ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อเล็กๆ เป็นติ่งผิวหนังสีเนื้อนิ่มๆ ที่ยื่นออกมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยทั่วไปจะไม่รู้สึกเจ็บนอกจากว่าจะถูบ่อยๆ หรือบิด และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ปล่อยติ่งเนื้อเอาไว้อย่างนั้นนอกเสียจากว่าคุณมีความประสงค์ที่จะกำจัด ถ้าคุณอยากกำจัดติ่งเนื้อ คุณก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อสอบถามถึงวิธีการต่างๆ ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถทาน้ำมันหรือส่วนผสมธรรมชาติลงบนติ่งเนื้อเพื่อให้มันแห้งจนกระทั่งหลุดออกไปเองได้ด้วย ถ้าคุณมีก้อนเนื้อที่แข็งจนไม่สามารถขยับได้ สีไม่เหมือนกับผิวหนังที่อยู่รอบๆ มีส่วนที่ด้านหรือเลือดออก หรือรู้สึกเจ็บ ให้ปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อให้รู้ว่าเนื้องอกนั้นเป็นมากกว่าติ่งเนื้อหรือไม่ [1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เข้ารับการรักษาทางการแพทย์โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำจัดติ่งเนื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ติ่งเนื้อส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าคุณสังเกตว่าติ่งเนื้อสีเข้มกว่าสีผิวของคุณ มีขนาดใหญ่ หรือมีรูปร่างที่ผิดปกติ คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด ถ้าคุณกำจัดติ่งเนื้อออกโดยไม่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน คุณอาจจะสูญเสียเวลาอันมีค่าไปได้หากมันเป็นสัญญาณของปัญหาอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า [2]
    • ติ่งเนื้อจะไม่เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามันเปลี่ยนสี ให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจจะตัดติ่งเนื้อและส่งไปตรวจถ้ามันน่าสงสัย [3]
  2. ให้แพทย์ตัดติ่งเนื้อออก.แพทย์จะใช้ยาชาภายนอกและใช้มีดผ่าตัดตัดติ่งเนื้อออกจากฐานของผิวหนัง หรือแพทย์อาจจะใช้กรรไกรแพทย์ที่คมตัดติ่งเนื้อออกมาก็ได้ วิธีนี้ที่เรียกว่าการเลาะต่อมนั้นโดยทั่วไปจะใช้เวลาไม่มากนักและไม่เจ็บ [4]
  3. สอบถามแพทย์เรื่องการกำจัดติ่งเนื้อด้วยความเย็น. ระหว่างที่พบแพทย์นั้น แพทย์จะใช้อุปกรณ์พ่นไนโตรเจนเหลวลงบนจุดที่เป็นติ่งเนื้อเล็กน้อย วิธีนี้ที่เรียกว่าการจี้เย็นนั้นใช้กับการกำจัดหูดด้วยเช่นกัน ติ่งเนื้อจะหลุดออกมาเองเมื่อมันแข็งตัวจากความเย็น [5]
  4. วิธีนี้เรียกว่าการจี้ด้วยไฟฟ้า โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือแพทย์อันเล็กๆ จี้ความร้อนลงบนพื้นผิวของติ่งเนื้อโดยตรง ความร้อนที่ได้จากกระแสไฟฟ้าจะทำให้ติ่งเนื้อไหม้และทำให้กำจัดติ่งเนื้อออกได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น [6]
  5. ให้แพทย์ตัดเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงติ่งเนื้อ. วิธีนี้เรียกว่าการผูก โดยแพทย์จะผูกด้ายเส้นเล็กๆ ตรงฐานของติ่งเนื้อ ซึ่งจะตัดเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงส่วนบนของติ่งเนื้อ ทำให้มันตายและหลุดออกจากผิวหนัง กระบวนการนี้อาจใช้เวลา 2-3 วันและอาจจะเจ็บเล็กน้อยแล้วแต่ขนาดและบริเวณที่เป็น
  6. รู้ถึงข้อดีของการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ. คุณอาจจะอยากเอาติ่งเนื้อออกเองที่บ้าน แต่จริงๆ แล้วการให้แพทย์รักษาก็มีข้อดีเฉพาะตัว เพราะแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และใช้ยาชาภายนอกเพื่อลดความเจ็บระหว่างและหลังการรักษาด้วย นอกจากนี้บางวิธีการ เช่น การจี้ด้วยไฟฟ้านั้น ก็ก้าวหน้ามากจนแทบจะไม่เห็นรอยแผลเป็นที่สังเกตได้เลย [7]
    • เนื่องจากว่าติ่งเนื้อนั้นมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงที่แข็งแรงและสม่ำเสมอ การพยายามกำจัดติ่งเนื้อโดยไม่มีแพทย์ควบคุมจึงถือว่าไม่ปลอดภัย
    • นอกจากนี้การกำจัดติ่งเนื้อก็อาจจะต้องให้แพทย์เฉพาะทางเป็นผู้รักษาแล้วแต่ว่ามันอยู่บริเวณไหน เช่น ติ่งเนื้อที่อยู่ข้างดวงตาก็มักรักษาโดยจักษุแพทย์ (แพทย์รักษาตา) [8]
  7. คุณสามารถปล่อยติ่งเนื้อไว้เฉยๆ ได้ ถ้ามันไม่ได้กวนใจคุณ ก็ไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่จะต้องเอาออก และเป็นไปได้มากๆ ว่าแพทย์จะแนะนำว่าไม่ต้องรักษา นอกเสียจากว่าคุณอยากกำจัดออกจริงๆ
    • นอกจากนี้บริษัทประกันเองก็มักจะพิจารณาว่า การกำจัดติ่งเนื้อนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความงามและไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นตรวจสอบกับบริษัทประกันให้แน่ใจก่อนว่าครอบคลุมการกำจัดติ่งเนื้อด้วยหรือไม่ [9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

กำจัดติ่งเนื้อด้วยน้ำมันธรรมชาติและส่วนผสมทำเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เชื่อกันว่าน้ำมันออริกาโนมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคและแก้เกร็ง หยดน้ำมันออริกาโน 5-6 หยดลงบนสำลีพันก้านที่สะอาดโดยตรงและแตะลงบนติ่งเนื้อวันละ 3 ครั้ง คุณจะเห็นว่าติ่งเนื้อค่อยๆ แห้ง กระบวนการนี้ตามปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน [10]
    • หลังจากทาน้ำมันออริกาโนเป็นครั้งแรก ให้ใช้เส้นไหมหรือไหมขัดฟันผูกติ่งเนื้อไว้ตรงฐาน ผูกไว้จนกว่าติ่งเนื้อจะหลุดออกมา
    • เมื่อติ่งเนื้อหลุดออกแล้ว ใช้น้ำอุ่นล้างบริเวณนั้นให้สะอาด ทาขี้ผึ้งยาฆ่าแบคทีเรีย และใช้ผ้าพันแผลปิดไว้จนกว่าแผลจะหายสนิท
    • ระมัดระวังเวลาทาน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันออริกาโน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ ถ้าผิวของคุณแดง ให้หยุดใช้ทันที และอย่าใช้รักษาบริเวณรอบดวงตา
  2. เป็นที่รู้กันดีว่าน้ำมันชนิดนี้มีคุณสมบัติต้านเชื้อรา หยิบสำลีก้อนที่สะอาดจุ่มลงในน้ำสะอาดแล้วหยดน้ำมันทีทรีลงบนสำลี 3 หยด ใช้สำลีก้อนเช็ดติ่งเนื้อและบริเวณที่อยู่รอบๆ 1 นิ้ว ทาซ้ำวันละ 3 ครั้ง วิธีนี้ทำให้ติ่งเนื้อแห้งลงได้อย่างมีประสิทธิภาพตราบใดที่คุณทาน้ำมันเป็นประจำ [11]
    • อย่าลืมจุ่มสำลีในน้ำก่อนเพื่อลดโอกาสที่น้ำมันจะระคายเคืองผิวรวมทั้งนิ้วมือด้วย หรือคุณจะเจือจางน้ำมันด้วยการผสมกับน้ำมันมะกอกก็ได้
    • บางคนก็แนะนำให้ติดพลาสเตอร์ลงบนบริเวณที่เป็นติ่งเนื้อจนกว่าติ่งเนื้อจะแห้งจนหลุดออกมา
    • ระมัดระวังเวลารักษาบริเวณรอบดวงตาเพราะน้ำมันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  3. คุณสามารถตัดว่านหางจระเข้ออกมาจากต้นแล้วบีบเนื้อออกมา หรือจะซื้อเจลว่านหางจระเข้มาจากร้านค้าก็ได้ หยิบสำลีพันก้านจุ่มลงในเนื้อเจล แตะลงบนติ่งเนื้อได้บ่อยตามต้องการ วิธีนี้อาศัยคุณสมบัติที่เป็นยารักษาตามธรรมชาติของว่านหางจระเข้ และมันอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ [12]
  4. ผสมน้ำมันละหุ่งกับเบกกิ้งโซดาลงในถ้วยจนกระทั่งเนื้อเหนียวข้น หยิบสำลีพันก้านจุ่มลงในส่วนผสมและทาลงบนติ่งเนื้อทาได้บ่อยตามต้องการแต่ต้องระวังไม่ให้ระคายเคืองผิว แพทย์ธรรมชาติบำบัดต่างยอมรับในวงกว้างว่าวิธีนี้ได้ผลจริง [13]
  5. ขูดกระเทียมสด 1 กลีบลงในถ้วยเพื่อให้ได้ยาพอก จุ่มสำลีพันก้านลงในยาพอกและป้ายลงบนติ่งเนื้อเล็กน้อย ใช้ผ้าพันแผลปิดไว้ ทาวันละ 1 ครั้ง [14]
    • อีกวิธีหนึ่งก็คือหั่นกระเทียมออกเป็น “แผ่น” บางๆ จากนั้นหยิบกระเทียมมา 1 แผ่นและแปะลงบนติ่งเนื้อ จากนั้นแปะพลาสเตอร์ทับลงไป ทำขั้นตอนนี้ในตอนเช้าและดึงกระเทียมกับพลาสเตอร์ออกตอนค่ำ ติ่งเนื้อน่าจะหลุดออกมาภายใน 1 สัปดาห์ [15]
  6. จุ่มสำลีก้อนลงในน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลจนชุ่ม วางสำลีก้อนลงบนติ่งเนื้อและแปะค้างไว้ 2-3 นาที คุณสามารถหมุนสำลีก้อนเป็นวงกลมบนผิวหนังเพื่อเพิ่มการดูดซึมได้ตามใจชอบ ทำซ้ำวันละ 3 ครั้งจนกว่าติ่งเนื้อจะหลุด โดยทั่วไปวิธีนี้ได้ผลค่อนข้างดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผิวของคุณด้วย ดังนั้นคุณอาจจะเปลี่ยนไปใช้แอปเปิลไซเดอร์แทนก็ได้ [16]
    • เป็นธรรมดาที่คุณจะรู้สึกคันเวลาใช้น้ำส้มสายชูรักษาผิวหนัง ถ้ามันคันจนทนไม่ไหว ให้ผสมน้ำเล็กน้อยเพื่อเจือจางน้ำส้มสายชูก่อนแปะลงบนติ่งเนื้อครั้งต่อไป [17]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

กำจัดติ่งเนื้อด้วยน้ำสกัดจากพืช

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำดอกแดนดิไลสดๆ มา 1 ดอกแล้วบีบก้านจากปลายขึ้นมาหายอดจนกว่าน้ำสกัดจะเริ่มออกมา ใช้สำลีก้อนรองน้ำที่ออกมาและแปะลงบนติ่งเนื้อ ทำซ้ำไม่เกินวันละ 4 ครั้ง น้ำสกัดอาจทำให้ติ่งเนื้อแห้งจนหลุดออกมา [18]
    • เลือกใช้วิธีอื่นหากคุณแพ้พืชจำพวกดอกแดนดิไลออน
  2. มะนาวมีความเป็นกรดสูงจึงเหมาะกับการใช้ฆ่าเชื้อโรคเป็นอย่างมาก บีบน้ำมะนาวสดๆ ลงในชาม จุ่มสำลีก้อนลงไป แปะสำลีลงบนติ่งเนื้อ ทำซ้ำวันละไม่เกิน 3 ครั้ง วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อทำหลายๆ ครั้งเท่านั้น [19]
  3. นำมะเดื่อสดๆ มา 1 กำและเด็ดก้านออก บดก้านมะเดื่อทั้งหมดลงในถ้วยจนได้น้ำคั้นออกมา จุ่มสำลีก้อนลงในน้ำคั้นและนำมาทาที่ติ่งเนื้อ ทำซ้ำได้ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง ติ่งเนื้อน่าจะหลุดออกมาภายใน 4 สัปดาห์ [20]
    • นอกจากหลักฐานที่เป็นเรื่องเล่าแล้ว การประเมินประสิทธิภาพของวิธีนี้ยังทำได้ยาก
  4. ซื้อน้ำสับปะรดกระป๋องจากร้านค้าหรือหั่นสับปะรดสดๆ แล้วคั้นน้ำออกมา จุ่มสำลีก้อนลงในน้ำสับปะรดแล้วทาลงบนติ่งเนื้อ ทำซ้ำได้วันละไม่เกิน 3 ครั้ง ประมาณ 1 สัปดาห์คุณน่าจะสังเกตได้ว่าติ่งเนื้อเริ่มจะหลุดออกมาแล้ว [21]
    • ประสิทธิภาพของวิธีนี้ขึ้นอยู่กับว่าผิวหนังของคุณมีปฏิกิริยากับน้ำสับปะรดที่เป็นกรดอย่างไร
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ทดลองกำจัดติ่งเนื้อด้วยวิธีอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำน้ำยาเคลือบเล็บสีใสมา 1 ขวด ทาลงบนติ่งเนื้อ 1 ชั้นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งต้องทาเคลือบติ่งเนื้อทั้งหมด ผ่านไปสักระยะติ่งเนื้อจะเริ่มหลุดออกจากผิวหนัง [22]
  2. ตัดเทปแลกซีนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว แปะลงบนติ่งเนื้อ การแปะเทปทิ้งไว้อาจทำให้ติ่งเนื้อค่อยๆ แห้งจนหลุดออกไป คุณสามารถเปลี่ยนเทปได้ทุกวัน วิธีนี้น่าจะเห็นผลภายใน 10 วัน [23]
  3. วิธีนี้คุณจะใช้สายเบ็ดตกปลา ไหมขัดฟัน หรือด้ายฝ้ายเส้นเล็กๆ ก็ได้ ผูกสายรอบฐานติ่งเนื้อ ผูกปมจนแน่นแต่ไม่ถึงกับเจ็บ ตัดด้ายส่วนที่เกินออกแล้วปล่อยไว้อย่างนั้น ติ่งเนื้อน่าจะหลุดออกมาเนื่องจากไม่มีเลือดไหลเวียน วิธีนี้เป็นวิธีเดียวกับที่แพทย์ใช้ แต่แพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว [24]
    • ไม่ต้องแปลกใจถ้าติ่งเนื้อจะเปลี่ยนสีหลังจากใช้วิธีนี้ เพราะมันเป็นเรื่องปกติและแสดงให้เห็นว่าไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง [25]
    • เวลาใช้วิธีต้องระมัดระวัง คุณต้องตัดเฉพาะเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงติ่งเนื้อเท่านั้น ไม่รวมผิวหนังที่อยู่รอบๆ ถ้าคุณรู้สึกเจ็บ ให้หยุดทำและปรึกษาแพทย์
    • แพทย์ส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้โดยไม่มีการควบคุม เพราะมันอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนเพิ่มเติมได้
  4. การกำจัดติ่งเนื้อเองด้วยวิธีนี้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อร้ายแรง และการมีเลือดออกก็เป็นปัญหาเช่นกัน แม้แต่ติ่งเนื้อเล็กๆ ก็อาจทำให้มีเลือดออกจนต้องไปพบแพทย์ นอกจากนี้ก็อาจจะเกิดรอยแผลเป็นและทำให้สีของผิวหนังเปลี่ยนไปด้วย
  5. มียาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปมากมายที่อ้างว่าทาแล้วกำจัดติ่งเนื้อได้ภายใน 1 หรือ 2 ครั้ง เช่น ยาแต้มหูดก็อาจจะกระตุ้นให้ติ่งเนื้อหลุดออกมาได้ด้วยการทาลงบนติ่งเนื้อโดยตรง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ติ่งเนื้อมีชื่อเรียกในทางการแพทย์อื่นๆ เช่น คิวเตเนียส แพพิลโลมา ติ่งคิวเตเนียส และติ่งเนื้อเทมเปิลตัน [27]
  • บางครั้งคนก็สับสนระหว่างติ่งเนื้อกับหูด ในการแยกความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ ให้สังเกตว่าถ้าเป็นติ่งเนื้อผิวจะเรียบกว่าและห้อยออกมาจากผิวหนังเดิม และไม่ติดต่อ [28]
  • น่าสนใจว่าสุนัขเองก็เป็นติ่งเนื้อได้เช่นกัน สอบถามสัตวแพทย์ก่อนลงมือรักษาด้วยตนเอง [29]
  • คุณไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดติ่งเนื้อได้ แต่ก็มีวิธีการที่คุณสามารถลดโอกาสที่จะเกิดติ่งเนื้อได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่นก่อนสัมผัสหรือรักษาติ่งเนื้อ ถ้าคุณรักษาติ่งเนื้อด้วยตัวเอง รู้ไว้ว่าคุณอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 102,431 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา