PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การปลอบใจใครสักคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีนั้นอาจจะทำให้คุณรู้สึกหมดหนทางช่วย ส่วนมากแล้วคุณไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยบุคคลนั้นทางกายภาพได้ อย่างไรก็ตามแค่การพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ และยินดีรับฟังก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การรู้ว่าจะพูดอะไร

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำให้บุคคลนั้นรู้ว่าคุณเห็นว่าพวกเขาอารมณ์ไม่ดีและคุณพร้อมที่จะรับฟัง ถ้าคุณไม่ได้รู้จักคนนั้นเป็นอย่างดี คุณอาจจะระบุว่าทำไมคุณถึงพยายามจะช่วย [1]
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้จักคนนั้น คุณอาจจะพูดว่า “ฉันเห็นว่าตอนนี้เธอกำลังมีปัญหา เธออยากพูดถึงมันไหม”
    • ถ้าคุณไม่รู้จักคนนั้นดี คุณอาจจะพูดว่า “สวัสดี ฉันชื่อจีน เป็นนักเรียนที่นี่เหมือนกัน พอดีว่าฉันเห็นว่าเธอร้องไห้น่ะ ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนแปลกหน้าแต่ฉันรับฟังเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจได้นะ ถ้าเธอต้องการ”
  2. กล่าวคือ คุณอาจจะรู้สึกอยากอ้อมค้อมกับปัญหาถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าคนที่บุคคลนั้นรักเสียชีวิตหรือถ้าพวกเขาเลิกคบกับคนที่พวกเขาชอบมาก คุณอาจจะพบว่าตัวเองไม่อยากพูดว่าปัญหาคืออะไรเพราะว่าคุณไม่อยากทำร้ายจิตใจของบุคคลนั้นมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามบุคคลนั้นรู้ว่ามีปัญหาอะไรและอาจจะคิดเกี่ยวกับสถานการณ์แล้ว การถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนจะแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจและยินดีที่จะจัดการกับปัญหาอย่างที่มันเป็นโดยไม่ต้องพยายามทำให้ปัญหานั้นน่าพอใจมากขึ้นซึ่งมีแนวโน้มที่จะออกมาเป็นความโล่งใจมากกว่า [2]
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดอะไรอย่างเช่น “ฉันได้ยินว่าพ่อของคุณเสีย คุณคงเสียใจมาก คุณอยากพูดถึงเรื่องนี้ไหม”
  3. ทางหนึ่งที่จะช่วยให้บทสนทนาดำเนินไปก็คือการถามคนนั้นว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม คนเราจะรู้สึกมากกว่าหนึ่งอารมณ์ แม้ในสถานการณ์อันน่าเศร้าก็ตามที ดังนั้นการปล่อยให้พวกเขาพูดเปิดอกเกี่ยวกับอารมณ์ทั้งหมดของพวกเขาอาจจะเป็นประโยชน์ได้ [3]
    • ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพ่อหรือแม่ของพวกเขาเสียชีวิตจากอาการป่วยด้วยโรคร้ายมานาน แน่นอนที่พวกเขาจะรู้สึกเศร้า แต่พวกเขาก็อาจจะรู้สึกโล่งใจที่เจ็บป่วยนั้นได้จบสิ้นไปเสียที แล้วก็เกิดรู้สึกผิดที่พวกเขากลับรู้สึกโล่งใจ
  4. คุณอาจจะอยากเปรียบเทียบสิ่งที่พวกเขากำลังทุกข์ใจกับสิ่งที่คุณเคยทุกข์ใจมาก่อนในอดีต อย่างไรก็ตาม เมื่อใครบางคนอารมณ์ไม่ดี พวกเขาย่อมไม่อยากจะได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเคยทุกข์ใจ พวกเขาอยากพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน [4]
  5. อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนบทสนทนาให้เป็นด้านบวกทันที. โดยธรรมชาติแล้วคุณมีแนวโน้มที่จะอยากจะช่วยให้คนรู้สึกดีขึ้นโดยการทำให้พวกเขามองด้านบวก แต่เมื่อคุณทำอย่างนั้นพวกเขาอาจจะรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังไม่ใส่ใจว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น กล่าวคือ พวกเขาอาจจะรู้สึกเหมือนว่าความรู้สึกของพวกเขานั้นไม่สำคัญ แค่รับฟังโดยไม่ต้องพยายามแสดงให้พวกเขาเห็นด้านบวกของสิ่งต่างๆ [5]
    • ยกตัวอย่างเช่น พยายามอย่าพูดอะไรอย่างเช่น “อืม อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตอยู่นะ” “มันไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอก” หรือ “ร่าเริงหน่อยสิ”
    • แต่ถ้าคุณต้องพูดอะไรบางอย่าง ให้ลองวลีอย่างเช่น “ไม่เป็นไรที่จะรู้สึกแย่ คุณกำลังเจอช่วงเวลาที่ลำบากอยู่นี่นา” แทน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การเรียนรู้ที่จะฟังอย่างตั้งใจ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ส่วนมากคนที่กำลังร้องไห้หรืออารมณ์ไม่ดีนั้นแค่ต้องการใครสักคนที่จะรับฟังพวกเขา อย่าพยายามชักชวนให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดหรือเสนอทางแก้ปัญหาให้พวกเขา [6]
    • คุณอาจจะสามารถเสนอทางแก้ปัญหาตอนใกล้จบบทสนทนาได้ แต่ตอนต้นให้มุ่งเน้นที่การฟัง [7]
  2. วิธีหนึ่งในการฟังอย่างตั้งใจก็คือการพูดซ้ำสิ่งที่คนนั้นกำลังพูดอีกครั้ง กล่าวคือ คุณอาจจะพูดว่า “ที่ฉันได้ยินก็คือคุณบอกว่าคุณเสียใจเพราะว่าเพื่อนไม่ใส่ใจคุณสินะ” [8]
  3. คงบทสนทนากับพวกเขาไว้ ปิดทีวี เอาตาของคุณออกมาจากหน้าจอมือถือซะ [9]
    • ส่วนหนึ่งของการไม่วอกแวกก็คืออย่าฝันกลางวันเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นอย่านั่งอยู่ตรงนั้นและพยายามคิดว่าคุณอยากจะพูดอะไรต่อไป แต่ให้คำนึงถึงในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดจริงๆ
  4. ใช้ภาษากายเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังฟังอยู่. กล่าวคือ สบตากับบุคคลนั้น พยักหน้าตามสิ่งที่พวกเขากำลังพูด ยิ้มให้ถูกจังหวะ หรือแสดงความเป็นห่วงด้วยการขมวดคิ้ว [10]
    • ให้รักษาภาษากายให้เปิดรับด้วย กล่าวคือ อย่ากอดอกหรือไขว่ห้าง และให้หันตัวคุณไปทางบุคคลนั้น [11]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การจบบทสนทนา

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนส่วนใหญ่รู้สึกหมดหนทางเมื่อพบเพื่อนกำลังมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ ซึ่งเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติและคุณอาจจะไม่รู้ว่าจะพูดกับคนนั้นอย่างไร แต่ปกติแล้วแค่รับรู้ข้อเท็จจริงนั้นและบอกคนนั้นว่าคุณอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอก็พอ [12]
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า “ฉันเสียใจที่เธอต้องเจอเรื่องแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริงๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และก็ไม่รู้ว่าจะมีคำไหนที่จะช่วยได้เสียด้วยซ้ำ แต่ฉันอยากให้เธอรู้ไว้ว่าฉันอยู่ตรงนี้เมื่อเธอต้องการฉันนะ”
  2. ถ้าคุณรู้สึกสบายใจที่จะทำอย่างนั้น ให้กอดคนนั้น แต่อย่างไรก็ตามควรจะขออนุญาตก่อนเสมอ เพราะบางคนอาจจะไม่สะดวกกับการสัมผัสทางกายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาผ่านการได้รับบาดเจ็บบางอย่างมา [13]
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า “ฉันอยากกอดคุณ มาให้ฉันกอดหน่อยได้ไหม”
  3. แม้ว่าจะไม่ได้มีทางแก้ปัญหาสำหรับสิ่งที่รบกวนบุคคลนั้นเสมอไป แต่บางครั้งแค่การวางแผนก็อาจจะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นได้ ดังนั้นถ้าพวกเขาดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความคิดใดๆ ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะเสนอทางแก้ปัญหาอย่างอ่อนโยน ถ้าพวกเขามีความคิดนั้นแล้ว ให้กระตุ้นพวกเขาให้คุยเรื่องนั้นและวางแผนสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำต่อไป [14]
  4. ถ้าเพื่อนของคุณกำลังทุกข์มาก ก็คงไม่เป็นไรที่จะถามว่าพวกเขาได้คิดเกี่ยวกับการไปพบผู้ให้คำปรึกษาหรือไม่ โชคไม่ดีที่การไปพบผู้ให้คำปรึกษานั้นจะมาพร้อมกับความอัปยศทางสังคม (social stigma) แต่ถ้าเพื่อนของคุณมีปัญหามาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็อาจจะคุ้มค่าที่จะพูดคุยกับใครสักคนที่เป็นมืออาชีพซึ่งรู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร [15]
    • แน่นอนว่าความอัปยศเกี่ยวกับการไปพบผู้ให้คำปรึกษานั้นไม่ยุติธรรม คุณอาจต้องโน้มน้าวเพื่อนของคุณว่ามันเป็นไม่เป็นไรจริงๆ ที่จะไปพบผู้ให้คำปรึกษา คุณจะช่วยต่อสู้กับความอัปยศนั้นโดยทำให้เพื่อนของคุณรู้ว่าคุณจะยังคงเห็นว่าพวกเขาเป็นคนเดิมแม้ว่าพวกเขาจะต้องการความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็ตาม
  5. ไม่ว่าบางคนจะอยากคุยกันทุกสัปดาห์หรือเพียงแค่ออกไปกินข้าวกันนานๆ ครั้งก็ตาม คุณก็อาจจะสามารถช่วยได้ คุณยังอาจจะช่วยได้โดยการให้ความช่วยเหลือกับงานยากๆ เช่น การช่วยเหลือบุคคลนั้นถ้าพวกเขาได้รับใบมรณบัตรของคนที่รัก แค่เริ่มต้นการสนทนาเพื่อดูว่าคนนั้นต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่
    • ถ้าคนนั้นดูเหมือนจะไม่แน่ใจที่จะขอความช่วยเหลือจากคุณ ให้เสนอข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า "ฉันอยากจะช่วยนะ ฉันสามารถขับรถพาคุณไปที่ไหนก็ได้ถ้าคุณต้องการฉัน หรือฉันอาจจะช่วยเอาอาหารมาให้ก็ได้ แค่บอกให้ฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร"
  6. ถ้าคุณเสนอการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือใดๆ ก็ตาม ให้แน่ใจว่าคุณยินดีที่จะทำตามนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพูดว่า "โทรหาฉันได้ตามสบายและคุยเมื่อไรก็ได้" ให้ยินดีที่จะวางสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ไว้ก่อนเพื่อคุยกับเขา ในทำนองเดียวกันถ้าคุณเสนอที่จะทำอะไรสักอย่าง เช่น ขับรถพาคนนั้นไปบำบัด ให้เป็นคนที่แสดงตัวที่จะทำแบบนั้นจริงๆ [16]
  7. คนส่วนใหญ่มีปัญหาในการติดต่อใครสักคนเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือทางด้านอารมณ์ ดังนั้นอย่าลืมติดต่อกับบุคคลนั้นเป็นครั้งคราว สิ่งสำคัญก็คือให้พร้อมที่ช่วยเหลือเมื่อเขาต้องการ [17]
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าบังคับให้บางคนคุยถ้าพวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาต้องพร้อมที่จะพูดเปิดอกกับใครสักคนหนึ่งก่อน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,989 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา