ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผื่นใต้รักแร้ที่ทำให้คุณคันและระคายเคืองจนน่ารำคาญนั้นมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสและผื่นสัมผัส ผื่นคันใต้รักแร้มักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงหน้าร้อนเพราะรักแร้จะร้อนและชื้นได้ง่ายกว่า โชคดีที่มีหลายวิธีที่ช่วยรักษาผื่นคันใต้รักแร้ที่น่ารำคาญนี้ได้ เลิกเอาแต่นึกถึงเรื่องผื่นคันด้วยการผ่อนคลายและอ่อนโยนกับตัวเอง การทำความสะอาดร่างกายด้วยการอาบน้ำข้าวโอ๊ตหรือการประคบเย็นสามารถบรรเทาอาการอักเสบได้ในระดับหนึ่ง แค่ดูแลตัวเองเพียงเล็กน้อย ผื่นคันก็จะหายไปในไม่ช้า

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ลงมือทันที

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ส่วนใหญ่ผื่นคันใต้รักแร้จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส การทำความสะอาดรักแร้ด้วยสบู่กับน้ำจึงช่วยป้องกันการติดเชื้อไม่ให้แพร่กระจายหรือรุนแรงมากกว่าเดิม
  2. วางน้ำแข็งเทียมหรือผ้าขนหนูหมาดลงบนผื่นคันใต้รักแร้ หรือคุณจะนำก้อนน้ำแข็งหนึ่งกำมือใส่ลงในถุงพลาสติกแล้วประคบลงบนผื่นก็ได้ วิธีนี้จะช่วยลดอาการบวมและการอักเสบที่ผิวได้ [1]
    • เทคนิคนี้รักษาผดร้อนและผื่นที่เกิดจากไลเคน พลานัสซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งได้ดีเป็นพิเศษ
    • ประคบเย็นลงบนรักแร้บ่อยได้ตามต้องการ แต่ให้ประคบอย่างน้อยวันละ 10-15 นาที และอย่าประคบน้ำแข็งเทียมบนผิวนานเกิน 20 นาที
    • เทคนิคนี้ใช้รักษาผื่นได้ทุกชนิด
  3. อากาศร้อน เหนียว และชื้นอาจทำให้เกิดผดร้อนตรงใต้รักแร้ แต่แม้ว่าผื่นคันจะไม่เกี่ยวข้องกับความร้อนเลยเสียทีเดียว การย้ายไปตรงบริเวณที่อากาศเย็นขึ้นก็ช่วยได้ เปิดแอร์หรือพัดลมเพื่อให้อากาศเย็นขึ้น หรือไม่คุณก็เปิดหน้าต่าง ไปห้าง หรือออกไปอยู่ในที่เย็นๆ จนกว่าอุณหภูมิจะลดลงในตอนค่ำ [2]
    • ผดร้อนจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกแสบร้อน หรือเป็นตุ่มใสๆ ที่มีของเหลวอยู่ข้างใน
  4. รักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำและดื่มเครื่องดื่มเพื่อให้รู้สึกเย็น. ถ้าร่างกายของคุณร้อนเกินไป ใต้รักแร้ก็อาจมีผดร้อนขึ้น น้ำเปล่าและชาเย็นเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยรักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำได้ดีที่สุด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะที่อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ [3]
    • ไม่ว่าผื่นใต้รักแร้จะเกิดจากอะไร การรักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำนั้นช่วยให้ผื่นหายไปได้
  5. ครีมแก้คันที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบที่ช่วยให้ผิวผ่อนคลาย เช่น ว่านหางจระเข้ วิตามินอี และเมนทอลจะช่วยบรรเทาอาการคันและระคายเคืองที่เกิดจากผื่นคันใต้รักแร้ได้ ไม่ว่าผื่นจะเกิดขึ้นจากสาเหตุใดก็ตาม แม้ว่าวิธีใช้จะแตกต่างกันไปตามผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือก แต่โดยทั่วไปแล้วให้คุณทาครีมบางๆ ลงบนบริเวณที่เป็นผื่นให้ทั่ว [4]
    • อย่าใช้ครีมหรือยาขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียมหรือน้ำมันแร่ เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและทำให้ผื่นคันยิ่งแย่ลง
    • อ่านวิธีใช้ก่อนทาครีมหรือยาขี้ผึ้งเสมอ
  6. การเกาผื่นอาจทำให้รักแร้ที่บอบบางอยู่แล้วยิ่งระคายเคือง และการเกามากจนเกินไปก็อาจทำให้แบคทีเรียจากเล็บมือเข้าไปในตุ่มพองที่อาจมีอยู่และทำให้ติดเชื้อได้
    • ถ้าคุณต้องการตัวช่วยเพื่อไม่ให้ตัวเองเกา ให้รับประทานยาต้านฮีสตามีนที่หาซื้อได้เอง เช่น แคลริตินหรืออัลเลกรา ซึ่งช่วยลดอากาารคันจากผื่นใต้รักแร้
  7. การออกกำลังกายหรือการออกแรงในช่วงที่อากาศร้อนจัดอาจทำให้เกิดผดร้อนตรงบริเวณใต้รักแร้ (หรือทำให้ผดแย่ลงกว่าเดิม) แม้ว่าการออกกำลังกายเป็นประจำจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันก็อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่า โปรแกรมการออกกำลังกายของคุณหนักหน่วงเกินไปได้เช่นกัน [5]
    • การผ่อนคลายและการหลีกเลี่ยงการออกแรงเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ว่าผื่นคันใต้รักแร้จะมีสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม แต่ถ้าคุณผื่นคันเกี่ยวข้องกับความร้อน คุณยิ่งต้องเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากกว่าเดิม
  8. ปรึกษาแพทย์เรื่องการเปลี่ยนยาหรืออาหารเสริม. ถ้าคุณเริ่มมีผื่นคันใต้รักแร้หลังจากรับประทานยาหรืออาหารเสริมตัวใหม่ สาเหตุก็อาจจะมาจากยาหรืออาหารเสริม ปรึกษาแพทย์เรื่องยาที่คุณรับประทานและถามว่าเป็นไปได้ไหมว่าผื่นคันใต้รักแร้จะเป็นผลข้างเคียงจากยา ถ้าจำเป็นแพทย์จะบอกให้คุณเปลี่ยนไปรับประทานยาตัวอื่น
    • อย่าหยุดยาหรืออาหารเสริมโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  9. เลิกรับประทานอาหารหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้. การแพ้อาหารและผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการคันที่น่ารำคาญ โรคผิวหนังอักเสบ และผื่นที่ผิวหนัง ถ้าคุณสังเกตว่าตัวเองมักเป็นผื่นตรงใต้รักแร้หรือบริเวณอื่นๆ หลังจากรับประทานอาหารบางชนิดหรือใช้ผลิตภัณฑ์บางอย่าง ให้เลิกรับประทานอาหารประเภทนั้นหรือหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ [6]
    • อาหารที่คนแพ้มากที่สุดได้แก่ นม ไข่ ถั่วเหลือง อาหารทะเลเปลือกแข็ง ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวสาลี และปลา
    • สบู่และน้ำยาซักผ้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและผื่นคันใต้รักแร้
    • ผื่นที่เกิดจากการแพ้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ถ้าคุณมีอาการอื่นๆ นอกจากผื่นขึ้น (หน้าหรือคอบวม หรือหายใจลำบาก) ให้ไปพบแพทย์ทันที
  10. ถ้าคุณมีผื่นขึ้นหลังจากเดินเฉียดพืชไม้ใบภายใน 12-72 ชั่วโมง คุณก็อาจสัมผัสกับต้นรักใหญ่ ตำแยแมว หรือขนุน ผื่นที่เกิดจากพืชเหล่านี้รักษาได้ด้วยการรับประทานยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น ติดต่อแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและจ่ายยา [7]
  11. ไปพบแพทย์หากผื่นคันใต้ผิวหนังไม่หายไปหรือเกิดขึ้นซ้ำเป็นประจำ. ถ้าผื่นคันใต้รักแร้เป็นๆ หายๆ มันก็อาจเกิดจากโรคต่างๆ เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (หรือโรคผิวหนังอักเสบ) มีแค่แพทย์เท่านั้นที่จะระบุได้ว่า ผื่นคันใต้รักแร้นั้นเกิดจากโรคหรือไม่และจ่ายยาขี้ผึ้งที่เหมาะสม (หรือวิธีการรักษาอื่นๆ) ได้ [8]
    • หากผื่นคันไม่หายไปภายใน 1-2 วันหลังจากเริ่มรักษา คุณก็ควรไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

รักษาด้วยตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แป้งทัลคัมและแป้งเด็กช่วยซับเหงื่อและลดการเสียดสีที่ทำให้เกิดผื่นคันใต้รักแร้หรือทำให้ผื่นแย่ลง การทาแป้งทัลคัมหรือแป้งเด็กทุกวันแม้ว่าจะไม่มีผื่นขึ้นก็ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดผื่นใต้รักแร้ได้ แค่ใช้ปลายนิ้วตักแป้งเล็กน้อยแล้วแตะลงบนรักแร้เบาๆ [9]
    • การทาแป้งอาจทำให้เสื้อผ้าเลอะเทอะและเกิดรอยเปื้อนขาวๆ เพราะฉะนั้นให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อสวยๆ เวลาทาแป้ง
    • ถ้าคุณเพิ่งทาครีมแก้คัน ให้รอจนกว่าครีมจะซึมลงไปในผิวก่อนค่อยทาแป้ง
  2. บดโรลโอ๊ตรสธรรมชาติ 6 ถ้วยในเครื่องบดสับอาหารจนกลายเป็นผงละเอียด เปิดน้ำอุ่นลงในอ่างอาบน้ำ และในขณะที่น้ำไหลลงไปในอ่างให้เติมผงข้าวโอ๊ต 2-3 ถ้วยลงไป แช่ตัวในอ่างอาบน้ำ 10-15 นาทีและต้องให้รักแร้จมอยู่ในน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูซับตัวให้แห้ง
    • ผงข้าวโอ๊ตคือข้าวโอ๊ตที่ผ่านการบดละเอียดและลอยอยู่ในของเหลว ซึ่งช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยรักษาผื่นคันใต้ผิวหนัง
  3. โยคะและการทำสมาธิอาจช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและไม่จดจ่อกับอาการระคายเคืองที่เกิดจากผื่นคัน การฟังเพลงสบายๆ คุยกับเพื่อน หรือออกไปเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติเพื่อความรื่นรมย์ก็อาจช่วยได้เหมือนกัน งานอดิเรกหรือความสนใจอะไรก็แล้วแต่ช่วยให้คุณได้เปลี่ยนไปสนใจสิ่งอื่นและทำให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
  4. วิตามินซีช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูผิวหนัง ส้ม มะเขือเทศ และบร็อกโคลีเป็นแหล่งวิตามินซีชั้นดี เพราะฉะนั้นหาทางรับประทานอาหารเหล่านี้ให้มากขึ้น เช่น ดื่มน้ำส้มหรือรับประทานสลัดบร็อกโคลี
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้เกิดผื่นคันในอนาคต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เสื้อผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์อาจทำให้รักแร้ระคายเคืองและมีผื่นขึ้น เพราะฉะนั้นให้ลองเปลี่ยนมาใส่ผ้าฝ้ายหรือใยธรรมชาติอื่นๆ แทน เสื้อที่รัดรักแร้มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาให้ เพราะฉะนั้นให้สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ถูหรือเสียดสีกับรักแร้เท่านั้น [10]
    • สิ่งนี้สำคัญมากหากคุณอยู่ในเขตอากาศร้อนอย่างประเทศไทย
  2. ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนและอย่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ใส่สีหรือน้ำหอมที่อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองและทำให้ผื่นคันใต้รักแร้ยิ่งแย่ลง และซักน้ำเปล่าสองครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีน้ำยาซักผ้าหลงเหลืออยู่ [11]
  3. ร่างกายส่วนที่ร้อนชื้นและอากาศไหลเวียนไม่ค่อยได้จะไวต่อการเติบโตของแบคทีเรีย [12] ซึ่งรักแร้เองก็เป็นอย่างนั้น มันจึงมีโอกาสเกิดผื่นคันได้มาก ในการควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตรงรักแร้ ให้ใช้น้ำอุ่นและสบู่ปราศจากน้ำหอมทำความสะอาดรักแร้ทุกวัน หรือคุณจะไม่ใช้สบู่เลยก็ได้ แค่ใช้ผ้าขัดตัวที่นุ่มและเปียกเช็ดทำความสะอาดรักแร้เบาๆ ก็พอ
  4. ผื่นคันใต้ผิวหนังมักเกิดจากผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนที่มีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ถ้าคุณเพิ่งเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อใหม่ เป็นไปได้ว่าผื่นคันอาจเกิดจากผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้มาสักพักก็อาจทำให้เกิดผื่นได้หากผู้ผลิตเปลี่ยนวัตถุดิบ
    • ถ้าเปลี่ยนยี่ห้อแล้วผื่นคันก็ยังไม่หายไป ให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายไปเลย
  5. ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ปราศจากน้ำหอมสำหรับผิวแห้งหรือผิวหนังอักเสบ. มอยซ์เจอไรเซอร์ช่วยให้ผื่นที่เกิดจากโรคผิวหนังอักเสบหรือผิวแห้งกลับมาชุ่มชื้น แต่มอยซ์เจอไรเซอร์ที่ผสมน้ำหอมอาจยิ่งทำให้ผื่นคันแย่ลง เพราะฉะนั้นให้เลือกชนิดที่ไม่ผสมน้ำหอมเท่านั้น [14]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 226,794 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา