โรคหลายบุคลิกหรือเรียกสั้นๆว่า DID (Dissociative Identity Disorder) ซึ่งแต่ก่อนรู้จักกันในชื่อว่าโรคบุคลิกภาพหลากหลาย (Multiple Personality Disorder) เป็นอาการป่วยที่ร้ายแรงและน่ากลัวต่อทั้งผู้ที่มีอาการและคนอื่นๆ ที่เป็นปกติ โรคหลายบุคลิกจะเกิดขึ้นการพัฒนาทางจิตใจและอัตลักษณ์ที่แยกออกมาจากตัวเอง ปัจจุบันโรคนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการหลายบุคลิกอาจจะกำลังทุกข์ทรมานจากบาดแผลทางจิตใจที่เจ็บปวดมากๆ อยู่ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Cleveland Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล การปฏิบัติตัวต่อคนที่มีอาการแบบนี้จำเป็นต้องใช้ความเห็นอกเห็นใจเพื่อส่งเสริมให้เขามีชีวิตที่ดี
ขั้นตอน
-
รู้ถึงอาการของโรค. โรคหลายบุคลิกมีลักษณะเป็นการปรากฏขึ้นของบุคลิกอื่นในจิตใจ มักจะเรียกว่าบุคลิกใหม่ (Alter) บุคลิกเหล่านี้มักมีลักษณะซับซ้อน กล่าวคือ มีลักษณะเด่น ประวัติ อุปนิสัยและพฤติกรรมเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใหญ่อาจจะมีบุคลิกใหม่ที่เป็นเด็ก คุณอาจจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเสียง การเคลื่อนไหวร่างกาย นอกจากนี้ยังพบการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติหรือแม้แต่ความชอบส่วนบุคคล เนื่องจากการปรากฏตัวของบุคลิกใหม่ที่มีลักษณะแตกต่างจากคนเดิม คนที่เป็นโรคอาจจะสูญเสียความทรงจำหรือประสาทสัมผัสในช่วงเวลาที่บุคลิกเปลี่ยนไป พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่ามีบุคลิกใหม่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงจากคนเดิมไปเป็นบุคลิกใหม่นั้นถูกเรียกว่า "การสับเปลี่ยนบุคลิก" หรือ "Switching" [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ผู้ที่เป็นโรคหลายบุคลิกนั้นอาจจะเคยประสบกับภาวะเครียด ซึมเศร้า หรือเคยมีอาการทำร้ายตนเอง นอนไม่หลับ เสพติดยาและแอลกอฮอล์
- ความรุนแรงของอาการนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
-
ตั้งข้อสงสัยกับการตัดสินใจของคุณ. คนที่พบเจอกับอาการผิดปกติทางจิตมักจะไม่ไปหาวิธีรักษาเพราะมีบาดแผลในจิตใจเป็นส่วนเกี่ยวข้องกับการป่วยของพวกเขา [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โรคหลายบุคลิกก็เกิดจากบาดแผลในจิตใจเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม โรคหลายบุคลิกยังไม่ได้รับการยอมรับในฐานะเป็นอาการผิดปกติทางจิตแม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์การวินิจฉัยโรคทางจิตเวชที่เรียกว่า DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders) ที่เป็นตัวชี้วัดการเป็นโรคทางจิตแล้วก็ตาม ดังนั้น หลีกเลี่ยงการทำให้ผู้ที่มีอาการผิดปกติรู้สึกผิดและอับอาย
- เรียนรู้ถึงความยากลำบากในการจัดการกับปฏิกิริยาของผู้อื่น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจความซับซ้อนในการใช้ชีวิตร่วมกับคนที่มีอาการผิดปกติทางจิต
-
ถามคำถาม ถ้าคุณคุ้นเคยกับเขา. คนๆ นั้นเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวหรือไม่ ลองถามเรื่องราวของเขาดูเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณห่วงเขา [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หากคุณไม่รู้จักหรือสนิทกับเขา การถามคำถามเหล่านี้จะพวกเขาอาจจะรู้สึกอึดอัด ดังนั้น อย่าไปพยายามที่จะรู้เรื่องของเขาถ้าคุณยังไม่สนิทกับเขาเพียงพอ
- ถามความรู้สึกทั้งช่วงก่อนและหลัง “การสับเปลี่ยนบุคลิก” เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวในตัวเขามากยิ่งขึ้น
- แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจโดยการเรียนรู้ว่า ความกลัว ความสับสน และความท้อแท้ที่เขาได้รับจากประสบการณ์นั้นๆ เป็นอย่างไร
โฆษณา
-
อยู่กับเขา. ความรู้สึกผิดและบาดแผลในจิตใจมักจะทำให้คนที่มีความผิดปกติทางจิตนั้นรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากสังคม คุณสามารถช่วยคนเหล่านี้ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีได้โดยการอยู่กับเขา คุณไม่จำเป็นต้องปรึกษาหรือพูดคุยเกี่ยวกับโรคหลายบุคลิก จริงๆ แล้วนั้น การไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาการผิดปกติเลยจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า การเข้าหาเขาอย่างคนปกติจะช่วยให้พวกเขารู้สึก “ปกติ”
- ลองจัดทำตารางเวลาเพื่อพบกันทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงติดต่อกับเขาอยู่อย่างสม่ำเสมอ
- หากิจกรรมที่คุณสามารถทำร่วมกับเขาเพื่อให้การพูดคุยนั้นมุ่งไปที่เรื่องอื่นมากกว่าเรื่องโรคหลายบุคลิก
-
เข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่ม. การรักษาแบบกลุ่ม (Support group) เป็นวิธีที่ดีมากที่จะหาเพื่อนที่มีประสบการณ์คล้ายๆ กัน [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แนะนำให้คุณไปเข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่มกับเขาด้วยเพื่อแสดงการสนับสนุน
- โรคหลายบุคลิกนั้นเป็นโรคที่หาได้ยาก ดังนั้นการหาการรักษาแบบกลุ่มที่เฉพาะกับโรคนั้นอาจเป็นไปได้ยากในแถบชุมชนของคุณ ตามเมืองใหญ่ๆ อาจจะมีกลุ่มที่สร้างมาเฉพาะสำหรับคนที่เป็นโรคหลายบุคลิก แต่ในเมืองเล็กๆ นั้น คุณอาจจะต้องหาการรักษาแบบกลุ่มที่สร้างมาเพื่อคนที่มีอาการจิตผิดปกติโดยรวม
- ถ้าคุณไม่สามารถหาการรักษาแบบกลุ่มในแถบชุมชนของคุณได้ ลองพิจารณาการเข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่มทางอินเทอร์เน็ต
-
เป็นผู้สนับสนุน. แสดงให้เขาเห็นว่าคุณดูแลและต้องการที่จะสนับสนุนเขาโดยการเข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่มกับเขา ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะคอยให้ความรู้และโอกาสให้คุณรู้สึกว่าสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Alliance on Mental Illness ไปที่แหล่งข้อมูล
- ส่งเสริมให้เขาเข้ารับการรักษาแบบกลุ่ม การเข้าร่วมการรักษาอาจจะช่วยให้เขาเข้าใจประสบการณ์ทางสังคมได้ดีขึ้นและอาจจะช่วยให้เอาชนะบาดแผลในจิตใจก็เป็นได้
โฆษณา
-
ช่วยเหลือคนที่มีอาการหลายบุคลิกในการหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้น. การบาดเจ็บเป็นตัวสั่งงานในกลุ่มคนที่เป็นโรคหลายบุคลิก และการแยกตัวออกนั้นมักจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์เครียดที่รุนแรง หรือก็คือ อารมณ์เครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด “การสับเปลี่ยนบุคลิก” [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ดังนั้น วิธีที่จะช่วยเหลือคนที่มีอาการหลายบุคลิกในการหลีกเลี่ยงการสับเปลี่ยนก็คือการช่วยให้พวกเขารับรู้และจัดการกับความเครียดให้ได้ ถ้าคุณพบเจอเหตุการณ์ที่กำลังจะทำให้อารมณ์ครุกครุ่น ให้กลบเกลื่อนโดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาหรือขอให้เขาทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น
- ยาเสพติดและแอลกอฮอล์อาจจะเป็นตัวกระตุ้น “การสับเปลี่ยนบุคลิก” ดังนั้น อย่าแนะนำให้เขาใช้เด็ดขาด
-
แนะนำตัวเอง. ถ้าคุณพบเจอกับบุคลิกใหม่ที่สับเปลี่ยน เขาอาจจะไม่รู้จักคุณ ถ้าเขาไม่รู้จักคุณ เขาอาจจะสับสนและหวาดกลัว ดังนั้น ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นโดยการแนะนำตัวเองและอธิบายว่าคุณรู้จักเขาได้อย่างไร [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคนที่มีอาการหลายบุคลิกนั้นเป็นคู่สมรสของคุณ คุณอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการแนะนำตัวว่าเป็นสามีหรือภรรยากับบุคลิกใหม่ ยกตัวอย่างเช่น บุคลิกใหม่ที่เป็นเด็กอาจจะตอบรับแบบสับสน และบุคลิกใหม่ที่เป็นเพศตรงข้ามจากคนเดิมอาจจะอารมณ์เสียโดยการอนุมานถึงอัตลักษณ์ทางเพศของคุณ
-
ส่งเสริมให้เขาปฏิบัติตามการรักษา. การรักษาอาการหลายบุคลิกนั้นโดยทั่วไปจะเป็นการให้คำปรึกษาและเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต คนที่เจอกับภาวะซึมเศร้า และ/หรือ ความวิตกอาจจะต้องรักษาโดยการสั่งยา [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การรักษาจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้น สนับสนุนเขาให้พยายามปฏิบัติตาม
- ให้กำลังใจเขาในการเข้ารับการปรึกษาด้วยการไปรับคำปรึกษาพร้อมกับเขา
- การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตนั้นก็จะมีการทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการงดใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ คุณอาจจะกระตุ้นเขาให้มีความแน่วแน่ในการเปลี่ยนแปลงโดยการนำมาใช้กับตัวเอง อย่างน้อยก็ตอนที่อยู่กับคนที่เราอยากให้ทำตาม
- แนะนำให้ตั้งเวลาเพื่อเตือนเขาให้ทานยาตามที่สั่งไว้
- ถ้าเขาไม่ยอมปฏิบัติตามหรือกำลังคิดว่าจะไม่ปฏิบัติตาม แนะนำให้เขาไปปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาอื่นๆ
โฆษณา
เคล็ดลับ
- สุขภาพทางกายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพทางจิต ดังนั้น แนะนำให้เขาทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
โฆษณา
คำเตือน
- การหยุดทานยาทันทีนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้ แนะนำให้คนที่คิดจะหยุดทานยาให้ไปปรึกษาแพทย์ก่อน
- ถ้าคุณกังวลว่าเขาจะทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น ให้ขอความช่วยเหลือทันที
- ยาเสพติดและแอลกอฮอล์จะไปเพิ่มความถี่และความรุนแรงของอาการหลายบุคลิก ดังนั้น หลีกเลี่ยงของเหล่านี้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://my.clevelandclinic.org/services/neurological_institute/center-for-behavorial-health/disease-conditions/hic-dissociative-identity-disorder
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dissociative-disorders/basics/symptoms/con-20031012
- ↑ http://us.reachout.com/facts/factsheet/supporting-someone-with-a-mental-illness
- ↑ http://www.rethink.org/carers-family-friends/what-you-need-to-know/supporting-someone-with-a-mental-illness/support
- ↑ http://www.mentalhealthamerica.net/find-support-groups
- ↑ http://www.nami.org/Find-Support/NAMI-Programs
- ↑ http://www.isst-d.org/default.asp?contentID=76#idcon
- ↑ http://www2.nami.org/Content/NavigationMenu/Inform_Yourself/About_Mental_Illness/By_Illness/Dissociative_Identity_Disorder.htm
- ↑ http://www.aamft.org/imis15/AAMFT/Content/Consumer_Updates/Dissociative_Identity_Disorder.aspx
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,957 ครั้ง
โฆษณา