ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
สิว ลำพังแค่นี้ก็เป็นปัญหาพออยู่แล้ว ไม่ยุติธรรมเสียเลยเวลาที่รอยแดงจากสิวของคุณหายแล้วแต่กลับทิ้งร่องรอยของแผลเป็นไว้ให้คุณดูว่าเคยมีสิวขึ้นตรงนั้น แต่คุณไม่ต้องสิ้นหวังเพราะรอยแผลเป็นจากสิวจะไม่อยู่ถาวร คุณยังทำอะไรได้อีกหลายอย่างเพื่อเร่งการฟื้นฟูผิว อาทิ ใช้ครีมที่ซื้อเองโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากหมอ ลองใช้ของในบ้านรักษาเอง หรือใช้ยารักษา ลองศึกษาเพิ่มเติมจากข้อมูลนี่ดูสิ
ขั้นตอน
-
ใช้น้ำผึ้ง. น้ำผึ้งสามารถใช้รักษาไม่เพียงแต่รอยแผลเป็นจากสิว แต่ยังรวมถึงสิวอีกด้วย น้ำผึ้งอ่อนโยนต่อผิวของคุณและช่วยลดรอยแดงและอาการระคายเคือง น้ำผึ้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียซึ่งช่วยให้รอยดำที่ดูน่ากลัวของสิวจางหายไป น้ำผึ้งยังเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวคุณนิ่มขึ้นด้วย แต้มน้ำผึ้งลงไปที่รอยแผลเป็นโดยตรงก่อนนอนแล้วล้างออกในตอนเช้า
-
ใช้น้ำมันผลกุหลาบ. น้ำมันผลกุหลาบอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี ขณะที่การใช้น้ำมันผลกุหลาบกับสิวที่ขึ้นอยู่นั้นยังไม่เห็นผลแน่ชัด แต่พิสูจน์ได้แล้วว่าน้ำมันผลกุหลาบใช้รักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ผลดีเทียบเท่ากับการรักษารอยแผลและรอยแดงอื่นๆ เมื่อใช้เป็นประจำ รอยแผลเป็นจะเริ่มจางลงและหายไป เพียงแค่นวดน้ำมันลงบนรอยสิวเบาๆ วันละหนึ่งถึงสองครั้ง [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้น้ำมันมะพร้าว. ในน้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริก กรดคาไพรลิก และกรดคาพริก จึงเป็นครีมช่วยลดเลือนรอยสิวเป็นอย่างดี น้ำมันมะพร้าวยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวใหม่ เพื่อให้รอยสิวดูจางลง นวดน้ำมันมะพร้าวตรงบริเวณที่มีรอยสิวอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน สองถึงสี่ครั้งจะถือว่าดีมาก แต่น้ำมันมะพร้าวอาจมีความมันมากจึงควรใช้แต่พอดี น้ำมันมะพร้าวยังใช้ทำความสะอาดผิวได้ด้วย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ว่านหางจระเข้. ว่านหางจระเข้เป็นที่รู้จักในวงการเครื่องสำอางจากสรรพคุณด้านการรักษา และยังอ่อนโยนต่อผิวและใช้รักษารอยสิวได้ผลดีเมื่อใช้ไปสักระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณสามารถหาซื้อเจลว่านวางจระเข้ตามท้องตลาดได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ ซื้อต้นว่านหางจระเข้เพื่อนำส่วนเนื้อเจลมาใช้เอง
- วิธีใช้ว่านหางจระเข้จากใบโดยตรง หักใบว่านหางจระเข้แล้วนำเนื้อด้านในที่มีลักษณะเป็นเจลทาลงบนผิวได้โดยตรง ทิ้งไว้ให้แห้ง 30 นาทีแล้วล้างออกด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ลองทำแบบนี้ทุกๆ วัน
-
ใช้ก้อนน้ำแข็ง. วิธีรักษานี้ใช้ได้ผลดีสุดกับแผลเป็นที่เพิ่งเกิดหรือระบม เพราะน้ำแข็งจะช่วยลดการบวมและทำให้หลอดเลือดหดตัว เมื่อเวลาผ่านไป น้ำแข็งจะยังช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นขนาดเล็กและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้ผ้าขนหนูหรือทิชชู่ห่อก้อนน้ำแข็งแล้วถูบริเวณที่บวมแดงเป็นเวลา 10-15 นาทีต่อวัน
-
ใช้มาสก์แอสไพริน. แอสไพรินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและมีกรดซาลิซิลิก ซึ่งมักใช้ในการรักษาสิว หลังใช้มาสก์แอสไพรินผิวจะนุ่มขึ้นและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- วิธีทำมาสก์ บดเม็ดแอสไพริน 4-5 เม็ด ให้กลายเป็นผง จากนั้นผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ หรือเจลว่านหางจระเข้อย่างเดียว ทามาสก์ลงหน้าแล้วทิ้งไว้ 15 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซับหน้าให้แห้ง แล้วทามอยเจอร์ไรเซอร์ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้น้ำมันมะกอกล้างทำความสะอาด. น้ำมันมะกอกหรือที่รู้จักในฐานะน้ำมันทำความสะอาดผิวเป็นตัวเลือกในการทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกและไขมันออกจากใบหน้า นวดเบาๆ แล้วใช้ผ้าขนหนูสะอาดเช็ดออก
-
ใช้น้ำมันวิตามินอี. น้ำมันวิตามินอีมีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้นอย่างมาก และรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ผลดีอีกด้วย ทาน้ำมันวิตามินอีบริสุทธิ์ลงบนผิววันละ 2-3 ครั้งต่อวัน แล้วคุณจะเห็นผลได้ในสองสัปดาห์ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
ลองใช้ครีมที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยา. มีผลิตภัณฑ์รักษาแผลเป็นจำนวนมากที่หาซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยลดรอยแดงจากสิวและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ครีมเหล่านี้มักติดฉลากว่าช่วยให้รอยแผลเป็นลดเลือนหรือทำให้ขาวขึ้น มองหาครีมที่มีสารออกฤทธิ์อย่างเช่น กรดโคจิก สารสกัดชะเอมเทศ อาร์บูติน สารสกัดจากมัลเบอรี่ และวิตามินซี วัตถุดิบเหล่านี้ขัดผิวและขจัดผิวชั้นที่ไม่สม่ำเสมอด้านนอกออก เผยให้เห็นผิวที่เนียนและกระชับ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
พบแพทย์ผิวหนัง. ถ้าผลิตภัณฑ์ที่คุณหาซื้อมาใช้เองไม่ให้ผลดีพอ ลองไปพบแพทย์ผิวหนังที่สามารถสั่งจ่ายครีมรักษาที่ออกฤทธิ์แรงกว่าได้ คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับทางเลือกอื่นๆ ในการทำให้รอยแผลเป็นจากสิวดูจางลง อย่างเช่น การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือลอกผิว
-
ทำเลเซอร์ลอกผิว. วิธีนี้มีขั้นตอนโดยลอกผิวชั้นนอกสุดออกจากรอยสิวซึ่งเป็นผิวที่ถูกทำลายและเป็นจุดด่างดำ ทำให้ผิวข้างใต้กระชับและเรียบเนียนขึ้น วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องทำที่โรงพยาบาล แพทย์ผิวหนังสามารถทำเลเซอร์ลอกผิวที่ทำงานของพวกเขาได้เลย [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลเซอร์อาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่แพทย์มักทำให้ผิวชาด้วยยาชาเฉพาะที่ก่อน นั่นจึงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสียทีเดียวT [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การรักษาด้วยเลเซอร์อาจใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง และอาจมีหลายขั้นตอน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของรอยแผลเป็น
-
ลองฉีดฟีลเลอร์. ถ้าแผลเป็นของคุณดูเหมือนรอยบากและตุ่มนูนแดง ฟีลเลอร์จะทำงานราวกับมีปาฏิหาริย์ช่วยให้ผิวคุณเต่งตึงและเรียบเนียนยิ่งขึ้น ฟีลเลอร์เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ที่ฉีดเข้าใต้ผิวหนังโดยแพทย์ผิวหนังจะเห็นผลได้ทันที แต่ผลลัพธ์จากการฉีดฟีลเลอร์คงอยู่ได้แค่ชั่วคราว ดังนั้นถ้าคุณชอบวิธีนี้ คุณก็แค่คอยกลับมาทำทุกๆ สองถึงสามเดือนเพื่อคงสภาพเดิมไว้! [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ซิลิโคนขนาดเล็กเป็นฟีลเลอร์ประเภทใหม่ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผิวของคุณผลิตคอลลาเจนและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นใสเอง คุณจะต้องฉีดฟีลเลอร์หลายรอบจึงจะเห็นผล แต่หลังคุณทำครบแล้วผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวร [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้วิธีลอกหน้าด้วยเคมี. การลอกหน้าด้วยเคมีใช้กรดเข้มข้นซึ่งขัดผิวชั้นนอกออก เผยให้เห็นผิวที่เนียนนุ่มกว่าที่อยู่ข้างใต้ วิธีนี้ได้ผลดีในการลดเลือนรอยสิว และทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วรอยบนใบหน้าจางลง และฟื้นฟูผิวที่ถูกแดดทำร้าย การลอกหน้าด้วยเคมีสามารถทำได้ที่ร้านผิวหนังใกล้บ้านคุณ หรือที่ร้านของศัลยแพทย์ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ลองวิธีขัดผิวถึงชั้นหนังแท้. การขัดผิววิธีนี้จะลดเลือนรอยแผลเป็นด้วยการลอกผิวชั้นนอกออกโดยใช้แปรงลวดหมุน วิธีนี้ค่อนข้างระคายเคืองและอาจต้องใช้เวลานานถึงสามอาทิตย์ให้ผิวฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม แต่เมื่อผิวคุณหายดีแล้ว คุณจะได้ผิวหนังชั้นใหม่ที่เรียบเรียนและเปล่งปลั่ง [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ถ้าวิธีที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ได้ผล ลองใช้การผ่าตัดแทน. ถ้าดูเหมือนการรักษาด้วยวิธีไหนๆ ก็ไม่ได้ผล ปรึกษาแพทย์ผิวหนังของคุณเกี่ยวกับการผ่าตัดเพื่อเอาแผลเป็นของคุณออก คุณควรรู้ว่าการผ่าตัดเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงเพราะมักจะใช้ยาสลบและมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นคุณควรพิจารณาทางเลือกนี้ต่อเมื่อรอยแผลเป็นของคุณลึกหรือกว้างมาก [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ส่วนใหญ่ในการผ่าตัดจะต้องตัดรอยแผลแต่ละอันแยกออก ถึงแม้บางครั้งศัลยแพทย์จำเป็นต้องสลายเนื้อเยื่อเส้นใยที่อยู่ใต้ผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดรอยแผลเป็น [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ต้องใช้เวลาสักพักให้ผิวของคุณฟื้นตัวหลังการผ่าตัด และคุณอาจจะต้องใช้วิธีผลัดเซลล์ผิวใหม่เพื่อทำให้ผิวชั้นนอกเรียบเนียน
โฆษณา
-
ทาครีมกันแดดทุกวัน. การปล่อยให้รอยแผลเป็นถูกแสงแดดอาจทำให้แผลสีเข้มขึ้นและฟื้นตัวช้าลง นั่นเป็นเพราะรังสีอัลตร้าไวโอเลทกระตุ้นการสร้างเม็ดสีในผิวหนังคุณ ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น คุณควรทาครีมกันแดดทุกวัน ไม่ว่าจะในฤดูร้อนหรือหนาว
- ก่อนออกจากบ้าน ทาครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และมีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ ทาครีมกันแดดซ้ำหลังว่ายน้ำ เหงื่อออก หรือตากแดดนานกว่า 2 ชั่วโมง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ขัดผิวทุกวัน. การขัดผิวเป็นประจำช่วยให้รอยสิวของคุณจางหายไปโดยธรรมชาติ โดยลอกชั้นผิวหนังเก่าและเป็นรอยแดงด้านนอกออก เผยให้เห็นผิวใหม่ข้างใต้
- ลองตัวขัดผิวที่หาซื้อเองได้ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ซึ่งมีสรรพคุณต้านการอักเสบและช่วยเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนต่อผิว. คุณรู้สึกคันไม้คันมืออยากลองสครับที่มีเม็ดขนาดใหญ่และวิธีการรักษาที่ระคายเคืองผิวทั้งหลายแหล่ด้วยความพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะกำจัดสีผิวไม่สม่ำเสมอ แต่การทำให้ผิวระคายเคืองมีแต่จะก่อให้เกิดโทษและขัดขวางกระบวนการฟื้นตัวของผิวคุณ ใช้สกินแคร์ที่ไม่ระคายเคือง อ่อนโยนต่อผิวของคุณ
-
อย่าบีบหรือแกะ. รอยแผลเป็นเกิดจากคอลลาเจนเป็นส่วนใหญ่ และเป็นวิธีที่ร่างกายใช้รักษาตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไปบีบหรือแกะสิวจะเป็นสาเหตุของหนองและแบคทีเรียเข้าไปในผิวชั้นที่อยู่ลึกลงไป ทำร้ายคอลลาเจนที่มีอยู่ในผิวคุณ การแกะจะทำให้ผิวถูกทำร้ายและอักเสบซึ่งทำให้แผลหายช้าลง หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว และในที่สุดแผลเป็นที่เกิดจากคอลลาเจนก็จะหายไปเอง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
คงความชุ่มชื้นไว้. การดื่มน้ำไม่ช่วยกำจัดรอยสิวก็จริงอยู่ แต่การรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายไว้เป็นกุญแจสำคัญของการมีผิวสุขภาพดีและจะช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ พยายามดื่มน้ำวันละ 1-2 ลิตร และรับประทานผักและผลไม้ให้มากโฆษณา
คำเตือน
- คอยทดสอบยาที่ใช้รักษาผิวตัวใหม่ลงบนผิวก่อนเพื่อดูว่าคุณแพ้หรือไม่ ก่อนจะนำมาทาบนหน้าคุณ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.rosehipoil-benefits.com/acne.php
- ↑ http://www.coconutoilfacts.org/coconut-oil-for-acne.php
- ↑ http://hirabeautytips.com/how-to-get-rid-of-acne-scars-naturally-at-home/
- ↑ http://www.beautyandgroomingtips.com/2008/05/aspirin-for-acne-prone-skin.html
- ↑ http://www.tipscollection.net/2013/05/5-secret-tips-to-fade-acne-marks-at-home.html
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 http://www.mensfitness.com/gear/fashion-and-trends/skincare-101-5-ways-to-fade-acne-scars
- ↑ 7.0 7.1 7.2 http://kidshealth.org/teen/your_body/skin_stuff/acne_scars.html#
- ↑ http://www.skinacea.com/facials/peels/chemical.html# .Uc3K8PlOPpU
- ↑ 9.0 9.1 http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/acne-care-11/acne-scars
โฆษณา