ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พยาธิ (worms) ก็คือปรสิตที่เข้าไปแย่งอาหารในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น รวมถึงมนุษย์อย่างเราด้วย สาเหตุที่มักทำคุณติดพยาธิ ก็คือกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีพยาธิเข้าไป พยาธิมีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน บทความวิกิฮาวนี้จะพูดถึงลักษณะอาการทั่วไปที่มักพบเมื่อมีพยาธิ รวมถึงอาการเฉพาะเมื่อมีพยาธิตัวตืด (tapeworms), พยาธิเข็มหมุด (pinworms), พยาธิปากขอ (hookworms), พยาธิแส้ม้า (whipworms) และพยาธิตัวกลม (roundworms) ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านข้อแรกกันเลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

สังเกตอาการทั่วไปเมื่อมีพยาธิ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลามีพยาธิ ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นน้อยลงเพราะพยาธิแย่งไปหมด อาจทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ เพราะคุณกินอาหารในปริมาณปกติ แต่ร่างกายดูดซึมแคลอรี่และสารอาหารได้น้อยกว่าเดิม [1]
    • ถ้าน้ำหนักลดทั้งที่ไม่ได้ไดเอทอยู่ ก็ต้องคอยสังเกตให้ดี โดยเฉพาะถ้าลดลงเรื่อยๆ หรือลดเยอะผิดปกติ ต้องรีบไปหาหมอ
  2. ถ้าท้องผูกหาสาเหตุไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะติดพยาธิ พยาธิจะทำให้ลำไส้ระคายเคืองจนส่งผลต่อการย่อยอาหารและการขับถ่าย ร่างกายดูดซึมน้ำได้น้อยลง จนท้องผูกในที่สุด
    • เช่น ถ้าคุณกินอาหารไฟเบอร์สูง ดื่มน้ำเยอะ หรืออื่นๆ ที่ทำให้ขับถ่ายปกติ แต่ก็ยังอึไม่ออก เป็นไปได้มากว่าคุณติดพยาธิเข้าให้แล้ว
  3. ท้องอืดเหมือนแก๊สเยอะ หลังไปในสถานที่ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย. ถ้าคุณเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะที่พยาธิระบาด แล้วอยู่ๆ เกิดท้องอืด แน่นท้อง เหมือนมีแก๊สในกระเพาะอาหาร เป็นไปได้มากว่าน่าจะติดพยาธิ รวมถึงมีอาการปวดท้องด้วย [2]
    • ถ้าไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศแล้วท้องเสีย กินยาแก้ท้องเสียไปแล้ว ต้องเฝ้าระวังอาการปวดท้องท้องอืด ถ้าหลังกินยาก็ยังมีอาการ เป็นไปได้ว่าคุณติดพยาธิ
  4. เวลามีพยาธิ คุณอาจหิวโหยผิดปกติทั้งที่เพิ่งกินไป หรืออีกทีคืออิ่มจัดทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง
    • นั่นเพราะพยาธิไปแย่งอาหารที่คุณกินเข้าไป ปล่อยให้คุณที่เป็นเจ้าของร่างหิวโซ ขณะเดียวกันก็ทำคุณรู้สึกคลื่นไส้ ท้องอืด เลยเหมือนจะอิ่มทั้งที่สารอาหารไม่พอ
  5. เวลามีพยาธิ คุณจะถูกแย่งสารอาหารจากของที่กินเข้าไป จนโหย เหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้อง ขณะเดียวกัน พอขาดสารอาหาร ก็ไม่ค่อยมีแรงทำอะไร เหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย [3] จนอาจมีอาการ
    • เหนื่อยตลอดเวลา
    • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ทั้งที่ไม่ค่อยได้ทำอะไร หรือออกแรงแค่นิดหน่อย
    • อยากนอนทั้งวัน ไม่อยากทำอะไร
  6. คนมีพยาธิจะแสดงอาการแตกต่างกันไป ที่น่ากลัวคือบางคนก็ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาเลย เพราะงั้นหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศหรือต่างจังหวัดที่ออกจะกันดารหน่อยหรือมีพยาธิระบาด ควรไปหาหมอตรวจสุขภาพกันไว้ก่อน ดีกว่ามารู้ทีหลังตอนเป็นเยอะแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

สังเกตอาการเมื่อมีพยาธิตัวตืด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณติดพยาธิตัวตืด (tapeworm) มักจะสังเกตเห็นพยาธิหลังขับถ่าย หรือตามซอกกางเกงชั้นใน ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ต้องรีบไปหาหมอทันที [4] หน้าตาของพยาธิตัวตืดก็คือ
    • ตัวยาว แบน เป็นปล้อง
    • สีขาวขุ่น
  2. อีกวิธีสังเกตว่าตัวเองมีพยาธิตัวตืดหรือเปล่า ก็คือส่องกระจก สำรวจสีตาและผิวของตัวเอง เพราะพยาธิตัวตืดจะดูดเลือดคุณจนเลือดน้อย ร่างกายเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก (iron deficiency) พอเลือดจางเลือดน้อย ก็แน่นอนว่าสีผิวกับดวงตาคุณจะซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
    • พอปริมาณเลือดลดลงเพราะพยาธิตัวตืด ก็อาจเกิดภาวะโลหิตจางได้ด้วย (anemic/anemia) อาการก็เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อ่อนเพลีย หายใจติดขัด วิงเวียน และไม่มีสมาธิจดจ่อ [5]
  3. เพราะพยาธิตัวตืดจะไปปิดกั้นท่อและช่องต่างๆ ในลำไส้และผนังลำไส้ พอลำไส้อุดตัน ก็เลยปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน
    • อาการปวดท้องที่ว่า จะอยู่บริเวณหน้าท้องส่วนบน
  4. พยาธิตัวตืดจะจู่โจมผนังลำไส้เล็ก ทำให้เกิดการอักเสบ กระตุ้นให้ผนังลำไส้หลั่งของเหลวออกมา ถ้าเยอะเกินไป ร่างกายจะดูดซึมไม่ทัน จนคุณท้องเสียในที่สุด
  5. ต้องระวัง เพราะไม่ใช่อาการปกติที่พบบ่อย มักเกิดเฉพาะกับคนที่ติดพยาธิตืดปลา (fish tapeworms) เพราะจะไปแย่งวิตามินบี 12 แทบทั้งหมดจากร่างกาย จนคุณเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 (megaloblastic anemia) [6] พอจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำแล้ว ก็จะเกิดอาการ
    • วิงเวียน
    • จำอะไรไม่ค่อยได้
    • ความจำเสื่อม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

สังเกตอาการเมื่อมีพยาธิเข็มหมุด (หรืออีกชื่อคือพยาธิเส้นด้าย)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยาธิเข็มหมุด (pinworms) หรืออีกชื่อคือพยาธิเส้นด้าย (threadworms) ทำให้ผิวหนังคุณระคายเคืองได้ เพราะพยาธิเข็มหมุดจะปล่อยสารพิษเข้ากระแสเลือดคุณ ถ้าสะสมในผิวหนังมากๆ จะทำให้คัน อาการเหมือน eczema หรือผื่นผิวหนังอักเสบ [7]
    • ยิ่งตกดึกยิ่งคัน เพราะเป็นช่วงที่พยาธิวางไข่
    • จะคันเป็นพิเศษแถวทวารหนัก เพราะพยาธิจะวางไข่แถวนั้น
  2. คุณอาจมีอาการนอนไม่หลับหรือตื่นกลางดึกบ่อยจนผิดปกติ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่ามีพยาธิเข็มหมุด เพราะไข่พยาธิจะปล่อยสารพิษเข้ากระแสเลือด ต่อไปยังสมอง จนไปรบกวนการทำงานของสมองได้ [8]
    • พอนอนไม่หลับ เลยหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน อยู่ๆ ก็วิตกกังวล ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เพิ่งหัวเราะอยู่หยกๆ
  3. นอกจากทำให้คันและนอนไม่หลับแล้ว สารพิษจากไข่พยาธิยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อและข้อด้วย เพราะสารพิษเดินทางไปถึงส่วนที่ว่า จนเกิดอาการ
    • กล้ามเนื้อและข้ออักเสบ
    • ปวดหรือปวดตื้อๆ
  4. ถ้าอยู่ๆ ก็กัดฟันกรอดๆ ตอนนอนแบบไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นสัญญาณว่าคุณติดพยาธิเข็มหมุดเข้าให้แล้ว เพราะสารพิษจากพยาธิจะไปกระตุ้นให้เกิดความเครียด วิตกกังวล จนเผลอกัดฟันตอนหลับสนิท สัญญาณที่บอกว่าคุณนอนกัดฟันก็คือ [9] :
    • ฟันสึกหรือบิ่น
    • เสียวฟันอย่างที่ไม่เคยเป็น
    • ปวดกราม
    • เมื่อยกราม
    • ปวดหู หรือปวดหัว
    • กัดโดนลิ้นและกระพุ้งแก้มเป็นแผล
  5. ถ้ามีอาการชักเกร็งหรือเคยเป็นมาก่อน ให้ไปหาหมอ. ถ้าเคสร้ายแรง พิษของพยาธิเข็มหมุดจะทำให้คุณถึงขั้นชักเกร็งได้ เพราะพิษไปรบกวนการทำงานของสมอง ชักแล้วจะมีอาการดังต่อไปนี้ [10] :
    • แขน ขา หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายกระตุกหรือสะบัด
    • เบลอๆ มึนๆ
    • กลั้นฉี่หรืออึไม่ได้
    • สับสนมึนงง หรือจำอะไรไม่ค่อยได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

สังเกตอาการเมื่อมีพยาธิปากขอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าติดพยาธิปากขอ (hookworms) อาการแรกที่ปรากฏ ก็คือคันผิดปกติ ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นหลังตัวอ่อนพยาธิเจาะผ่านผิวหนังคุณเข้าไป นอกจากนี้ก็อาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่รู้สึกคันมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็เป็นเพราะตัวอ่อนพยาธิเข้าสู่ผิวหนังเช่นกัน [11]
    • บริเวณที่คนมีพยาธิปากขอมักเกิดอาการคัน ก็คือตามมือและเท้า
  2. พยาธิปากขอเข้าลำไส้แล้วทำให้เกิดการระคายเคือง คุณเลยรู้สึกคลื่นไส้และท้องเสีย นอกจากนี้พยาธิปากขอยังปล่อยสารพิษรบกวนระบบย่อยอาหารด้วย อาการคลื่นไส้ที่ว่า มีทั้งแบบอาเจียนและไม่อาเจียน
    • อาจขับถ่ายมีเลือดปน สีออกแดงหรือดำ
  3. พยาธิปากขอทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการระคายเคือง ทั้งกับผนังลำไส้ใหญ่ตอนต้น (caecum) ลำไส้ใหญ่ (colon) และไส้ตรง (rectum) ทั้งหมดนี้ทำให้คุณปวดเกร็ง เป็นตะคริวท้องได้
  4. มักเกิดเฉพาะเคสที่รุนแรงจริงๆ โดยพยาธิปากขอจะดูดเลือดคุณจนเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมีอาการดังต่อไปนี้ [12] :
    • อ่อนเพลียมาก ไร้เรี่ยวแรง
    • สีตาสีผิวซีดลง
    • เจ็บหน้าอกและปวดหัว
    • หายใจติดขัด
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

สังเกตอาการเมื่อมีพยาธิแส้ม้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาการแบบนี้เขาเรียก tenesmus คือปวดเบ่ง เหมือนขับถ่ายไม่สุด นั่นเพราะภูมิต้านทานของคุณพยายามขับสิ่งมีชีวิตแปลกปลอม หรือในที่นี้ก็คือพยาธิ ออกไปจากร่างกาย เลยทำให้ทางเดินอาหารอักเสบ และเพราะอาการอักเสบในกระเพาะและลำไส้นี่แหละ ที่ทำให้คุณขับถ่ายยากกว่าปกติ จนเกิดอาการปวดเบ่ง เหมือนปวดอึตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้ขับถ่ายออกมาแล้ว [13] อาการที่พบได้คือ
    • ปวดเกร็ง
    • เจ็บทวารหนัก
    • ตะคริว
  2. พยาธิแส้ม้า (whipworms) ทำให้ลำไส้อุดตันได้ รวมถึงผนังลำไส้และช่องทางของลำไส้ด้วย [14] พอลำไส้อุดตันแล้วจะมีอาการ
    • ตะคริวท้อง
    • คลื่นไส้
    • อาเจียน
  3. พยาธิแส้ม้าจะฝังหัวลงไปในผนังลำไส้ จนทำให้น้ำในลำไส้เพิ่มขึ้น แต่ลำไส้กลับดูดซึมน้ำได้น้อยลง เป็นผลให้เกิดอาการ [15]
    • ท้องเสีย
    • ขาดน้ำ หรือหิวน้ำตลอดเวลา
    • สูญเสียเกลือแร่และสารอาหาร
  4. พยาธิแส้ม้าจะทำให้กล้ามเนื้อภายในของไส้ตรงอ่อนแรง พยุงตัวไว้ไม่ได้และปลิ้นออกมา ที่เป็นแบบนั้นเพราะพยาธิจะฝังหัวเรียวๆ ในผนังลำไส้ เลยทำให้กล้ามเนื้อลำไส้อ่อนแรง จนเกิดภาวะไส้ตรงปลิ้นได้ในที่สุด [16] อาการที่พบคือ
    • ไส้ตรง (ส่วนล่างของลำไส้) ที่ปกติจะอยู่ในทวารหนัก จะปลิ้นยื่นออกมาด้านนอกเล็กน้อย [17]
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

สังเกตอาการเมื่อมีพยาธิตัวกลม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยาธิตัวกลม (roundworms) ทำลำไส้คุณอุดตันได้ เพราะมีลำตัวหนา บางทีก็หนาได้เท่าๆ กับแท่งดินสอเลย พอลำไส้อุดตันแล้ว จะทำให้คุณปวดท้องรุนแรงได้ [18] อาการที่พบคือ
    • ปวดท้อง โดยปวดเกร็งเหมือนตะคริวที่ไม่ยอมหาย
  2. ไข่ของพยาธิตัวกลมจะปล่อยสารพิษเข้าร่างกายคุณ เลยทำให้คันแถวๆ ทวารหนักขึ้นมา
    • ตอนกลางคืนจะคันมากเป็นพิเศษ เพราะพยาธิจะวางไข่ช่วงนั้น ตอนที่คุณกำลังหลับสบาย
  3. รีบไปหาหมอ ถ้ามีพยาธิออกมาตอนสั่งน้ำมูกหรือขับถ่าย. ระหว่างพยาธิตัวกลมขยายพันธุ์ บางทีก็ออกมานอกร่างกายคุณเพื่อหาร่างใหม่ ซึ่งพยาธิก็จะโผล่มาตามช่องเปิดต่างๆ ของร่างกาย แต่ที่พบบ่อยที่สุดก็คือ
    • ปาก
    • จมูก
    • ทวารหนัก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คนที่มีพยาธิแส้ม้าในตัวไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแสดงอาการผิดปกติ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าสังหรณ์ใจว่าตัวเองน่าจะมีพยาธิ ให้รีบไปหาหมอ จะได้รักษาแต่เนิ่นๆ
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Ridley, J. W. (2012). Parasitology for medical and clinical laboratory professionals. Clifton Park, N.Y: Delmar.
  2. Despommier, D. D. (2013). People, parasites, and plowshares: Learning from our body's most terrifying invaders.
  3. Ridley, J. W. (2012). Parasitology for medical and clinical laboratory professionals. Clifton Park, N.Y: Delmar.
  4. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tapeworm/basics/symptoms/con-20025898
  5. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-anemia-symptoms
  6. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001375.htm
  7. Selendy, J. M. H. (2011). Water and sanitation-related diseases and the environment: Challenges, interventions, and preventive measures. Hoboken, N.J: Wiley-Blackwell.
  8. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pinworm/basics/symptoms/con-20027072
  9. https://moorefamilydentist.com/10-signs-grinding-teeth

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,843 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา