ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คำว่า "เด็กปีหนึ่งเวอร์ชัน 7.0" นั้นเป็นการพูดถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในระยะเริ่มแรกที่นักศึกษาปีหนึ่งหลายคนประสบ [1] บางครั้งก็อาจจะน้อยกว่า 7 กิโลกรัมนิดหน่อยหรือมากกว่า 7 กิโลกรัมอยู่มาก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยอาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ที่พบส่วนใหญ่ก็จะเป็นการรับประทานของขบเคี้ยวมากขึ้น การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมเคลื่อนไหวน้อยลง และการเข้าถึงแผนการรับประทานอาหารได้ "ไม่จำกัด" [2] แม้ว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุก ได้เรียนรู้ และได้คบหาเพื่อนฝูงที่จะคบกันไปตลอดชีวิต ปัจจัยเหล่านี้ก็อาจทำให้ใครหลายคนกลายเป็น "เด็กปีหนึ่งเวอร์ชัน 7.0" ได้ คุณสามารถหลีกเลี่ยงหรือทำให้น้ำหนักขึ้นน้อยที่สุดได้ด้วยการปรับกรอบความคิดของตัวเองและวางแผนการรับประทานอาหาร ใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง และสนุกไปกับกิจกรรมเข้าสังคม การเปลี่ยนแปลงแค่ไม่กี่อย่างสามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักตัวที่ดีต่อสุขภาพไว้ได้ โดยที่คุณก็ยังได้สนุกไปกับชีวิตในมหาวิทยาลัยด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่มหาวิทยาลัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายมหาวิทยาลัยมีนักโภชนาการ พยาบาล หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอื่นๆ ที่สามารถให้ความรู้และแนะแนวทางให้คุณรับประทานอาหารและมีน้ำหนักตัวที่ดีต่อสุขภาพได้ เดินไปที่แผนกสุขภาพนักศึกษา (หรือดูในเว็บไซต์) ว่ามีบริการไหนให้นักศึกษาบ้าง
    • ร่วมมือกับนักโภชนาการเพื่อหาแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะกับคุณ พิจารณาตาราง แผนการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ และทางเลือกในการรับประทานอาหารที่คุณพอใจ พวกเขาสามารถแนะนำแผนการรับประทานอาหารและบอกได้ว่า คุณจะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในมหาวิทยาลัยได้อย่างไร
    • แผนกสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของนักศึกษาให้บริการต่างๆ แก่นักศึกษาฟรีหรือในราคาที่ถูกมากๆ
  2. คุณต้องรับประทานอาหารให้สม่ำเสมอตลอดทั้งวัน คุณอาจจะเลือกรับประทานวันละ 3 มื้อหรือ 4 – 5 มื้อเล็กๆ ตลอดทั้งวันก็ได้ [3] แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็แล้วแต่ คุณต้องรับประทานอาหารแต่ละมื้อเป็นประจำเพื่อช่วยเติมพลังงานตลอดช่วงคาบเรียนที่ยาวนานและช่วงเวลาทำงานส่ง
    • การรับประทานอาหารเป็นประจำสม่ำเสมอช่วยตุนเสบียงพลังงานเสถียรให้กับร่างกายและสมองของคุณ การข้ามมื้ออาหารหรือปล่อยให้มีช่องว่างระหว่างมื้อมากเกินไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดตก ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย จิตใจมึนงง และสมาธิสั้น [4]
    • ถ้าคุณมีเวลาไม่มาก คุณสามารถซื้ออาหารง่ายๆ จากโรงอาหารใส่กล่องไปรับประทานที่อื่นได้
    • คุณจะรับประทานบ่อยแค่ไหนหรือเมื่อไหร่นั้นก็มักจะขึ้นอยู่กับตารางเรียนและตารางกิจกรรม กำหนดว่ามื้อไหนที่คุณต้องรับประทานที่บ้าน มื้อไหนที่โรงอาหาร หรือมื้อไหนที่คุณต้องเตรียมอาหารใส่กล่องหรือของขบเคี้ยวไปเอง
    • นอกจากนี้คุณก็อาจจะต้องเขียนแผนการรับประทานอาหารด้วย เพื่อช่วยให้คุณทำตามตารางได้ตลอดทั้งสัปดาห์ วิธีนี้จะทำให้คุณรู้ว่า มีช่วงเรียนตอนไหนบ้างที่คุณต้องเตรียมของขบเคี้ยวไปเอง หรือเมื่อไหร่ที่คุณสามารถซื้ออาหารง่ายๆ จากโรงอาหารได้
    • จดช่วงคาบเรียนยาวๆ หรือช่วงเวลาทำงานส่งด้วย อย่าลืมติดอาหารมื้อเล็กๆ หรือขนมไปด้วยถ้าคุณรู้ว่าคุณไม่มีเวลาพักให้ออกมาซื้ออาหาร
  3. หลายมหาวิทยาลัยมีแผนการรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมให้แก่นักศึกษา คุณสามารถเข้าถึงอาหารต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งจะทำให้คุณได้บริโภคอาหารที่สมดุลเกือบทุกวัน เวลาที่คุณเลือกอาหาร อย่าลืมเลือก :
    • โปรตีนไขมันน้อย โปรตีนช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย อิ่มท้อง และช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักหรือการรักษาน้ำหนักตัว [5] อาหารที่มีโปรตีนไขมันน้อยได้แก่ สัตว์ปีก ไข่ เนื้อวัวไม่ติดมัน ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ เต้าหู้ ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วมีฝัก เลือกที่ไม่ทอดหรือปรุงสุกด้วยเนยหรือน้ำมันเยอะเพื่อลดพลังงานที่ร่างกายได้รับ
    • ผักและผลไม้ อาหารที่ให้พลังงานเพียงเล็กน้อยเหล่านี้คือส่วนสำคัญของการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะผักและผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุส่วนใหญ่ที่ร่างกายต้องการ เลือกรับประทานผักและผลไม้ให้หลากหลายในแต่ละวัน และอย่าลืมเลือกให้หลากสีด้วย
    • ธัญพืชเต็มเมล็ด เวลาที่เลือกธัญพืช พยายามเลือกธัญพืชเต็มเมล็ด 100% เพราะมีใยอาหารและสารอาหารอื่นๆ มากกว่าเมื่อเทียบกับธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว หรือพาสต้าแบบธรรมดา [6] เลือกรับประทานข้าวกล้อง ควินัว หรือขนมปังและพาสต้าเต็มเมล็ด 100%
  4. ถ้าเป็นไปได้ให้ตุนอาหารที่ดีต่อสุขภาพไว้ที่หอเผื่อไว้สำหรับมื้อที่เร่งรีบและเอาไว้เป็นของขบเคี้ยว ถึงคุณจะวางแผนอาหารหรือแผนการรับประทานอาหารแล้วก็ตาม การมีอาหารที่ดีต่อสุขภาพติดบ้านไว้ก็ช่วยให้คุณสามารถทำตามแผนการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้
    • ถ้าในห้องของคุณมีตู้เย็นเล็กๆ ให้แช่อาหารที่ดีต่อสุขภาพต่อไปนี้ติดไว้ ชีสสติกไขมันต่ำ โยเกิร์ตไขมันต่ำหรือคอตเตจชีสที่ขายแยกเป็นถ้วยๆ ผักดิบหั่นชิ้น น้ำสลัดไขมันต่ำ ฮัมมัส และเนื้อสัตว์สำเร็จรูปไขมันต่ำ
    • นอกจากนี้ให้ตุนอาหารแห้งและอาหารที่เก็บไว้ได้นานไว้ที่หอด้วย เช่น ข้าวโอ๊ต ซีเรียลที่มีใยอาหาร/โปรตีนสูง ขนมปัง/แผ่นแป้งโฮลวีต เนยถั่ว ซีเรียลชนิดแท่งที่มีโปรตีนสูง ซุปกระป๋องไขมันต่ำ/โซเดียมต่ำ และถั่วเปลือกแข็ง
  5. พยายามดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร [7] การพกขวดน้ำแบบเติมได้ติดตัวช่วยให้คุณคว้าน้ำมาดื่มได้ง่ายและช่วยให้คุณทำตามเป้าหมายในแต่ละวันได้
    • ของเหลวอื่นๆ ที่ช่วยรักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำได้แก่ เครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล เครื่องดื่มชนิดผงปราศจากน้ำตาล กาแฟและชาที่ไม่มีกาเฟอีน และเครื่องดื่มเกลือแร่ที่ไม่มีแคลอรี
  6. การเลือกรับประทานแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพตลอดเวลาที่อยู่มหาวิทยาลัยนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมีอาหารล่อตาล่อใจมากมายทั้งที่โรงอาหาร ปาร์ตี้ และตอนติวหนังสือเป็นกลุ่ม การเลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันและแคลอรีสูงเหล่านี้ให้ดีอาจช่วยไม่ให้น้ำหนักขึ้นมากนัก
    • เมื่อไหร่ที่ทำได้ ให้คุณเลือกว่าจะสั่งอะไรหรือเอาอาหารที่ดีต่อสุขภาพไปในปาร์ตี้ที่ต่างคนต่างเอาอาหารมาแบ่งกัน เช่น เอาสลัดผลไม้หรืออาหารจานผักไปงานปาร์ตี้
    • อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้อาหารขยะดีต่อสุขภาพเล็กน้อยก็คือ สั่งพิซซาแป้งบางกรอบ ใส่ชีสแค่ครึ่งหนึ่งและเพิ่มผักโรยหน้า สั่งเมนูเด็กที่ร้านอาหารจานด่วนแทนที่จะสั่งชุดเมนูผู้ใหญ่ ลิ้มรสอาหารจานหลักที่มีแคลอรีสูงอย่างเบอร์เกอร์ แต่ให้สั่งสลัดเป็นเครื่องเคียงแทนเฟรนช์ฟราย ไม่อย่างนั้นก็สั่งอาหารเรียกน้ำย่อยหรือสั่งไซส์ครึ่งหนึ่งจากไซส์ปกติก็ได้
  7. แอลกอฮอล์เป็นแหล่งพลังงานส่วนเกินที่พบได้ทั่วไปสำหรับนักศึกษา นอกจากนี้พลังงานส่วนเกินที่ว่านี้ยังเป็น "พลังงานว่างเปล่า" ที่ไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายด้วย [8]
    • ถ้าคุณอายุ 21 ปี ให้เลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แคลอรีต่ำอย่าง เบียร์แคลอรีต่ำหรือคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไวน์ หรือเครื่องดื่มผสมที่มีเหล้า 30 มล. ไม่ผสมน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มรสหวานอื่นๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ให้พลังงาน 100 แคลอรีต่อ 1 ดริงค์ [9]
    • เครื่องดื่มที่ควรเลี่ยงได้แก่ เบียร์ที่มีแคลอรีสูง ไวน์สปริตเซอร์ และเครื่องดื่มผสม
    • ถ้าคุณถึงวัยดื่มได้ตามกฎหมาย ผู้หญิงไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินวันละ 1 ดริงค์ และผู้ชายไม่ควรเกินวันละ 2 ดริงค์ [10]
    • นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังยับยั้งการใช้เหตุผลและความสามารถในการตัดสินใจให้ดี จึงอาจทำให้คุณรับประทานอาหารขยะที่มีไขมันสูงได้ [11]
  8. นักศึกษาหลายคนนอนดึกเพราะว่าต้องทำงานส่งหรือกลับบ้านดึกเพราะกิจกรรมเข้าสังคม เนื่องจากคุณเว้นช่วงจากการรับประทานมื้อล่าสุดมาสักพักแล้ว คุณจึงอาจจะอยากรับประทานของขบเคี้ยวหรือรับประทานอาหารอีกรอบก่อนนอน
    • อาหารหรือของขบเคี้ยวที่เพิ่มมานี้ทำให้คุณได้รับพลังงานจำนวนมากในวันนั้น และทำให้น้ำหนักขึ้นหรือลดน้ำหนักได้ช้า [12]
    • พยายามงดของขบเคี้ยวหรืออาหารมื้อดึกไปเลย ถ้าไม่ได้ ให้รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ หรือเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพแทน เช่น ถ้าทุกคนสั่งพิซซา ก็ให้รับประทานแค่ชิ้นเดียวหรือเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่คุณตุนไว้ที่หอ (อย่างชีสสติกกับแอปเปิล)
    • พกของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพไว้ในเป้หรือกระเป๋าสะพาย เช่น แท่งกราโนลา ชีส และแครกเกอร์ เป็นต้น
    • รับประทานอาหารให้เพียงพอก่อนออกไปท่องราตรี คุณอาจจะอยากรับประทานมื้อเย็นน้อยๆ แต่นั่นอาจทำให้คุณไปรับประทานของขบเคี้ยวทีหลังถ้าคุณออกไปข้างนอกตอนท้องว่าง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ชีวิตกระฉับกระเฉงในรั้วมหาวิทยาลัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดวิชาพละให้คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ วิชาพละเหล่านี้มักจะสอนคุณเกี่ยวกับกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย กิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายประเภทต่างๆ และวิธีที่จะทำกิจกรรมนั้นได้อย่างปลอดภัย
    • โดยทั่วไปวิชาพละจะมีทั้งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ และการยืดหยุ่น วิชาเหล่านี้มีกิจกรรมที่หลากหลายและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น
    • วิชาพละที่หลายมหาวิทยาลัยเปิดให้ลงทะเบียนได้แก่ วิชาเพาะกาย เต้น ศิลปะป้องกันตัว การออกกำลังกายในน้ำ โยคะ และวิชาพละพื้นฐานหรือเบื้องต้น [13]
  2. ใช้ประโยชน์จากโรงยิมของมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยน่าจะมีโรงยิมใหญ่ๆ ให้คุณได้ไปออกกำลังกายกันแบบฟรีๆ ลองไปวิ่งบนลู่วิ่ง วิ่งบนเครื่องวิ่งแบบวงรี สระว่ายน้ำ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้
    • ในแต่ละสัปดาห์คุณควรออกกำลังกายทั้งแบบคาร์ดิโอและแบบฝึกกล้ามเนื้อ คุณควรพยายามออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาทีและออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อให้ได้สัปดาห์ละ 2 วัน [14]
    • ถ้ามหาวิทยาลัยไม่มีโรงยิมหรือไม่มีวิชาที่สอนการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ก็ยังมีฟิตเนสในละแวกมหาวิทยาลัยอีกมากมายที่ให้ส่วนลดแก่นักศึกษาที่แสดงบัตรนักศึกษา
  3. หลายมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมเพิ่มเติมเพื่อให้นักศึกษากระฉับกระเฉงและได้เข้าสังคมมากขึ้น การเข้าร่วมชมรมหรือทีมกีฬาภายในอาจทำให้คุณได้สนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่กระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น [15]
    • เข้าหน้าเพจกิจกรรมนักศึกษาหรือรายชื่อชมรมต่างๆ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยมีทีมกีฬาไหนบ้าง กีฬาแต่ละประเภทอาจมีมากกว่า 1 ทีมเพื่อรองรับความสามารถในระดับที่ต่างกัน
    • ชมรมกีฬาที่มักจะมีอยู่ในมหาวิทยาลัยได้แก่ ฟุตบอล เบสบอล บาสเก็ตบอล เทนนิส หรือแม้กระทั่งมวยไทย
  4. วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณได้เคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นวิธีหนึ่งก็คือ การเดินไปและเดินกลับจากตึกเรียน ถ้าคุณสามารถเดินได้และมันปลอดภัย ให้เดินไปตึกเรียนโดยใช้เส้นทางที่ไกลกว่า หรือเดินไปเรียนแทนการขับรถหรือขึ้นรถเมล์
    • นอกจากนี้คุณอาจจะลองคิดดูว่าจะซื้อเครื่องนับก้าวมาใช้ด้วยไหม เพื่อดูว่าในแต่ละวันคุณเดินกี่ก้าว ใช้โอกาสนี้ในการวางแผนเพิ่มจำนวนก้าวเข้าไปในกิจวัตร
  5. ถ้าคุณไม่สามารถไปโรงยิมได้หรือไม่สามารถเดินไปเรียนให้ไกลกว่านี้ได้ ลองออกกำลังกายในหอ มีวิธีออกกำลังกายมากมายที่คุณสามารถทำได้ในพื้นที่เล็กๆ โดยใช้อุปกรณ์แค่ไม่กี่ชิ้นหรือไม่ใช้เลย
    • ซื้อชุดยางยืดออกกำลังกายหรือดัมบ์เบลล์น้ำหนักเบา (ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ไม่แพงเลย) มีการออกกำลังการหลายแบบที่คุณสามารถทำได้โดยใช้อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้คุณได้เหงื่อออกสักหน่อยและสร้างมวลกล้ามเนื้อไร้ไขมันด้วย [16] การออกกำลังกายที่ควรทำได้แก่ ย่อขา (Lunges) วิดพื้น ซิตอัพ ใช้ดัมเบลล์บริหารแขนท่อนบน (Bicep Curls) ใช้ดัมเบลล์บริหารไหล่ (Shoulder Raises) หรือใช้ดัมเบลล์บริหารกล้ามเนื้อหลังแขน (Tricep Dips)
    • การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอก็เช่น ย่อขา (Lunges) กระโดดตบ ยกเข่า (Knee Raises) หรือวิ่งอยู่กับที่
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถหาวิดีโอออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ใช้อุปกรณ์หรือพื้นที่เล็กน้อยหรือไม่ใช้เลยทางออนไลน์ได้ฟรี
    • ลองสลับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอกับการออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้ออกกำลังกายหลายๆ อย่าง [17]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รักษารูปแบบการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในมหาวิทยาลัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรักษารูปแบบการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหรือแผนการลดน้ำหนักในมหาวิทยาลัยอาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้มีรูปแบบการรับประทานอาหารหรือใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเหมือนเรา การพูดคุยกับนักบำบัดประจำมหาวิทยาลัยอาจช่วยให้คุณได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมและได้ความมั่นใจในการที่จะรักษาแผนการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพไว้ได้
    • หลายมหาวิทยาลัยมีบริการให้คำปรึกษาฟรีหรือในราคาที่ถูกมากๆ แก่นักศึกษา ติดต่อแผนกสุขภาพประจำมหาวิทยาลัยเพื่อสอบถามว่า มีบริการแบบใดบ้างและราคาเท่าไหร่
    • พูดคุยกับนักบำบัดพฤติกรรมเกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพของคุณ อุปสรรคที่คุณมี และความยากลำบากที่คุณเจอ นักบำบัดจะสามารถฝึก แนะแนวทาง และให้การสนับสนุนคุณได้
  2. การนอนนั้นสำคัญมากกับการรักษาน้ำหนักตัวที่ดีต่อสุขภาพและช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก [18] ลองเข้านอนให้เร็วมากพอที่คุณจะได้นอนพักผ่อน 7 – 9 ชั่วโมงเต็มๆ ก่อนตื่นไปเรียนคาบแรก
    • การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอยังช่วยในเรื่องของความจำ ความสามารถในการจดจำและนึกถึงข้อมูลใหม่ๆ และอาจช่วยพัฒนานิสัยการเรียนและเพิ่มเกรดให้คุณด้วย [19]
  3. มีหลายเหตุผลมากว่าทำไมชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจึงมีความเครียดสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสอบ ต้องอยู่ในหอแคบๆ กับรูมเมต หรือวิชายากๆ คุณต้องจัดการและรับรู้ถึงความเครียดของตัวเอง เพราะความเครียดระดับสูงนั้นอาจทำให้คุณรับประทานของขบเคี้ยวมากขึ้นหรือบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง [20]
    • ถ้าคุณสังเกตว่าคุณมีความเครียดเพิ่มมากขึ้น พยายามผ่อนคลายและบรรเทาความเครียดให้ตนเองด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจ เช่น โยคะ ทำสมาธิ ออกกำลังกาย คุยกับเพื่อนหรือนักบำบัด หรือฟังเพลง
    • ถ้าคุณสังเกตว่าตัวเองออกไปหาของกินเวลาที่คุณเครียด พยายามเลือกของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าแทน เช่น แคร์รอตดิบกับฮัมมัส แอปเปิลกับเนยถั่ว หรือกรีกโยเกิร์ตถ้วยเล็กๆ
  4. มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวมเพื่อนหลากหลายประเภทที่มีความสนใจร่วมกันกับคุณ นอกจากนี้นักศึกษาคนอื่นๆ ก็อาจกำลังต่อสู้กับการเป็น "เด็กปีหนึ่งเวอร์ชัน 7.0" และอยากจะวางแผนรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเหมือนกัน
    • งานวิจัยพบว่า คนที่มีกลุ่มสนับสนุนที่จริงจังนั้นสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายกว่าและสามารถรักษาน้ำหนักนั้นไว้ได้ในระยะยาว เพราะกลุ่มสนับสนุนจะช่วยให้คุณมีกำลังใจและมีแรงกระตุ้นที่จะลดน้ำหนักต่อไป [21]
    • ถามเพื่อนๆ หรือรูมเมตว่า พวกเขาสนใจจะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพกับคุณและจริงจังกับมันมากขึ้นไหม การหาแนวร่วมจะทำให้คุณสนุกและเพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
    • นอกจากนี้ให้เช็กชมรมในมหาวิทยาลัยหรือรายชื่อกลุ่มว่า มีชมรมไหนที่เน้นเรื่องการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สารอาหาร หรือกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตุนของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้คุณต้องเดินออกไปเซเว่นตอนกลางคืน ถึงคุณจะรู้สึกว่านานๆ ไปที แต่มันก็อาจจะไปถี่ขึ้นได้
  • ใช้บริการที่มหาวิทยาลัยจัดให้นักศึกษาแบบฟรีๆ หรือในราคาถูกให้มากที่สุด ทางมหาวิทยาลัยอาจจะมีโปรแกรมสุขภาพและการรับประทานอาหารที่หลากหลายสำหรับนักศึกษา
  • ถ้าคุณจะเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพบ้างก็ไม่เป็นไร อย่ารู้สึกผิดที่จะสนุกไปกับการรับประทานพิซซาในบางคืนหรือไปปาร์ตี้ไอศกรีม แค่แน่ใจว่าตัวเองเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพเสียเป็นส่วนใหญ่ก็พอ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,681 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา