ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การนอนร่วมกับทารกแรกเกิดเป็นหัวข้อที่ขัดแย้งกันเพราะผู้เชี่ยวชาญและพ่อแม่มีข้อโต้เถียงที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากคุณเลือกที่จะนอนร่วมเตียงกับทารกคุณต้องมั่นใจว่าคุณรู้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการทำสิ่งนั้น กรุณาทำหมายเหตุว่าการนอนร่วมกันในที่นี้หมายถึงทั้งนอนร่วมเตียงและนอนร่วมห้องเดียวกันกับทารก โดยทารกนอนในเปลเดี่ยวหรือเปลที่ต่อออกมาจากข้างเตียงของพ่อแม่ โดยตัวเลือกอย่างหลังนั้นผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้อย่างแพร่หลายกว่า [1] บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การนอนร่วมเตียงกับทารกของคุณ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

การพิจารณาความเสี่ยง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยอมรับว่าผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้นอนร่วมกับทารก. งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการนอนร่วมกับทารกจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการบาดเจ็บ การบีบรัด การตายด้วยสาเหตุอื่นๆ และโรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในทารก คุณต้องเข้าใจว่ามันไม่มีวิธีใดที่จะกำจัดความเสี่ยงเหล่านี้ถึงแม้คุณจะพยายามทำให้การนอนนั้นปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ตาม [2]
    • กุมารแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้นอนร่วมห้องมากกว่าการนอนร่วมเตียงกับทารก
  2. ปรึกษากุมารแพทย์เกี่ยวกับข้อมูลซึ่งเป็นข้อดีและข้อเสียของการนอนร่วมกับทารก. กุมารแพทย์ส่วนใหญ่มีความเห็นที่หนักแน่นเกี่ยวกับการนอนร่วมกับทารกแรกเกิด แพทย์บางคนเชื่อว่าพ่อแม่และเด็กทารกจะได้รับประโยชน์จากการนอนร่วมกันและพวกเขาเห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่แพทย์บางคนอาจไม่เห็นด้วยและจะไม่แนะนำให้คุณปฏิบัติตามนี้ [3]
    • ไม่ว่าแพทย์จะมีความเห็นส่วนตัวว่าอย่างไร คุณก็ควรขอให้แพทย์พูดความจริงเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการนอนร่วมกับทารกแรกเกิดและขอเคล็ดลับสำหรับความปลอดภัย
  3. อินเตอร์เน็ตนำเสนอข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการนอนร่วมกับทารก ซึ่งข้อมูลบางอย่างเกิดขึ้นจากการคาดเดา การสรุปที่ผิดและการคิดค้นข้อมูลขึ้นเอง คุณต้องหาข้อมูลที่เชื่อถือได้และตั้งอยู่บนหลักของวิทยาศาสตร์ [4]
    • เว็บไซต์ของ สถาบันกุมารเวชศาสตร์ของอเมริกา และโรงพยาบาลต่างๆ มักมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่
    • ค้นคว้าห้องสมุดท้องถิ่นเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการนอนร่วมกับทารก ค้นหาในส่วนของการเลี้ยงดูเด็กและรวบรวมหนังสือที่มาจากหลายแหล่งข้อมูล เลือกหนังสือทั้งทางการแพทย์และที่เขียนโดยบรรดาแม่ๆ ซึ่งจะมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัว
  4. เข้าใจว่าพ่อแม่บางคนอาจจะนอนหลับไม่สนิทหากมีทารกนอนร่วมเตียงด้วย. แม้พ่อแม่บางคนจะรู้สึกอุ่นใจเมื่อนอนร่วมเตียงกับทารกและนอนหลับสนิท แต่ก็มีพ่อแม่บางคนที่จะรู้สึกประหม่าเกี่ยวกับการนอนร่วมเตียงกับทารกแรกเกิด ความกลัวเกี่ยวกับการทำร้ายทารกจะทำให้พ่อแม่นอนหลับไม่สนิท [5]
    • ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่หลายคนจะรู้สึกตัวเมื่อทารกขยับและพวกเขาจะตื่นทุกครั้งที่ทารกร้องไห้
  5. 5
    ตระหนักถึงการแยกทารกออกจากพ่อแม่. หากคุณให้ทารกนอนร่วมกับคุณ คุณก็จะต้องทำให้เขาเลิกพฤติกรรมนี้ในที่สุด ซึ่งจะเป็นการยากต่อทารก
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

การพิจารณาถึงประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รู้ว่าทารกอาจจะรู้สึกอุ่นใจที่ได้นอนข้างข้างพ่อแม่. เมื่อเป็นเช่นนั้นทารกมักจะนอนหลับสนิทตลอดคืน [6]
    • ทารกแรกเกิดหลายคนไม่สามารถปรับเวลานอนได้และในช่วงแรกๆ หลังจากคลอดนั้น พ่อแม่หลายคนพบว่าเด็กทารกตื่นในเวลากลางคืนและนอนพักในช่วงกลางวัน การนอนร่วมกับทารกจึงอาจจะเป็นวิธีที่ดีสำหรับพ่อแม่ในการปรับเวลานอนให้กับทารกได้
  2. คุณอาจจะมีเวลานอนมากขึ้นหากทารกนอนอยู่ข้างๆ คุณ. ทั้งพ่อและแม่อาจจะทรมานกับความเหนื่อยหลังจากที่ทารกเกิด การที่ต้องตื่นตลอดคืนเพื่อมาดูทารกที่กำลังร้องไห้จะยิ่งทำให้ทรมานมากขึ้น [7]
    • คุณอาจจะมีเวลานอนมากขึ้นหากทารกนอนอยู่ข้างๆ คุณ. ทั้งพ่อและแม่อาจจะทรมานกับความเหนื่อยหลังจากที่ทารกเกิด การที่ต้องตื่นตลอดคืนเพื่อมาดูทารกที่กำลังร้องไห้จะยิ่งทำให้ทรมานมากขึ้น
  3. คิดว่าวิธีนี้จะทำให้คุณป้อนนมทารกเวลากลางคืนได้ง่ายขึ้นหรือไม่. คิดว่าจะเป็นการง่ายต่อคุณแม่มือใหม่ที่จะงีบหลับหากเธอนอนอยู่ข้างทารกที่กำลังดูดนมในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้ามากแค่ไหน [8]
    • ทารกที่กินนมแม่จะกินนมทุกๆ ชั่วโมงครึ่ง การเปลี่ยนท่าและให้นมแก่ทารกที่หิวนั้นง่ายกว่าการที่ต้องลุกออกจากเตียงทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อตอบสนองความต้องการของทารก
  4. ตระหนักถึงประโยชน์ทางอารมณ์ที่ทารกจะได้รับจากการนอนร่วมกับพ่อแม่. ทารกจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นหากนอนอยู่ข้างๆ พ่อแม่ ฉะนั้น ทารกจะรู้สึกเครียดน้อยลงกว่าการที่ถูกวางลงในเปลนอน [9]
  5. ค้นคว้าผลกระทบและประโยชน์ในระยะยาวที่ทารกจะได้รับจากการนอนร่วมกับพ่อแม่. แม้จะเป็นวิธีที่คนปฏิบัติในหมู่น้อย แต่นักกายภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหลายคนเชื่อว่าการนอนร่วมกับพ่อแม่จะทำให้ทารกมีความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเองเมื่อโตขึ้นมากกว่าเด็กที่ไม่เคยนอนร่วมกับพ่อแม่ [10]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

การรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ไม่ควรนอนร่วมกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ห้ามนอนร่วมกับทารกหากคุณใช้แอลกอฮอล์หรือยา. การนอนของคุณจะถูกกระทบและความตระหนักที่มีต่อทารกจะลดลง [11]
  2. ห้ามนอนร่วมกับทารกหากคุณหรือคนในบ้านสูบบุหรี่. ความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อโรคการเสียชีวิตฉับพลันในเด็กทารกมีผลมาจากการที่พ่อแม่สูบบุหรี่ [12]
  3. เด็กไม่สามารถรู้ตัวว่ามีทารกนอนอยู่ข้างๆ แม้แต่เด็กเล็กด้วยกันก็อาจทำให้ทารกขาดอากาศได้หากเขากลิ้งไปทับทารกขณะหลับ [13]
  4. ทารกไม่ควรนอนบนเตียงของผู้ใหญ่โดยที่ไม่มีผู้ใหญ่เฝ้าดูอยู่ แม้แต่ทารกแรกเกิดที่ตัวเล็กที่สุดก็อาจตกจากเตียงลงมาหรือขาดอากาศจากเตียง หมอนและผ้าห่มนุ่ม [14]
  5. การนอนหลับสนิทอาจจะทำให้คุณไม่รู้สึกตัวเมื่อทารกเคลื่อนไหว [15]
    • มีแต่คุณเท่านั้นที่รู้จังหวะการนอนกับทารกในช่วงกลางคืนและรู้ว่าคุณนอนหลับยากง่ายแค่ไหน หากคุณไม่อาจรู้สึกตัวเมื่อทารกขยับคุณก็ไม่ควรนอนร่วมกัน
  6. ห้ามนอนร่วมกับทารกหากคุณมีน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ. โรคอ้วนมีความข้องเกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการกดทับทารกขณะหลับ [16]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

การเตรียมห้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มองว่าทั้งห้องคือพื้นที่เลี้ยงดูทารกแรกเกิดและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยหากจำเป็น [17]
    • หากเตียงของคุณอยู่ใกล้หน้าต่าง คุณก็ต้องซักผ้าม่านเพื่อกำจัดฝุ่นละอองที่อาจสะสมอยู่ หากเตียงของคุณอยู่ใต้ช่องลมเพดาน คุณก็ต้องย้ายเตียงไปยังส่วนอื่นของห้อง เพื่อที่ทารกจะไม่ได้รับแรงลมขณะหลับ
  2. ก่อนที่จะนำทารกมาอย่างเตียงคุณจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกสบาย คุณจะต้องเป็นคนที่เปลี่ยนรูปแบบการนอน [18] [19] [20]
    • คำนึงถึงขนาดของเตียง เตียงของคุณใหญ่พอให้พ่อแม่และทารกนอนร่วมกันได้อย่างสบายหรือไม่ การพยายามเบียดทารกลงบนเตียงเดียวกับพ่อแม่เป็นสิ่งที่อันตราย
    • ที่นอนที่แข็งกำลังดีนั้นเหมาะสมกับความปลอดภัยของทารก ทารกแรกเกิดนั้นเสี่ยงต่อโรคการตายเฉียบพลันและเชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งก็คือการขาดอากาศที่ถ่ายเท ที่นอนที่นุ่มเกินไปจะมีช่องว่างกักเก็บอากาศเมื่อทารกหายใจออก และจะทำให้ทารกต้องหายใจอากาศเดิมเข้าไปใหม่แทนที่จะได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์
    • ห้ามให้ทารกนอนบนเตียงน้ำ
    • ซื้อชุดเครื่องนอนที่เหมาะสม ผ้าปูที่นอนควรมีขนาดพอดีกับที่นอนเพื่อป้องกันรอยยับ คุณต้องทำให้มั่นใจว่า ผ้าปูที่นอนครอบคลุมมุมของเตียงพอดี คุณต้องตระหนักถึงคุณภาพของผ้าปูที่นอนเช่นกันเพราะผ้าปูที่นอนที่หยาบอาจทำให้ผิวที่อ่อนบางของทารกระคายเคือง
    • คุณอาจจะต้องถอดหัวเตียงหรือปลายเตียงออกเพื่อป้องกันไม่ให้ทารกตกร่อง
    • คำนึงถึงผ้าห่มที่จะใช้คลุมตัวขณะหลับ หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าห่มหรือชุดเครื่องนอนที่อาจกดทับหรืออุดเสียงร้องของทารก คุณควรสวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้นและงดเว้นการใช้ผ้าห่มใดๆ
  3. อีกครั้งหนึ่งที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของทารก [21] [22] [23]
    • ทำเตียงให้ต่ำลงหรือวางที่นอนบนพื้น อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้และนี่คือวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันไม่ให้ทารกบาดเจ็บจากการตกเตียง
    • ดันเตียงให้ชิดกับผนังให้มากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ทารกตกจากเตียง หากมีช่องว่างระหว่างเตียงและผนัง ให้คุณม้วนผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวและวางไว้ตรงช่องว่าง
    • ซื้อแผงกั้นที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ทารกตกจากเตียง อย่าใช้แผงกั้นที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโตเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายกับทารกแรกเกิดได้
    • วางพรมหรือเสื่อโยคะนุ่มๆ ตามขอบเตียงเพื่อลดการบาดเจ็บหากทารกตกจากเตียง
    • สำรวจบริเวณรอบเตียง ทำให้มั่นใจว่าไม่มีผ้าหรือสายไฟระโยงระยางที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับทารก ตรวจสอบปลั๊กไฟตามผนังที่อยู่ใกล้กับเตียง หาแผ่นนิรภัยมาปิดทั้งแผงปลั้ก
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

การใช้ความระมัดระวังในการนอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าบริเวณที่นอนนั้นปลอดภัย. นำหมอนอิง ตุ๊กตาหรือหมอนอื่นๆ ออกจากเตียง สิ่งที่ควรหลงเหลืออยู่บนเตียงคือสิ่งที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อการนอนที่ปลอดภัยและสบาย [24]
  2. ให้ทารกนอนระหว่างแม่และพื้นผิวที่ป้องกัน เช่น ผนังหรือแผงกั้น. แม่จะมีสัญชาตญาณมากกว่าในการรู้สึกตัวของทารกขณะหลับ [25]
  3. ให้ทารกนอนหงายเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคการเสียชีวิตฉับพลันในเด็กทารก. การรณรงค์ให้ทารกนอนหงายช่วยลดปริมาณการเสียชีวิตฉับพลันในเด็กทารกได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามา [26]
  4. ไม่ควรใส่หมวกให้ทารกขณะหลับเพราะมันอาจจะคลุมใบหน้าและระวังไม่ให้ผ้าห่ม หมอนหรือสิ่งของอื่นๆ มาปกคลุมใบหน้า ทารกไม่สามารถผลักของออกเองได้เมื่อหายใจไม่ออก [27]
  5. ตระหนักว่าทารกอาจต้องการเสื้อผ้าห่อหุ้มน้อยลงเพราะความร้อนจากร่างกายที่จะส่งผ่านจากพ่อหรือแม่ ทารกมักจะต้องการการปกคลุมเพื่อความอบอุ่นน้อยกว่าผู้ใหญ่ [28]
  6. กำจัดวัตถุที่อาจเป็นอันตรายออกจากร่างกายของคุณ. กล่าวคือยิ่งมีสิ่งของระหว่างคุณกับทารกน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี วิธีนี้จะทำให้การให้นมและการสานสัมพันธ์ง่ายขึ้น [29]
    • สวมชุดนอนที่ไม่มีสายระโยงระยางที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกขณะหลับ สร้อยคอหรือเครื่องประดับอื่นๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเช่นกัน คุณควรพิจารณาด้วยตัวเอง
    • หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่น ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือผลิตภัณฑ์แต่งทรงผมที่มีน้ำหอมที่อาจกลบกลิ่นธรรมชาติของแม่ ทารกจะติดคุณตามสัญชาตญาณด้วยกลิ่นตามธรรมชาติ นอกเหนือจากนั้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจที่เล็กของทารกได้
    โฆษณา

คำเตือน

  • ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการนอนร่วมกันหากคุณหรือทารกมีปัญหาด้านสุขภาพที่อาจจะกระทบความปลอดภัยของการนอนร่วมกันระหว่างคุณกับทารก
โฆษณา
  1. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/co-sleeping-yes-no-sometimes
  2. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  3. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  4. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  5. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  6. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  7. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  8. http://www.today.com/health/co-sleeping-linked-infant-deaths-bed-sharing-remains-popular-1D79912957
  9. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  10. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  11. http://amuchbetterway.com/blogs/natural-parenting-2/17606484-how-to-cosleep-safely
  12. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  13. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  14. http://amuchbetterway.com/blogs/natural-parenting-2/17606484-how-to-cosleep-safely
  15. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  16. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  17. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  18. http://kidshealth.org/parent/general/sleep/cosleeping.html#
  19. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe
  20. http://www.askdrsears.com/topics/health-concerns/sleep-problems/sids-latest-research-how-sleeping-your-baby-safe

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,722 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา