ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ตาปลาและหนังด้านคือบริเวณผิวหนังที่ตายแล้วและมีผิวหนาแข็งซึ่งอาจเกิดจากการเสียดสีของบริเวณผิวหนัง ถ้าในกรณีที่มีตาปลาขึ้นอยู่บริเวณข้างเท้า หลังเท้าหรือนิ้วเท้าแล้วล่ะก็มันอาจจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดได้ ส่วนถ้าเกิดหนังหนาด้านเกิดขึ้นในบริเวณเท้ามันอาจจะไม่ได้ทำให้มีความเจ็บปวดมากมายนักแต่อาจจะทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้นได้ ซึ่งหนังหนาด้านนั้นสามารถเกิดขึ้นได้บนมือของคุณเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วหนังด้านและตาปลานั้นสามารถรักษาเองให้หายได้ง่ายๆ ที่บ้านแต่ถ้าเกิดว่าคุณมีอาการเจ็บหรือมันเริ่มดื้อยาหรือถ้าคุณมีโรคแทรกซ้อนอยู่แล้ว เช่น โรคเบาหวาน คุณก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การกำจัดหนังเท้าด้านง่ายๆ ที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แยกความแตกต่างระหว่างตาปลาและหนังหนาด้านให้ออกเสียก่อน. ตาปลาและหนังด้านนั้นไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นวิธีการรักษาก็จะต้องต่างกันออกไปด้วย [1]
    • ตาปลาสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณนิ้วเท้าซึ่งถ้าหากว่ามันมีขนาดใหญ่หรือแข็งมากๆ อาจจะทำให้เจ็บปวดได้ ซึ่งตาปลาส่วนมากจะสามารถพบเจอได้ตามบริเวณร่องนิ้วเท้าของคุณ [2]
    • ตาปลาสามารถแบ่งออกได้เป็นสามแบบได้แก่ แบบแข็ง แบบอ่อนและแบบที่เป็นผื่นแดง โดยตาปลาแบบแข็งนั้นมักจะเกิดขึ้นบริเวณหลังของนิ้วเท้าและบนผิวหนังบริเวณข้อต่อกระดูก ตาปลาแบบอ่อนสามารถพบเจอได้บริเวณนิ้วเท้าซึ่งส่วนมากจะพบเจอที่บริเวณนิ้วนางและนิ้วก้อย ส่วนตาปลาที่มีผื่นแดงขึ้นมักจะไม่ใช่ตาปลาแบบธรรมดาทั่วไปโดยสามารถพบเจอได้ในบริเวณรอบๆ เล็บ [3]
    • โดยปกติแล้วแกนของตาปลามักจะเห็นไม่ค่อยชัดแต่จะสามารถพบเจออยู่บริเวณตรงกลางของตาปลาซึ่งก็คือบริเวณที่มีผิวหนังที่หนาที่สุดรวมๆ กันอยู่ [4]
    • แกนของตาปลานั้นมักจะหันหัวเข้าไปภายในร่างกายซึ่งอาจจะโดนกระดูกหรือเส้นประสาทและสามารถทำให้คุณนั้นเจ็บปวดได้ [5]
    • ส่วนหนังด้านนั้นไม่มีแกน เป็นเพียงแค่บริเวณที่มีผิวหนังทีมีความหนาและด้านซึ่งจะไม่ค่อยก่อให้เกิดความเจ็บปวดเท่าไรนักแต่จะสร้างความรำคาญให้ผู้ที่เป็นมากกว่า [6]
    • หนังด้านนั้นสามารถเกิดขึ้นบริเวณใต้เท้าหรือบริเวณใต้นิ้วเท้า แม้กระทั่งบนฝ่ามือหรือบริเวณแถวนิ้วมือก็สามารถเกิดหนังหน้าด้านกันได้เช่นกัน [7]
    • ทั้งตาปลาและหนังหนาด้านนั้นล้วนเกิดมาจากการที่ผิวหนังถูกกดทับและเสียดสีเป็นระยะเวลานาน [8]
  2. กรดซาลิซิลิกถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในยาหลายชนิดที่สามารถช่วยรักษาตาปลาและหนังหน้าด้านได้ [9]
    • ผลิตภัณฑ์ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปนั้นสามารถช่วยเยียวยาและกำจัดตาปลาและหนังด้านได้แต่ถ้าจะให้เห็นผลอย่างดีที่สุดคุณจะต้องมีวิธีการในการดูแลรักษามันอย่างต่อเนื่องหลังจากใช้ยาด้วย [10]
    • ไม่เพียงแต่ต้องดูแลปัญหาตาปลาและหนังด้านอย่างผิวเผินเท่านั้น คุณจะต้องมองไปถึงสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ด้วย เช่น การเสียดสีของผิวหนังหรือการที่ผิวคุณโดนกดทับเป็นเวลานาน เป็นต้น [11]
  3. ใช้แผ่นรักษาตาปลา (แผ่นยากรดซาลิซิลิก) เพื่อกำจัดตาปลาให้หมดไป. แผ่นรักษาตาปลาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิกนั้นมารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องได้ใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ซึ่งจะมีความเข็มข้นอยู่ที่ 40% เท่านั้น [12]
    • แช่เท้าในน้ำประมาณ 5 นาทีเพื่อทำให้บริเวณผิวหนังที่ด้านหนานั้นหนุ่มขึ้นจากนั้นเช็ดเท้าให้แห้งก่อนที่จะนำแผ่นย่ามาปิดไว้ [13]
    • ระวังอย่าแปะแผ่นยาลงบริเวณผิวหนังที่สุขภาพดีอยู่แล้ว [14]
    • สำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนมากที่นำมาใช้จะต้องทำซ้ำๆ ทุกๆ 48 ถึง 72 ชั่วโมงเป็นเวลาทั้งหมด 14 วัน หรือนำมาใช้จนกว่าตาปลาจะหายไปหมด [15]
    • กรดซาลิซิลิกนั้นถือว่าเป็นสารลอกเคาราทินที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและป้องกันเชื้อซึ่งจะทำให้บริเวณผิวหนังนั้นมีความชุ่มชื่นมากขึ้นและในขณะเดียวกันจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นลุ่มลงอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามกดซาลิซิลิกสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผิวหนังได้เช่นกัน [16]
    • เพราะฉะนั้นให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แปะไว้บนฉลากอย่างเคร่งครัดและพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถ้าคุณแพ้กดซาลิซิลิก [17]
    • หลีกเลี่ยงการใช้กรดซาลิซิลิกบริเวณรอบดวงตา จมูกหรือปากและพยายามอย่าใช้กับส่วนอื่นๆ ของร่างกายโดยปราศจากคำแนะนำจากแพทย์ [18]
    • ในกรณีที่กรดซาลิซิลิกนั้นถูกผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งให้คุณรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที [19]
    • เก็บรักษาผลิตภัณฑ์จากกรดซาลิซิลิกให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
  4. กรดซาลิซิลิกนั้นมีหลายรูปแบบและมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันออกไป เช่น มาในรูปแบบของโฟม โลชั่น เจลหรือแผ่นยาซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อที่จะรักษาบริเวณผิวหนังที่หนาด้านที่เท้าได้ทั้งนั้น [20]
    • แต่ละผลิตภัณฑ์นั้นจะมีข้อควรปฏิบัติบนฉลากที่แตกต่างกันออกไปเพราะฉะนั้นให้คุณอ่านฉลากให้ดีเพื่อที่จะนำยามาใช้ให้เห็นผลมากที่สุด [21]
  5. นอกจากกรดซาลิซิลิกจะสามารถช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้แล้ว สารยูเรียเองก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเพื่อนำมารักษาตาปลาและหนังด้านได้เช่นกัน [22]
    • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารยูเรีย 45% นั้นถือได้ว่าเป็นสารลอกเคาราทินที่สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังบริเวณที่ไม่ต้องการออกไปได้ซึ่งรวมไปถึงพวกตาปลาและหนังหนาด้านด้วย [23]
    • ทำตามขั้นตอนการใช้ยาตามที่ติดเอาไว้ที่ฉลากเสมอ [24]
    • ปกติแล้วข้อปฏิบัติในการใช้ยาที่มีส่วนผสมของยูเรีย 45% นั้นคือ มักจะให้ใช้สองครั้งต่อวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น [25]
    • ห้ามรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารยูเรียเป็นอันขาดและห้ามให้โดนบริเวณดวงตา จมูกและปาก [26]
    • เก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงของคุณ [27]
    • ถ้าคุณเผลอกลืนเข้าไปแล้วให้รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที (โทร 1646) หรือว่าโทรไปที่ศูนย์พิษวิทยาเพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทันที [28]
  6. คุณสามารถใช้หินพัมมิสที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถนำไปขัดเท้าได้มาขัดบริเวณหนังด้านเพื่อกำจัดผิวหนังที่ตายแล้วในบริเวณนั้นออกไปเสีย [29]
  7. การแช่เท้าลงในน้ำอุ่นสามารถช่วยให้ผิวหนังบริเวณตาปลาและหนังด้านนุ่มขึ้นได้ [33]
  8. พยายามทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่เท้าหรือว่ามือบ้างเพื่อที่จะช่วยให้ผิวหนังหนุ่มอยู่เสมอ [37]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

หาทางออกทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเกิดว่าคุณเป็นโรคเบาหวานคุณจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อทางกระแสเลือดมากกว่าคนอื่นเขา [39]
    • ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวานหรือโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาทหลายเส้นหรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนของเลือด คุณจะต้องรีบปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตาปลาและหนังด้านแทนที่จะรักษาเองที่บ้าน [40]
  2. ถ้าเกิดเริ่มเจ็บบริเวณที่เป็นตาปลาหรือหนังด้านและรูสึกว่ามันใหญ่ขึ้นให้คุณรีบปรึกษาคุณหมอทันที. ถึงแม้ว่าการเป็นตาปลาหรือมีหนังด้านนั้นไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรงมากนักแต่บางครั้งมันก็สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับคุณได้ [41]
  3. บางครั้งหูดก็อาจจะเกิดขึ้นบริเวณที่เป็นตาปลาหรือหนังด้านได้ [47]
  4. การติดเชื้อบริเวณตาปลาและหนังด้านเป็นไปได้น้อยมาก [49]
  5. สังเกตให้ดีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เท้าของคุณมีปัญหาผิดรูปร่าง. หลายๆ คนมีเท้าที่ผิดรูปร่างออกไปซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำๆ กับพวกเขาได้ เช่น ปัญหาในเรื่องของตาปลาและหนังหน้าด้าน [51]
  6. หนังด้านนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่บริเวณผิวหนังของฝ่ามือนั้นถูกกดทับ มันสามารถทำให้ผิวหนังนั้นแตกและติดเชื้อได้ [55]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันปัญหาจากตาปลาและหนังด้านในอนาคต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สาเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดตาปลาและหนังด้านนั้นก็คือการที่ผิวเกิดความระคายเคือง ถูกกดทับหรือมีการเสียดสีในจุดเดิมๆ เป็นระยะเวลานาน [59]
  2. รองเท้าที่ไม่พอดีสามารถที่จะเสียดสีบริเวณนิ้วเท้าและบริเวณข้างๆ เท้าได้ [61]
  3. การที่คุณใส่รองเท้าโดยที่ไม่ใส่ถุงเท้าอาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าคุณเกิดการเสียสีหรือถูกกดจากรองเท้าของคุณได้ [67]
    • พยายามใส่ถุงเท้าเพื่อป้องกันการกดทับและการเสียสีของผิวหนังอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะใส่คู่กับรองเท้าที่ถูกออกแบบมาให้ใส่คู่กับถุงเท้าเท่านั้น เช่น พวกรองเท้ากีฬาหรือรองเท้าทำงานและบูท [68]
    • พยายามอย่าใส่ถุงเท้าที่มีไซด์พอดีกับเท้าเพราะถ้าเกิดว่ามันแน่นเกินไปมันอาจจะทำให้นิ้วเท้าของคุณได้รับการเสียดสีหรือถูกบีบได้ ให้คุณใส่ถุงเท้าที่หลวมหน่อยๆ เพื่อที่จะสามารถมีที่ว่างให้เท้าของคุณเวลาที่คุณเดินได้และจะช่วยลดการเสียดสีและการถูกบีบลงได้อีกด้วย [69]
  4. ใช้เครื่องมืออื่นเข้ามาช่วยเหลือในการปกป้องเท้าของคุณ. ให้คุณใช้แผ่นยาแปะบนบริเวณที่มีตาปลา บนเท้าและบริเวณที่มีหนังด้านเกิดขึ้น [70]
  5. คุณควรจะใส่ถุงมือด้วยเพราะหนังด้านจะสามารถเกิดขึ้นในบริเวณที่มือของคุณได้รับการเสียดสี [72]
    โฆษณา
  1. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  2. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  3. http://www.drugs.com/condition/c.html
  4. http://www.drugs.com/condition/c.html
  5. http://www.drugs.com/condition/c.html
  6. http://www.drugs.com/condition/c.html
  7. http://www.drugs.com/condition/c.html
  8. http://www.drugs.com/condition/c.html
  9. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/salicylic-acid-topical-route/description/drg-20066030
  10. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/salicylic-acid-topical-route/description/drg-20066030
  11. http://www.drugs.com/mtm/dr-scholl-s-callus-removers.html
  12. http://www.drugs.com/mtm/dr-scholl-s-callus-removers.html
  13. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  14. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  15. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  16. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  17. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  18. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  19. http://www.drugs.com/pro/urea-45-cream.html
  20. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  21. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  22. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  23. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  24. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  25. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  26. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  27. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  28. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  29. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  30. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  31. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  32. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  33. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  34. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  35. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  36. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  37. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  38. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  39. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  40. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  41. http://familydoctor.org/familydoctor/en/health-tools/search-by-symptom/foot-problems.printerview.all.html
  42. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  43. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  44. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  45. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  46. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  47. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  48. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  49. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  50. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  51. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  52. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  53. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  54. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  55. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  56. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  57. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  58. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  59. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  60. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  61. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  62. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  63. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  64. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462
  65. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/corns-and-calluses/basics/definition/con-20014462

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 115,206 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา