ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หมัดนี่แหละปัญหาโลกแตกของเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เป็นปรสิตตัวจิ๋วที่ร้ายเอาเรื่อง โดนกัดแล้วแสนจะรำคาญแถมคันกันถ้วนหน้าทั้งน้องหมาน้องแมวและคน สัตว์เลี้ยงบางตัวถึงขั้นหมัดกัดแล้วเกิดอาการแพ้เลย ที่สำคัญคือหมัดนี่แหละพาหะนำโรคชั้นดี จะป้องกันหมัดกัดได้ต้องรู้จักควบคุมประชากรหมัดอย่างมีประสิทธิภาพ ลองปรึกษาสัตวแพทย์ดูว่ากำจัดหมัดวิธีไหนปลอดภัยและได้ผลที่สุด นอกจากนั้นก็ต้องหมั่นทำความสะอาดบ้านเพื่อให้ทั้งหมัดและไข่หมัดหมดไป ไม่งั้นก็มีปัญหายาวไปหลายอาทิตย์เลย ข้อควรระวังคือหมัดเน้นกัดหมาแมวมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้นต้องกำจัดหมัดที่ตัวสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ถึงจะเจอหมัดแค่ตัวเดียวก็เถอะ นอกจากวิธีธรรมชาติแล้ว บางทีก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารเคมีร่วมด้วย (ตามระยะเวลาที่แนะนำในฉลาก) ถึงจะกำจัดและป้องกันไม่ให้หมัดกลับมาบุกบ้านได้อีก

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

ป้องกันหมัดกัดสัตว์เลี้ยง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สัตวแพทย์จะมียากันหมัดทั้งแบบกินและฉีด ได้ผลดีกว่าที่หาซื้อมาใช้เอง อีกวิธีคือใช้ยาหยดที่หลังคอ
    • ยาแบบ topical หรือ spot-on ก็คือยาหยดที่จะซึมเข้าผิวหนังสู่กระแสเลือดของสัตว์เลี้ยง ให้คุณใช้แค่หยดเล็กๆ ที่ผิวหนังหลังคอน้องหมาน้องแมว ยาจะไปทำให้หมัดเป็นอัมพาตและตายในที่สุดหลังกัดสัตว์เลี้ยงของคุณ ส่วนผสมของยานี้อาจแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะมี fipronil, imidacloprid, metaflumizone, permethrin, pyriproxyfen, selamectin และ spinosad แต่ข้อควรระวังคือ ห้ามใช้ ยาที่มีส่วนผสมของ permethrins กับแมวเด็ดขาด
    • ใช้ยาเม็ดแบบให้สัตว์เลี้ยงกินเดือนละครั้ง บางตัวยาแค่เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่หมัด ไม่ให้กลายเป็นตัวโตเต็มวัย เพราะงั้นต้องใช้ผลิตภัณฑ์อื่นสำหรับกำจัดหมัดร่วมด้วย มีบางตัวยาเป็นแบบเร่งด่วน ใช้ฆ่าหมัดเฉพาะภายใน 24 ชั่วโมง
    • สำหรับแมว จะมียาฉีดสำหรับป้องกันหมัดได้นาน 6 เดือน คุณหมอต้องเป็นคนฉีดให้ ซึ่งก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น แพ้บริเวณจุดที่ฉีด อาเจียน และเบื่ออาหาร
    • ต้องกำจัดและป้องกันหมัดให้สัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้าน
    • ผลิตภัณฑ์กำจัดหมัดบางตัวก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ อย่างยาหยดกับยาเม็ดที่ซื้อมาใช้เองก็จะไม่เห็นผลเท่าของหมอ เวลาใช้ต้องอ่านฉลากให้ดี อย่าใช้ยาเกินขนาด
  2. หมัดมักระบาดหนักช่วงหน้าฝนของบ้านเรา คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมยาวไปถึงตุลาคม เพราะหมัดชอบอากาศอุ่นๆ ชื้นๆ ประมาณ 20 - 32 องศาเซลเซียส และความชื้น 75% [1]
  3. ต้องเลือกดีๆ เพราะบางยี่ห้อก็ใช้ไม่ได้ผล ที่ได้ผลก็เช่นยี่ห้อ Seresto ส่วนใหญ่ต้องให้คุณหมอแนะนำและสั่งให้ เพราะถ้าเป็นปลอกคอแบบหาซื้อมาใช้เองจะไม่ได้ผลเท่า ได้มาแล้วต้องใช้งานตามคำแนะนำที่ฉลาก ยิ่งถ้าอาบน้ำให้หมาด้วยแชมพูขจัดเห็บหมัดควบคู่ไปด้วยยิ่งเห็นผล ย้ำว่า "ห้าม" ใช้ปลอกคอไล่หมัดกับแมวเด็ดขาด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

ป้องกันหมัดกัดสัตว์เลี้ยงโดยใช้สมุนไพร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงจะยังไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รับรอง แต่หลายคนก็อ้างว่าใช้น้ำมันหอมระเหย (essential oil) ทำปลอกคอไหล่หมัดแล้วได้ผล สัตว์เลี้ยงไม่ถูกหมัดกัดอีกต่อไป วิธีคือผสมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์หรือซีดาร์ 2 - 3 หยดในน้ำ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นหยดใส่ผ้าโพกหัว/ผ้าพันคอ แล้วถูผ้าให้กลิ่นกระจาย จากนั้นผูกผ้ารอบคอน้องหมา [2]
  2. ผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลในน้ำดื่มของหมา. วิธีนี้ก็เช่นกันว่ายังไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รับรอง แต่หลายคนลองไล่หมัดด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแล้วได้ผล โดยผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแท้ 1 ช้อนชาในน้ำ 1 ควอท (ประมาณ 950 มล.) เพราะน้ำส้มสายชูจะซึมไปในกระแสเลือดของหมาและกระจายออกมาตามผิวหนัง เลยช่วยไล่หมัดได้ [3]
  3. ลองผสมบริเวอร์ยีสต์ (brewer’s yeast) ในอาหารสัตว์เลี้ยง. เป็นอีกวิธีที่ไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รับรอง แต่หลายคนก็ลองใช้ brewer’s yeast ไล่หมัดแล้วได้ผล โดยเฉพาะในประเทศร้อนอบอ้าวแบบบ้านเรา ถ้าเลี้ยงแมวหรือหมาเล็ก ให้ผสม brewer’s yeast 1/2 ช้อนชาในอาหาร โดยโรยใส่ด้านบนได้เลย ถ้าหมาหนัก 14 กก. ขึ้นไป ก็ใช้ 1 ช้อนชา แต่ถ้าน้ำหนักตัวมากกว่านั้นก็เพิ่มไปอีก 1 ช้อนชาทุก 14 กก.
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

ทำความสะอาดและกำจัดหมัดในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายคนอาจจะบ่นว่าบ่อยเกินไป แต่จริงๆ แล้วเป็นขั้นตอนสำคัญในการกำจัดหมัดจากบ้านของคุณ เพราะอาจยังหลงเหลือไข่หมัดที่พร้อมฟักเป็นตัวแม้จะกำจัดหมัดที่ตัวสัตว์เลี้ยงไปแล้วก็ตาม ต้องกำจัดให้หมดทั้งไข่และตัวอ่อนที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้นและเฟอร์นิเจอร์ ให้คุณดูดฝุ่นทุกวันติดต่อกัน 2 - 3 อาทิตย์ แบบนี้จะแน่ใจได้ว่าครบวงจรชีวิตหมัด ไม่เหลือซากแน่นอน
    • ดูดฝุ่นแล้วทิ้งถุงเก็บฝุ่นนอกบ้านไปเลย หรือถ้าไม่มีถุงเก็บฝุ่นก็ยกเครื่องไปเทใส่ถังขยะใหญ่นอกบ้าน เพราะถ้าหลงเหลืออยู่ในถุงเก็บฝุ่นหรือเครื่องดูดฝุ่น หมัดจะย้อนกลับมาบุกบ้านได้ [4]
    • ทั้งไข่และหมัดโตเต็มวัยบางทีก็ติดอยู่ตามเส้นใยของโซฟา เบาะนอนสัตว์เลี้ยง และผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ ต้องดูดฝุ่นทุกวันติดต่อกัน 2 - 3 อาทิตย์เช่นกัน
  2. ดินเบา (diatomaceous earth (DE)) เป็นวิธีธรรมชาติที่ใช้กำจัดหมัดในบ้านได้อย่างปลอดภัย เนื้อของดินเบาจะคล้ายๆ กันกับแป้งทัลคัม (talcum powder) [5] ใช้โรยบนพรม บัวเชิงผนัง และมุมต่างๆ ของบ้านได้เลย จากนั้นทิ้งไว้ 2 - 3 วันแล้วค่อยดูดฝุ่น
  3. ใช้ยากำจัดหมัดที่มีสารยับยั้งการเจริญเติบโต (growth inhibitor). ยาฆ่าแมลงชนิดนี้จะทำให้ไข่และตัวอ่อนของหมัดไม่เจริญเติบโต ให้เลือกยาฆ่าแมลงที่กำจัดหมัดและไข่หมัดได้นานถึง 7 เดือน
    • ทำตามคำแนะนำการใช้งานอย่างเคร่งครัด ให้พาสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบริเวณก่อนฉีดพ่น ระวังอย่าลืมสัตว์เลี้ยง เช่น นก หรือหนู ไว้ในกรง ส่วนปลาก็ต้องหาอะไรมาครอบตู้ไว้ด้วย
  4. ซักเครื่องนอนและผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ในน้ำร้อน. ถอดผ้าคลุมโซฟาและเก้าอี้เท่าที่ถอดได้ รวมถึงผ้าคลุมเตียง แล้วเอาไปซักในน้ำร้อนเท่าที่จะร้อนได้ เพื่อกำจัดหมัดและไข่หมัด [6]
    • เก็บเสื้อผ้าที่กองๆ ตามพื้น โดยเฉพาะที่รอซัก เพราะหมัดจะเกาะติดตามเส้นใย ให้เอาไปซักและอบในเครื่อง ใช้ความร้อนสูงสุดๆ จะฆ่าหมัดและไข่หมัดได้
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

ป้องกันหมัดกัดคน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หมัดไม่ชอบกลิ่นเลมอน และจะหลีกเลี่ยงอะไรที่กลิ่นเปรี้ยวๆ คล้ายกัน ถ้าฉีดสเปรย์เลมอนรอบๆ บ้านและที่ตัวสัตว์เลี้ยง ก็จะช่วยไล่หมัดไปได้ อย่างน้อยก็ชั่วคราว
    • ผสมสเปรย์เลมอนโดยผ่าครึ่งเลมอน 6 ลูกแล้วต้มในน้ำ จากนั้นแช่ไว้ข้างคืนให้เลมอนซึมในน้ำ เสร็จแล้วกรอกน้ำผสมเลมอนนี้ใส่ขวดสเปรย์สะอาดๆ ใช้ฉีดพ่นตามผ้าและเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน กระทั่งฉีดพ่นตามตัวสัตว์เลี้ยง [7]
    • ลองฉีดสเปรย์แค่จุดเล็กๆ ที่ลับตาก่อน จะได้แน่ใจว่าสีไม่ตกหรือของไม่พัง ผ่านแล้วค่อยใช้จริง
  2. ไล่หมัดด้วยเครื่องพ่นไอน้ำกับน้ำมันหอมระเหย. ตั้งไว้หลายๆ เครื่องตามจุดต่างๆ ของบ้าน น้ำมันหอมระเหยที่ใช้ก็เช่น ลาเวนเดอร์ ยูคาลิปตัส ไม้ซีดาร์ เลมอน หรือเปปเปอร์มินต์ [8]
    • หรือใช้โลชั่นที่มีน้ำมันหอมระเหยที่ว่าผสมอยู่ ให้ใช้ทาตัวคุณ ช่วยไล่หมัดได้
  3. ปกติยาฆ่าแมลงทั่วไปก็ใช้ป้องกันหมัดได้ เพราะงั้นเห็นหมัดที่ไหนในบ้านก็ฉีดพ่นได้เลย ยิ่งถ้าเลือกยาฆ่าแมลงที่มี growth inhibitor หรือสารยับยั้งการเติบโตของแมลงได้ยิ่งดี เพราะจะป้องกันหมัดได้นานถึง 7 เดือนเลย [9]
    • ระวังอันตรายจากยาฆ่าแมลง โดยอ่านคำแนะนำการใช้ที่ฉลากให้ละเอียด จะได้ไม่ใช้ผิดจนเป็นพิษต่อตัวเองและสัตว์เลี้ยง [10]
  4. ถ้าเป็นหน้าหมัดระบาด ให้พ่นยาฆ่าแมลงในสนามด้วยเพื่อกำจัดทั้งหมัดและไข่หมัด เลือกที่มีอย. รับรอง และปลอดภัยกับต้นไม้ดอกไม้ของคุณ [11]
  5. Nematode คือไส้เดือนตัวเล็กๆ ที่กินหมัดเป็นอาหาร หรือจะปล่อยแมลงเต่าทองก็ได้ผลเหมือนกัน ลองหาในเน็ตหรือสอบถามร้านขายต้นไม้หรืออุปกรณ์การเกษตรดู [12]
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

ประเมินสถานการณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หวีสางหมัดจะเป็นหวีซี่ถี่ หาซื้อได้ตามร้านขายของใช้สัตว์เลี้ยงทั่วไป มีแผนกนี้ในห้างทั่วไปด้วย อีกทีคือซื้อที่คลินิกสัตวแพทย์เลย ให้สางชิดติดกับผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ค่อยๆ สางมาจนถึงปลายขน ถ้ามีหมัด จะเห็นสะเก็ดหรือผงสีดำๆ ติดมา บางทีก็เจอหมัดเป็นตัวๆ เลย [13]
  2. เวลาอยู่ในบ้าน ให้ใส่ถุงเท้าสีขาว จะได้รู้ถ้ามีหมัด เพราะจะติดมาเป็นจุดดำๆ ที่ใต้เท้าเลย ยิ่งมีเยอะก็แปลว่าหมัดกำลังระบาดในบ้านคุณ ถ้าเป็นจุดดำๆ คือขี้หมัด แต่ถ้าหมัดเป็นตัวๆ จะโดดเกาะข้อเท้าหรือเท้าคุณเลย [14]
  3. เช่น เกาแกรกๆ หรืองับแรงๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ก็คือถูกหมัดกัดนั่นเอง
  4. ถ้าหมัดกัด ที่ตัวคุณจะมีตุ่มหรือจุดเล็กๆ สีชมพู/แดง และรู้สึกคัน [15]
    • บางทีรอยหมัดกัดก็อยู่ตามข้อพับ เช่น ที่ข้อศอก เข่า และข้อเท้า
    • กดแล้วตุ่มจะกลายเป็นสีขาว
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

กำจัดหมัดที่ตัวสัตว์เลี้ยง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ายังไม่เคยใช้ยาให้ลองปรึกษาสัตวแพทย์ดู ว่าควรใช้ยาแบบไหน เพราะมีทั้งยาทา ยากิน และยาฉีด ทั้งหมดที่ว่ามาช่วยฆ่าหมัดตามตัวสัตว์เลี้ยงได้ และป้องกันไม่ให้กลับมาแพร่พันธุ์อีก
    • แต่ย้ำอีกทีว่าบางทีก็ใช้ไม่ได้ผล ยังไงลองปรึกษาคุณหมอว่าวิธีไหนเหมาะกับเคสของหมาแมวคุณที่สุด
  2. เพื่อกำจัดหมัดบนตัวสัตว์เลี้ยง แต่ช่วยป้องกันหมัดไม่ได้ และแก้ปัญหาหมัดบุกบ้านแล้วโดดกลับมาบนตัวสัตว์ไม่ได้ ให้เลือกแชมพูหรือ flea dip (ราดเคลือบตัวไว้ไม่ต้องล้างออก) ที่กำจัดได้ทั้งหมัด ตัวอ่อน และไข่
    • ฟอกที่ตัวแล้วย้ายมาฟอกที่หัวให้ดี เพราะหมัดอาจหนีมาที่ส่วนหัวแทน
    • ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานให้เคร่งครัด โดยเฉพาะปริมาณและระยะเวลาการใช้งาน พอฟอกตัวเสร็จแล้วก็ล้างน้ำสะอาดให้หมดจด [16]
    • ห้าม เอาแชมพูหรือยากำจัดหมัดของหมามาใช้กับแมวเด็ดขาด
    • ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ใช้ทำความสะอาดขจัดหมัดบนตัวสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่ป้องกันหมัดที่จะกระโดดมาเกาะตัวอีกไม่ได้ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วมด้วย (เช่น ยาหยดหรือปลอกคอ) ถึงจะเห็นผลหายห่วง
  3. คุณหาซื้อสเปรย์หรือผงโรยกำจัดหมัดได้ตามร้านขายของใช้สัตว์เลี้ยง ใช้ฉีดพ่นหรือโรยที่ตัวสัตว์ได้เลย แต่อาจต้องมีขยี้ช่วยบ้าง จะได้ลงไปถึงผิวหนัง เผื่อหมัดโตเต็มวัยจะซ่อนอยู่
    • ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานที่ฉลากอย่างเคร่งครัด
  4. ห้ามนำผลิตภัณฑ์ของหมามาใช้กับแมว และกลับกัน. พวกผลิตภัณฑ์กำจัดและป้องกันหมัดจะถูกออกแบบมาให้ใช้กับสัตว์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ ใช้สลับกันไม่ได้ เพราะงั้นถ้าเป็นสูตรน้องหมาก็อย่าเอาไปใช้กับน้องแมว และกลับกันด้วย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้ครีม hydrocortisone 1% บรรเทาอาการคันได้ถ้าคุณถูกหมัดกัด [17] แต่ห้ามใช้กับสัตว์เลี้ยง
โฆษณา

คำเตือน

  • "ห้าม" เอาแชมพูหรือยากำจัดหมัดของหมามาใช้กับแมว เพราะแมวอาจจะป่วยหรือตายได้ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับแมวโดยเฉพาะ
  • อ่านคำเตือนและคำแนะนำในการใช้งานที่ฉลากก่อนใช้จริงเสมอ เพราะมักพูดถึงอันตรายที่อาจเกิดกับสัตว์เลี้ยงและเด็ก
  • รู้น้ำหนักตัวสัตว์เลี้ยงก่อนเริ่มใช้ยากำจัดหมัด เพราะปริมาณหรือโดสของยาจะสัมพันธ์กับขนาดของสัตว์เลี้ยง [18]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,078 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา