบกัน ยิ่งมีแนวโน้มว่าความสัมพันธ์จะจบลงเร็วก่อนคุณจะได้พูดว่า "ตกลงค่ะ" เสียอีก
    • แค่เพราะว่าเพื่อนทุกคนของคุณพร้อมแต่งงานแล้ว หรือคุณอดใจไม่ไหวที่จะได้ลองชุดแต่งงานก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรพูดเรื่องแต่งงานกับเขาตั้งแต่เดทกันครั้งที่ 2 ไม่อย่างนั้นมันอาจจะไม่มีครั้งที่ 3 ก็ได้
  5. นิตยสารหลายฉบับอาจทำให้คุณเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าอยากให้ผู้ชายตกหลุมรักคุณละก็ คุณต้องใส่รองเท้าส้นสูงสุดฮอตทำกับข้าวของคาวของหวานพร้อมสรรพให้เขากิน ถ่างตาจนฟ้าสางเพื่อไปรับเขาหลังจากไปเมาแอ๋กับเพื่อน หรือเชื่อฟังเขาอย่างสุดหัวใจเพื่อให้เขาเห็นว่าคุณเป็นแฟนที่ "ประเสริฐ" ขนาดไหน [4]
    • เพราะการทำแบบนี้ ไม่ได้ ทำให้เขาอยากเลื่อนฐานะคุณจากแฟนมาเป็นภรรยา ผู้ชายสนใจผู้หญิงที่มั่นใจและอยู่ได้ด้วยตัวเองมากกว่าผู้หญิงที่ทำทุกอย่างที่เขาต้องการและเลิกทำทุกอย่างเพื่อมาปรนนิบัติพัดวีเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นทำเพราะหวังว่าเขาจะขอแต่งงาน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าความสัมพันธ์ของคุณสองคนดำเนินไปด้วยดีมาตลอดจนถึงตอนนี้ อย่าทำทุกอย่างพังแค่เพราะเขาไม่ขอคุณแต่งงานสักที คุณอาจจะอยากให้เขาแต่งงานกับคุณ แต่การบ่น ร้องไห้โวยวาย และการขู่ว่าจะเลิกถ้าเขาไม่ยอมขอคุณแต่งงานเดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ อดทนไว้ แต่ถ้าทนไม่ได้เมื่อไหร่ก็บอกเขา !
โฆษณา

คำเตือน

  • ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณทั้งคู่มีความสุข แล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงานกัน
  • อย่าปล่อยให้บทสนทนาเรื่องนี้เลยเถิดไปเป็นการขู่ว่าจะเลิก เพราะสิ่งที่คุณอยากได้คือการผูกมัด ไม่ใช่การเลิกรา
  • ถ้าคุณไม่ให้เวลาเขาใคร่ครวญความรู้สึกตัวเอง เขาจะรู้สึกถูกกดดัน
  • ถ้าการแต่งงานสำคัญกับชีวิตของคุณมากแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลย ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังคบคนผิด ทางเลือกก็คือทบทวนความต้องการของตัวเองเรื่องการแต่งงานเสียใหม่ ถ้าการอยู่กับเขามีความหมายกับคุณมากกว่าการแต่งงาน คุณก็ต้องเปลี่ยนความคิดตัวเอง


โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

วิธีการปลอบใจสำหรับคนที่เผชิญความสูญเสีย
โน้มน้าวให้พ่อแม่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้
ทำโทษด้วยการตีก้น
รู้ว่าสามีกำลังนอกใจคุณอยู่หรือเปล่า
ทำให้ภรรยาของคุณตกหลุมรักคุณอีกครั้ง
ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น
รับมือกับการสูญเสียและความเจ็บปวด
วิธีการทำให้แฟนหนุ่มรู้สึกผิดที่นอกใจ
เป็นภรรยาที่ดี
ดำเนินชีวิตแบบเปลือยกายในครอบครัว
ดำเนินชีวิตแบบนักเปลือยกาย
ทำให้สามีมีความสุข
รับมือกับพ่อแม่จอมปั่นหัว
เลิกรากับสามีที่นอกใจทั้งที่ยังรัก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 55,434 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา