ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โอเค คุณตัดสินใจแล้วว่าจะต้องกลายเป็นคนมีชื่อเสียงให้ได้! การมีชื่อเสียงนั้นนำมาซึ่งสิ่งดีๆ มากมาย และคุณจะได้รู้เองว่ามีหนทางมากมายที่จะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดคือการหาความสามารถพิเศษของตัวเองให้เจอ จากนั้นคุณก็ค่อยโฆษณาตัวเองและความสามารถพิเศษของคุณต่อสายตาชาวโลก สร้างรากฐานให้ตัวเองจากนั้นก็ทำให้ตัวเองโด่งดังในที่สุด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

หาหนทางสู่การมีชื่อเสียง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชื่อเสียงนั้นมีหลายระดับ เช่น คุณอาจดังในโรงเรียนหรือที่ทำงาน อาจจะโด่งดังในจังหวัดบ้านเกิดหรือในประเทศ หรืออาจจะไปให้สุดโดยการไขว่คว้าชื่อเสียงระดับโลก แต่ละระดับล้วนมีข้อดีข้อเสียของมันเอง จึงขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากได้ชื่อเสียงขนาดไหน
  2. ลองคิดดูว่าชีวิตของคุณและคนอื่นๆ ในโลกประสบปัญหาอะไรบ้าง หากคุณสามารถคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อนได้ คุณอาจกลายเป็นคนดังเพราะเรื่องนี้ได้ [1]
    • ตัวอย่างเช่น สตีฟ จ็อบส์ กลายเป็นคนดังเมื่อคิดค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ Apple ต้นแบบได้สำเร็จ
    • ลองคิดถึงปัญหาที่ชีวิตคุณประสบอยู่ดู บางทีคุณอาจจะไปทำงานสายเสมอ หรือคุณเกลียดที่ต้องเดินหารองเท้าทุกวัน มีวิธีการแก้ปัญหาใดบ้างที่คุณจะสามารถช่วยตัวเองและคนอื่นจากปัญหาเหล่านี้ได้?
  3. บางครั้งคนอาจจะสังเกตเห็นคุณแม้คุณจะแค่เป็นตัวของตัวเอง หากคุณมีวิธีการทำอะไรหรือมองโลกแตกต่างจากคนอื่น กุญแจสำคัญคือคุณต้องทำตามใจและเป็นตัวของตัวเอง อย่าเปลี่ยนวิธีการทำอะไรเพียงเพราะคุณอยากจะแตกต่างหรือแปลกแยก
    • หลีกหนีวิถีทางธรรมดา. หากคุณชอบสเก็ตบอร์ด หาวิธีการเล่นแบบของตัวเองดู แทนที่จะทำตามนักเล่นสเก็ตบอร์ดคนอื่นๆ หาแนวทางของตัวเองเลย
  4. อีกวิธีสู่หนทางการมีชื่อเสียงคือการสมัครเข้าแข่งขันรายการเรียลลิตี้ ความสามารถพิเศษนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้ แต่ในบางกรณี คุณอาจจะต้องพอมีความสามารถบ้าง เช่น ต้องร้องเพลงได้ ลองค้นเว็บไซต์ของรายการต่างๆ ดูว่าคุณจะสามารถสมัครเข้าแข่งขันได้ที่ไหนและเมื่อไหร่บ้าง
    • โดยปกติแล้ว การแสดงท่าทีกระตือรือร้นเกี่ยวกับรายการที่คุณไปสมัครจะช่วยให้ทุกอย่างง่ายดายขึ้น
    • อย่าลืมด้วยว่ากรรมการตามรายการเรียลลิตี้เหล่านี้มักปากจัดและใจร้าย อย่าไปคิดแค้นเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะมันก็แค่การเล่นไปตามบทบาท
  5. แม้ว่าอาจจะฟังดูขัดๆ แต่หลายคนกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาเมื่อได้ช่วยเหลือคนอื่นในวิธีการที่ไม่เหมือนใคร เช่น คนๆ นั้นอาจจะบริจาคเงินก้อนโตเพื่อการกุศล แต่คุณอาจจะแค่ลองระดมทุนด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนใครดูก็ได้
    • ยกตัวอย่างชายคนหนึ่ง ไซ เบอร์เกอร์ซึ่งโด่งดังเพราะมีคิ้วยาวเกือบ 3 นิ้ว! เมื่อเพื่อนฝูงแนะนำให้เขาโกนมันออกเพื่อระดมทุนเพื่อการกุศล เขาตอบตกลงและกลายเป็นคนดังในบ้านเกิดที่บลูมฟีลด์ รัฐอินเดียน่า [2]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะตั้งเป้าว่าจะอบและขายบราวนี่ให้ได้หนึ่งล้านชิ้นเพื่อระดมเงินบริจาคสำหรับการกุศล
  6. อีกวิธีการสู่การเป็นคนมีชื่อเสียงคือการทำลายสถิติโลก ลองศึกษาเกี่ยวกับสถิติโลกด้านต่างๆ ดูและดูว่าคุณสามารถทำลายสถิติใดได้บ้างไหม [3]
    • จำไว้ว่าตัวแทนจากกินเนสบุ๊คอาจจะต้องเข้ามามีส่วนในการประเมินสถิติโลกของคุณด้วย และสถิติโลกที่คุณต้องการทำนั้นต้องเป็นสถิติที่มีผู้คนให้ความสนใจด้วย ไม่ใช่แค่สถิติอย่างเดียว
  7. ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยสื่อสังคมออนไลน์อย่างในปัจจุบัน คุณอาจจะกลายเป็นคนดังได้ภายใน 5 นาทีด้วยการโพสต์วิดีโอตลกๆ ที่ถูกใจชาวเน็ต โดยวิดีโอนี้อาจจะไม่ต้องเป็นอะไรที่ถ่ายทำยาก เพียงแต่ต้องดึงดูดความสนใจและดูสนุกสนานเท่านั้น โดยวิดีโออาจจะแสดงภาพอะไรง่ายๆ เช่น ภาพแมวคุณกำลังทำอะไรตลกๆก็ได้ [4]
    • คุณอาจจะโพสต์วิดีโอภาพตัวเองใช้เครื่องดนตรีเล่นเพลงตลกๆ หรือทำอะไรฮาๆ ในที่สาธารณะก็ได้ ใช้ความคิดสร้างสรรค์และอย่าลืมสนุกกับสิ่งที่ทำด้วยล่ะ! หากตัวคุณเองสนุก คนดูก็มีโอกาสจะชอบวิดีโอมากขึ้นด้วยนะ!
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

พัฒนาความสามารถพิเศษ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการทำอะไรสักอย่างก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าความสามารถพิเศษที่คุณเลือกต้องเป็นสิ่งที่คุณชอบทำด้วย คุณจะต้องทุ่มเทเวลาหลายชั่วโมงเพื่อฝึกฝนความสามารถพิเศษนี้ ดังนั้นหากคุณไม่ชอบทำสิ่งนั้น คุณก็จะเศร้าใจเองเสียเปล่าๆ นอกจากนี้ คนอื่นสามารถสัมผัสได้ว่าความสามารถพิเศษหรือทักษะใดๆ ของคุณมาจากความหลงใหลต่อสิ่งนั้นหรือไม่ และสิ่งนี้จะช่วยให้คุณโด่งดังได้ง่ายขึ้นด้วย
    • ลองคิดถึงอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ เช่น ดนตรี การแสดง การเขียน หรือการวาดภาพ จำไว้ว่าคุณจะต้องขายตัวเองผ่านงานพวกนี้และสร้างชื่อให้ตัวเองให้ได้
    • เรามักคิดว่าคนที่มีชื่อเสียงต้องประกอบอาชีพเกี่ยวกับศิลปะเท่านั้น เช่น เป็นนักแสดงหรือนักดนตรี แต่จริงๆ แล้วการเป็นคนดังในด้านใดๆ ก็ทำให้มีชื่อเสียงได้ นักการเมือง โค้ชฟุตบอล นักธุรกิจท้องถิ่น หรือกระทั่งนักพยากรณ์อากาศก็สามารถเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปได้เช่นกัน
  2. ไม่ว่าคุณอยากจะพัฒนาความสามารถพิเศษด้านใด คุณจะทำได้ดีขึ้นหากเลือกศึกษาจากความเชี่ยวชาญของคนอื่น โดยคุณอาจจะลงเรียนวิชาในสาขาที่คุณสนใจ หาที่ปรึกษา ดูวิดีโอให้ความรู้บนอินเทอร์เน็ต หรืออ่านหนังสือที่ยืมจากห้องสมุด หรือจะทำทุกอย่างพร้อมกันเลยก็ยังได้ ลองสร้างความโด่งดังให้ตัวเองโดยอาศัยความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ดูนะ
  3. แม้ว่าอาจจะยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่าการฝึกฝนนั้นสามารถสร้างอัจฉริยะได้หรือไม่ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือยิ่งฝึกคุณก็จะยิ่งเก่งขึ้น ตัวเลขมหัศจรรย์สำหรับการฝึกฝนที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือ 10,000 ชั่วโมง แม้ว่าคุณอาจจะไม่ต้องถึงขั้นนั่งจับเวลา แต่จำนวนชั่วโมงนี้ควรจะทำให้คุณตระหนักได้ว่าต้องใช้เวลาแค่ไหนสำหรับการสร้างความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งขึ้นมา [5]
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณฝึก 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็เท่ากับว่าต้องใช้เวลา 2,000 สัปดาห์หรือราว 38 ปีกว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าคุณสามารถฝึกฝนได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คุณก็อาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 5 ปี
  4. เตือนตัวเองว่าความสามารถพิเศษแท้จริงแล้วคือทักษะ. หากคุณเชื่อว่าตัวเองมีพรสวรรค์อยู่แล้ว คุณก็อาจจะหยุดพัฒนาตัวเองได้ และเมื่อคุณพลาดลงที่จุดใด คุณก็จะคิดว่า “เราก็แค่ไม่มีพรสวรรค์มากพอ” แต่ถ้าคุณคิดเสียว่าความสามารถพิเศษนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงทักษะ คุณก็จะคิดว่าตัวเองสามารถพัฒนาความสามารถนั้นได้ [6]
    • เมื่อคุณรู้สึกว่า "เราไม่เก่งเรื่องนี้" ลองเปลี่ยนความคิดเป็นว่า "เราก็แค่ต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อเรียนรู้ทักษะนี้" แทน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสร้างภาพลักษณ์ส่วนบุคคลนั้นเกิดจากการสร้างลักษณะนิสัยเฉพาะตัวขึ้นมา และภาพลักษณ์ที่คุณสร้างควรจะอ้างอิงจากลักษณะนิสัยที่คุณเป็นอยู่แล้ว คุณอาจจะไม่ต้องถึงขั้นแสดงตัวตนที่แท้จริงทุกด้านให้โลกเห็น แต่ควรเลือกแสดงเฉพาะจุดที่ทำให้คุณโดดเด่นไม่ซ้ำใคร [7]
    • ลองนึกถึงคนดังที่ได้สร้างภาพลักษณ์เฉพาะให้ตัวเอง ตัวอย่างเช่น เชฟคนดังอย่าง Rachel Ray และ Guy Fieri ได้สร้างแบรนด์ของตัวเองจากภาพลักษณ์เฉพาะตัว ตัวอย่างอื่นๆ ก็เช่นบล็อกเกอร์อย่าง Joy the Baker หรือ The Pioneer Woman หรือคนดังบนยูทูปอย่าง Hannah Hart หรือ The Fine Brothers
  2. ในโลกยุคดิจิตัล สื่อสังคมออนไลน์คือสื่อกระแสหลักที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับคุณได้ คุณอาจจะโพสบทความหรือวิดีโอ เขียนบล็อก หรือถ่ายรูปเพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง เนื้อหาที่คุณแสดงควรจะแสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ และในขณะเดียวก็เสนออะไรใหม่ๆ ให้ผู้ชมเพราะคุณคงอยากจะให้ผู้ชมกลับมาหาคุณเรื่อยๆ ใช่ไหมล่ะ [8]
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการจะโฆษณาทักษะพิเศษของตัวเอง ลองโพสวิดีโอที่ทำให้คนอื่นๆ เห็นคุณแสดงความสามารถพิเศษนั้นๆ เช่น วิดีโอตอนคุณร้องเพลง แต่ถ้าคุณอยากจะสอนคนอื่นทำอะไร ก็โพสต์วิดีโอสาธิตวิธีการทำสิ่งต่างๆ แทน
  3. สร้างฐานแฟนคลับจากคนที่สนับสนุนและติดตามคุณอยู่แล้ว. การเผยแพร่เนื้อหาที่คุณสร้างต่อคนทั้งโลกเป็นเรื่องดี แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องสูญเปล่าหากคุณไม่มีใครติดตาม ขอให้เพื่อนช่วยติดตามคุณและชวนเพื่อนของตัวเองมาติดตามคุณด้วย คุณอาจจะสร้างเครือข่ายผ่านการแสดงความคิดเห็น กดไลค์ หรือแชร์งานของคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน [9]
  4. สร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนผ่านการจัดการเนื้อหาบนสื่อสังคมออนไลน์. หากคุณใช้สื่อสังคมออนไลน์อยู่แล้ว การสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนอาจเป็นการคงเฉพาะเนื้อหาที่เข้ากับภาพลักษณ์ที่คุณต้องการจะแสดงออกไว้ ในอีกมุม คุณต้องคิดให้ดีก่อนโพสต์อะไรใหม่ๆ ด้วย ทุกโพสต์และทุกรูปควรจะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่คุณต้องการสร้างนะ [10]
  5. หากคุณได้สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองแล้ว พยายามเผยแพร่ภาพลักษณ์นั้นสู่วงกว้าง ลองติดต่อโปรดิวเซอร์ของรายการประจำท้องถิ่นดูหากคุณมีอะไรที่ต้องการนำเสนอ เช่น คุณอาจจะออกหนังสือใหม่ เป็นต้น จำไว้ว่ารายการหลายๆ รายการอาจจะปฏิเสธคุณ แต่อย่าท้อที่จะติดต่อรายการอื่นๆ ต่อไป [11]
    • การเริ่มต้นเล็กๆ และค่อยๆ ไต่บันไดชื่อเสียงนั้นเป็นเรื่องดีกว่า รายการระดับชาติหลายๆ รายการจะยินดีให้โอกาสคุณออกรายการมากกว่าหากคุณเคยออกรายการท้องถิ่นมาแล้ว [12]
    • พยายามตั้งเป้าหมายโดยอ้างอิงถึงความเป็นจริงและหลีกเลี่ยงไม่ “เล่นใหญ่จนเกินงาม”​ ในขณะพยายามโฆษณาตัวเอง [13] สื่อสิ่งพิมพ์แนวฮิปฮอปคงไม่สนใจจะสัมภาษณ์วงแนวลูกทุ่งของคุณหรอก และคุณก็คงไม่ได้รับเชิญไปงานเทศกาลไวน์หรอกนะหากคุณขายคราฟท์เบียร์น่ะ
  6. คุณต้องมั่นใจว่าตัวเองและภาพลักษณ์ที่คุณสร้างควรค่าที่จะโด่งดัง คุณต้องกล้าที่จะโฆษณาตัวเองเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ลองส่งหนังสือของคุณไปให้สำนักพิมพ์หรือจองรถเข็นในงานเทศกาลใหญ่ๆ เพื่อแสดงผลงาน หากคุณทุ่มเทกับผลงานที่คุณสร้างและพยายามสร้างงานที่ดีที่สุดออกมา สุดท้ายแล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จเอง
    • อย่างไรก็ตาม คุณคงไม่เอาแต่ล้มเหลวแล้วยังลองทำตามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนั้นหรอกนะ คุณจะต้องเรียนรู้ความผิดพลาดด้วย และปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น ถ้าเคยเขียนนิยายที่ถูกปฏิเสธการตีพิมพ์มาแล้ว 20 ครั้ง คงต้องทิ้งมันแล้วเริ่มเขียนเรื่องใหม่แล้วล่ะ
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,584 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา